ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 176 ฆ่าจ้าวจื่อป๋อ (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 178 ผีดิบเหล็กไหล

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 177 ฆ่าจ้าวจื่อป๋อ (2)


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 177 ฆ่าจ้าวจื่อป๋อ (2)

แปลโดย iPAT  

จ้าวจื่อป๋อไม่พยายามแม้แต่จะใช้ดาบบิน ระยะการควบคุมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณของเขาคือสามสิบก้าว นี่อาจไกลสำหรับคนทั่วไป แต่ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตของหลี่ฉิงซาน เพียงก้าวเดียว เขาก็สามารถข้ามผ่านระยะทางดังกล่าวไปแล้ว

จ้าวจื่อป๋อไม่บ้าพอที่จะต่อสู้ระยะประชิดกับคู่ต่อสู้เช่นนี้ เขาอาจตายในฝ่ามือของหลี่ฉิงซานก่อนที่ดาบบินจะสามารถทะลวงการป้องกันของหลี่ฉิงซานเข้าไป เขาจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่ ตราบเท่าที่เขาสามารถกลับไปและเปิดโปงร่างจริงของหลี่ฉิงซาน ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่ทรงพลังจะมาจัดการเขา

เก้อเจี้ยนมองย้อนกลับไปขณะหลบหนีเอาชีวิตรอด อย่างไรก็ตามเขาต้องตกใจเมื่อค้นพบว่าหลี่ฉิงซานหายไปจากตำแหน่งเดิมของเขาแล้ว ร่างมหึมาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ มันปรากฏตัวต่อหน้าเก้อเจี้ยนในเสี้ยวพริบตา ก่อนที่เขาจะสามารถตอบสนอง เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ร่างกายและหมดสติไปทันที

หลี่ฉิงซานคว้าเก้อเจี้ยนและโยนเขาไปหาผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์อีกคนอย่างไม่ได้ตั้งใจมากนัก

ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ผู้นั้นได้ยินเสียงลมราวกับกระสุนปืนใหญ่ เมื่อเขาหันกลับไป สิ่งที่เขาเห็นคือร่างของเก้อเจี้ยนที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่นิ้ว

“ปัง!” ทั้งสองพุ่งชนกำแพงหินและกลายเป็นกองเลือดไหลลงจากกำแพงอย่างช้าๆ

หลี่ฉิงซานเปิดปากและส่งแก่นปีศาจพุ่งออกไปทะลวงร่างของจอมยุทธ์ขั้นสี่อีกคน

ในพริบตา มันก็เหลือเพียงจ้าวจื่อป๋อกับเซี่ยหนานเต๋อเท่านั้น กลุ่มผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่ดูเหมือนไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งกลับถูกกวาดล้างอย่างง่ายดาย ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที

จ้าวจื่อป๋อหนีเร็วที่สุด เขาเกือบถึงถ้ำเหนือน้ำตกแล้ว เซี่ยหนานเต๋อยังไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง ทันใดนั้นเขาก็เห็นแก่นปีศาจบินเข้ามาหาเขา เขากรีดร้อง “ช่วยข้าด้วย ผู้บัญชาการ!”

แน่นอนว่าจ้าวจื่อป๋อไม่มีวันหยุดช่วยเขา เซี่ยหนานเต๋อส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งและใช้ทุกสิ่งที่มี พลังปราณที่เขาบ่มเพาะมาตลอดหลายปีพุ่งเข้าปะทะแก่นปีศาจราวกับกระแสน้ำหลาก

อย่างไรก็ตามมันทำให้แก่นปีศาจชะงักไปเพียงเล็กน้อยก่อนที่มันจะเร่งความเร็วและพุ่งเข้าเจาะศีรษะของชายชราและทิ้งรูเล็กไว้เบื้องหลัง

ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นสี่หรือห้า พวกเขาก็ไม่แตกต่างจากมนุษย์ธรรมาดเมื่อเผชิญหน้ากับหลี่ฉิงซานในเวลานี้

จ้าวจื่อป๋อเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นข้างหลังอย่างสิ้นเชิง เขาวิ่งตรงไปที่ถ้ำ ตราบเท่าที่เขาไปถึงที่นั่น หลี่ฉิงซานที่มีร่างกายใหญ่โตจะไม่สามารถไล่ล่าเขา เขาจะสามารถหลบหนีได้ในที่สุด

แต่ในจังหวะนี้เขาพลันรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง เขาบิดร่างกลางอากาศขณะที่ลูกประคำหัวกะโหลกสีขาวโผล่ออกมาจากน้ำตกและพุ่งผ่านเขาไป มันขูดหน้าอกของเขาและกวาดเอาชิ้นเนื้อของเขาออกไปด้วย

“เป็นเจ้า!” จ้าวจื่อป๋อเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่มักติดตามอยู่ข้างกายหลี่ฉิงซานไม่ห่างกำลังปิดกั้นทางเข้าถ้ำเอาไว้ นางไม่แสดงความรู้สึกใดๆ แต่ความรู้สึกอันตรายที่นางปลดปล่อยออกมาไม่น้อยไปกว่าหลี่ฉิงซาน

นางสามารถควบคุมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ นางต้องเป็นจอมยุทธ์ขั้นหกหรือสูงกว่า แต่เหตุใดนางจึงอายุน้อยนัก จ้าวจื่อป๋อไม่เข้าใจ

ด้วยหนึ่งความคิดของหลี่ฉิงซาน เสาวารีปะทุขึ้นมาจากกลางทะเลสาบและพุ่งไปทางจ้าวจื่อป๋อ

มีสัตว์ร้ายอยู่ด้านหน้าและด้านหลัง ทั้งสองน่าสะพรึงกลัวไม่ต่างกัน เจตนาสังหารที่รุนแรงทำให้หัวใจของจ้าวจื่อป๋อแทบหยุดเต้น เวลานี้เขาเต็มไปด้วยความเสียใจ เขาไม่เคยมีความขัดแย้งที่ไม่สามารถแก้ไขกับหลี่ฉิงซาน หากเขาเพิกเฉยต่อหลี่ฉิงซานตั้งแต่เริ่มต้น เขาจะยังเป็นผู้บัญชาการหมาป่าทมิฬที่ทรงอำนาจของเมืองเจียเผิง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

อย่างไรก็ตามมันสายเกินไปแล้วสำหรับความเสียใจ เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายถึงชีวิต จ้าวจื่อป๋อไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป เขาส่งดาบบินพุ่งเข้าหาเสี่ยวอัน หากนางหลบ ทุกอย่างจะเข้าทางเขา หากนางไม่ทำเช่นนั้น เขาจะลากนางลงนรกไปพร้อมกัน

ดังคาด เสี่ยวอันยืนอยู่ที่เดิม นางประกบฝ่ามือและส่งลูกประคำหัวกะโหลกบินเข้าโจมตีจ้าวจื่อป๋อเช่นกัน

หลี่ฉิงซานตะโกน “เสี่ยวอัน!” ตอนนี้เขาทำได้เพียงเฝ้ามองดาบบินพุ่งปะทะหน้าอกของเสี่ยวอันเท่านั้น

ในเวลาเดียวกันลูกประคำหัวกะโหลกก็พุ่งเข้าปะทะหน้าอกของจ้าวจื่อป๋อ แต่มันถูกปิดกั้นโดยพลังปราณ มันไม่สามารถทะลวงร่างของเขา อย่างไรก็ตามมันยังส่งเขาบินลอยกลับหลังลงจากน้ำตก

หลี่ฉิงซานส่งกรงเล็บพยัคฆ์ขนาดใหญ่ของเขาไปทางจ้าวจื่อป๋อ ด้วยสายลมกรรโชกแรง จ้าวจื่อป๋อเสียการทรงตัว พลังปราณของเขากำลังปั่นป่วน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยง พลังปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวบดขยี้ร่างกายของจ้าวจื่อป๋อ กระดูกทั่วร่างของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ เลือดทะลักออกมาจากปากของเขาอย่างแรง ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้กลอุบายใดๆได้อีกต่อไป

หลี่ฉิงซานรีบวิ่งเข้าไปหาเสี่ยวอัน “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

จ้าวจื่อป๋อรู้ว่าสิ่งเดียวที่รอเขาอยู่คือความตาย แต่เขายังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขณะกระอักเลือดออกมา “นางถูกดาบเพลิงจิตวิญญาณของข้าโจมตี นางตายไปแล้ว!”

เสี่ยวอันส่ายศีรษะเพื่อบอกว่านางสบายดี

หลี่ฉิงซานยังเป็นห่วงนาง ดังนั้นเขาจึงอุ้มนางขึ้นเหมือนตุ๊กตาและประคองนางไว้ในมืออย่างทะนุทนอม

“ปะ...เป็นไปได้อย่างไร!?” จ้าวจื่อป๋อเบิกตากว้างและปฏิเสธที่จะยอมรับเรื่องนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งก็ยังต้องตายหากพวกเขาถูกโจมตีจุดสำคัญเช่นศีรษะหรือหัวใจ

สิ่งที่จ้าวจื่อป๋อไม่รู้ก็คือเลือดและเนื้อของเสี่ยวอันรวมถึงจุดสำคัญเช่นสมองหรือหัวใจ พวกมันล้วนถูกหลอมสร้างขึ้นมาด้วยตัวนางเอง มันเป็นเพียงตัวแทนของร่างกาย รูปลักษณ์ที่แท้จริงของนางยังเป็นโครงกระดูก แม้ร่างกายของนางจะถูกทำลาย นางก็ยังมีชีวิตอยู่ได้และเตะคนได้

การซ่อมแซมหัวใจที่ถูกเจาะไม่ใช่เรื่องยาก นางแทบไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ นั่นเป็นเหตุผลที่นางไม่หลบการโจมตีของจ้าวจื่อป๋อและทำตัวราวกับนางต้องการสละชีวิตของตน

จ้าวจื่อป๋อเผชิญกับความทุกข์ทรมานเนื่องจากการขาดแคลนข้อมูล หากเขารู้เรื่องนี้ เขาอาจสามารถหลบหนีจากหลี่ฉิงซานได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

หลี่ฉิงซานยกร่างของจ้าวจื่อป๋อขึ้นมา “เจ้าอ่อนแอกว่าที่ข้าคิดไว้มาก”

จ้าวจื่อป๋อกล่าว “อย่าฆ่าข้า...ข้าจะมอบผลประโยชน์มากมายให้เจ้า...” ในเวลาเดียวกันเขาก็เพ่งความสนใจไปที่ดาบเพลิงจิตวิญญาณ เขายังต้องการฆ่าหลี่ฉิงซาน

“เก็บพวกมันไว้ให้ตัวเองเถอะ!” หลี่ฉิงซานเพิกเฉยต่อเรื่องไร้สาระของจ้าวจื่อป๋ออย่างสิ้นเชิง เขาบดขยี้จ้าวจื่อป่อจนตายคามือ วิธีที่ดีที่สุดในการต่อต้านการถูกล่อลวงจากศัตรูชัดเจนว่าคือการปิดปากพวกเขา

ดาบเพลิงจิตวิญญาณตกลงสู่ทะเลสาบอย่างเงียบๆ

จ้าวจื่อป๋อเห็นร่างที่แท้จริงของหลี่ฉิงซานแล้ว ดังนั้นหลี่ฉิงซานจะไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป สำหรับผลประโยชน์ สิ่งเดียวที่เขาต้องการในเวลานี้คือเม็ดยารวบรวมพลังปราณจำนวนมาก ตราบเท่าที่การบ่มเพาะของเขาสูงขึ้น เขายังจะได้รับผลประโยชน์จากแหวนมิติของเฒ่ามังกรทะยาน ความมั่งคั่งทั้งหมดของจ้าวจื่อป๋อไม่มีค่าเมื่อเปรียบเทียบกับแหวนวงนี้

หลี่ฉิงซานพบกระเป๋าร้อยสมบัติที่เปื้อนเลือด จากนั้นเขาก็ส่งสัญญาณ “เสี่ยวอัน ได้เวลาเก็บกวาดแล้ว!”

เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นทันที ซากร่างของจ้าวจื่อป๋อไม่เหลือเลือดแม้แต่หยดเดียว หลังจากนั้นมันก็กระจัดกระจายไปกลืนกินซากศพของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์คนอื่นๆและเปลี่ยนพวกมันให้เป็นพลังงานของตัวมันเอง

ไม่ว่าจะเป็นกระดูก เนื้อ หรือเลือดของจอมยุทธ์ พวกมันล้วนเหนือกว่าคนธรรมดาในแง่ของคุณภาพ มันเหมือนอาหารอันโอชะที่หายาก สุดท้ายมันยังทำให้ลูกประคำหัวกะโหลกบริสุทธิ์มากขึ้นไปอีก

เปลวเพลิงกลับมาพร้อมกระเป๋าร้อยสมบัติเจ็ดใบและสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับต่ำเจ็ดชิ้น หลี่ฉิงซานหยิบดาบเพลิงจิตวิญญาณที่ตกลงไปในน้ำขึ้นมา นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับกลางที่แท้จริง แน่นอนว่ามันขายได้ราคาสูง แต่ก่อนที่เขาจะทันตรวจสอบ หัวใจของเขาพลันเต้นแรงขึ้นอย่างกะทันกัน “มีคนมา!”

เสี่ยวอันพยักหน้าเพื่อแสดงว่านางก็สัมผัสได้เช่นกัน คนผู้นี้ปกปิดกลิ่นอายของตนอย่างเต็มที่ แต่เศษเสี้ยวของมันยังรั่วไหลออกมา มันไม่สามารถหลบหนีจากการับรู้ของพวกเขา และคนผู้นี้ก็เป็นจอมยุทธ์ขั้นหกเช่นกัน

หลี่ฉิงซานกล่าวกับเสี่ยวอัน “มาแอบดูกันว่าคนผู้นี้เป็นผู้ใด” เขาเริ่มปกปิดกลิ่นอายของตนด้วยทักษะจิตวิญญาณเต่า แก่นปีศาจกลับเข้าสู่ตันเถียนของเขาขณะที่เขากลับคืนสู่ร่างมนุษย์ กลิ่นอายของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์ ต่อมาร่างกายของเขาก็จมลงสู่ส่วนลึกของทะเลสาบที่ขุ่นมัวพร้อมกับเสี่ยวอัน

ไม่นานหลังจากนั้นร่างหนึ่งก็มาถึงปากทางเข้าทะเลสาบ เขากวาดตามองไปรอบๆ แต่ความมืดส่งผลกระทบต่อวิสัยทัศน์ของเขาทำให้เขามองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ

ในทางตรงข้าม หลี่ฉิงซานมองเห็นเขาอย่างชัดเจน เขาสวมชุดเครื่องแบบสีดำของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์แต่ลายปักบนชุดของเขาแตกต่างออกไปเล็กน้อย หลี่ฉิงซานเข้าใจทันทีว่าเขาคือผู้บัญชาการหมาป่าทมิฬที่ไม่เคยแสดงตัวก่อนหน้านี้ เขายังสงสัยว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงมาที่นี่

เขาคือเหล่าซีซาน เขาตามจ้าวจื่อป๋อมาเพื่อหาโอกาสล้างแค้น อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาพบทางแยกแรก เขาเกือบหลงทางกับกลุ่มของจ้าวจื่อป๋อ เขาเลือกเส้นทางเดียวกันเพียงเพราะจำนวนคนที่เขาสัมผัสได้ ท้ายที่สุดเขาก็พึ่งทะลวงเข้าสู่ขั้นหก เขายังควบคุมพลังปราณของตนได้ไม่ดีนักซึ่งเป็นเหตุผลที่หลี่ฉิงซานค้นพบเขาอย่างง่ายดาย

เหล่าซีซานเบิกตากว้างและตรวจสอบถ้ำอย่างระมัดระวัง ปราณปีศาจที่เขาสัมผัสได้ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องตลก หากเขาบังเอิญพบปีศาจที่ทรงพลัง มันจะอันตรายมาก ก่อนหน้านี้กลิ่นอายของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์หายไปทีละคน เห็นได้ชัดมากว่าชะตาของพวกเขาถึงฆาตแล้ว นั่นทำให้เขาลังเลที่จะติดตามมา

อย่างไรก็ตามหลังจากตรวจสอบอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาก็ยังไม่พบสิ่งใด ปราณปีศาจราวกับหายไปในอากาศ

หลังจากทั้งหมดทักษะจิตวิญญาณเต่าสามารถซ่อนกลิ่นอายของหลี่ฉิงซานจากยายประจิมที่เป็นจอมยุทธ์ขั้นเก้าโดยไม่ต้องกล่าวถึงจอมยุทธ์ขั้นหกที่พึ่งทะลวงขอบเขตเช่นเขา

‘อย่าบอกว่าจ้าวจื่อป๋อตายแล้ว?’ นั่นคือสิ่งที่เหล่าซีซานคิด เขารู้สึกสับสนมาก เขาทั้งดีใจและสงสาร เขารอเวลานี้มานานแต่ในจังหวะที่เขากำลังจะสะสางความคับข้องใจกับศัตรูเก่า ศัตรูของเขากลับจากโลกนี้ไปด้วยน้ำมือปีศาจ แต่ความรู้สึกโดยรวมของเขายังเป็นไปในทางบวก เขาตัดสินใจไม่เสี่ยงและกลับไปอย่างเงียบๆตามเส้นทางสายเดิม

หลี่ฉิงซานและเสี่ยวอันโผล่ขึ้นมาจากน้ำและนั่งลงริมทะเลสาบเพื่อพักผ่อน พวกเขาต้องการเห็นสิ่งที่พวกเขาได้รับ!

แต่ในจังหวะนี้หลี่ฉิงซานกลับสงสัยว่าห่าวปิงหยางและคนอื่นๆจะเป็นอย่างไร พวกเขาพบที่ซ่อนของนักพรตผีดิบหรือไม่ เขายังหวังว่าพวกเขาจะสบายดี

เลือกไหลออกจากร่างกายของจินเป่าไม่หยุด ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความเสียใจขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถหยุดการมาถึงของความตายได้ บางคนฉีกร่างของเขาอย่างโหดเหี้ยมตั้งแต่หน้าอกจนถึงท้องและทำให้เขาตายอย่างน่าสยดสยอง

ครั้งนี้หลี่ฉิงซานไม่สามารถช่วยเขา