ตอนที่แล้วบทที่ 57 - จะสู้ต่อหรือไม่?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 59 - คุยธุรกิจกับประมุขตระกูล

บทที่ 58 - จิตวรยุทธหายไป


2/8

บทที่ 58 - จิตวรยุทธหายไป

“หยางโม่ยอมรับความพ่ายแพ้!”

เห็นฉากนี้ เสียงสูดหายใจดังก้องอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง

ทุกคนรู้ หยางโม่คือรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของตระกูลหยาง แต่บัดนี้เขายินยอมก้มหัวน้อมรับความพ่ายแพ้

แล้วอีกอย่าง คนที่เขาก้มหัวให้ คือตระกูลสาขาที่ถูกขับไล่จากตระกูลหลัก

หยางซือเล่ย!

นี่ ... นี่มันเหลือเชื่อนัก

ประมุขตระกูลหยางหลางเทียนจ้องมองไปยังหยางซือเล่ยอย่างลึกซึ้งพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ร่องรอยแห่งความสงสัยฉายออกมาจากดวงตาของเขา

“โม่เอ๋อร์!”

ณ ขณะนี้ ผู้อาวุโสใหญ่หยางอี้รีบก้าวไปข้างหน้า อุ้มหยางโม่ที่ได้รับบาดเจ็บ

สำหรับหลานชายคนโตผู้นี้ อีกฝ่ายเป็นความภาคภูมิใจของเขาเสมอมา

แต่ตอนนี้ กลับพ่ายแพ้ให้แก่หยางซือเล่ย ใบหน้าของอาวุโสใหญ่ดูน่าเกลียดมาก

“ช้าก่อน ... โมเอ๋อร์จิตวรยุทธของเจ้า... มันหายไป? !”

หลังจากตรวจสอบอาการบาดเจ็บของหยางโม่ ผู้อาวุโสแตกตื่นตกใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หันไปมองหยางซือเล่ยด้วยสายตามุ่งร้าย เอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “หยางซือเล่ย เจ้าไม่ใช่แค่ต่อสู้ในคฤหาสน์โดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น แต่ยังทำร้ายพี่น้องในตระกูล เราผู้เฒ่าจะไม่ให้อภัยเจ้า!”

“ใครก็ได้ เข้ามาจับมันที!”

“ขอรับ!”

ทหารยามที่อยู่รอบๆรับคำสั่ง หยางซือเล่ยถูกล้อมทันที

คิ้วของหยางซือเล่ยย่นเล็กน้อย แต่ดวงตาของเขาปราศจากร่องรอยของความกลัว

หากคนพวกนี้กล้าลงมือจริง เขาก็ไม่ปฏิเสธที่จะต่อต้านอย่างสุดกำลังเช่นกัน

AK47, ปืนกลแก็ตลิ่ง, ระเบิดมือ ......  จะงัดทุกอย่างที่มีออกมาจนกว่าอีกฝ่ายจะหยุดสร้างปัญหาหรือสร้างปัญหาแก่ตนไม่ได้อีก

“ถอยไป!”

อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ ประมุขหยางหลางเทียนตะโกนด้วยเสียงทุ้ม

“ท่านประมุขตระกูล ......”

ผู้อาวุโสใหญ่ไม่เข้าใจ มองไปยังหยางหลางเทียน ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ชายหนุ่มคนนี้ทำร้ายกันมากเกินไป จิตวรยุทธของโม่เอ๋อร์ถูกเขาทำลาย หากจะปลุกขึ้นอีกครั้ง เกรงว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นครึ่งปี การสูญเสียโม่เอ๋อร์ที่เป็นกำลังหลักไป เท่ากับว่างานแข่งล่าสัตว์ที่กำลังจะมาถึง ตระกูลหยางกำลังตกอยู่ในอันตราย!”

“ถ้าหยางซือเล่ยไม่ถูกลงโทษหนัก เราผู้เฒ่าคงไม่อาจกล้ำกลืนความโกรธได้!”

อะไรนะ?

จิตวรยุทธของหยางโม่หายไป?

เมื่อได้ยินแบบนี้ ท่าทีของสมาชิกตระกูลหยางรอบๆแปรเปลี่ยน เผยสีหน้าสยดสยอง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคาดไม่ถึงเช่นกัน

นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว!

“โหดร้าย?”

หยางซือเล่ยหัวเราะเย็นชา กล่าวว่า “เป็นเขาที่มาหาเรื่องข้าถึงที่นี่ ข้าก็แค่ป้องกันตัว นี่มันผิดตรงไหนกัน?”

“ใช่ พวกเราทุกคนเป็นพยานได้”

เฉินซี หลิวฉีและฉินหูก้าวออกมา

เหล่ารุ่นเยาว์ที่อยู่รอบๆก็ลอบพยักหน้าเช่นกัน แต่เพราะเกรงว่าจะไปล่วงเกินผู้อาวุโสใหญ่ ทั้งหมดจึงไม่มีใครกล้าปริปาก

“ช่างกำเริบเสิบสาน! กล้าดียังไงมาเถียงข้า!” ผู้อาวุโสใหญ่ใช้สายตาเฉียบขาด ทันใดนั้นกลิ่นอายอันทรงพลังฟุ้งออกมาจากร่างเขา พลังในขอบเขตกระตุ้นจิตวิญญาณช่วงปลายระเบิดจากตันเถียนอย่างไม่มีการเก็บงำ

เผชิญหน้ากับแรงกดดันของจากยอดฝีมือขอบเขตกระตุ้นจิตวิญญาณ ดวงตาของหยางซือเล่ยเย็นชาเล็กน้อย แต่กลับไม่แสดงสีหน้าหวาดกลัวแม้แต่นิด

เมื่อสังเกตเห็นว่าพลังวิญญาณของตัวเองไม่สามารถข่มหยางซือเล่ยซึ่งเป็นรุ่นเยาว์ได้ ความโกรธในดวงตาของผู้อาวุโสใหญ่ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น

“ท่านปู่ พอเถิด”

ขณะที่ผู้อาวุโสใหญ่กำลังจะก้าวไปข้างหน้า หยางโม่คว้าชายเสื้อเขา เอ่ยด้วยใบหน้าซีดเซียว “เขาพูดถูก เป็นข้าเองที่หาเรื่อง แม้จะพ่ายแพ้ แต่ข้าก็พ่ายแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี”

ได้ยินคำนี้ ผู้อาวุโสใหญ่ตอนแรกไม่ยอม สุดท้ายถอนหายใจเบาๆ

เดิมทีเขาต้องการระบายความโกรธแทนหยางโม่ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายกล่าวเช่นนั้น เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะเล่นงานหยางซือเล่ยอีกต่อไป

“อื๋อ?”

หยางซือเล่ยเลิกคิ้วขึ้น แววตาดูประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนหยางโม่ผู้นี้แม้ยโสเหิมเกริม แต่ก็ยังรู้จักยอมรับความพ่ายแพ้และยอมถอย

หากอีกฝ่ายเป็นแค่คนใจแคบ ย่อมฉวยโอกาสนี้ใส่ร้ายเขาอย่างแน่นอน

“ในเมื่อหยางโม่เป็นคนเริ่ม และเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าคงลงโทษเขาทางกายไม่ได้ ฉะนั้นขอหักเงินประจำเดือนจากตระกูลที่มอบแก่เขาเป็นเวลาครึ่งปี!”

ประมุขหยางหลางเทียนแสดงใบหน้าที่น่าเกรงขาม ดวงตาดั่งคบไฟกวาดไปยังทุกคน เอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “นอกจากนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ไม่อนุญาตให้รั่วไหลออกไป  มิฉะนั้นพวกเจ้าจะถูกลงโทษอย่างหนัก ได้ยินชัดหรือไม่?”

สิ้นคำสั่งนี้ ทุกคนน้อมรับคำสั่ง แม้ยังมีข้อแคลงใจ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแรงกดดันของหยางหลางเทียน  อาวุโสทั้งสี่และฝูงชนโดยรอบก็ไม่กล้าต่อต้านขัดขืน พยักหน้าและพูดพร้อมกันว่า “ขอรับท่านประมุข”

จากนั้นหยางหลางเทียนจ้องมองไปยังหยางซือเล่ย น้ำเสียงดูอ่อนลง “ส่วนเจ้ามาที่ห้องหนังสือ ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย”

“พวกเจ้าก็ด้วย” หยางหลางเทียนมองผู้อาวุโสทั้งสี่ที่อยู่ถัดจากเขา หลังพูดจบก็หันหลังและจากไป

ดวงตาของหยางซือเล่ยแคบลง ในใจพอจะเดาความคิดของประมุขตระกูลได้ระดับหนึ่ง

“เหล่าเฉิน ฝากท่านดูแลเฉินเฉินด้้วย”

หยางซือเล่ยไม่คิดมาก สั่งเฉินซี หลิวฉี และฉินหู จากนั้นติดตามสี่ผู้อาวุโสไปยังห้องหนังสือ