ตอนที่แล้วข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 109 การชุมนุม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 111 จงชักกระบี่ออกมา!

ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 110 นังผู้หญิงหลงทาง ออกไป อย่าเข้ามาใกล้ข้าเด็ดขาด!


ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 110 นังผู้หญิงหลงทาง ออกไป อย่าเข้ามาใกล้ข้าเด็ดขาด!

ติงเย่วกลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจทันทีที่ปรากฏตัว

เขากอดกระบี่ไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับยืนอยู่บนยอดเขาที่ไร้ผู้คน เมินเฉยสายตาที่จับจ้องมาโดยรอบ

เขาซ่อนพลังยุทธ์ไว้ เผยเพียงขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นแรกเท่านั้น ทำให้เขาดูอ่อนแอในสายตาของคนอื่น ราวกับว่าใครก็ตามสามารถบดขยี้เขาให้ตกตายได้

บนยอดเขาสำนักภูเขาเก้ากระบี่ อิ้งเจี้ยนคงเหลือบมองติงเย่วชั่วครู่ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเลิกสนใจเขาทันที

ในสายตาของเขา ติงเย่วเป็นเพียงขยะที่ถูกไล่ออกจากสำนักภูเขาเก้ากระบี่

หญิงงามที่อยู่ข้างกายของอิ้งเจี้ยนคงก็มองไปที่ติงเย่วแล้วขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ

ติงเย่วสังเกตเห็นอิ้งเจี้ยนคงและคนรักในวัยเด็กมองมาที่เขา

แต่ตอนนี้ เขาไม่รู้สึกอะไรแล้ว

เขาได้ทะลวงผ่านวิถีแห่งกระบี่ขั้นแรก เขาลืมคนรักของเขาไปหมดสิ้นแล้ว!

ส่วนขั้นที่สอง เขาเชื่อว่าน่าจะไปถึงได้ในไม่ช้า ถึงตอนนั้นเขาจะปฏิบัติต่อหญิงงามเฉกเช่นคนทั่วไป ไม่ถูกครอบงำด้วยความงดงามของพวกนาง

ติงเย่วนั้นเป็นคนอ่อนแอ อย่างน้อยก็บนผิวเผิน

...

ในโลกนี้ไม่ขาดแคลนคนประจบสอพลอ ติงเย่วที่ได้ยึดครองยอดเขาที่สงวนไว้สำหรับสำนักศาลาบุปผาเหิน ดังนั้นจึงอยากมีคนบึ่งไปรีบสอนบทเรียนให้แก่ติงเย่วเพื่อประจบประแจงสำนักศาลาบุปผาเหิน

ร่างหนึ่งบินไปหาติงเย่วจากภูเขาที่อยู่ใกล้เคียง

“ไอ้หนู นี่ไม่ใช่ที่สำหรับคนอย่างเจ้า นี่คืออาณาเขตที่สงวนไว้สำหรับพวกนางสวรรค์ของสำนักศาลาบุปผาเหิน มดปลวกเช่นเจ้ากำลังจะแปดเปื้อนลูกกะตาของนางสวรรค์ ไม่ต้องรอให้นางสวรรค์ของศาลาบุปผาเหินลงทัณฑ์เจ้า ข้านี่แหละลงทัณฑ์เจ้าเอง”

ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตจริงแท้ขั้นที่สาม

ขอบเขตจริงแท้ขั้นที่สามถือว่าอ่อนแอที่สุดในบรรดาขุมอำนาจใหญ่ที่อยู่โดยรอบ

เขายกมือขึ้นหมายจะคว้าตัวติงเย่ว

เขาต้องการที่จะบดขยี้กระดูกทั้งร่างของติงเย่วและปล่อยติงเยว่ให้มีชีวิตอยู่ทั้งอย่างนั้น

ทุกคนเหลือบมองอย่างเย็นชา ไม่มีใครหยุดเขา

คนอ่อนแอมาที่นี่ก็เท่ากับรนหาที่ตาย

ทุกคนพากันคิดว่าติงเย่วจะจบเอยในสภาพที่น่าสังเวช แต่ทันใดนั้นก็เกิดแสงเย็นวูบหนึ่ง ชายวัยกลางคนที่โจมตีไม่มีโอกาสแม้แต่จะกรีดร้อง

ร่างของเขาขาดครึ่งกลางอากาศและตกตายคาที่

ติงเย่วยังคงกอดกระบี่ไว้ในอ้อมแขน เก็บงำรักษาท่วงทางเดิมไว้เหมือนเก่า ดูเหมือนกับว่าเขามิได้ขยับแม้แต่นิ้วเดียว

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป

นั่นรวมถึงยอดฝีมือขอบเขตกึ่งจักรพรรดิเช่นกัน

ริ้วแสงกระบี่นั้นเร็วเกินไป เมื่อครู่นี้ทุกคนมิได้ให้ความสนใจกับสถานการณ์มากนัก ดังนั้นแม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตกึ่งจักรพรรดิก็ยังมองเห็นไม่ชัดว่าริ้วแสงกระบี่มาจากไหน

ทุกคนจึงมองไปที่สำนักภูเขาเก้ากระบี่โดยปริยาย

ยอดเขาของสำนักศาลาบุปผาเหินอยู่ถัดจากยอดเขาของสำนักภูเขาเก้ากระบี่

ยอดฝีมือจากสำนักภูเขาเก้ากระบี่คนใดเคลื่อนไหวหรือไม่?

หรือเป็นอิ้งเจี้ยนคง?

“เป็นกระบี่ที่รวดเร็วอะไรอย่างนี้!”

ผู้อาวุโสจากสำนักภูเขาเก้ากระบี่มองไปที่ติงเย่วด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

รูม่านตาของอิ้งเจี้ยนคงหดแคบ เขาแลดูตกใจ ติงเย่วเป็นคนที่โจมตีอย่างงั้นหรือ?

นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?

หญิงงามข้างกายของอิ้งเจี้ยนคงก็มองไปที่ติงเย่วด้วยความไม่เชื่อสายตา

นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าขยะที่ถูกขับไล่ออกจากสำนักภูเขาเก้ากระบี่นั้นมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

ไม่ใช่ว่าเขาอยู่เพียงขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นแรกเท่านั้นเองหรือ?

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของสำนักภูเขาเก้ากระบี่ ทุกคนจึงตระหนักว่าริ้วแสงกระบี่เมื่อครู่มิได้มาจากสำนักภูเขาเก้ากระบี่

ทว่ามาจากชายหนุ่มคนนั้น

เป็นไปได้อย่างไร?

เขาอายุเท่าไหร่กัน!

เขาอายุน้อยกว่าอิ้งเจี้ยนคงมาก อายุยังน้อยกลับมีพลังมหาศาลถึงเพียงนี้จริงหรือ?

เขายังเป็นมือกระบี่ตั้งแต่อายุยังน้อยและครอบครองแข็งแกร่งที่น่าสะพรึง เขาอาจจะน่ากลัวยิ่งกว่าอิ้งเจี้ยนคงใช่หรือไม่?

ผู้ใดกัน?

"ช่างน่าสนใจ ดูท่ามันจะได้รับโชควาสนาและแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย”

อิ้งเจี้ยนคงหัวเราะเบา ๆ “ขยะก็เป็นขยะอยู่วันยังค่ำ ถึงมันเขาจะอาศัยโชควาสนาเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่ความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อยนี้ก็เป็นขีดจำกัดของมันแล้ว”

ทุกคนพากันมองไปที่อิ้งเจี้ยนคง

อิ้งเจี้ยนคงรู้จักชายหนุ่มคนนั้น?

ติงเย่วเยาะเย้ย “ขยะที่ไปถึงเพียงขอบเขตจริงแท้ขั้นที่เก้าตอนที่อายุห้าสิบปีพยายามจะกล่าววาจาเรื่องขยะกับข้า”

กลิ่นอายรอบตัวของติงเยว่พุ่งพล่านขึ้น ฐานพลังยุทธ์ขอบเขตจริงแท้ขั้นที่เก้าของเขาเผยออกมา

ติงเย่วอายุเท่าไหร่?

ชายหนุ่มที่ยังเด็กอยู่ขนาดนั้นกลับอยู่ในขอบเขตจริงแท้ขั้นที่เก้า

นอกจากนี้ กลิ่นอายของเขายังแข็งแกร่งมากเสีฃยจนทำให้ขอบเขตจริงแท้ขั้นที่เก้าหลายคนรู้สึกถึงความด้อยกว่า

เขาเป็นขอบเขตจริงแท้ขั้นที่เก้าตั้งแต่อายุน้อย แม้นว่าเขาจะอาศัยโชคเพื่อพัฒนาพลังยุทธ์ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังเป็นของจริง

แม้นว่าติงเย่วจะฝึกฝนภายในโลกใบเล็กมานานกว่าสามสิบปี ทว่าเป็นเพราะความสามารถพิเศษของโลกใบเล็ก จึงมีการปรับความต่างของเวลาให้เวลาภายในสอดคล้องเวลาภายนอก ดังนั้นอายุของติงเย่วจึงยังคงคำนวณไปตามอายุขัยของเขาในโลกแห่งความจริง

สีหน้าของอิ้งเจี้ยนคงมืดครึ้มลง แววตาของเขาดูแปลกประหลาด

ติงเย่วมองทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างเย็นชาและเยาะเย้ย “เจ้าคิดว่าข้าติงเย่วได้รับโชควาสนาอย่างงั้นหรือ? พวกเจ้าอยากฉกฉวยไปจากข้าอย่างงั้นหรือ?”

“หึ พวกเจ้ามีค่าพอหรือ”

“โชควาสนาที่ข้าได้รับคือโชควาสนาได้พบท่านอาจารย์ของข้า ในสายตาของท่านอาจารย์ พวกเจ้าทุกคนเป็นเพียงขยะ ขยะที่ไม่คู่ควรกับท่านอาจารย์ของข้า!”

คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง เอาแต่ใจ ทำให้สีหน้าของทุกคนดูน่าเกลียด

แต่ไม่มีใครพยายามเคลื่อนไหว พวกเขากำลังคิดไตร่ตรอง พยายามหาตัวตนของอาจารย์ติงเย่ว?

ความจริงที่ว่าอาจารย์ของติงเยว่สามารถบ่มเพาะยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้ขั้นที่เก้าได้ในเวลาอันสั้นนั้นเป็นหลักฐานว่าเขาทรงพลังเพียงใด

ขอบเขตจักรพรรดิ?

แผ่นดินหนานโจวมีผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตจักรพรรดิหรือไม่?

อาจารย์ของเขาเป็นคนนอกหรือไม่?

ขุมอำนาจใหญ่ที่ล่วงรู้ความลับบางอย่างของแผ่นดินหนานโจต่างขมวดคิ้วมุ่น ในตอนนี้ยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิจากแผ่นดินอื่นยังมิได้รับอนุญาตให้เข้าสู่แผ่นดินหนานโจว

คนผู้นั้นจากหอจันทร์ทมิฬพิเศษไม่น้อย เพราะหอจันทร์ทมิฬนั้นทรงพลังมาก นั่นเป็นเหตุผลว่าเหตุใดพวกเขาจึงมีข้อยกเว้นอนุญาตให้คนผู้นั้นเข้าสู่แผ่นดินหนานโจว

บัดนี้เอง กลีบดอกไม้เริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า กลีบดอกไม้หลากสีร่วงหล่นลงมาและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

จิตใจของทุกคนถูกปลุกตื่น ผู้คนจากสำนักศาลาบุปผาเหินมาถึงแล้ว

เมื่อติงเย่วครอบครองยอดเขาของสำนักศาลาบุปผาเหิน หลายคนก็ตื่นเต้น น่าจะมีละครดี ๆ ให้รับชม

จากในระยะไกล มีเรือนร่างงามเดินเฉิดฉายอยู่บนอากาศ ขณะที่นางเดินไปทีละก้าว กลีบดอกไม้ที่สวยงามก็ติดตามนางไปทุกที่

กลีบดอกเหล่านี้เป็นการสำแดงพลังวิญญาณประเภทหนึ่ง ไม่ใช่กลีบดอกจริง

พวกมันถูกสร้างขึ้นมาโดยวิชายุทธ์ของสำนักศาลาบุปผาเหิน และยังเป็นวิธีปกติที่พวกนางประกาศการมาถึง

ผู้ที่มานั้นงามสง่าหาที่เปรียบมิได้

“นั่นคือเทพธิดาแห่งสำนักศาลาบุปผาเหิน หานยิ่งเมิ่ง!”

หลายคนร้องด้วยความประหลาดใจ

ผู้ฝึกยุทธ์อายุน้อยบางคนแสดงท่าทางชื่นชมและเทิดทูน

แม้แต่ดวงตาของอิ้งเจี้ยนคงก็สว่างวาบเมื่อเขาเห็นหานยิ่งเมิ่ง

มีเพียงดวงตาของติงเย่วเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนแปลง!

ไม่ว่าสตรีจะสวยสดงดงามเพียงใด นางก็มิอาจทำให้เขาเสียสมาธิได้

ขั้นที่สองของวิถีแห่งกระบี่กำหนดไว้ว่าหญิงงามมิอาจเบี่ยงเบนความสนใจได้!

ติงเย่วจำมันได้ดี ดังนั้นไม่ว่าจะได้ยินเสียงโห่ร้องแสดงความชื่นชมยินดีจากรอบข้างมากเพียงใด เขาก็ไม่แม้แต่จะเหลือบมองหานยิ่งเมิ่ง

หานยิ่งเมิ่งที่เดินไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ ขณะที่ฟังเสียงโห่ร้องยกย่องชมเชยจากรอบข้าง รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ยิ่งเบ่งบาน

นางเหยียบย่างอากาศไปยังยอดเขาที่ติงเย่วอยู่ทีละก้าว

นั่นคือภูเขาที่สงวนให้แก่สำนักศาลาบุปผาเหิน

แม้นว่าจะมีคนหนึ่งอยู่ที่นั่นแล้ว และความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ ทว่านางกลับคิดเพียงว่าเขาเป็นคนที่พยายามประจบประแจงกับสำนักศาลาบุปผาเหินและช่วยให้พวกนางครอบครองยอดเขา บางทีเขาอาจเป็นหนึ่งในผู้ชื่นชม

ติงเย่วขมวดคิ้ว

เมื่อมองไปยังหานยิ่งเมิ่งที่กำลังเหยียบย่างเข้ามาหาทีละก้าว หัวใจของเขารู้สึกมืดมน

“นางกำลังพยายามจะทำอะไร? นางจงใจพยายามดึงดูดความสนใจของข้าอย่างงั้นหรือ”

“นางยิ้มอย่างสดใส นางมาที่นี่เพื่อทำให้ข้าสับสนหรือ?”

“สตรีผู้นี้ช่างน่ารังเกียจ นางต้องพยายามสั่นคลอนหัวใจแห่งเต๋าของข้า พยายามทำให้ข้าตกหลุมรักนางเพื่อหยุดความก้าวหน้าในการตระหนักรู้วิถีแห่งกระบี่ของข้า”

“ข้า ติงเย่ว ปรารถนาบรรลุดินแดนที่ข้าไร้สตรีในหัวใจ ที่ซึ่งข้าสามารถวาดกระบี่และสังหารเทพเซียน ข้าจะถูกรบกวนด้วยสตรีนางหนึ่งได้อย่างไร”

หานยิ่งเมิ่งที่เพิ่งหยั่งเท้าข้างหนึ่งลงบนยอดเขาตอนที่ติงเย่วมองตาขวางแล้วเอ่ยกับนางอย่างเย็นชาว่า "นังผู้หญิงหลงทาง ออกไป อย่าเข้ามาใกล้ข้าเด็ดขาด!”

5 1 โหวต
Article Rating
4 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด