ตอนที่แล้วบทที่ 1: จู่ ๆ ก็เข้าไปในเกมได้ซะงั้นอะ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3: อยากมีโชคลาภและความร่ำรวยก็ต้องพึ่งเกมนี้นี่แหล่ะ!

บทที่ 2: ขายแตงโมจากเกม!


โดยปกติแล้วอำเภอโหยวเฉิงจะมีสองช่องทางในการซื้อขายแตงโม

หนึ่งคือไปตลาดค้าส่งผักผลไม้ซึ่งอยู่ในสวนรับส่งของอีกปลายด้านหนึ่งของอำเภอซึ่งมีระยะทางค่อนข้างไกลพอสมควร

สองคือไปหาซื้อกับชาวสวนใกล้บ้าน

ดังนั้นแม้ว่าจะเขาจะขายราคาส่งเท่ากันคือจินละหนึ่งจุดห้าหยวน  แต่ถ้าเป็นแตงโมที่อร่อยกว่าและยังส่งตรงถึงหน้าบ้านล่ะก็  ใครบ้างล่ะที่จะไม่เอา

ทันทีที่ฉินหลินส่งข้อความปุ๊บก็มีสามคนตอบปั๊บ

“เสี่ยวฉินนี่นา!”

“เสี่ยวฉินเปลี่ยนไปขายส่งแล้วเหรอ!”

“ขอร่วมด้วยคนได้ป่าว?”

ฉินหลินรู้จักทั้งสามคนที่ตอบกลับมา  พวกเขาเปิดร้านใกล้ ๆ ตลาด

และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบอีกฉินหลินจึงนัดทั้งสามมาพบที่ร้านตอนนี้เลย

เขาเห็นว่าจู่ ๆ ก็มีกล่องข้อความปรากฏขึ้นในใจบอกว่าได้เวลารดน้ำแล้ว

เขาจึงสั่งตัวละครในเกมให้เข้าไปในห้องเก็บเครื่องมือหยิบบัวรดน้ำไปตักน้ำจากริมแม่น้ำแล้วเอามารด

ครู่ต่อมาทั้งสามคนในกลุ่มวีแชทก็นั่นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามาถึง

สองคนเป็นชายวัยกลางคนคือหลิวต้าเชิ่งกับเฉินต้าเหอ  อีกคนเป็นผู้หญิงชื่ออ้ายชูนี

ทันทีที่หลิวต้าเชิ่งเข้ามาก็รีบพูดเลยว่า “เสี่ยวฉิน ๆ แตงโมที่เธอว่าอยู่ไหนเอามาดูหน่อยเร็ว!”

ฉินหลินชี้ไปที่กองแตงโมบนพื้น “พี่หลิว  พี่เฉิน  พี่อ้าย  ดูแตงโมพวกนี้สิ”

ทั้งสามคนไปดู

พวกเขาอยู่ในวงการนี้มานานดังนั้นจึงสามารถบอกได้เลยว่าที่เห็นอยู่นี้ของดีหรือไม่ดี

ลายเส้นชัดเจนและเข้ม...

ผิวยังเขียวและสีสดมาก

รายละเอียดทั้งหมดสามารถมองเห็นได้เด่นชัด

แตงโมเหล่านี้เป็นของดีแน่นอนไม่มั่วนิ่ม!

“ของดีจริง ๆ นะเนี่ย” หลิวต้าเชิ่งยิ้ม

เฉินต้าเหอกับอ้ายชือนีพยักหน้าเห็นด้วย

ถึงจะเป็นของดีก็จริง  แต่ในยุคสมัยนี้มันมีชาวสวนกับพ่อค้าส่งที่ไร้ยางอายอยู่เยอะเกินไป  เพราะงั้นยังไงมันก็ต้องทดสอบกันหน่อย

ซึ่งฉินหลินเองก็เข้าใจเรื่องนี้จึงต้องการให้ทั้งสามลองเทสต์ดูอยู่แล้ว

“ลองเลือกมาเลยลูกนึง” ฉินหลินบอกกับทั้งสามคน

“งั้นก็...  เอา...  ลูกนิ!” หลิวต้าเชิ่งชี้ไปมั่ว ๆ เลย

ฉินหลินพยักหน้ารับคำและหยิบแตงโมลูกนั้นขึ้นมาผ่าครึ่งเผยให้เห็นเนื้อสด ๆ ดูน่าจกขึ้นมาใส่ปาก

จากนั้นเขาก็ผ่าเป็นชิ้นเล็ก ๆ แบ่งให้กับทั้งสามคน “พี่หลิว  พี่เฉิน  พี่อ้าย  อะ  ลองชิมดู!”

ทั้งสามไม่มากพิธีหยิบชิ้นแตงโมขึ้นมากินทันที

“โฮ่ง ๆ!”

ไอ้หมาดำมันเอาอีกและ  ดูท่ามันที่หมอบอยู่หน้าประตูร้านจะเหลือบมาเห็นเขาแบ่งแตงโมพอดี

เหมือนมันจะตัดสินใจแล้วว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของมันจะเกาะติดอยู่กับเขานี่แหล่ะไม่ยอมปล่อยแน่นอน

เมื่อฉินหลินเห็นแบบนั้นก็ได้แต่โยนชิ้นแตงโมให้มันไปชิ้นหนึ่ง

ที่เขาให้มันก็เพราะรู้ว่าถ้าสุนัขกินแตงโมมากเกินไปมันจะท้องเสีย  เขาเลยกะจะสั่งสอนให้มันได้รู้ซึ้งถึงจิตใจอันชั่วร้ายของเผ่ามนุษย์  ถึงตอนนั้นมันได้รู้บทเรียนว่าไอ้ที่มันชอบกินน่ะมันกินไม่ได้และมันก็จะอยู่ที่นี่ไม่ได้ด้วย

ด้วยคุณสมบัติของ อร่อย +1 หวาน +1 รสสัมผัส +1 ทำให้พวกหลิวต้าเชิ่งทั้งสามที่กินเข้าไปต้องตาเบิกโพลง

“โคตร  แตงโมนี่โคตรดีเลย  อร่อยกว่าไอ้ที่เคย ๆ กินมาซะอีก”

“จริง  ทั้งหวานทั้งฉ่ำ”

“เสี่ยวฉิน  เธอจะส่งให้ถึงหน้าประตูเลยจริง ๆ ใช่มั้ย?”

ทั้งสามหันมามองฉินหลิน  แตงโมดีขนาดนี้กลับขายราคาเดลิเวอรี่เท่ากับราคาส่งนี่ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ซื้อ

“จัดส่งถึงบ้านแน่นอนอยู่แล้วครับ” ฉินหลินยืนยัน

ทั้งสามคนพยักหน้าและตัดสินใจเอาเลยคนละสามสิบลูกก่อน  โดยทิ้งไว้ที่ร้านของฉินหลินก่อน

ร้านค้าของทั้งสามอยู่ไม่ไกล  ฉินหลินไม่ได้รับเงินมัดจำและตกลงให้พวกเขาจ่ายหลังจากที่ส่งมอบแตงโมแล้ว

สาเหตุที่เขาจะทำการจัดส่งถึงบ้านนั้นก็เป็นเพราะว่าเขาต้องการปิดบังที่มาของแตงโม  แม้ในร้านตัวเองจะไม่มีกล้องวงจรปิด  แต่ทุกมุมในตลาดกลับมี

วันนี้จู่ ๆ ร้านเขาก็มีแตงโมคุณภาพดีโผล่มาซึ่งแค่วันแรกคนยังไม่เห็นเยอะความจึงยังไม่แตก  แต่ถ้าหากหลังจากนี้มีคนเห็นเยอะ ๆ เข้าล่ะก็ต้องมีคนจับพิรุธอะไรได้บ้างอยู่แล้ว

มีแตงโมล็อตใหญ่มาวางหน้าร้านทุกวันเลยเนี่ยนะ?  ถ้าเกิดคนจับพิรุธได้ล่ะก็เป็นปัญหาใหญ่แน่

ดังนั้นเขาจึงวางแผนว่าในอนาคตต้องหารังลับไว้ซักที่แล้ว

....................

หลังจากที่ทั้งสามคนนั้นจากไปฉินหลินก็หันมาหาไอ้เจ้าหมาดำที่ตอนนี้ยังแทะแตงโมอยู่หน้าประตูร้านอยู่เลย  จากนั้นก็เลิกสนใจมันแล้วปิดประตูร้านจากด้านนอก  เสร็จแล้วเขาก็เดินไปยังลานจอดรถและตรงไปยังรถสามล้อบรรทุกที่สนิมเขรอะไปทั้งคันขนาดที่ขายแค่สองพันหยวนยังไม่มีใครเอา

กระนั้นเจ้ารถคันนี้ขอแค่ยางไม่แตกมันก็สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึงหนึ่งตันเลยทีเดียว

ฉินหลินขับรถสามล้อบรรทุกไปที่ร้านแล้วเอาแตงโมที่ทั้งสามสั่งไว้ขึ้นรถ  จากนั้นก็ปิดประตูร้านอีกครั้งก่อนจะขับรถไปส่งแตงโมให้กับพวกหลิวต้าเชิ่ง

ร้านของหลิวต้าเชิ่งอยู่ใกล้ร้านของเขามากที่สุด  โดยร้านตั้งอยู่บนถนนคนเดินซึ่งสามารถไปมาหาสู่กันได้ในเวลาไม่นาน

และแล้วเขาก็มาถึงซึ้งร้านที่ชื่อว่าร้านผลไม้ต้าต้าเชิ่ง

หลิวต้าเชิ่งตอนนี้กำลังคุยกับชายคนหนึ่งที่ในมือถือแตงโมลูกหนึ่งอยู่หน้าประตูร้าน  เมื่อเห็นสามล้อของฉินหลินมาจอดเขาก็รีบลากชายคนนั้นมาหาฉินหลินทันที “นี่แหล่ะ ๆ เสี่ยวเฉิน  นี่เป็นแตงโมที่พึ่งมาส่ง  เป็นแตงโมสดคุณภาพเกินคุ้มชัวร์  ลองเลือกมาเลยลูกนึงเด๋วฉันผ่าให้ลอง”

“จัดไปพี่หลิว” เสี่ยวเฉินพยักหน้าและเดินไปที่ไปเลือกที่รถ

หลิวต้าเชิ่งหันมาบอกกับฉินหลินว่า “เถ้าแก่ฉิน  เสี่ยวเฉินเป็นเพื่อนบ้านฉันเองแหล่ะแถมยังเป็นลูกค้าเก่าแก่กันด้วย  หมอนี่ชอบแตงโมมาก ๆ มาซื้อทีก็เอาไปหลายลูกเลยแหล่ะ  เรื่องเงินเด๋วค่อยคิดรวมไปเลยเนอะ”

“อืม” ฉินหลินพยักหน้า

เสี่ยวเฉินรีบหยิบแตงโมจากรถของฉินหลินให้หลิวต้าเฉิง

“เสี่ยวฉินเอ๊ย  แตงโมลูกนี้หนักสิบเอ็ดจินเน่อ~” หลิวต้าเชิ่งได้ผ่าแบ่งเป็นชิ้น ๆ แล้วส่งชิ้นหนึ่งให้เสี่ยวเฉิน

ด้วยความที่เป็นคนกันเองเสี่ยวเฉินจึงเอามากินโดนไม่มากมารยาท

และในไม่ช้าเสี่ยวเฉินก็อุทานอย่างอึ้ง  ๆ ว่า “โห!  แตงโมนี่ทั้งหวานทั้งฉ่ำ  ดีกว่าที่พี่ขายก่อนหน้านี้อีก!  ราคาเท่าไหร่นะ?”

หลิวต้าเชิ่งยิ้มหน้าบานบอกราคาอย่างเป็นกันเอง “จินละสองหยวน  จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา”

“เอาสี่ลูก  พี่หลิวส่งให้ด้วยนะ” เสี่ยวเฉินพูดพลางเลือกแตงโมสี่ลูกจากรถของฉินหลินให้หลิวต้าเฉิงชั่งกิโล

แตงโมแต่ละลูกหนักประมาณสิบจิน  รวมแล้วสี่สิบเจ็ดจิน

“สี่สิบเจ็ดจิน  เก้าสิบสี่หยวน  ทำเครื่องหมายไว้เลยเด๋วว่างเมื่อไหร่ฉันเอาไปส่งให้” หลิวต้าเชิ่งบอก

“ไม่ต้องทำเครื่องหมายร้อก  ฉันเชื่อใจพี่หลิวอยู่แล้ว  ส่วนเงินเด๋วโอนผ่านวีแชทนะ” เสี่ยวเฉินโบกมือและหยิบมือถือออกมาโอนเงินให้หลิวต้าเชิ่ง

หลังจากที่เสี่ยวเฉินจากไปหลิวต้าเชิ่งก็เรียกฉินหลิน “เสี่ยวฉิน  ดูท่าแตงโมของญาตินายจะสุดยอดจริง ๆ นะ  ก็เสี่ยวเฉินคนนั้นน่ะถ้าเรื่องแตงโมล่ะก็จู้จี้อย่าบอกใครเชียว”

ฉินหลินเองก็มีความสุขเช่นกัน  เขาไปหยิบเข่งจากร้านของหลิวต้าเชิ่งมาขนแตงโม

หลิวต้าเชิ่งขายแตงโมได้สี่ลูกก็ทำเอาเขามีรายได้มาแล้วเจ็ดสิบกว่าหยวน

นอกจากห้าลูกก่อนหน้านี้ฉินหลินได้เอาอีกยี่สิบห้าลูกมาใส่เข่งชั่งกิโล  ทั้งหมดคือสองร้อยแปดสิบเจ็ดจิน  เมื่อบวกกับสี่สิบเจ็ดจินแล้วจะได้สามร้อยสามสิบสี่จิน  ราคาส่งจินละหนึ่งจุดห้าหยวนจึงเป็นเงินห้าร้อยหนึ่งหยวน

หลิวต้าเชิ่งรีบส่งวีแชทให้ฉินหลิน

ฉินหลินก็ออกใบแจ้งหนี้ให้เขาเพื่อเอาไว้ดำเนินการในเรื่องของภาษี

“ถ้าพี่หลิวมีอะไรอีกก็ทักมาได้เลย  เด๋วผมไปส่งแตงโมอีกสองเจ้าก่อน” ฉินหลินตอนนี้ยิ้มกรุ้มกริ่มหน้าชื่นตาบาน  เพราะแค่เงินก้อนนี้ก้อนเดียวก็เยอะกว่าการขายผักผลไม้ทั้งวันไปแล้ว

ต่อไปฉินหลินก็ได้ส่งแตงโมให้กับเฉินต้าเหอและอ้ายชือนี

ของเฉินต้าเหอทั้งหมดสามร้อยหกสิบจินเป็นเงินห้าร้อยสี่สิบหยวน  ของอ้ายชือนีอีกสามร้อยยี่สิบแปดจินเป็นเงินสี่ร้อยเก้าสิบสองหยวน

แปลว่าเมื่อรวมกับห้าร้อยหนึ่งหยวนจากหลิวต้าเชิ่งด้วยแล้ว  แตงโมเก้าสิบลูกเขาขายได้เงินทั้งหมดหนึ่งพันห้าร้อยสามสิบสามหยวน

พอกลับถึงร้านเขาก็เห็นเจ้าหมาดำยังคงนอนเฝ้าอยู่หน้าร้านอย่างสบายใจเฉิบโดยไม่มีอาการท้องเสียให้เห็นแต่อย่างใด

‘ไม่น่าเป็นงี้ดิ’

เมื่อพระอาทิตย์ตกดินแล้วฉินหลินได้ขายแตงโมอีกสี่ลูกในร้าน  รวมกับของในร้านที่ขายได้อีกนิด ๆ หน่อย ๆ เป็นเงินอีกร้อยเจ็ดสิบสองหยวน

รวมแล้วแตงโมที่เขาเอาออกมาจากเกมขายได้ทั้งหมดที่หนึ่งพันเจ็ดร้อยห้าหยวน

ฉินหลินกำหมัดแน่นทำท่า ‘เยสเซอร์!’ อย่างอดไม่ไหว  เพราะเงินวันละพันเจ็ดร้อยห้าหยวนแปลว่าถ้าได้แบบนี้ทุกวันจะได้เงินเดือนละห้าหมื่นหนึ่งร้อยห้าสิบหยวน  ซึ่งในอำเภอห่วย ๆ อย่างอำเภอโหยวเฉิงนี้ถือได้ว่าเป็นรายได้ที่จัดว่าสูงเลยทีเดียว

ขณะที่กำลังเพ้อฝัน  ในเกมได้มีการแจ้งเตือนปรากฏขึ้นมาให้ฉินหลินถอนหญ้าทันที  ไม่งั้นต้นแตงโมที่ปลูกไว้จะเหี่ยวเฉาได้

เมื่อถอนหญ้าเสร็จฉินหลินก็มองดูเวลาเห็นว่ามืดแล้ว  เขาลุกขึ้นไปหยิบผักที่เหลือเพื่อนำกลับบ้าน จากนั้นเขาก็ดึงประตูบานพับลงและขับสามล้อบรรทุกกลับไปลานจอดรถ

โดยปกติแล้วเขาจะต้องขับไอ้เจ้าบุโรทั่งคันนี้ไปหาของมาเติมร้านทุก ๆ เช้า  ทว่าเขาได้เปลี่ยนแผนแล้ว  นั่นคือพรุ่งนี้เขาจะขับมันไปส่งแตงโมเท่านั้น

รายได้วันละพันเจ็ดนี่ทำเอาเขาไม่ต้องพะวงรายได้จากร้านขายผักเลยด้วยซ้ำ  อาจถึงขั้นจ่ายเงินที่ไปติดหนี้คนอื่นเขาไว้หลายแสนหยวนได้ในเวลาอันสั้นด้วยซ้ำ

ฉินหลินขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ากลับไปยังย่านเมืองเก่า  หลังจากที่ครอบครัวของพวกเขาขายบ้านพวกเขาก็ได้เช่าอพาร์ทเมนต์สองห้องนอนราคาถูกในย่านแห่งนี้

เขาเดินเข้าไปในอพาร์ทเม้นและขึ้นไปยังชั้นสาม  เมื่อเปิดเข้าไปในห้องก็เห็นว่าแม่ตัวเองกำลังทำข้าวเย็นให้กิน

แม้ว่าอพาร์ทเมนท์จะมีสองห้อง  แต่มันก็ทั้งแคบและเล็กมาก  มีห้องแยกกันสองห้องก็จริง  แต่เมื่อเจอกับพวกข้าวของต่าง ๆ ในบ้านเข้าไปก็ทำเอาดูมืด ๆ ทึม ๆ น่าหดหู่อยู่เหมือนกัน

ด้วยสภาพครอบครัวและหนี้อีกหลายแสนทำให้มันไม่มีทางเลือกมากนัก

ฉินหลินเห็นภาพนั้นก็บอกว่า “แม่ก็  บอกแล้วไงว่าให้รอผมกลับมาทำให้”

“แม้แม่ร่างกายแบบนี้จะทำอะไรไม่ได้มาก  แต่ไม่ได้แปลว่าแม่จะขยับตัวไม่ได้ซักหน่อย  มา ๆ ๆ มากินข้าว!” หลินเฟินมีสุขภาพไม่ดีดูอ่อนแรงอย่างยิ่ง  แต่ทั้งที่เป็นแบบนั้นก็ยังมีความดื้อรั้นไม่ยอมหาย

คนที่ขยันทำงานมาทั้งชีวิตจะให้จู่ ๆ มานั่งเฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลยมันอยู่ไม่ได้อยู่แล้ว

“เฮ้อ~” ฉินหลินเอาผักที่เอากลับบ้านมาด้วยเข้าตู้เย็นพลางถอนหายใจ

หลินเฟินก็ตักข้าวให้ฉินหลินแล้วถามว่า “วันนี้เป็นไงบ้างลูก?”

“จริงสิ  ดีกว่าเมื่อวานเยอะเลยครับแม่  แล้วก็จะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วย” ฉินหลินนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ออกและตอบออกมาด้วยความมั่นใจสุดขีด

“เฮ่อ~”

เมื่อหลินเฟินได้ยินคำตอบของลูกชายก็ได้แต่ถอนหายใจ “พ่อกับแม่ทำให้ลูกผิดหวังแล้ว  เพื่อน ๆ คนไหนของลูกบ้างที่ไม่มีพ่อแม่ช่วยเตรียมสินสอดทองหมั้นกับเงินดาวน์บ้านให้?  แต่พ่อกับแม่สิเตรียมไว้ให้แต่หนีสินทั้งนั้นแถมยังมากมายหลายแสนด้วย”

“แม่พูดอะไรน่ะครับ?  แม่กับพ่อเลี้ยงดูผมจนเรียนจบได้นี่ก็สุดยอดที่สุดแล้ว” ฉินหลินไม่เคยตำหนิพ่อแม่ของตัวเองเลย  เพราะการที่เขามีสุขภาพแข็งแรงและเรียนจบได้ก็เพราะมีพ่อแม่คอยดูแลอย่างลำบาดตรากตรำนี่แหล่ะ  พ่อกับแม่น่ะเจ๋งกว่าคนอื่น ๆ เยอะเลยนะจะบอกให้

ยิ่งได้ยินลูกชายพูดแบบนี้แล้วยิ่งแต่จะคิดว่าตัวเองนั้นไร้ประโยชน์ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจเศร้า ๆ “ว่าแต่เสี่ยวหลิน  ลูกกับโม่ชิงเป็นไงบ้างแล้ว?  อย่าไปว่าพ่อแม่เค้าเลยนะลูก  โม่ชิงน่ะเป็นเด็กดี  พ่อแม่เค้าก็ทำดีที่สุดแล้ว  ไม่ต้องการพวกของหมั้นหรือรถขับ  ขอแค่มีบ้านหลังเล็ก ๆ พออยู่กันได้เท่านั้นเอง  แต่ครอบครัวเรากับหาไม่ได้ซึ่งเป็นปัญหาของเราล้วน ๆ”

“ลูกคบกับโม่ชิงไปก่อน  พอแม่ดีขึ้นก็จะไปดูแลร้านต่อเอง  ตอนนั้นลูกก็จะไปหางานทำได้อีกครั้ง  แล้วเราแม่ลูกก็จะได้ช่วยกันทำมาหากินเพื่อหาเงินผ่อนบ้าน  แต่ถ้าสุดท้ายแล้วลูกกับโม่ชิงไม่ได้ครองรักกันล่ะก็ไม่ต้องเสียใจไปนะลูก!”

เมื่อฉินหลินได้ยินแบบนั้นก็หยุดกิน

โม่ชิงที่ว่าเป็นคนที่ดีมากจริง ๆ ทั้งสองเรียนห้องเดียวกันตอนม.ปลาย  ทว่าตลอดสามปีเต็ม ๆ ในโรงเรียนทั้งคู่ไม่เคยแม้แต่จะทักทายกัน  แต่ว่าพอเรียนจบทั้งคู่ดันไปเข้ามหาลัยเดียวกัน  ขึ้นรถไฟขบวนเดียวกันไปเรียนจึงได้เริ่มพูดคุยกันจากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ค่อย ๆ พัฒนาสานต่อมาเรื่อย ๆ

โชคชะตาช่างเป็นอะไรที่แปลกประหลาดนัก

และก็อย่างที่แม่ว่านั่นแหล่ะ  เขาไม่อาจตำหนิพ่อแม่ของโม่ชิงได้เลยจริง ๆ พ่อแม่คนไหนบ้างจะยอมอนุญาตให้ลูกสาวแต่งงานกับเขาที่ไม่มีรถ  ไม่มีบ้าน  แถมยังมีแต่หนี้สิน?

ต่อให้เป็นตัวเขาเองก็ยังไม่ยอมเลย

พ่อแม่ของโม่ชิงไม่ต้องการอะไรมาก  สินสอดหรือรถยนต์นี่ไม่เอา  ขอแค่บ้านหลังเล็ก ๆ พออยู่ได้เท่านั้น  เรียกว่ามีความอดทนสูงกว่าพ่อแม่ชาวจีนโดยทั่วไปมากมายนัก

ถ้ายังทำไม่ได้ก็เป็นปัญหาของฝ่ายเขาเองนั่นแหล่ะ

“แม่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ  เราจะมีบ้านอยู่แน่นอน  และแม่จะมีโม่ชิงเป็นลูกสะใภ้ด้วย  ไม่มีทางเป็นคนอื่นหรอก” ฉินหลินรีบกินข้าวในชามให้เสร็จและกลับไปที่ห้อง

เขาเปิดลิ้นชักอันหนึ่งออกและข้างในมีทะเบียนสมรส!!!

ฝ่ายชายคือฉินหลิน  และฝ่ายหญิงคือจ้าวโม่ชิง!!!

เจ้าหมอนี่ไม่ได้บอกแม่ตัวเองว่าเธอได้โม่ชิงมาเป็นลูกสะใภ้ไปแล้ว  ไอ้ที่ว่าไม่มีทางเป็นคนอื่นหรอกไม่ใช่พูดเพื่อให้กำลังใจ  แต่กลับเป็นเรื่องจริงไปแล้วซะอย่างนั้น  เพียงแต่เรื่องนี้ไม่ว่าจะแม่เขาหรือพ่อแม่ของโม่ชิงต่างไม่รู้

วันหนึ่งแฟนสาวของเขาขโมยทะเบียนบ้านของตัวเองมาแล้วบอกว่าจะจดทะเบียนสมรสกับเขา  โดยบอกว่าเธอตัดสินใจเลือกเขาแล้วในชีวิตนี้  ความอบอุ่นที่ผุดขึ้นมาในหัวใจนี่มันสามารถละลายธารน้ำแข็งในแอนตาร์กติกได้ทั้งทวีปเลยทีเดียว

เขารู้ว่าโมชิงมีความกล้าหาญมากเพียงใด  และรู้ว่าเขาในชีวิตนี้ได้ต้องไม่ทำให้เธอผิดหวัง

และยังรู้ด้วยว่ามันไม่ยุติธรรมต่อโม่ชิงที่จะลงทะเบียนสมรสกับเขาภายใต้สถานการณ์เช่นนี้  และมันยังเป็นการโกหกตระกูลจ้าวของเธออีกด้วย  กระนั้นสิ่งที่เขากลัวยิ่งกว่าคือการสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไป

ขณะที่กำลังคิด ๆ อยู่นั้นฉากเกมในใจของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลง  เขาจึงค่อย ๆ วางทะเบียนสมรสและปิดล็อคลิ้นชักกลับไปอย่างเบามือ  จากนั้นก็หันมาดูเกม

แตงโมในแปลงปลูกงอกเถาออกมาแล้ว  และมันจะสุกในเช้าวันพรุ่งนี้  และศัตรูพืชทั้งหลายเองก็ปรากฏขึ้นมาเพื่อทำลายเถาแตงโมด้วยซึ่งต้องจัดการกับพวกมันให้เรียบร้อย  ไม่งั้นมันจะส่งผลต่อความเร็วการเจริญเติบโตและผลผลิตของแตงโม

ฉินหลินจึงใช้ความคิดในการสั่งให้ตัวละครในเกมของเขาไปเอาตาข่ายเล็ก ๆ มากำจัดเหล่าศัตรูพืชทั้งหลาย

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด