ตอนที่แล้วตอนที่ 796 ลอบทำร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 798 การสังหารที่น่ากลัว

ตอนที่ 797 ตำหนักกลาง, นักรบแดนทมิฬ ศัตรูแข็งแกร่ง


หุบเขามีดวายุเป็นภูมิประเทศแปลกประหลาดพิกล

แน่ใจว่าหุบเขามีดไม่ธรรมดาแต่สร้างขึ้นโดยสุดยอดฝีมือ จุดสูงสุดของหุบเขาไม่เกินสามกิโลเมตรห่างไกลออกไปคือช่องว่างที่กลืนกินสรรพสิ่ง หากไม่ใช่ใช้พลังกฎสวรรค์ต่างหากนักสู้แดนสวรรค์ที่บินอยู่ในท้องฟ้าเมื่อถูกดูดเข้าไปในช่องว่างจะถูกกำจัดสลายกลายเป็นฝุ่น

พื้นที่ลึกข้างล่างต่ำกว่าสามพันเมตรเป็นหุบเขามีเสียงลมหวีดหวิว

ลมที่นี่คล้ายกับในหุบเขาพิรุณพัดออกมาเป็นครั้งคราว บางครั้งพัดอยู่สองสามนาทีแล้วก็เงียบ บางครั้งก็พัดอย่างบ้าคลั่งเป็นชั่วโมงไม่สามารถคาดเดาได้

ในสายลมพัดบางครั้งก็เป็นพายุไซโคลนขนาดมหึมาหรือไม่ก็ลมใบมีดที่ตัดสิ่งมีชีวิตขาดเป็นชิ้นมีความเร็วรุนแรงไม่อาจป้องกันได้  ธรรมชาติเหล่านี้เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเล็กๆน้อยๆ ในหุบเขามีดแห่งนี้

ตามบทเกริ่นของชื่อหุบเขามีดประกอบไปด้วยใบมีดยักษ์จำนวนเป็นร้อยล้านเล่ม

คมมีดยักษ์เหล่านี้ถูกควบคุมโดยเครื่องจักรกลชนิดหนึ่ง

และมีพลังฉุดดึงทำลายล้างรุนแรง

ที่ทางเข้ามีใบพัดคมมีดขนาดยักษ์หกร้อยเครื่องหมุนวนเหมือนจักร จักรใบเลื่อยนั้นมีขนาดที่แตกต่างกันไปขนาดใหญ่เต็มที่ก็สามกิโลเมตร ที่มีขนาดเล็กก็ไม่ถึงร้อยเมตรความเร็วในการหมุนแตกต่างกันไป บางวงก็หมุนช้าๆ บ้างก็ค่อยๆ เร็วขึ้นแต่เมื่อหลงเข้าไปจะติดอยู่แถวๆ ขอบคมใบมีดเลื่อย ชีวิตจะตกอยู่ในห้วงเป็นตาย

แม้ว่าจะผ่านวงล้อฟันเลื่อยทั้งหกร้อยได้อย่างปลอดภัยแต่จะมีเครื่องจักรที่เหลือเชื่อในภายในโผล่ออกมามากขึ้น

รอจนกระทั่งอยู่ข้างหน้า

“โอว..พระเจ้า!”เมื่อเห็นหุบเขาใบมีด แม้ว่าจะเคยได้ยินเย่ว์หยางพูดไว้ก่อนแล้วราชาหลิงหวินอดถอนหายใจโล่งอกมิได้ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลยแต่ให้นักสู้ผู้ทรงพลังระดับราชาเทียบเท่านักสู้ปราณฟ้าระดับห้าในกลุ่มพวกเขายังไม่สามารถมั่นใจได้เต็มร้อยเลยว่าจะสามารถผ่านหุบเขาใบมีดนี้ได้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือในหุบเขาใบมีดนี้มีผู้อาวุโสตำหนักอยู่ในที่อันตรายที่สุดสองคน

“ตอนนี้เอายังไงดี?”ถูไห่ตัดสินใจว่าเขาจะไม่คิดอีกต่อไปแล้วไม่ว่ายังไงเขามีแต่จะกังวลเพิ่มขึ้นทุกที แค่ฟังเย่ว์หยางโดยตรงดีกว่า

และยิ่งกว่านั้นคำพูดของเย่ว์หยางยังบอกออกมาง่ายๆ

“เจ้าสิ่งนี้” ผู้นำกลุ่มเขตร้างที่แปดกลุ่มทุ่งหิมะ และกลุ่มเพลงสงครามรวมตัวกันพูดกระซิบกันไม่กี่คำ  พวกเขารู้สึกว่าดีที่สุดคือจัดการกับศัตรู  อย่างไรก็ตามไม่มีใครแน่ใจ

แม้ว่าคนของตำหนักกลางจะตามมาทัน  แต่ตราบใดที่ทุกคนยังสามัคคีกันโชคดีคงจะได้เห็นว่าใครต้องกลัวใครกันแน่!

ผู้อาวุโสวิหารที่ซุ่มอยู่ที่นี่สองคนยังไม่ถูกกำจัดและพวกเขาจะเข้าไปโดยตรง และนี่ไม่ต่างอะไรกับการส่งพวกเขาไปตาย

เย่ว์หยางไม่กังวลรีบร้อน  แต่พวกเขากังวลและกระวนกระวายใจ

คุณชายสามยังมีความมั่นใจ

มีอะไรต้องกลัว?

สามชั่วโมงต่อมาคนดักทำร้ายในหุบเขาใบมีดยังรอคอยอย่างเหลืออด  ผู้อาวุโสตำหนักอดด่าทอในใจไม่ได้  เจ้าพวกนี้ช่างขี้ขลาดกันเสียจริง! หยุดอยู่ข้างนอกหุบเขาดาบโดยไม่ย่างเท้าเข้ามาในหุบเขาถ้าเป็นนักสู้ปราณดินธรรมดาหรือนักสู้เตรียมปราณฟ้าคงตายไปแล้วแต่พวกเหล่านั้นเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับห้า คนในกลุ่มสามกลุ่มยังไม่เข้ามา พวกนั้นไม่เข้ามาสู้ข้างใน  แต่พวกเขาจึงได้แต่อดทนและรอคอย!

“อสูร มีอสูรอีกตัวหนึ่ง”

ที่ท้องฟ้าหุบเขาใบมีดอสูรไฟ ลม ไฟฟ้า แสงและความมืดและอสูรอื่นๆต่างบุกเข้ามาผ่านเครื่องจักรมีดทีละตัวและตรงมาทางที่นักสู้ปราณฟ้าหลบอยู่

อสูรเหล่านี้มีลักษณะรูปร่างพิเศษไม่กลัวถูกมีดตัดขาด

เพราะเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสมพวกมันจึงกลายเป็นอสูรพิทักษ์ที่อันตราย

เดิมทีพวกมันอาศัยอยู่ในหุบเขามีด

ผู้อาวุโสตำหนักเห็นว่านักรบสามกลุ่มใหญ่ไม่ยอมเข้ามาพวกเขาอดส่งอสูรส่งไปล่อให้พวกเขาเข้าหุบเขา หวังว่าแรงกดดันนี้จะทำให้นักรบจากกลุ่มทั้งสามตื่นเต้น...

เมื่อไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหลบเข้าไปในหุบเขามีดผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองจะใช้ภูมิประเทศที่น่ากลัวโจมตีใส่อย่างรุนแรง

ถ้าอสูรเหล่านี้ต้อนให้นักรบทั้งสามกลุ่มเข้ามาในหุบเขาใบมีดได้นักรบทั้งสามกลุ่มจะต้องทรมานเสียหายอย่างหนัก

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาไม่ออกมาสู้สถานการณ์จึงกลับตาลปัตร

เมื่อสูญเสียขีดจำกัดกับดักจักรกลก็ย่อมสูญเสียความได้เปรียบไปด้วย พลังต่อสู้ของอสูรเหล่านี้ยังน้อยกว่าอสูรเงาชุดแรกเสียอีก ถ้าผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองสามารถระงับอารมณ์โกรธและคงอยู่ในที่ซ่อนตัวต่อไปแทนที่จะส่งอสูรออกมาล่อเชื่อได้ว่าอสูรเหล่านี้คอยอยู่ใกล้จักรกลและคอยโจมตีจะได้ผลมากกว่า

“ไม่มีใครสามารถเข้าไปในหุบเขาใบมีด ไม่มีใครสับสนตามที่เจ้าตั้งใจหรอกนะ”

สำหรับคลื่นการโจมตีนี้ไม่จำเป็นต้องถึงมือเย่ว์หยาง

ผู้นำของทั้งสามกลุ่มจัดการกลุ่มได้อย่างดี พวกเขาเชื่อใจยินดีเป็นมิตรกับเย่ว์หยางเด็กหนุ่มผู้มีศักยภาพลึกลับพวกเขาต้องการฉวยโอกาสแสดงฝีมือและแสดงพลังเพิ่มขึ้นอีกสักเล็กน้อย

ความคิดของนักรบแดนสวรรค์เหล่านี้คล้ายกันไม่มีใครอยากลอง พวกเขาหวังว่าจะได้รับการชื่นชมจากคุณชายสามผู้ลึกลับ

ก็แค่ในปัจจุบัน

ไม่มีใครยอมเป็นสหายกับคนอ่อนแอไม่มีใครอยากเป็นสหายของคนขี้ขลาด นักรบแดนสวรรค์เห็นเย่ว์หยางกอดอกยืนมอง ทุกคนเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้ามองหาอสูรที่เหมาะสมที่สุดที่จะควบคุมได้ และพบว่าศัตรูเข้ามาใกล้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเพราะจำนวนคนทำให้นักรบบางส่วนต้องจับกลุ่มเป็นกลุ่มเล็กๆล้อมอสูรพิทักษ์ไว้  เนื่องจากพวกเขากระตือรือร้นเกินไปจึงทำลายแผนของผู้อาวุโสตำหนักโดยไม่ได้ตั้งใจ  ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสอง..ต้องการให้อสูรหลอกล่อนักรบทั้งสามกลุ่มเข้ามาในหุบเขามีดอย่างไรก็ตามนักรบทั้งสามกลุ่มกระตือรือร้นที่จะทำดีเอาหน้าแต่กลับทำลายแผนดั้งเดิมของผู้อาวุโสวิหาร

“แม่มันเถอะ,เจ้าพวกโง่เหล่านี้มองเห็นแผนการของเราหรือ? พวกเขารู้ว่าเรารอซุ่มทำร้ายอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

“อาจไม่ใช่ก็ได้ แต่คนพวกนี้กลัวตายเพื่อปกป้องตนเองจึงต้องการฆ่าอสูรพิทักษ์!  อสูรเหล่านี้ตายไปโดยไม่ได้อะไรเลย  อย่างไรก็ตามหุบเขามีดคือกับดักจักรกลประกอบกับมีเราคอยรอบทำร้ายพวกมันจะไม่มีทางรอดเว้นแต่พวกหัวหน้าที่มีพลังมากกว่าปราณฟ้าระดับห้า!”

“สิ่งที่ข้าต้องการก็คือทำลายให้หมด!  ฆ่าให้หมดไม่มีเหลือไม่งั้นข้าไม่อาจแลกดาบศักดิ์สิทธิ์ได้”

“อย่ามองอีกเลยดีกว่าจะทำลายทั้งหมดเป็นเรื่องยาก เว้นแต่สามตุลาการสามารถมาถึงได้มันก็คงลำบากต่อพวกเราขึ้นบ้าง ถ้าต้องการจะทำลายพวกเขา  อีกอย่างหนึ่งสามตุลาการใหญ่นั้นหยิ่งยโส  เมื่อพวกเขามาพวกเขาจะยอมร่วมมือกับเราทั้งสองหรือ? พวกเขาจะต้องขโมยผลงานของเราไปแน่  ข้าคิดว่าเราลองอีกครั้งหาโอกาสฆ่าพวกมันให้ได้ทั้งหมด”

“ก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามทั้งสามกลุ่มนี้ยังนับว่ามีเกียรติ!”

ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองกระซิบพูดคุยถึงแผนโจมตี

ด้านนอกหุบเขามีดทั้งสามกลุ่มใหญ่พากันดีใจ

ชนะอีกครั้งหนึ่ง

ชนะอย่างใสสะอาด

ยังง่ายกว่าการรบกับอสูรเงาและได้รางวัลจากผลึกปีศาจปราณฟ้ามากมาย

ส่วนที่เหลือของอสูรพิทักษ์หันหนีกลับไปในหุบเขามีดและแน่นอนว่ายังมีอสูรที่ผู้อาวุโสส่งออกมาล่อลวงนักสู้ให้ย่ามใจบุกเข้ามาในหุบเขา  ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางเตือนไว้ล่วงหน้าแม้แต่ระดับราชาหลิงหวินยังไม่สามารถเห็นศัตรู เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะค้นพบว่าอสูรตัวใดถูกควบคุมโดยผู้อาวุโสตำหนัก

เมื่อรู้ว่ามีเสือในภูเขาทุกคนย่อมไม่ยอมปีนภูเสือเป็นธรรมดา

นักรบแดนสวรรค์บางคนทำเป็นบินไปที่ปากทางเข้าหุบเขามีดบินฉวัดเฉวียนอยู่ครูหนึ่งจากนั้นถอยออกมาอย่างระมัดระวัง

แม้ว่านักรบหลายคนในสามกลุ่มนี้จะได้รับบาดเจ็บกันบ้างแต่ใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มในการต่อสู้ครั้งนี้มีน้อยคนมากที่บรรลุพลังระดับใหม่ในการสู้ อย่างเช่นเสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวเพราะอสูรของพวกเขาเป็นรูปแบบพิเศษจึงได้รับประโยชน์ในการต่อสู้  เมื่อนักสู้ปราณฟ้าเห็นทักษะไม่เหมือนใครในการต่อสู้ต่างพากันตะลึงเป็นความรู้สึกที่ยากอธิบาย  พวกเขาไม่เคยเห็นนักสู้แดนสวรรค์อย่างกลุ่มคนข้างหน้ามาเท่าใด?เมื่อมีเย่ว์หยางอยู่ด้านข้างคอยกระซิบบอกให้คำแนะนำอยู่ด้านข้างนั่นคงไม่ยากในการบรรลุพลังระดับใหม่

เจ้าอ้วนไห่และเย่คงกับคนอื่นส่งสัญญาณบรรลุระดับพลังใหม่แต่พวกเขายังไม่สามารถรับรู้ได้ในขณะนี้

ลักษณะของพวกเขาบ่งบอกว่าจะบรรลุพลังใหม่ในไม่ช้า

“พวกท่านอยู่ที่นี่คนที่สนใจสามารถไปและกลับได้ให้มากับข้า” หลังจากตัดสินใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าไม่เข้าหุบเขามีดผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองก็คงไม่ยอมออกมา แน่นอนเขาตัดสินใจชั่วคราวจะพาเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นกลับไปหุบเขาพิรุณอีกครั้งเพื่อดูว่าสามารถโจมตีพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อย่างคาดไม่ถึงได้ยังไง

“ตกลง” ราชาหลิงหวิน และถูไห่พวกวเขารอยคอยโอกาสมายาวนานเช่นกัน

ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้นหัวหน้าของสามกลุ่มใหญ่ กลุ่มเขตรกร้างที่แปดกลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามยังต้องการแสดงฝีมือต่อหน้าเย่ว์หยาง..

หลังจากปรึกษาและตัดสินใจออกไปด้วยผู้นำทั้งสามมองดูเย่ว์หยางด้วยสีหน้าลำบากใจ “คุณชายสาม ถ้าพวกเขาต้องการฆ่าเราในหุบเขามีดบางทีเราไม่อาจต้านทานได้เหมือนกัน”

เย่ว์หยางเมื่อได้ยินก็โบกมืออย่างอารมณ์ดี“สบายใจได้! เราต้องมีศรัทธา พวกเขากระโดดไปแล้วแต่ยังไม่กล้าโผล่ออกมาเพราะพวกเขากังวลว่าเราจะลอบทำร้าย พวกท่านต้องแกล้งทำเป็นว่าพวกท่านไม่รู้ว่ามีคนอยู่ข้างในและพวกท่านมีความสงสัย บางทีก็ให้ส่งอสูรไปสำรวจเส้นทางและทำหน้าสงสัย  สำหรับพวกท่านเหล่าหัวหน้าเมื่อผ่านไปชั่วขณะต้องทำทีประชุมพูดคุยหารือและแกล้งทำเป็นสมรู้ร่วมคิดกันข้าเชื่อว่าเจ้าโง่นั่นจะไม่ละทิ้งชัยภูมิที่ได้เปรียบแน่นอนและวิ่งออกไปบังคับให้พวกท่านโจมตี อย่างไรก็ตามพวกท่านจะต้องอยู่ด้านนอกอีกต่อไปข้าเชื่อว่าจะทำให้พวกเขาวู่วามมากขึ้น”

เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นทำเป็นไม่สนใจ  พวกเขารวมทั้งราชาหลิงหวินและถูไห่ ผู้นำทั้งหมดรวมสิบเอ็ดคนผู้มีพลังปราณฟ้าระดับห้าเป็นอย่างน้อยตัดสินใจกลับไปหุบเขาพิรุณพร้อมกับเย่ว์หยางและโจมตีกองกำลังใหญ่ของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์

เรื่องแบบนี้ถ้าปล่อยผ่านจะกลายเป็นหายนะของการล้างเผ่าพันธุ์

แต่เมื่อเรื่องเงียบไม่มีใครรู้ คนตายพูดไม่ได้...มองผิวเผินนักรบปราณฟ้าระดับราชาเหมือนจะเป็นสถานะที่ดี แต่ในฐานะที่เป็นราชาทุกคนรู้ว่ามันคือการหลั่งโลหิตและมีคนตายมากมาย! ในฐานะราชาจะต้องฆ่าคนจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มากมายแต่การโจมตีขนาดใหญ่แบบนี้นับเป็นครั้งแรก

แรงกระตุ้นที่บ้าคลั่งเช่นนี้ทำให้หัวใจเต้นแรง

เย่ว์หยางเหลือบมองผ่านๆพวกเขาเปลี่ยนชุดและปลอมตัวอย่างง่ายๆ

หลายคนมีอสูรที่เปลี่ยนแปลงร่างได้โดยแปลงเป็นร่างพวกเขา  บางคนใช้อัญมณีหรือความสามารถในการแปลง  ถ้าพวกเขาปลอมตัวได้ไม่ดี พวกเขาแค่สวมหน้ากากเหมือนเย่ว์หยาง  พวกเขาก็ไม่พบสถานะที่แท้จริง

ในขณะเดียวกันอสูรของทุกคนที่แปลงร่างได้ เมื่อพวกเขาทำเช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถใช้อสูรพิทักษ์ของตนเองหรืออสูรที่เป็นครื่องหมายของตนได้  ในกรณีที่บางหนีไปได้ ตำหนักกลางแดนสวรรค์จะกำจัดครอบครัวตระกูลพวกที่ท้าทายอำนาจตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนอกจากนางพญาเฟ่ยเหวินหลีที่ทรงพลังแล้วแดนสวรรค์ไม่มีใครสามารถสั่นสะเทือนตำแหน่งของพวกเขาได้ดังนั้นทุกอย่างจะต้องทำกันอย่างลับ

“ข้าคือเบอร์หนึ่ง ราชาหลิงหวินคือเบอร์สองเจ้าเมืองถูไห่ ท่านคือเบอร์สาม และไล่ไปเรื่อยๆทุกท่านจะมีรหัสเป็นของตนเอง” เย่ว์หยางพูดแผนด้วยภาษาลับ จากนั้นมองคนทั้งสิบเอ็ดคนลอยตัวจากไป

เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นเข้าไปในโลกคัมภีร์ของฮุยไท่หลาง

มันจะพาพวกเขาไปด้วยรอคอยโอกาสที่เหมาะสม

แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งใดๆได้ในการต่อสู้ยอดฝีมือนักสู้ระดับสูง ด้วยระดับพลังปัจจุบันของพวกเขาเท่าที่พวกเขาจะสามารถร่วมสู้ได้ก็ยังถือว่าไม่เลว เมื่อการต่อสู้เป็นไปตามต้องการ เมื่อศัตรูถอยร่น พวกเขาจึงค่อยออกมาไล่กดดันด้วยกัน ฮุยไท่หลางเก็บเจ้าอ้วนไห่และพวกไว้ในคัมภีร์แล้วเปลี่ยนจากลักษณะสุนัขจอมเกียจคร้านเป็นสภาพพร้อมสู้เคียงข้างกับเย่ว์หยาง

ทางเข้าหุบเขาพิรุณ

ทหารรับจ้างแดนสวรรค์นับไม่ถ้วนตายภายใต้การโจมตีของอสูรเงาต่างนอนเจ็บปวดร้องครวญคราง

แต่ข้างหลังทหารรับจ้างแดนสวรรค์เหล่านี้มีคนสามกลุ่มตั้งแถวเรียงเดี่ยว ลักษณะของแถวเป็นเส้นตรงตาของพวกเขาเยือกเย็นอำมหิตไม่สะทกสะท้านต่อภาพอเน็จอนาถที่เกิดอยู่ข้างหน้าพวกเขาเมื่อเห็นทหารรับจ้างแดนสวรรค์นับพันตกตายร้องครวญคราง ทหารทั้งสามกองยังไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ

ทหารสามกองทั้งหมดอย่างน้อยมีพลังปราณฟ้าระดับสาม

คนหัวหน้ามีพลังปราณฟ้าระดับห้า

ที่ยืนอยู่หน้านายกองทหารเป็นร่างเงาห้าร่างในชุดคลุม ดูลึกลับยากจะหยั่งถึง

“เจ้าแน่ใจนะว่าหัวหน้าโจรสลัดเข้ามาในนี้?”  ร่างเงาที่ยืนอยู่ตรงกลางพูดเสียงไม่มีสั่น

“ขอรับ, ทุกๆ ร้อยปีเขาจะมาท้าทายและปีนี้ก็คงไม่ยกเว้น นอกจากนี้บริวารของข้าเป็นพยานเห็นเขาเข้ามาข้างในจริงเรื่องนี้ไม่มีการเข้าใจผิดแน่” เงาร่างที่ยืนอยู่ซ้ายสุดตอบอย่างสง่างาม เขาพูดช้าเสียงเหมือนเสียงแตกพร่าเหมือนเหล็กราวกับว่าทุกคำที่เขาพูดมีลักษณะคล้ายแผ่นเหล็ก

“ก็ดีงั้นปีนี้ตำแหน่งที่นั่งนี้จะต้องถูกทำลาย หัวหน้าโจรสลัดต้องถูกทำลาย!เศษเดนของราชินีผู้พิชิต เอาชนะหอทงเทียนกำจัดพวกมันออกไปจากแดนวรรค์ ไม่ต้องคำนึงถึงแดนสวรรค์ตะวันตกไม่ต้องคำนึงว่าชาวโลกจะมองอย่างไร สามจอมภพแดนสวรรค์เป็นเรื่องของหอสุดยอดฝีมือและเป็นเจ้าครองแผ่นดินไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับที่นั่งตรงนี้!ตำแหน่งที่นั่งตรงนี้เพียงแต่รู้ว่าถ้าหอทงเทียนยังอยู่ต่อไปมักจะเป็นศัตรูกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เสมอ ถ้าพวกหอทงเทียนยังอยู่สักวันตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะไม่มีวันสงบ มีตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ต้องไม่มีหอทงเทียน ครั้งนี้หัวหน้าโจรสลัดจะต้องถูกทำลายตำแหน่งตรงนี้จะส่งกองทัพไปทำลายเมืองเจิ้งฝูทั้งหมด  ถึงเวลานั้นหอทงเทียนจะไม่มีความหวังต่อไปที่นั่งนี้จะทำให้หอทงเทียนตกต่ำอยู่ในความมืดนิรันดร..เพื่อเกียรติยศของตำหนัก  พวกเจ้าทุกคนต้องอุทิศชีวิต!”

“ตำหนักกลางจงเจริญ!”  กองทหารทั้งสามกองมีรังสีอำมหิตแผ่ออกทุกคนกำหมัดทาบอกแสดงความมุ่งมั่น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด