ตอนที่แล้วตอนที่ 30 - ล่าถอย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 32 - เครื่องประดับ

ตอนที่ 30 - ซื้อสินค้า


2/2

ตอนที่ 30 - ซื้อสินค้า

ถูกชมแบบนี้ เจียงหลินค่อนข้างอาย พูดอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวว่า “ครั้งนั้นก็แค่โชคช่วยน่ะ แค่โชคช่วย!”

อย่างไรก็ตาม เจียงหลินยังไม่ลืมจุดประสงค์ในการมาเยือนครั้งนี้ของเธอ นั่นคือใช้เงินทำงาน! “ฉันสนใจจะปล่อยภารกิจ”

“ไม่มีปัญหา แค่กรอกแบบฟอร์มให้ฉัน แล้วรอพวกเราทำเรื่อง ภารกิจของคุณก็จะปรากฏบนกระดานข่าว” เสมียนหยิบแบบฟอร์มออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะแล้วส่งให้เจียงหลิน และไม่ลืมที่จะบอกเจียงหลินถึงสิทธิประโยชน์ที่เธอมี

“คุณคือผู้ใช้พลังมิติอันดับหนึ่งของฐาน ดังนั้นคำขอภารกิจสามารถตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดีได้”

การปฏิบัติต่อผู้ใช้พลังมิติอันดับหนึ่งแห่งฐานเมืองหลิน แม้จะไม่ดีเท่าห้าธาตุ แต่ยังมีสิทธิพิเศษมากมาย

เจียงหลินกรอกแบบฟอร์มเสร็จแล้ว แต่เธอยังไม่จากไป ลองเดินไปดูบนกระดาวข่าวที่ใช้ประกาศภารกิจ

เธอพบภารกิจทุกรูปแบบ ผลตอบแทนมากน้อยต่างกันไป รวมไปถึงภารกิจที่ระบุว่าต้องการพลังชนิดหนึ่งแบบเฉพาะเจาะจง และหนึ่งในนั้นช่างสะดุดตาซะจริงๆ

【ธาตุทอง: ต้องการจ้างผู้รักษาระดับสูงด้วยเงินก้อนโต ยินดีจ่ายหนักเพื่อรักษาบาดแผล】

เจียงหลินหัวเราะเสียงเย็น เธอรู้น้ำหนักมือของตัวเองดี ผู้ใช้พลังสายรักษาเป็นหนึ่งในประเภทที่หาได้ยากที่สุด ยิ่งเป็นระดับสูง ยิ่งไม่มีในฐานเมืองหลิน

หลังออกจากศูนย์ภารกิจ เจียงหลินไปหามู่เย่ชิงกับคนในทีม อพาร์ทเมนต์ของมู่เย่ชิงไม่เพียงใหญ่ แต่ยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้เขียวขจี

ยามตะวันฉายอยู่บนฟ้า พวกมันจะทำหน้าที่เป็นเครื่องปรับอากาศแบบธรรมชาติ

เจียงหลินวางตู้เซฟจากโกดังห้องนิรภัยของธนาคารลงบนพื้นทีละใบ เรียงมันเป็นแถว จากนั้นยกหนึ่งตู้ขึ้นมา แล้วส่งต่อให้จงชาง “เอาเลย ลองเปิดมันดู”

จงชางรับมันด้วยมือข้างเดียวแบบสบายๆ และเริ่มแหวกมันออก ล้วงเข้าไปข้างใน

สำหรับเธอ ผนังเหล็กหนาของตู้เซฟก็ไม่ต่างอะไรจากถุงพลาสติก

แต่พอแหวกเหล็กออก ก็พบว่าตู้เซฟใบแรกมีแค่ปึกกระดาษเท่านั้น จงชางเอ่ยอย่างผิดหวัง “มีแต่กระดาษอะไรก็ไม่รู้”

ว่าจบ จงชางก็เริ่มเปิดตู้เซฟที่สอง

เจียงหลินหยิบกระดาษที่จงชางวางไว้ด้านข้างขึ้นมาเปิดอ่านดู แล้วเธอก็อึ้งไป

เจียงหลินตั้งใจอ่าน เริ่มพลิกพวกมันกลับไปกลับมา

ปรากฏว่าปึกกระดาษเหล่านี้คือใบสัญญาที่มีมูลค่ามหาศาล! มีตั้งแต่หุ้น กองทุน พันธบัตร ฟิวเจอร์ส หรือกระทั่งสัญญาซื้อกิจการหลักร้อยล้าน

‘กระดาษปึกนี้ ถ้าเป็นก่อนวันสิ้นโลก แค่มีในครอบครองใบเดียวก็มากพอที่จะทำให้คนเป็นล้านรู้สึกอิจฉา’

เจียงหลินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างเสียดาย

และในเวลานี้ จงชางเปิดกล่องที่สองได้แล้ว แต่มันก็ยังเป็นปึกแผ่นกระดาษเช่นเคย ทว่าคราวนี้มีกล่องไม้จันทร์สีแดงเก็บไว้ด้วย เมื่อลองเปิดดู ก็พบว่าข้างในเป็นสร้อยคอ

จงชางยื่นสร้อยคอให้เจียงหลินอย่างไม่ใส่ใจ “มันไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเรา เธอเอาไปเถอะ”

เจียงหลินสำรวจดู มันคือสร้อยคอฝังเพชรเม็ดงามที่มีลวดลายซับซ้อนและละเอียดอ่อน ตรงกลางประดับจี้ไพลินเม็ดใหญ่ ดูงดงามและมีเกียรติ

ข้างในตู้เซฟใบที่สามมีเพียงกล่องคริสตัลใส เมื่อเปิดมาเป็นมงกุฏประดับอัญมณีขนาดเล็กที่สวยงาม ดูสง่า หรูหรา ประณีต มีความโดดเด่นในตัวเอง

จงชางถือมันไว้ในมือ มอบให้เจียงหลิน “อันนี้ค่อนข้างสวยนะ”

เจียงหลินรับมันมาจากมือของจงชาง ยิ้มและพูดว่า “แล้วพวกเธอไม่เอาหรอ?”

“ฉันไม่ต้องการ ดูมาลัยบนหัวฉันสิ” มู่เยชิงหัวเราะ ทันใดนั้นพวงมาลัยบนหัวเธอผลิดอกเบ่งบาน สร้างสีสันสดใส ประชันความงามที่ไม่ด้อยไปกว่ามงกุฏอัญมณี

เสี่ยวชิงเอ่ยเสริมว่า “ส่วนฉันก็ไม่เอา ถ้าใส่แล้วคงหนักน่าดู”

“ถึงเธออยากได้ พวกเราก็ไม่ให้หรอก ตอนปล่อยไฟฟ้าเดี๋ยวไหม้หมด เสียของกันพอดี” จงชางหัวเราะเสียงดัง

เสี่ยวชิงมองค้อน ทุบตีอีกฝ่ายด้วยความโกรธ

เจียงหลินเก็บมงกุฎและสร้อยคอเข้าพื้นที่มิติ

จงชางเริ่มรื้อตู้เซฟอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นาน กองเครื่องประดับทุกชนิดจากตู้เซฟก็ตกอยู่ในมือเจียงหลิน

โดยเฉพาะกล่องใบสุดท้าย เมื่อเปิดออกมาพบว่าเป็นกริชอัญมณี ฝังไปด้วยพลอยหลากสี

จงชางชักกริชออกจากฝัก ลองตัดปึกกระดาษสัญญามูลค่าหลายร้อยล้าน และพบว่าปึกกระดาษขาดจากกันอย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตาม จงชางส่ายหัว “มันค่อนข้างคม แต่น่าเสียดายที่ฝังอัญมณีไว้มากเกินไป ใช้แล้วไม่ค่อยถนัดมือ”

จงชางเก็บกริชเข้าฝึกและยื่นให้เจียงหลิน

เจียงหลินลูบไล้อัญมณีบนมัน ให้สัมผัสที่ดี เก็บมันเข้าไปในพื้นที่มิติตามชิ้นอื่นๆ

ต่อมา เจียงหลินหยิบหม้อไฟจากพื้นที่มิติ ตั้งวงกินอาหารเย็นกับทุกคนก่อนขอตัวแยกออกมา

หลังจากกลับเข้าที่พัก เธอก็กลับไปยังโลกเดิม ล้างเนื้อล้างตัวและเข้านอน

วันนี้เธอวุ่นทั้งวัน ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว

...

เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงหลินไปที่สตูดิโอ เธอหยิบทองคำแท่งออกมาจำนวนหนึ่งและมอบให้กับถังฉีซานเพื่อนำมันไปหลอมใหม่ แปรรูปเป็นเครื่องประดับ

ส่วนพวกเครื่องประดับที่กอบโกยมาได้ เจียงหลินไม่ค่อยรู้เรื่องพวกมันเท่าไหร่นัก เลยตั้งใจจะนำไปให้ลุงหลิวที่ร้านตรวจสอบดู

แต่ใครจะรู้ ว่าก่อนที่เจียงหลินจะเดินเข้าร้าน เธอดันเจอหลงเฟยเดินออกมาจากร้านข้างๆพอดี

ทันทีที่หลงเฟยเห็นเจียงหลิน จู่ๆเขาก็เชิดจมูกขึ้น แค่นเสียงเย็นชา

เจียงหลินไม่สนใจหรือคิดพูดคุยกับเขา ยกแขนเตรียมเปิดประตูร้านของตัวเอง

แต่หลงเฟยไม่ยอมเลิกรา เขาเป็นนายน้อยของหลงจิวเวอรี่ แต่เวลานี้กลับถูกเจ้าของร้านไร้ชื่อเสียงเมิน ในฐานะทายาทหลงกรุ๊ป เขาจะยอมได้อย่างไร?

หลงเฟยรีบเดินตามเข้ามา “รู้สึกยังไงบ้างที่ถูกตัดช่องทางการซื้อสินค้าในช่วงหลายวันมานี้? รีบคุกเข่าอ้อนวอนก่อนที่มันจะสายเกินไป! บางทีฉันอาจอารมณ์ดี ยอมปล่อยคุณไป”

“อาศัยแค่นายน่ะหรอจะให้ฉันคุกเข่า?” เจียงหลินมองหลงเฟย ก่อนหัวเราะออกมา “นายคิดว่าการตัดช่องทางซื้อสินค้าจะมีผลกับฉัน? เสียใจด้วยที่ไม่! ระหว่างนี้นายควรไปตรวจสอบดูดีกว่าว่าอิทธิพลของหลงกรุ๊ปกว้างขวางอย่างปากว่าจริงๆรึเปล่า”

“รู้เอาไว้เถอะ ตอนนี้ฉันมีทองคำเยอะมาก มากพอที่จะใช้หลอมสร้างบ้านได้!” เจียงหลินพูดความจริงไม่โกหก

ใบหน้าของหลงเฟยประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว ขยับปากพึมพำ

“นี่เธอยังมีสินค้าในสต็อก?!”

“ไม่สิ ไม่น่าเป็นไปได้ หรือว่ามีใครในวงการเครื่องประดับไม่ยอมฟังคำสั่งหลงกรุ๊ปของเรา?” หลงเฟยลดเสียงลง หันไปพูดกับคนที่อยู่ข้างๆเขา

“ให้เวลาสามนาที ขุดคุ้ยข้อมูลทั้งหมดของบริษัทที่ทำการค้ากับร้านนี้!”

ชายที่อยู่ข้างๆดูเหมือนจะเป็นเลขาของหลงเฟย เวลานี้เขาแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ หากไม่ใช่เพราะพ่อของหลงเฟยคือหลงซิน มีหรือเขาจะถ่อมาทำงานเป็นเลขาให้กับเจ้าของร้านเล็กๆเช่นนี้?

แต่ในเมื่อนายน้อยอยากฝึกฝนประสบการณ์ที่นี่ เขาก็ต้องติดตามมา

ส่วนเรื่องให้หาข้อมูลในสามนาที? นี่นายน้อยอ่านนิยายที่ชื่อเรื่องประมาณท่านประธานนู่นนี่มากไปรึเปล่า? เรื่องจริงมันทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ!

อย่างไรก็ตาม ในฐานะเลขาผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานใหญ่ เขาจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลของคู่แข่งอย่างละเอียดอยู่แล้ว

เอาจริงๆก่อนหน้านี้เขาได้ตรวจสอบร้านค้าฝั่งตรงข้ามเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะใช้ลูกเล่นบางอย่าง ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าแหล่งสินค้ามาจากที่ใด

แม้หลงเฟยจะลดเสียงลง  แต่เจียงหลินที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาทำให้มีหูที่ดี ดังนั้นได้ยินชัดเจน

เธอรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ยิ่งนานยิ่งน่ารำคาญ มาเล่นทำตัวเป็นประธานเอาแต่ใจแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน?

เจียงหลินเบื่อหน่าย ผลักประตูเข้าไปในร้านเธอ

แต่ใครจะรู้ หลงเฟยกลับยังคงเดินตามเธอราวกับพลาสเตอร์หนังสุนัข ชี้เธอแล้วพูดพล่ามไม่หยุด “นี่กล้าเดินหนีฉัน? รู้ไหมว่าฉันน่ะเป็น--”

เจียงหลินหันกลับมาและปัดนิ้วที่ชี้เธอ ขมวดคิ้วและพูดว่า “ต้องขอบคุณยุคอันสงบสุขที่ช่วยคุณไว้”

เจียงหลินรู้สึกรำคาญกับหลงเฟย หากเป็นในอีกโลก เขาโดนเธอซ้อมยับไปแล้ว

เธอไม่เสียเวลาอีก สอดสองมือเข้าไปในเป้ แสร้งทำเป็นว่าหยิบสินค้าจากข้างใน แล้วนำอัญมณีต่างๆจากพื้นที่มิติมาเรียงกันบนเคาน์เตอร์

และในบรรดาพวกมัน มีมงกุฏและกริชหุ้มอัญมณีรวมอยู่ด้วย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด