ตอนที่แล้วบทที่ 7: เมืองผู้พเนจรและเทเลพอร์ต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9: น้องสาวและพี่ชาย

บทที่ 8: แอปเทพ ๆ กับการขายทอง


เมื่อการดาวน์โหลดและติดตั้งเสร็จสิ้นแล้วมันก็ทำให้ถังเจิ้นตื่นเต้นอย่างอดไม่ไหวต้องจินตนาการถึงความเทพของแอปเหล่านี้

“ลองไรก่อนดีวะ...  เอาแผนที่ก่อนละกัน!”

เมื่อตัดสินใจได้แล้วเขาก็เปิดแผนที่ขึ้นมา

ทันทีที่จิ้มจอแผนที่อันชัดแจ๋วก็ปรากฏขึ้นบนจอมือถือ  เมื่อมองดูดี ๆ ก็พบว่ามันคือภูมิประเทศใกล้ ๆ บ้านตัวเอง

แผนที่นี้เหมือนเป็นเป็นภาพที่มีการถ่ายทอดแบบเรียลไทม์ด้วยกล้องที่ถ่ายจากที่สูง  ภาพนั้นคมชัดสุด ๆ เพียงแค่ขอบเขตการมองเห็นจำกัดอยู่ที่ภายนอก  ไม่มีพลังในการมองทะลุตัวตึก

กระนั้นความสามารถของมันก็ยังถือว่าโคตรเจ๋ง!

ถังเจิ้นก็ไม่ได้โลภมากจนเกินไป  เขาในตอนนี้ขอแค่เห็นฉากโดยรอบแบบเรียลไทม์ได้ก็พอแล้ว  แค่นี้ความปลอดภัยของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกเยอะ

และเมื่อเช็กดูดี ๆ ก็เห็นว่าแอปแผนที่นี้สามารถอัปเกรดได้ด้วย  ทว่าราคาก็ไม่ใช้น้อย ๆ จากระดับต้นอัปเป็นระดับกลางต้องใช้ 1 แสนเหรียญทอง  โดยระยะของแผนที่จะขยายเป็น 1 กิโลเมตรด้วย

ไม่เพียงแค่นั้น  แต่ฟังก์ชันของแผนที่ระดับกลางยังมีประสิทธิภาพสูงกว่า

แผนที่ยังมีลูกเล่นอย่างการเพิ่มปลั๊กอินเพื่อน  ศัตรู  โจมตี  ปืนใหญ่  เทเลพอร์ต  ฯลฯ  ได้อีกซึ่งทำเอาถังเจิ้นอึ้งไปเลย!

เรื่องที่ว่ามันดีไม่ดีใช้ได้ใช้ไม่ได้คงไม่ต้องมานั่งถกเถียงอะไรอยู่แล้ว  ปัญหาก็คือค่าโหลด  แค่ปลั๊กอินเดียวก็แทบอ้วกแล้ว  ดูอย่างไอ้ที่ชื่อว่า ‘ปรับเปลี่ยนภูมิประเทศ’ สิ  ไอ้นี่เมื่อโหลดมาแล้วจะสามารถแปรสภาพภูมิประเทศในแผนที่ได้ด้วย  โดยสามารถใช้ได้วันละ 1 ครั้ง  แต่ละครั้งมีเวลา 1 นาที  ส่วนค่าโหลดอยู่ที่ 1 ล้าน!

คงมีแต่สวรรค์แหละที่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาถึงจะเก็บเหรียญทองได้ครบล้าน  เพราะมันต้องใช้ลูกปัดสมองเลเวล 1 ถึงแสนเม็ด!  แค่จินตนาการว่ามอนสเตอร์เป็นแสนมากระจุกรวมกันก็แทบจะเผลอเอามีดปาดคอตัวเองให้ตายตรงนั้นเลยแล้ว!

หลังจากคุ้นชินกับแอปแผนที่อย่างคร่าว ๆ แล้วเขาก็มาลองแอปฉายภาพ

ภาพหน้าจอมือถือโปร่งแสงปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขาเลย  มันเหมือนกับที่แสดงอยู่ในหน้าจอทุกประการ  และแม้แต่ภาพแผนที่ที่เปิดทิ้งไว้ก็ยังปรากฏขึ้นด้วย

อีกทั้งภาพนี้ยังไม่มีการรบกวนการมองเห็นอีก  เมื่อละสายตาภาพมันก็หายไป  และเมื่ออยากดูภาพมันก็ปรากฏขึ้นให้เอง

จากนั้นก็ลองดูเรื่องที่ว่าสามารถควบคุมหน้าจอมือถือโดยใช้แค่ความคิด  ซึ่งสามรถทำได้จริง ๆ ไม่ว่าจะสไลด์ไปมาซูมเข้าซูมออกสามารถทำได้อย่างอิสระ

ฟังก์ชันนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก  เพราะหากต้องคอยควักมือถือออกมาเปิดแมปอยู่บ่อย ๆ มันก็ต้องวางอาวุธบ่อย ๆ ด้วย  ทำให้แอปนี้ไม่ต่างจากปลดโซ่ที่คอยล่ามแขนล่ามขาเขาเอาไว้ออก

หลังจากเล่น ๆ อยู่พักหนึ่งก็เห็นด้วยว่ามันสะดวกมาก ๆ ทว่าความเร็วในการทำงานดูจะช้าไปนิด

ถังเจิ้นยังให้แอปฉายภาพต่อโดยไม่ปิดแล้วลองแอปที่เหลือต่อ

เมื่อเลือก [เครื่องตรวจจับมอนสเตอร์ระดับเริ่มต้น] แล้วมันกลับขึ้นแจ้งเตือนว่าไม่พร้อมใช้งานในพื้นที่ปัจจุบันและมีกล่องแจ้งเตือนเพิ่มว่าสามารถผนวกเข้ากับแอปแผนที่ได้โดยมีค่าผนวกรวมอยู่ที่ 1 หมื่นเหรียญทอง

ซึ่งเมื่อเอา 2 แอปนี้ผนวกรวมกันแล้วเมื่อมีมอนส์เตอร์เข้ามาในระยะของแผนที่ปุ๊บมันจะมาร์กจุดแดงซึ่งนี่เป็นฟังก์ชันเดิมของแอปแผนที่  และแสดงรายละเอียดของมอนสเตอร์ดังกล่าวขึ้นบนแผนที่ในทันทีซึ่งเป็นฟังก์ชันของเครื่องตรวจจับมอนส์เตอร์ที่เพิ่มเข้ามา  โดยเงื่อนไขยังคงเป็นไปตามเดิมคือเลเวลของมอนสเตอร์ที่จะแสดงรายละเอียดได้นั้นจะต้องมีเลเวลไม่เกินโฮสต์สามเลเวล

ถังเจิ้นเห็นแล้วก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้า  เพราะว่าตอนนี้เขาไม่มีเงินหมื่นมาใช้รวมแอปทั้งสองเลยต้องปล่อย ๆ ไปก่อน

ถัดมาคือแอปพลิเคชันที่สร้างความตื่นเต้นให้แก่ถังเจิ้นมากที่สุด  นั่นก็คือพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดเล็กหรือจะเรียกอีกอย่างว่า ‘ช่องเก็บของ’ นั่นเอง!

ทว่าเมื่อถังเจิ้นสั่งเปิดแอปปุ๊บจู่ ๆ ก็มีข้อความปรากฏขึ้นตรงหน้าว่า [เนื่องเวอร์ชันของระบบต่ำเกินไป  สมาร์ตโฟนเครื่องนี้จึงสามารถเรียกใช้แอปได้เพียง 4 แอปในเวลาเดียวกันเท่านั้น  ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้โดยการอัปเกรดระบบ  หากคุณต้องการอัปเกรดกรุณาจ่ายเหรียญทอง!]

‘เหรียญทอง ๆ ๆ เอาแต่แดกเหรียญทองอยู่ได้ไอ่ห่าหนิ!’

ถังเจิ้นเซ็งจนขี้เกียจจะบ่นต่อแล้ว  และเขาก็เลิกใส่ใจกับคำเตือนนี้  เพราะไม่ว่าจะใส่ใจหรือไม่ตอนนี้เขาก็ไม่มีเหรียญทองอยู่ดี

เขาประเมินว่ามีแอปทั้งสี่นี่อยู่ก็พอจะให้เขาเอาตัวรอดในตอนนี้ได้แล้ว  ส่วนไอ้เรื่องการอัปเกรดไม่ว่าจะแอปหรือระบบเขาก็มีแต่ต้องรอให้มีเหรียญทองก่อนค่อยทำอยู่แล้ว

ตามที่คาดไว้  ช่องเก็บของนี่โคตรมีประโยชน์  การเอาของเข้าออกนั้นทำได้อย่างง่ายดายเพียงแค่คิด

หลังจากลองเล่นอยู่หลายครั้งเขาก็มั่นใจว่าต่อให้ต้องเจอสถานการณ์ที่แอปอื่น ๆ ใช้ไม่ได้  แต่แอปนี้ยังใช้ได้ล่ะก็เขาก็ยังเดินหน้าต่อไปได้อยู่ดี

เขาเอาของที่ใส่ลงในช่องเก็บของเล่น ๆ ก่อนหน้านี้ออกมาจนหมดแล้วเอาพวกแบงก์และของมีค่าทั้งหลายที่เอากลับมาใส่ลงไปแทน  จากนั้นก็ไปหาเอาพวกเส้นบะหมี่  น้ำมัน  และเกลือที่มีติดบ้านไว้ใส่ในช่องเก็บของด้วย

เขาไม่ได้จะเอาไปกินที่นั่นหรอก  แต่จะลองเอาไปขายดูว่าจะได้ลูกปัดสมองกลับมาซักกี่เม็ด

การหาอาวุธไปขายมันได้กำไรเยอะก็จริงอยู่  แต่มีช่องทางสร้างรายได้เสริมมันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ!

หลังจากที่ซดบะหมี่หมดไปชามหนึ่งแล้วเขาก็หยิบบุหรี่จากในตู้มา 2 ซอง  แล้วก็กดเทเลพอร์ตอีกครั้งและภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนกลับมาเป็นที่ห้องพักเหม็น ๆ ของโรงแรม

ถังเจิ้นถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะเอาบุหรี่ออกจากซองมาตัวหนึ่งแล้วจุดสูบ  หลังจากพ่นควันปุ๋ย ๆ ออกมาได้ไม่กี่ก้อนไอ้เฉียนหลงมันก็เปิดประตูพรวดเข้ามาพร้อมกับหัวเราะแหะ ๆ ถังเจิ้นจึงยื่นให้ไปซองหนึ่ง  เจ้าตัวก็รีบรับแล้วหยิบตัวหนึ่งออกมาจุดสูบอย่างเร็วจากนั้นก็กลับห้องอย่างสบายอารมณ์

คืนนั้นมีเสียงมอนสเตอร์ร้องโหยหวนเป็นระยะ ๆ และไม่สงบลงจนกระทั่งรุ่งเช้า

ถังเจิ้นตื่นแต่เช้าขึ้นมาบิดขี้เกียจ  พื้นแห้ง ๆ แข้ง ๆ นี่นอนไม่สบายเลยจริง ๆ

เขาเอาข้าว  แป้ง  น้ำมัน  และเกลือให้เฉียนหลงจากช่องเก็บของโดยบอกให้อีกฝ่ายเก็บส่วนหนึ่งไว้กินเองและส่วนที่เหลือลองเอาไปขายดูซิว่าจะได้เท่าไหร่

พร้อมกับบอกเฉียนหลงอีกว่าช่วงสองสามวันนี้จะออกไปทำธุระอะไรซักหน่อย  ให้รออยู่ที่เมืองนี่แหละ

ทางด้านเฉียนหลงเมื่อเห็นอาหารที่ถังเจิ้นให้มาก็ตกใจหน่อย ๆ เพราะของพวกนี้เป็นอาหารที่ไม่เคยได้เห็นได้กินมาก่อน  มันคืออาหารสะอาดที่ไม่มีเศษดินเศษทรายและเชื้อราอยู่เลย

ซึ่งอาหารประเภทนี้สำหรับผู้พเนจรแล้วถือว่าค่อนข้างหายาก  โดยเฉพาะน้ำมันกับเกลือนี่โคตรจะหายากเลย!  หากเอาตามราคาตลาดล่ะก็อาหารชุดนี้ขายได้ลูกปัดสมองเลเวล 1 หลายร้อยเม็ดกันเลยทีเดียว

สำหรับผู้พเนจรแล้วของที่มีค่าหลายร้อยลูกปัดสมองเลเวล 1 นั้นถือว่าเป็นกองสมบัติ  แต่ตอนนี้ถังเจิ้นกลับสามารถมอบออกมาได้อย่างไม่มีเสียดาย

ทั้งสองรู้จักกันได้ไม่นานแต่กลับกลายเป็นว่ามีความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันอย่างหาได้ยากเกิดขึ้น

เฉียนหลงจับจ้องอาหารเหล่านี้อยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองถังเจิ้นและบอกว่า “ระวังตัวด้วย!”

ถังเจิ้นพยักหน้ายิ้ม ๆ จากนั้นก็เดินออกประตูเมืองเข้าไปยังกอหญ้าประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วจู่ ๆ ร่างของเขาก็หายวับไปในทันที

ถังเจิ้นเดินเตร่อยู่ในกอหญ้าที่ยาวสูงกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนจะเทเลพอร์ตกลับมาบ้าน

หลังจากที่สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทันใดเองนั้นดวงตาของถังเจิ้นก็ระเบิดแววความฉลาดอันอธิบายไม่ถูกออกมา  สายตาที่กวาดมองสภาพแวดล้อมรอบบ้านนั้นรู้ดีว่าต่อจากนี้ไปชีวิตของเขาได้เริ่มเดินเข้าสู่เส้นทางอันเต็มไปด้วยความมั่งคั่งโดยแลกมาด้วยความเสี่ยงตายเข้าให้แล้ว

เขาไปที่หน้าต่าง  ปิดม่าน  เปิดไฟ  จากนั้นก็เริ่มเอาของที่เก็บจากโลกนั้นมาจัดเรียงและทำความสะอาด

สิ่งแรกที่ต้องทำคือนับคือเงินสดซึ่งได้ยืนยันอย่างดีแล้วว่าเป็นสกุลเงินจริงที่เขาใช่อยู่ปัจจุบัน  รวมแล้วประมาณ 4 แสน 8 หมื่นหยวนซึ่งเทียบเท่ากับเงินเดือนรวมแบบไม่กินไม่ใช้ของเขาตลอด 10 ปี  ในเมืองแห่งนี้เงินจำนวนนี้เกินพอที่จะใช้ซื้อบ้านดี ๆ ซักหลังแล้ว

ต่อไปก็เป็นทีของเครื่องประดับจากเงินจากทองซึ่งถังเจิ้นไม่รู้ราคาตลาดของพวกมันมากนัก  ดังนั้นเขาเลยตัดสินใจเอาพวกไข่มุกกับหยกแยกออกมาก่อน  เอาทองมากองรวมกันแล้วใช้แก๊สจุดไฟหลอมทองทั้งหมดรวมกัน  จากนั้นก็เทมันลงพิมพ์อลูมิเนียมอัลลอยด์ให้เป็นทองคำแท่งทีละแท่ง ๆ

เมื่อมองดูกองทองคำแท่งที่พร่างพรายอยู่ตรงหน้าแล้วตอนนี้ถังเจิ้นก็ยิ้มแก้มปริกับความสำเร็จของตน

เมื่อจัดการกับของเหล่านี้เสร็จแล้วเขาก็บิดขี้เกียจแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงกะว่าจะหลับซักตื่นนึง  แต่ว่าความร่ำรวยมันได้ทำให้จิตใจยุ่งเหยิงจนไม่อาจนอนหลับได้เลย

ดังนั้นจึงลุกมาอาบน้ำแต่งตัวซะใหม่แล้วออกจากบ้านไปพร้อม ๆ กับทองคำแท่งนั่งรถไปยังร้านทองใกล้ ๆ

ใกล้กับถนนคนเดิน

ถังเจิ้นเดินเข้าไปในร้านชื่อฟู่กุ้ย  เมื่อลองสอบถามราคาดูแล้วก็ได้ข้อมูลอันน่าพอใจดังนั้นเขาจึงตัดสินใจขายมันที่นี่แหละ

เมื่อประเมินดูแล้วทองที่ถังเจิ้นนำมาขายมีความบริสุทธิ์สูงและมีน้ำหนักมากถึง 1,200 กรัม  แต่ราคาขายที่ได้ก็ถูกกว่าการขายเป็นแบบทองรูปพรรณมากเหมือนกัน

เมื่อถังเจิ้นยืนยันว่ามีเงินเข้าบัญชี 3 แสนหยวนแล้วหัวมันก็อึน ๆ ไปพักหนึ่ง  เพราะว่าตอนนี้ถังเจิ้นที่เรียกได้ว่าเป็นประชาชนที่มีระดับแทบจะต่ำสุดของสังคมบัดนี้กลับสามารถหาเงินได้เกือบ 8 แสนหยวนในวันเดียว  ตัวเลขนี่ขนาดคิดก็ยังไม่กล้าเลย!

ผลตอบแทนอันมหาศาลเป็นแรงผลักดันให้คนต้องยอมทำงานหนักขนาดยอมเสี่ยงตายเลยจริง ๆ ด้วย!  ถังเจิ้นตอนนี้ยังคงตะลึง  หัวใจเต้นแรงไม่หยุด  และตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องสร้างเนื้อสร้างตัวในโลกนั้นเพื่อแสวงหาความมั่งคั่งให้จงได้!

คนธรรดาตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ล่างสุดของสังคมมักจะไม่มีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่อะไร  วัน ๆ หนึ่งที่ผ่านพ้นไปก็ช่างสุดแสนจะธรรมดา  ชีวิตถูกผูกไว้กับการหาเงินเพื่อเอามาซื้อข้าวสารกรอกหม้อกับเสื้อผ้าให้พอใส่  ไม่มีอะไรมากน้อยไปกว่านี้

ถังเจิ้นเดินไปตามอาคารสีทองอย่างอึน ๆ มึน ๆ มองดูถนนที่มีคนเดินกันพลุกพล่าน  และแล้วความรู้สึกมั่นใจและภูมิใจก็ปรากฏขึ้นมาในใจ  เขาเชื่อมั่นแล้วว่าซักวันตัวเองต้องกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองนี้และใช้ชีวิตอย่างที่ใจต้องการ

หลังจากที่เพ้อฝันเสร็จแล้วเขาก็กลับมามีสติอีกรอบและตรงไปขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่ง  เป้าหมายคือเมืองหลวงของอำเภอนี้ที่น้องสาวของเขาเรียนอยู่

เขาได้เตรียมเงินจากการขายทองเอาไว้ให้น้องสาวใช้  เขารู้ดีว่าน้องสาวตัวเองนั้นเป็นคนมีเหตุผลและจะไม่ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยแน่นอน  พี่น้องคู่นี้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน  และทั้งคู่ยังมีทัศนคติที่ดีต่อผู้เป็นพ่อ/พ่อบุญธรรมเหมือนกันด้วย

แม้ว่าพ่อบุญธรรมจะไม่ได้สนใจการเติบโตของสองพี่น้องมากนักก็ตาม  แต่ว่าสุดท้ายแล้วก่อนที่แม่บุญธรรมจะเสียเขาก็เป็นผู้ชุบเลี้ยงคนพี่อย่างมีเมตตา  เป็นพ่อบังเกิดเกล้าของคนน้อง  เป็นพ่อที่ดีมาก ๆ ของทั้งสองคน  แม้ปากจะบ่นจะด่าแต่ถังเจิ้นไม่เคยเกลียดพ่อบุญธรรมของตนเลย  มีแต่จะเข้าใจด้วยซ้ำ  และแม้จะน่าสิ้นหวังเพียงใดถังเจิ้นก็ยังจะทำงานอย่างหนักเพื่อใช้หนี้สินแทนเขาด้วยความยินดี

ส่วนน้องสาวที่เติบโตมาในครอบครัวแบบนี้ทำให้เธอเป็นคนมีเหตุผลมากกว่าเด็กวัยเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด  และเธอยังให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นอย่างมากด้วย  เพื่อคลายความกดดันของครอบครัว  ถังหย่าเจี๋ยซึ่งเป็นน้องสาวของถังเจิ้นจึงเริ่มหางานพาร์ตไทม์ทำไปด้วยเรียนไปด้วยมาตั้งแต่อายุยังน้อย  แถมผลการเรียนของเธอยังติดท็อปอยู่ในกลุ่มเด็กเรียนดีมาโดยตลอดเลยด้วย!

ถังเจิ้นคอยเฝ้าดูการเติบโตของน้องสาวมาโดยตลอด  และตอนนี้เขามีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อันยากลำบากนี่แล้ว  ดังนั้นเขาจะไม่ละความพยายามโดยเด็ดขาด  ต่อให้ต้องเสี่ยงตายขนาดไหนก็ยอมทำด้วยความเต็มใจ!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด