ตอนที่แล้วตอนที่ 827 แยกกันเคลื่อนไหว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 829 คนอันตราย

ตอนที่ 828 ผู้ค้าตะวันตก


“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?สหาย”

จี๋เจ๋อหรี่ตาและก้าวออกมา

บุรุษร่างกำยำและคนของเขารู้สึกความหนาวยะเยือกกวาดผ่านพวกเขาราวกับว่าพวกเขาถูกอสรพิษจ้องอยู่ในเงาเมืด  ราศีของจี๋เจ๋อเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น  ดาบพิศวงในมือของมีสีแดงสดใสดูน่าพิศวงมาก

บุรุษร่างกำยำแค่นเสียง “พวกเจ้าต้องการยื่นหัวออกรับแทนเจ้าเด็กนี่หรือ?  เขาเป็นหนี้เงินก้อนโต”

พลังที่จี๋เจ๋อปล่อยออกมาทำให้เขารู้สึกกลัว

จากนั้นฝูเจิ้งจือถามเหวินกัง  “เจ้าเป็นหนี้เขามากเท่าใด?”

หน้าของเหวินกังซีดขาว  เป็นเรื่องที่เขากังวลมากที่สุดเมื่อมีเวลาที่พวกเขาจะได้รับโอกาสสนุกและออกจากป้อมกวงหมิงในที่สุด และขณะที่กลับเขาได้ผ่านเมืองอาเธอร์ จึงตัดสินใจเล่นพนันเล็กน้อย  หลังจากแพ้เสียเงินไปจำนวนหนึ่งเขาก็ยืมมาเพิ่ม แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะเสียหมดทุกอย่าง ความกลัวทำให้เขาต้องหลบหนีในตอนกลางคืนและกลับไปที่ป้อมกวงหมิงไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งทรงพลังแค่ไหน พวกเขาไม่กล้าไปทวงหนี้เขาที่ป้อมกวงหมิง

แต่ใครจะรู้...

เหวินกังรู้ว่าคนที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาจะฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา  เขาไม่กล้าปกปิดอะไร และพึมพำ“ห้าหมื่นเหรียญไลท์”

“ห้าหมื่น?”  บุรุษร่างกำยำแค่เสียง  “นั่นมันเงินต้น บวกดอกเบี้ยอีกสองหมื่นและเราจะทวงคืน”

เหวินกังสั่นทำอะไรไม่ถูก

บุรุษร่างกำยำไม่ต้องการมีปัญหาต่อไปเขาแค่ต้องการเงินคืน เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์และรู้ว่าพวกที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นพวกที่ไม่รู้จัก ไม่อาจตอแยได้ง่ายนัก  ถ้าพวกเขามีคนหนุนหลังยิ่งใหญ่  เขาคงจะพบกับปัญหาใหญ่

ไม่ไกลจากพวกเขาในอาคารหลังหนึ่งบุรุษวัยกลางคนจ้องมองกลุ่มคนทั้งสองที่เผชิญหน้ากัน  สายตาของเขาจับตามองดูดาบสีแดงที่ปล่อยรัศมีแปลกประหลาดและตาของเขาเป็นประกายปรารถนาทันที

หลังจากทำงานในบริษัทเหมืองเป็นเวลาหลายปีเขาเคยเห็นโลหะและวัสดุมาแทบทุกชนิด สายตาของเขาแหลมคมมาก และจากการเหลือบมองครั้งแรก  ตาของเขาก็จับจ้องมองอยู่ที่ดาบ

‘นั่นคือดาบที่มีชีวิต!’

เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่น่าอัศจรรย์อย่างนั้นมาก่อน  ‘ต้องใช้วัสดุแบบไหนถึงจะใช้สร้างดาบเช่นนั้นได้?  น่าทึ่งเสียจริง!’

ดวงตามีความต้องการมากขึ้นทุกทีและลมหายใจของเขาเร็วแรงขึ้น

‘บางทีข้าน่าจะพาอาจ๋ายมาสอบสวนคนเหล่านี้?’

ในขณะนั้นเขาตัดสินใจตาของเขากลายเป็นสีเข้มทันที และเขาเรียกคนใช้ข้างตัวเขาและพึมพำคำแนะนำบางอย่าง

ฝูเจิ้งจือมองดูถังเทียนพยักหน้า

เหรียญไลท์อยู่ในมือทั้งสองได้รับมาจากเชลย  พวกเขามีสองล้านเหรียญคลาวด์ซึ่งได้รับมาจากอู่ซวนทั้งหมด เนื่องจากไม่ใช่เงินเขา ถังเทียนจึงไม่รู้สึกเสียดายที่ต้องแบ่งเงิน ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากกับเงินสองหมื่น

“เราจะรับใช้ให้สองหมื่นเป็นพิเศษ”  ฝูเจิ้งจือพูดอย่างใจเย็น

ขณะนั้นเองมีบางคนโผล่มาจากบุรุษร่างใหญ่อาจ๋ายและกระซิบกับเขา

หน้าของอาจ๋ายสงบเย็นทันทีเมื่อรู้ว่าเขามีคนหนุนหลังร่องรอยความกลัวในตัวเขาหายไป เขาแค่นเสียง “ขอโทษ, แต่ไม่ใช่ราคานั้นต่อไป”

ฝูเจิ้งจือตอบอย่างอารมณ์ดี  “โอว, อย่างนั้นราคาเท่าใด?”

“หนึ่งล้าน!”  หน้าของอาจ๋ายมีแววยินดีจากนั้นชี้ไปที่จี๋เจ๋อ  “และดาบนั่น!”

ฝูเจิ้งจือหัวเราะ

“เจ้าต้องการดาบนี้?”  จี๋เจ๋อยิ้มให้อาจ๋ายที่ไม่ได้ยิ้มตอบ

อาจ๋ายไม่กลัวอะไรและตอบอย่างอวดดี  “ใช่แล้ว, คุณชายข้าสนใจในดาบของเจ้าถ้าฉลาดก็จง....”

ประกายสีแดงที่งดงามกวาดผ่านวาบ

คำพูดของอาจ๋ายถูกขัดขวาง  เขาตะลึง บนคอของเขา รอยเส้นบางๆ ค่อยปรากฏและขณะต่อมา มีเลือดฉีดพุ่งออก บุรุษร่างใหญ่ล้มลงกับพื้น หน้าที่แหงนมองท้องฟ้าสายตาของเขายังคงเบิกกว้าง เขาไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือเคลื่อนไหว

“ไม่มีใครอื่นจะทำอะไรได้!”

จี๋เจ๋อพูดเย็นชาใบหน้าหล่อมีเสน่ห์กลับกลายเป็นอำมหิต เขาไม่ใช่คนใจดีอยู่แล้ว และเป็นผู้เหี้ยมหาญตามแนวของนักสู้ในทำเนียบยอดฝีมือมีความหยิ่งจนเข้ากระดูก ดังนั้นจะทนถูกกลั่นแกล้งให้อายของสุนัขเหล่านี้ได้ยังไง

ฝูเจิ้งจือเตือนเขา  “อย่าเปลี่ยนที่นี่เป็นแดนมิคสัญญีเลย”

ก่อนที่เขาจะพูดอะไรจบ ร่างจี๋เจ๋อก็หายไปแล้ว

อีกฝ่ายหนึ่งดูเหมือนจะตื่นจากฝันเช่นกัน  พวกเขาคำรามและกระโจนหาจี๋เจ๋อ

พื้นที่เมืองอาเธอร์ตะวันตกไม่เคยมีความปราณีและความสงบ  จะอยู่รอดในที่นี้ได้ ผู้คนจะต้องพึ่งพาพลังของตัวเองเพื่อเอาตัวรอด  ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะถูกคนอื่นกวาดหาย  ผู้คนฝ่ายอาจ๋ายไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน

ก่อนนี้พวกเขาไม่มีทางคิดว่าจี๋เจ๋อจะกล้าเคลื่อนไหวนอกจากนั้นดาบของจี๋เจ๋อเร็วเกินไป พวกเขาไม่ทันตั้งตัวแม้แต่น้อย

อาจ๋ายถูกฆ่าต่อหน้าพวกเขาจริงๆ!

และคนที่หนุนหลังอาจ๋ายก็คือกลุ่มพ่อค้าตะวันตก! เมื่อคิดเรื่องการลงโทษที่พวกเขาจะได้รับ ความกลัวเกาะกุมใจของพวกเขา พวกเขาทุกคนเป็นผู้ย้ายถิ่นมาเพื่อชีวิตตนเอง  และขณะนั้นพวกเขาเปล่งรัศมีแสงออกตาพวกเขาเป็นประกายสีแดง พวกเขากระโจนเข้าใส่จี๋เจ๋อ

จี๋เจ๋อตกอยู่ในอันตรายทันที

พลังงานของทวีปทุ่งขาวหนาแน่นมากกว่าทวีปรกร้างดังนั้นคนจากแดนบาปจึงอ่อนแอลงมาก  พวกเขาเพียงแต่สัมผัสแค่เคล็ดวิธีใช้กฎธรรมชาติควบคุมพลังงาน จี๋เจ๋อเพียงแต่อาศัยร่างกายที่โดดเด่นและวิชาดาบที่คุ้นเคยต่อต้านทั้งกลุ่ม

รังสีดาบสีขาวนับไม่ถ้วนเต็มถนน

ม่านพลังป้องกันของร้านรวงบนถนนเปิดทำงาน  และเจ้าของร้านดูเหมือนไม่เห็นเป็นเรื่องแตกตื่นแม้แต่น้อย เนื่องจากพวกเขาคุ้นชินกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นมาบ่อยๆแล้ว

แต่ในเวลาอันรวดเร็วคนอีกฝ่ายก็สังเกตลักษณะเฉพาะของดาบพิศวงของจี๋เจ๋อไม่ว่าพลังจากรุนแรงเด็ดขาดปานใด ตัวดาบก็สามารถต้านรับพวกเขาได้ และพวกเขาสังเกตได้โดยเร็วว่าไม่มีพลังงานผันผวนออกมาจากร่างของจี๋เจ๋อแม้แต่น้อย

ก็หมายความว่าเขาอาศัยพลังร่างกายล้วนๆต้านทานพลังงาน

ดาบนี่...

คนยิ่งสนใจดาบมากขึ้น

บุรุษวัยกลางคนในอาคารฝั่งตรงข้ามถนนตัดสินใจแล้วว่าต้องชิงดาบให้ได้  ‘ข้าสงสัยจริงว่าเจ้าบ้านนอกนี่มาจากไหนถึงได้เอาสมบัติมาส่งให้ข้า มันง่ายดายจริงๆ’

‘พวกเขาทุกคนไม่มีพลังงานปั่นป่วนแม้แต่น้อย  คนบ้านนอกเหล่านี้ไร้เดียงสาจริงๆ  พวกเขาคิดว่าสามารถอยู่ในเมืองอาเธอร์โดยอาศัยแค่เรี่ยวแรงล้วนๆหรือ?”

สถานการณ์ของจี๋เจ๋อยากลำบากจริงๆพลังของศัตรูแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคาด และดูเหมือนมีรูปแบบเฉพาะการรุกและการผ่อน เขาคิดถึงสิ่งที่นายท่านได้พูดไว้ก่อนว่ากองทัพเรือของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เป็นกองทัพอันดับหนึ่ง  และสิ่งที่เขาเห็นประจักษ์เป็นครั้งแรกก็คือแม้แต่พลเมืองก็ยังรู้วิธีสู้ประสานงาน

สภาพใจของจี๋เจ๋อสงบมากเขาไม่ตื่นเต้นแม้จะอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก แม้ว่าพลังของกฎธรรมชาติจะได้รับผลกระทบ แต่พลังร่างกายยังจะใช้ได้อย่างอิสระ เพิ่มพลังของร่างกาย การเคลื่อนไหวของเขาก็ทำได้ดีขึ้นมาก ทุกครั้งที่ดูเหมือนเขาจะถูกเล่นงานเขาก็หลบเลี่ยงการโจมตีได้

“ฆ่า!”

ศัตรูคำราม

รังสีดาบมากกว่าสิบเล่มปลดปล่อยออกมา  และคลุมเต็มถนนป้องกันไม่ให้จี๋เจ๋อหลบอีก

ตาของจี๋เจ๋อกลายเป็นเยือกเย็น  เขาย่อตัวและตวัดดาบพิศวงฟันขึ้นบน

รังสีดาบพิศวงที่แฝงไปด้วยพลังดาบสมบูรณ์แบบฟันลงบนรังสีดาบสีขาวเล่มหนึ่ง

รังสีดาบสีขาวถูกฟันผ่านไป  แต่ร่างของจี๋เจ๋อสั่น เขารู้สึกชาข้อมือ

จี๋เจ๋อตาเป็นประกาย ‘รังสีดาบที่สร้างจากการรวมพลังค่อนข้างทรงพลังและไม่อาจดูถูกได้

เขาเปลี่ยนดาบไปถือมือซ้ายและเคลื่อนดาบไปข้างหน้าทันที

บุรุษวัยกลางคนในอาคารเบนสายตาจากดาบพิศวงไปดูบุรุษหนุ่มในกลุ่มคนที่ห้อมล้อมพยายามหาดูว่าสิ่งที่หนุนหลังเขามาจากไหน  ‘ยังเยาว์วัยนักก็มีองครักษ์หลายคน  สงสัยจริงว่ามาจากตระกูลใดกันแน่’

‘แต่ นั่นจะทำอะไรได้?’

ทันใดนั้นปากของเขายิ้มและพูดขึ้น“เจ้าเห็นว่าไงบ้าง?”

มีคนศีรษะโล้นร่างใหญ่มายืนอยู่ข้างเขาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ  บุรุษร่างใหญ่ศีรษะโล้นนี้มีแผลเป็นที่คิ้วซ้ายลากผ่านใบหน้าของเขาทำให้เขาดูดุร้าย

บุรุษหัวล้านร่างใหญ่ชื่ออ้าวเติ้งเป็นหัวหน้าหน่วยคุ้มกันเขา เมื่ออ้าวเติ้งยังอายุน้อย เขาก็รับผิดชอบเป็นผู้บัญชาการ และผู้บัญชาการเหนือเขาเวลานั้นก็คือเจียย่าหนึ่งในห้าแม่ทัพใหญ่ของทวีปกวงหมิง

เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสในการรบอ้าวเติ้งไม่มีทางเลือกจำต้องปลดประจำการและเนื่องจากมีการแข่งขันที่รุนแรงเขามีขุนพลที่มีชื่อเข้าแทนที่เขา  แต่เนื่องจากความสำเร็จที่หลากหลายของเขา  เขาคือคนที่ไม่มีใครกล้าเข้าถึง แต่บุรุษวัยกลางคนใช้ทรัพย์มากมายจัดการจึงพบเขาได้เป็นการส่วนตัว

อ้าวเติ้งไม่ทำความผิดหวังให้เขา ด้วยการแนะนำของเขากำลังของหน่วยป้องกันแข็งแกร่งขึ้นมากกว่ากองทัพธรรมดา พวกเขาเผชิญกับโจรมากมายเหมือนกับเต้าหู้เจอกับหน่วยป้องกัน

บุรุษวัยกลางคนมั่นใจในตัวอ้าวเติ้ง

อ้าวเติ้งกล่าวต่อ  “พลังส่วนตัวของเขานับว่าทรงพลังและวิชาดาบของเขาก็ยอดเยี่ยม”

บุรุษวัยกลางคนถามต่อ  “เจ้าคิดว่าใครจะชนะ?”

อ้าวเติ้ง “นักดาบ”

บุรุษวัยกลางคนไม่พูดอะไรต่อจากนั้นถามอีกคำถาม “ถ้าเป็นหน่วยป้องกันที่เจ้านำเองเล่า เจ้าเอาชนะได้ไหม?”

อ้าวเติ้ง “ก็น่าตื่นเต้น”

บุรุษวัยกลางคนมีท่าทีพอใจ

จี๋เจ๋อสามารถรับตำแหน่งยอดฝีมือในทำเนียบนับสู้แดนบาปได้  เขายังอายุเยาว์แค่เพียงต่อสู้เขาก็มีประสบการณ์ต่อสู้มากมายที่เข้ากันได้กับความสามารถต่อสู้ของเขา  เขาต่อสู้อยู่ในวงล้อมอย่างยากลำบาก แต่ค่อยๆเข้าใจจุดแข็งจุดอ่อนของนักสู้ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  รัศมีพลังงานทรงพลังจนถึงระดับที่น่าตกใจ  และใครจะมุ่งโจมตีอย่างเดียวจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่  แต่สำหรับจี๋เจ๋อพลังโจมตีของพวกเขาทุกคนดูจะน่ากลัว แต่พวกเขาก็แค่ยืมพลังของพลังงานและวิทยายุทธของพวกเขายังธรรมดามาก

การประสานพลังของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์อาจจะแข็งแกร่งมากกว่าแดนบาป แต่ความประณีตและการเน้นในวิชาต่อสู้ยังไม่อาจเทียบได้กับแดนบาป

หลังจากเข้าใจจุดอ่อนของพวกเขา  ตาของจี๋เจ๋อเป็นประกายพร้อมกับรัศมีดาบพิศวง

เพียงสะบัดข้อมือดาบพิศวงก็สร้างม่านพลังสีแดงเข้มและพลังโจมตีที่รุนแรงที่ยิงเข้าเหมือนโคที่วิ่งลงทะเลกระจายหายไปในม่านพลังแดง  ร่างของจี๋เจ๋อกระพริบมีภาพตามหลังสองสามภาพและเบี่ยงเบนพลังโจมตีของศัตรูทันทีและยืมพลังนั้นจู่โจมเข้าไปในกลุ่มคน

รังสีดาบสีแดงเข้มคล้ายกับเมฆกระพริบผ่าน

โลหิตฉีดพุ่งออกเหมือนดอกไม้บาน

มีคนสองสามคนค่อยๆ ล้มลงกับพื้นทุกคนได้รับบาดแผลอย่างเดียวกันมีรอยเส้นปรากฏอยู่ที่คอของพวกเขา

ทุกคนที่สังเกตการณ์ต่อสู้สูดหายใจหนาวเหน็บไม่มีใครเห็นวิชาดาบที่งดงามอย่างนั้นมาก่อน

“เขาเป็นคนที่รู้แจ้งกฎธรรมชาติแน่นอน!”

“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่รู้แจ้งกฎธรรมชาติอยู่ด้วย”

จี๋เจ๋อรั้งดาบและยืดตัวตรงสีหน้าของเขาเป็นปกติ ยกเว้นหอบเล็กน้อย

ทันใดนั้นมีการก่อกระบวนรบในที่ใกล้ๆอีกฝั่งหนึ่งของถนน ที่ซึ่งบุรุษศีรษะโล้นร่างใหญ่กำลังนำคนเข้ามา

รังสีฆ่าฟันกระจายไปทั่วถนนและคนสังเกตการณ์ทุกคนเริ่มพูด

“ครั้งนี้ท่านอ้าวเติ้งจะลงมือด้วยตัวเองหรือนี่?”

“แน่นอนอยู่แล้วคนตายไปตั้งมากมาย  กลุ่มการค้าตะวันตกจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นได้ยังไง?

…...

หลังจากเดินเข้ามาใกล้ อ้าวเติ้งหยุดห่างถังเทียน30 เมตร และพูดอย่างเฉยเมย “จะยอมแพ้หรือตาย”

ด้านหลังของเขาเป็นนักสู้เกราะแดง 200คนลุกขึ้นยืนเช่นกัน

หน้าของจี๋เจ๋อเปลี่ยน  เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังจากอีกฝ่ายหนึ่งพลังงานผันผวนทั้งหมดจากพวกเขาแข็งแกร่งกว่ากลุ่มก่อนหน้านี้หลายเท่า รูปขบวนที่แน่นและเข้มงวดพิสูจน์ว่าพวกเขาผ่านการฝึกมาและสามารถเปล่งรังสีฆ่าได้...

เขาเข้าใจถึงรังสีฆ่าฟันเช่นกัน และรังสีฆ่าฟันที่ดูเหมือนจะมีความหมายว่าพวกเขาฆ่าคนมานับไม่ถ้วน

ถังเทียนกระตือรือร้นเตรียมเข้าต่อสู้ แต่ยังช้ากว่าอีกคนไปก้าวหนึ่ง

ซือหม่าเซี่ยยิ้มน่ากลัวขณะที่เขาก้าวออกมา

“ศึกนี้ข้าขอลุยเอง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด