บทที่ 013

บทที่ 13 คุณยังอ่อนไป

"ปีศาจร่างมนุษย์?"

หลี่จิ้งตกตะลึงเล็กน้อย

ปีศาจกลายร่าง อย่างน้อยต้องมีพลังขอบเขตที่ 3 ขึ้นไป

ในระหว่างกลายร่าง ปีศาจจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก

แต่ตราบใดที่ประสบความสําเร็จในการกลายร่างเป็นมนุษย์

ภูมิปัญญาของพวกมันจะได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ในระดับเดียวกับมนุษย์

ความเร็วในการฝึกฝนจะเร็วขึ้นอย่างมากเช่นกัน

ไม่เพียงแค่นั้น.

การปลอมตัวเป็นมนุษย์ พวกมันสามารถอาศัยในสังคมมนุษย์และใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ได้ทรัพยากรที่มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่สามารถเพลิดเพลินได้

เมื่อเทียบกับปีศาจธรรมดา มันค่อนข้างหายากที่ปีศาจร่างมนุษย์จะทําร้ายผู้คน

ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในโลกที่สร้างสรรค์มากไปกว่ามนุษย์

การบูรณาการเข้ากับสังคมมนุษย์เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติของปีศาจร่างมนุษย์

เมื่อไรก็ตามที่ปีศาจถูกเปิดเผย พวกมันจะสูญเสียโอกาสในการเพลิดเพลินกับทรัพยากรมากมายและชีวิตที่สะดวกสบายโดยสิ้นเชิง

ดังนั้น แม้ว่าจะต้องการทําร้ายผู้คน ปีศาจพวกนี้ก็มักจะทําให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่ดึงดูดความสนใจมากนัก และสามารถหลีกเลี่ยงการไล่ตามจากผู้ตรวจการได้

ในกรณีของเขตเป่ยเฉิงในปัจจุบัน ความเป็นไปได้ต่ำมากที่ปีศาจร่างมนุษย์จะทำร้ายผู้คน

เมื่อเฉินอวี่หรานเห็นหลี่จิ้งมองมาที่เธออย่างประหลาด เธอก็เดาคร่าวๆ ว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่

“อย่ามองฉันแบบนี้ การคาดเดานั้นไม่ใช่ฉันเสนอออกมา และฉันไม่ได้อยู่ในหน่วยเฉพาะกิจด้วยซ้ำ ในความเห็นส่วนตัวของฉัน การคาดเดานี้ดูเกินจริงไปหน่อย”

"เป็นความจริงที่ปีศาจร่างมนุษย์มีความสามารถในการส่งเสริมให้สัตวกลายร่างเป็นปีศาจ แต่สิ่งนี้ไม่มีประโยชน์แก่พวกมัน"

“สิ่งมีชีวิตที่พึ่งกลายร่างเป็นปีศาจจะมีระดับความฉลาดทางจิตวิญญาณแค่ขั้นแรกเท่านั้น และไม่สามารถใช้เป็นลูกน้องได้ ละการทำให้เกิดปีศาจในเมืองแบบนี้ อัตราการรอดชีวิตนั้นเกือบจะเท่ากับศูนย์”

เฉินอวี่หรานพูดอย่างมั่นใจ

“สำหรับรายละเอียด ยังต้องรอผลการสืบสวนที่ชัดเจน หน่วยเฉพาะกิจเพียงได้รับคําสั่งชั่วคราวเท่านั้น และใช้เรื่องปีศาจร่างมนุษย์เพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวน

"นี่... สบายไปหน่อยไหม?"

หลี่จิ้งขมวดคิ้ว

“นับจากเหตุการณ์ในตลาดของเกษตรกรเมื่อวานนี้ มีเหตุการณ์ปีศาจสิบเหตุการณ์ในเขตเป่ยเฉิง โดยมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 ราย คนทั้งประเทศให้ความสนใจกับเขตเป่ยเฉิง และเมืองนี้ออกคําสั่งจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจ”

เฉินอวี่หรานบรรยายต่อ

“ไม่ต้องคิดเลยว่าหน่วยเฉพาะกิจที่ถูกจัดตั้งชั่วคราวต้องแบกรับความกดดันขนาดไหน โดยชี้แจงแนวทางการสอบสวนเบื้องต้น เพียงคำพูดจากชาวเน็ตก็ทำให้พวกเขาปวดหัวแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าปัจจุบันนี้เป็นยุคที่สงบสุข คุณภาพชีวิตของผู้คนโดยทั่วไปค่อนข้างสูง มันก็ต้องมีคนพูดพล่อยๆออกมา”

ขณะพูด เธอกินปลาไปด้วยและเธอก็พูดต่อ

“นายยังเด็กและอ่อนแอเกินไป ในช่วงเวลาพิเศษนี้ ความยืดหยุ่นเป็นสิ่งจำเป็น”

"..."

หลี่จิ้งพูดไรไม่ออก

เรื่องนี้ เขาเข้าใจ

แต่น้ำเสียงของเฉินอวี่หราน...

เขาคิดในใจ

เธออายุไม่ได้เยอะไปกว่าฉันสักเท่าไหร่ มีหน้ามาบอกว่าฉันเด็ก?

ขณะบ่นอย่างลับๆ เฉินอวี่หรานก็ลุกขึ้น

"ฉันต้องไปแล้ว ขอบคุณสําหรับอาหารเย็น"

"ไม่เป็นไร"

หลี่จิงเงยหน้ามอง

"พรุ่งนี้เช้าต้องเตรียมอาหารเช้าให้คุณไหม"

เฉินอวี่หรานกําลังจะออกไปข้างนอก เมื่อได้ยินคำพูดเขาก็กลับมาถาม

"ฝีมือในการทำอาหารของนายเป็นอย่างไรบ้าง"

"ฉันไม่กล้าพูดว่ามันอร่อย แต่รับประกันได้ว่าดีกว่าแผงขายของริมถนนแน่นอน"

หลี่จิ้งยิ้มอย่างมั่นใจ

"โอเค ช่วยเตรียมอาหารให้ฉันมื้อนึง แล้วฉันจะจ่ายค่าอาหารให้"

เฉินอวี่หรานพยักหน้า

เมื่อได้ยินว่ามีค่าอาหาร หลี่จิ้งก็ยกคิ้ว

ทำอาหารให้เฉินอวี่หราน ดูเหมือนจะเป็นวิธีหาเงิน?

เขาเห็นเฉินอวี่หรานออกจากวิลล่าและกระโดดขึ้นไปบนดาบ

หลี่จิ้งมองไปที่แสงดาบที่ลอยขึ้นและแอบอิจฉา

คาถาควบคุมดาบ เป็นมาตรฐานสำหรับผู้บ่มเพาะพลังอมตะในนวนิยาย

มันหล่อเท่มาก

น่าเสียดายที่คาถานี้ต้องอยู่ในขอบเขตที่ 3 ถึงสามารถเรียนรู้ได้และมันคาถาโจมตีที่แพงที่สุดในบรรดาคาถาของขอบเขตที่ 3 โดยมีราคาอยู่ที่ 1 ล้านหยวน

เมื่อเกณฑ์ถึง เงินพร้อม

คุณยังต้องมีดาบบินด้วย

ดาบบินเป็นอาวุธวิเศษที่ต้องขัดเกลาด้วยวิธีพิเศษ

ราคาถูกที่สุดเริ่มต้นที่ 3 ล้าน

หลี่จิ้งกินปลาจนหมดและตัดสินใจกลับไปที่ห้องของเขาเพื่อ "เรียนต่อ"

หนึ่งล้านดูเหมือนจะเป็นตัวเลขที่มากมายมหาศาล

อย่างไรก็ตาม เขามีเงินเข้าบัญชีมากกว่า 700,000 หยวนในสองวันติดต่อกัน หนึ่งล้านก็ไม่ไกลเกินเอื้อม

และตราบใดที่เขาได้เป็นผู้ช่วยผู้ตรวจการ เขาก็ถือมีงานทําอย่างจริงจังเช่นกัน

เงินเดือนก็นา่จะสัก 20,000 หยวน

เมื่อเข้าไปในสํานักตรวจสอบ อย่างน้อยเงินเดือนจะเพิ่มเป็นสองเท่า

หากสามารถเข้าสู่ขอบเขตที่ 3 ก็จะสามารถเป็นผู้ตรวจการระดับสองเหมือนเฉินอวี่หราน และจะได้เงินเดือนมากกว่า 100,000 หยวนต่อเดือน

หนึ่งล้านไม่ใช่ปัญหา

นอกจากนี้ ผู้ตรวจการระดับสองยังสามารถเลือกอาวุธวิเศษที่มีให้แล้วได้

ในเวลานั้น เขาจะเลือกดาบบินซึ่งสามารถประหยัดเงินไปสามล้านได้อย่างง่ายดาย

คุณภาพของดาบบินมาตรฐานของสํานักตรวจสอบนั้นยังไงก็ต้องดีกว่าราคาต่ำที่สุดอยู่แล้ว

หากคุณต้องการเปลี่ยนชีวิต ก็ต้องเป็นผู้ตรวจการ!

...

ค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบงัน

หลี่จิ้งอ่านหนังสือมาทั้งคืน เขาแทบจะเข้าใจเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับฃกฎหมายพื้นฐานต่างๆ ที่ต้องรู้

หลังจากทําอาหารเช้าให้เฉินอวี่หรานแล้ว หลี่จิ้งก็เลือกที่จะตรงไปที่สํานักตรวจสอบ

อาศัยความพยายามเพียงวันเดียว อัตราสอบผ่านดูเหมือนจะน้อยนิด

แต่เขาไม่อยากรออีกต่อไป

ไม่ใช่ว่าเขากระตือรือร้น

แต่โอกาสสอบผ่านก็มีสูงเช่นกัน

เมื่อคืนเขาได้คุยกับเฉินอวี่หรานบนโต๊ะอาหาร ถึงแม้จะไม่ได้อะไร

แต่หลี่จิ้งก็ได้รู้อย่างหนึ่ง

เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ปีศาจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเมือง สำนักตรวจสอบเป่ยเฉิงจึงยุ่งมาก

สํานักตรวจสอบยุ่งขนาดนี้แลัว แผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการจะยุ่งขขนาดไหน

แผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการมีอยู่เพื่อร่วมมือกับผู้ตรวจการ

หลังจากเมื่อวานนี้ จะต้องมีการป้องกันและติดตามอย่างเข้มงวดทุกที่ในเขตเป่ยเฉิง

แม้ว่าเขตเป่ยเฉิงจะเป็นเพียงชานเมืองของเมืองเจียงไห่ แต่เขตแดนก็ใหญ่มาก

ในช่วงนี้ คนของแผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการจะต้องขาดแคลนแน่ๆ และการสอบเข้าแผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการจะต้องง่ายกว่าปกติอย่างแน่นอน

...

ตามที่หลี่จิ้งคาดไว้

เดินไปจนถึงสำนักผู้ตรวจการย่อยคุณสามารถเห็นผู้ช่วยผู้ตรวจการหนึ่งหรือสองคนที่สี่แยกเกือบทุกที่

บนถนนสายหลักบางสายจะมีทีมผู้ช่วยผู้ตรวจการจำนวนมากกว่าสิบคนมาควบคุมการจราจร มุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบยานพาหนะขนส่งสินค้าขาเข้าและขาออก และใช้เครื่องมือเพื่อตรวจจับสัตว์เลี้ยง

ท้ายที่สุด ประสิทธิภาพของหลงอยู่นั้นสูงมาก

ในเวลาเพียงวันเดียว รูปแบบการป้องกันและควบคุมของเขตเป่ยเฉิงได้รับการปรับปรุงอย่างสมบูรณ์

หลี่จิ้งถึงสถานที่นั้นแล้วเดินตรงเข้าไปในบริเวณแผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการซึ่งอยู่ติดกับสำนักตรวจสอบย่อยเขตเป่ยเฉิง

ทันทีที่เขาเข้าไปในบริเวณนั้น ตามที่เขาคิดไว้

แผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการเป็นแผนกที่มีขนาดใหญ่มาก

โดยทั่วไปแล้ว แผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการในท้องถิ่นจะมีมากกว่าสำนักตรวจสอบท้องถิ่นหลายเท่า

ในตอนนี้จะเห็นผู้ช่วยผู้ตรวจการเดินเข้าออกในบริเวณแผนกผู้ช่วยผู้ตรวจการหลายคน