ตอนที่แล้วตอนที่ 789 จงหลีไป๋ที่น่าอาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 791 ความคิดของถังเทียน

ตอนที่ 790 ซุ่มจู่โจมยามราตรี


‘เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นหรือ?’

จงหลีไป๋เงยหน้า  สีหน้าของเขาดุ

คนที่วิ่งเข้ามารายงานเป็นชายชราจากเมืองบูรพาอมตะ  ชายชรานั้นกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากรู้สึกเหมือนตาของเจ้านายที่กำลังจ้องมองเขาคล้ายกับหมาป่าที่เตรียมจะกลืนกินเขาได้ทั้งตัว  จงหลีไป๋รู้สึกไม่พอใจความสำเร็จของตนเอง  แต่ในสายตาของบริวารของเขาให้ความรู้สึกน่ากลัวเกินไป

ตามเส้นทางพวกเขาเหมือนกับพายุฤดูใบไม้ร่วงกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นทั้งหมดถล่มที่มั่นภูเขาจนราบหมดทางสู้ พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากเนื่องจากพวกเขาหลายคนเคยสู้กับพวกโจรมาก่อน โจรที่น่าสงสารและดุร้ายยากจะรับมือได้ กลยุทธของพวกเขาดุดันและเหนียวแน่น พวกเขาจึงยากจะพ่ายแพ้ได้

การเปลี่ยนความภักดีของพวกเขาส่วนใหญ่เนื่องมาจากสถานการณ์บังคับ  แต่หลังจากอยู่กับจงหลี่ไป๋พวกเขาค่อยมีความรู้สึกจริงใจให้เขา

ความแข็งแกร่งจะได้รับการนับถือเสมอ

แม้ว่าพวกฝีมือดีต่างๆของเมืองบูรพาอมตะจะไม่เข้าใจว่าแม่ทัพทหารคืออะไร  แต่ชัยชนะของพวกเขามีมาอย่างตลอด การชนะสงครามหลังจากสู้ต่อเนื่องเป็นอาหารที่ดีที่สุดของพวกเขา  เมื่อลิ้มรสแล้วก็ไม่ต้องการจะหยุด

หัวหน้าของพวกเขาผู้ร้ายกาจต่อศัตรูความจริงกลับดีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา  และปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างยุติธรรม  ใครก็ตามที่ฝึกฝนเป็นอย่างดี  ใครก็ตามที่มีความสำเร็จสูงจะได้รับรางวัลมาก ด้วยวินัยที่เข้มงวดกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาและระบบรางวัลมากมายที่สนับสนุนให้พวกเขามุ่งมั่นจะทำผลงานให้ดีขึ้นโจรที่รวมตัวไม่ติดเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง

แม้แต่โจรที่ยอมแพ้ในเวลาต่อมาก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงไปด้วย  ส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่สามารถจะใช้ชีวิตในเมืองได้อีกต่อไป  พวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างดี  แต่สำหรับคนหยิ่งและไม่จริงใจ  คนเจ้าเล่ห์ฉลาดแกมโกง  จงหลีไป๋จะตัดหัวทิ้งโดยไม่ลังเล

เจ้านายเป็นคนดุร้ายที่แม้เห็นแม่น้ำสายเลือดก็ยังไม่กระพริบตา แม้แต่โจรที่ขึ้นชื่อว่าดุร้ายและเจ้าเล่ห์ก็ยังตัวสั่นเป็นลูกแกะเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา

คนสอดแนมที่ถูกจงหลีไป๋มองดูถึงกับสั่น  และพูดขึ้นทันที  “มีใครบางคนที่ข้างนอกต้องการจะพบกับนายท่าน!”

“พบข้า?”  จงหลีไป๋หรี่ตา

“ขอรับ พวกเขาบอกว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อเจรจาธุรกิจกับสลัดภูผาบูรพาของเรา”

“ธุรกิจ?”  จงหลีไป๋พึมพำ เขารู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ

เขาดึงทหารออกมาจากเมืองบูรพาอมตะและเพื่อไม่ให้เป็นที่ดึงดูดความสนใจ เขาปลอมกองกำลังทั้งหมดเป็นเหมือนโจรป่า และตั้งชื่อตัวเองเป็นโจรสลัดภูผาบูรพา

มักจะมีการสู้รบระหว่างโจรด้วยกันเสมอ  และไม่มีใครเชื่อมโยงพวกเขากับบุรุษหน้ากากผี

หลังจากยึดครองที่มั่นบนภูเขาแล้ว  ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาก  และชื่อของสลัดภูผาบูรพาก็เริ่มโด่งดัง  ทุกคนรู้เรื่องโจรที่แข็งแกร่งจู่ๆก็โผล่ออกมายึดฐานที่มั่นโจรป่าอื่น

“พวกเขาไม่ได้ระบุว่าเป็นธุรกิจอะไร”  คนสอดแนมพูดตามตรง

จงหลีไป๋แค่นเสียง  “อย่างนั้นเรามาดูกันว่าพวกเขาต้องการอะไร  ให้พวกเขาเข้ามา  ส่งคำสั่งไปที่หน่วยองครักษ์ใหญ่บอกทุกคนว่าเรากำลังต้อนรับอาคันตุกะชั้นสูง”

“อาคันตุกะชั้นสูง”  เขาพูดคำอย่างชัดเจน

หน่วยองครักษ์ใหญ่ทุกคนยืนรายล้อม รู้สึกได้ถึงความเคร่งครัดระเบียบวินัยมาจากร่างพวกเขา  พวกเขาชักอาวุธยืนประจำตำแหน่ง

หอประชุมกลับเงียบลง และรังสีฆ่าฟันสลายออกไป

จงหลีไป๋อยู่ต่อหน้าดาบทองและม้าของเขา หน่วยองครักษ์มือดีเป็นยอดฝีมือดีที่เขาเลือกมาเองจากคนเกินหมื่นคน

มีโจร 2500 คนอยู่ในหน่วยองครักษ์ใหญ่  พวกเขาเป็นแกนหลักของโจรสลัดภูผาบูรพา

นอกจากพวกเขาแล้วยังมีนักสู้ฝีมือดีจากตระกูลต่างๆ ของเมืองบูรพาอมตะ  นักสู้มือดีจากพวกโจร แต่พวกเขาส่วนใหญ่ถูกเลือกมาจากผู้ลี้ภัยธรรมดาในภูเขานี้  ผู้ลี้ภัยทั้งหมดเหล่านี้ไม่มีตำแหน่งอะไร  และเป็นคนที่ทำงานอย่างยากลำบากได้รับอาหารน้อย

จงหลีไป๋เลือกพวกเขาเป็นพิเศษ

พวกโจรหลายคนอยากหัวเราะเยาะจงหลีไป๋  คนลี้ภัยที่ไม่มีความแข็งแรงมากไม่ค่อยมีประโยชน์ และไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะเป็นกระสุนมนุษย์ด้วยซ้ำ

หน่วยองครักษ์ใหญ่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีที่สุด  แต่ขณะเดียวกัน  ก็ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างยากลำบาก การฝึกฝนที่ทำให้โจรตื่นตะลึงไม่สามารถกระตุ้นการปฏิเสธจากหน่วยองครักษ์ใหญ่ได้

ไม่มีใครในพวกเขารู้ว่าการฝึกฝนประจำวันของพวกเขาและรูปแบบการต่อสู้เป็นกลยุทธที่เกี่ยวข้องกับกองทัพในตำนาน

แม้ว่าพวกเขาจะทำได้  พวกเขาก็ไม่สนใจ  เพราะตราบเท่าที่พวกเขาฝึกเสร็จ พวกเขาจะได้กินและไม่มีใครต้องอดอยาก  เทียบกับเป็นกรรมกรต่ำต้อยที่ไม่มีความหวังการฝึกจะมีอะไร? ทั้งหมดของผู้ลี้ภัยที่ต่ำต้อยล้วนเสี่ยงชีวิตฝึกฝนจนกระทั่งพวกเขาเป็นลม

พวกเขาอ่อนแอและไม่มีนิสัยชอบอวดโอ่ความแข็งแรง ดังนั้นพวกเขาไม่เคยปฏิเสธการตั้งกระบวนร่วมประสานที่ซับซ้อน

พวกเขาทุกคนเสี่ยงชีวิตฝึกฝนทำให้คนที่ดูพวกเขาถึงกับพูดไม่ออก  หน่วยองครักษ์ใหญ่ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด  แต่พวกเขามีวินัยเคร่งครัดและเชื่อฟังคำสั่งมากที่สุด  และซื่อตรงมากที่สุดมีความจริงจังกับการฝึก พวกเขาเป็นคนที่ไม่กลัวตาย

ในศึกแรกหน่วยองครักษ์ใหญ่ตายไปหลายคนแต่จงหลี่ไป๋ให้รางวัลคนที่รอดอย่างดี ไม่ต้องใช้เวลามากกับการเติมจำนวนขาดให้เต็มเนื่องจากมีผู้ลี้ภัยนับไม่ถ้วนที่มองด้วยความอิจฉา  พวกเขาทุกคนด้อยปัญญาพยายามเข้าร่วมกับหน่วยองครักษ์ใหญ่

บุรุษที่อยู่ในฝุ่นไม่เคยลังเลเมื่อพวกเขาสามารถใช้ชีวิตที่เล็กน้อยและตกต่ำแลกเปลี่ยนความหวังที่จะได้เห็นแสงตะวัน

หลังจากผ่านต่อสู้สองสามศึก  หน่วยองครักษ์ใหญ่นี้เติบโตอย่างรวดเร็ว เหมือนดาบสมบัติที่เผยให้เห็นความมันวาวของมันเมื่อมันได้ดื่มเลือด  ทุกๆ ศึกที่อยู่ในสภาพยันกันจะถูกทำลายโดยพวกเขา

ดาบและกระบี่ของพวกเขามีอยู่มากมายและความตั้งใจฆ่าของพวกเขาก็แผ่กระจายไป

เกราะหลากสีสันผสมเข้าด้วยกันไม่เป็นเหตุให้นักสู้ฝีมือดีนี้สูญเสียบุคลิกของเขา  พวกเขาตบอกเชิดหน้า สีหน้าของพวกเขาเฉยเมย  พื้นที่ระหว่างพวกเขายืนไม่มีช่องว่างให้ดาบใดๆตัดผ่านได้

เงียบราวป่าช้า  แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความคุกคาม

เมื่ออาคันตุกะทั้งสามเผชิญหน้ากับกลุ่มนักสู้ฝีมือดี  หน้าของพวกเขาเปลี่ยน

*****************

เมืองม้าบิน

“มีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย”

สวี่เย่มีสีหน้าซับซ้อน

เนี่ยชิวหัวเราะ  “ข้าหวังว่าได้ข่าวดีจะดีกว่าและหวังว่าข่าวร้ายก็คงไม่ร้ายขนาดนั้น”

สวี่เย่ขบขันกับคำพูดของเนี่ยชิว  แต่ก็สลายยิ้มบนใบหน้าโดยเร็ว  “ข่าวดีก็คือนายท่านได้รับเรือพู่พลิ้วของตระกูลซู ฆ่าซูชิงและจับจี๋เจ๋อ”

“ท่าทางเหมือนกับเป็นเรื่องน่าทึ่ง”  เนี่ยชิวชม

“ไม่ใช่อย่างนั้น  นั่นเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก”  สวี่เย่จำได้ว่าเนี่ยชิวยังไม่คุ้นเคยกับแดนบาป  ‘มิน่าเล่าเขาถึงได้ใจเย็นนัก’  จากนั้นเขาอธิบายต่อ  “จี๋เจ๋อมีฉายาว่า ดาบพิศวงและเป็นคนโฉดชั้นหนึ่งระดับตำนานที่อยู่ในลำดับที่สามเป็นคนที่อายุเยาว์ที่สุดในกลุ่มนั้น เขาเป็นคนฉลาด  ข้าไม่คาดเลยว่าเขาจะถูกนายท่านจับเป็นเชลยครั้งนี้แดนบาปจะพบว่าเป็นเรื่องยากไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม”

“นั่นเป็นข่าวที่ดีจริงๆ”  เนี่ยชิวอดรู้สึกดีใจไม่ได้

จากนั้นสวี่เย่มีท่าทางขมขื่น  “ข่าวร้ายก็คือความตายสือซูชิงสร้างความตื่นตกใจให้กับตระกูลซู  พวกเขาต้องการล้างแค้นและจะออกมาไล่ล่าเรา ความตายของซูชิงคือเหตุผลให้พวกเขาทำเช่นนั้น  ความกังวลแต่เดิมของข้าก็คือสี่เมืองใหญ่จะตรวจสอบเรา  แต่ตอนนี้ ข้าคาดว่าตระกูลซูคงถือโอกาสออกหน้า”

“ข้าเข้าใจ”  เนี่ยชิวผงกศีรษะ“  เราจะต้องพบกับการโจมตีของศัตรูในไม่ช้า”

“ข้าเกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น”  ตาของสวี่เย่มีแววกังวลใจ  “การโจมตีของตระกูลซูจะต้องรุนแรงแน่นอน!”

ขณะนั้นสัญญาณเตือนเหมือนเสียงนกฮูกดังขึ้นทำลายความเงียบ

“การประเมินของเจ้าแม่นยำมาก”

เนี่ยชิวหัวเราะ และยืนขึ้นและออกไปเมื่อออกมาสวี่เย่ตะลึง

ที่พักตระกูลหลูในเมืองม้าบินมีแสงสว่างเจิดจ้า  และมนุษย์ทุกคนบินออกมา

“ทุกคนประจำตำแหน่ง!”

“เตรียมเผชิญหน้ากับศัตรู!”

บนกำแพงสูงของเมืองม้าบิน  มีร่างคนสี่คนยืนเคียงไหล่กวาดมองไปทั่วพื้นที่

“พวกมันเป็นมดแมลงจริงๆ”

คนที่สูงที่สุดยืนนิ่งกับที่มีเสียงเยือกเย็น  ฉินเจิ้น กวาดสายมองมองดูด้วยความโกรธ  เจ้าพวกมดแมลงที่อยู่ต่อหน้าเขาทำลายตระกูลฉินและทำให้งานที่เขาทำมาอย่างหนักในช่วงสองสามทศวรรษต้องพังครืน

ที่อยู่ข้างเขาเป็นชายชราที่ดูเหมือนชาวนา  หลูเซิงเซียง ประมุขตระกูลหลู เขามองดูเหมือนกับว่ามีอายุมากขึ้นถึงสิบปี  หน้าของเขาตอบบางขณะที่เขายังคงเงียบ

“ข้ายังรู้สึกว่าพวกเขาค่อนข้างเรียบร้อย”  คนที่พูดเป็นสุภาพสตรี  ผมของนางสีม่วงห้อยลงมาเหมือนงูจนถึงเอวอกของนางเต็มอวบอิ่มยั่วยวน ริมฝีปากแดงเข้มดวงตาสีฟ้าเย็นให้ความรู้สึกที่งดงาม

ซูเฟยอันดับ 36 ในทำเนียบนักสู้แดนบาป

คนสุดท้ายปกคลุมไปด้วยหมอกดำทั่วทั้งร่างทำให้เขามองดูเหมือนกับภูตผี อีกสามคนดูเหมือนจะกลัวเขา ยังรักษาระยะห่างจากเขาด้วยความนับถือ

ไม่มีใครรู้ชื่อของเขา แต่เขาเป็นคนมีชื่อเสียงผู้จัดการกับความตาย  และเป็นที่รู้จักกันดีไปทั่วแดนบาปในชื่อของทาสมรณะอยู่ในลำดับที่ 28 ในทำเนียบนักสู้แดนบาป เขาเป็นคนลึกลับมากนอกจากความจริงที่ว่าเขาฝึกมาทางด้านกฎตาย เรื่องอื่นไม่มีใครรู้เรื่อง เขามักเป็นคนเก็บตัวและยากจะออกมาภายนอก ไม่มีใครคาดเลยว่าตระกูลซูจะสามารถจ้างเขาได้

ตอนนี้เสียง ‘เอ๊ะ’ เบาๆ ดังมาจากหมอกดำที่หนาแน่น

ทั้งสามคนตกใจ ‘เขารู้สึกอะไรบางอย่างได้?’  พวกเขาเบนสายตาไปที่ลานบ้านตระกูลหลู

เนี่ยชิวนั่งอยู่เงียบๆ ข้างหน้าเขา  ดาบหยินวัฒนะลอยอยู่ข้างหน้าเขาโดยปลายกระบี่ชี้ลงพื้น เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความเชื่อมโยงที่ลึกลับมากกับมันทำให้เขารู้สึกแปลก  หลังจากตรวจสอบต่อเนื่อง  ความเข้าใจที่เขามีต่อกระบี่หยินวัฒนะก็มีเพิ่มมากขึ้นและลึกขึ้น  มันสามารถเสริมพลังของค่ายกลของเขา  และรู้คุณค่าของกระบี่

ความใจกว้างของถังเทียนทำให้เขาประหลาดใจอย่างแท้จริง

ในกลุ่มดาวราชสีห์สมบัติอย่างนั้นไม่มีทางมอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชากันง่ายๆ  แน่นอนแม้ว่าจะมอบให้ก็ยังไม่ถึงรอบคนอย่างเขา เพราะความหวังให้กำเนิดความทะเยอทะยาน เมื่อเขาออกจากกลุ่มดาวราชสีห์และกลายเป็นบริวารของถังเทียน  เขายังคงทำหลายอย่างด้วยความระมัดระวังไม่ว่าใครจะมองยังไง เขายังไม่นับว่าขึ้นตรงต่อถังเทียน

เขาเคยคิดว่าเป็นเรื่องดีพอที่ถังเทียนให้เขาควบคุมกองทัพมากพอจนเขาไม่ได้หวังว่ากองทัพของเขาจะได้รับการยกระดับไปเป็นกองทัพหลัก

แต่เขาไม่คาดเลยว่าไม่เพียงแต่นายท่านจะมอบหน่วยสุญญตาให้เขาดูแลเท่านั้น เขายังให้ความเชื่อใจและพื้นที่และกระบี่หยินวัฒนะสมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่งกับเขา

การปฏิบัติเช่นนั้นเกินกว่าที่เขาคาดไปมาก

ในกลุ่มดาวราชสีห์  แม้ว่าทุกคนจะยกย่องเขาให้เป็นอัจฉริยะ แต่เขาไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างให้ความสำคัญมากมาก่อน  แต่ภายใต้อำนาจของนายท่าน เขาในฐานะเป็นคนนอกมาก่อนกลับได้ควบคุมกองทัพสำคัญ ที่ได้รับความไว้วางใจและคาดหวังในตัวเขา แรงกดดันหนักนี้กลายเป็นพลังผลักดันเขาไม่มีที่สิ้นสุด

‘เมื่อคิดถึงวันคืนที่ถอนหายใจอย่างยากลำบากในการบรรลุเป้าหมายอย่างงดงามเพื่อให้เพลิดเพลินกับการสู้รบอย่างแท้จริง นั่นนับว่าโชคดีจริงๆ’

‘ชีวิตอย่างนั้น แค่นี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว!’

ฝ่ามือของเนี่ยชิวจับอยู่บนกระบี่หยินวัฒนะ  คำพูดของเขาสงบ และไรผมที่หน้าผากของเขาขยับแม้ว่าจะไม่มีลมก็ตาม หน้าที่ซีดขาวของเขายังมีรอยยิ้มอ่อนโยน

‘มาเถอะ,ข้าจะสู้ในนามของนายของข้า!’

‘มาเถอะ, ข้าจะชนะในนามของนายข้า!’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด