ตอนที่แล้วตอนที่ 773 ความรุ่งเรืองในอดีต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 775 ตามหาคน สมาชิกครอบครัว หญิงวัยกลางคน

ตอนที่ 774 เมืองเจิ้งฝู ข่าวจากร้านเหล้า


เกี่ยวกับเรื่องนางพญาเฟ่ยเหวินหลี

เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ ไม่รู้ความลับนี้

แต่หลังจากมีประสบการณ์มากขึ้น พวกเขาจึงได้รู้ถึงความมีอยู่ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและแน่นอนว่าพวกเขาเริ่มสงสัยสถานะของเสี่ยวเหวินหลี

หลังจากนั้นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมักจะมองดูพวกเขาว่าการปกปิดความจริงจากพวกเขาไม่ใช่เรื่องดีพวกเขาพูดถึงเรื่องนางพญาเฟ่ยเหวินหลีน้อยมากทำให้พวกเขาไม่สนใจจะพูดจริงจัง  ความจริงเย่ว์หยางไม่ได้พูดถึงปัญหาสถานะของเสี่ยวเหวินหลีกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโดยเฉพาะ  อย่างไรก็ตามแม้ก่อนจะได้คัมภีร์แห่งสัจจะเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทั้งคู่เป็นคนฉลาดอยู่แล้วและเริ่มจะคาดเดาได้ทีละเล็กน้อย

ภายในหอทงเทียนตระกูลปีศาจอสรพิษแทบจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว

เย่ว์หยางเป็นเจ้าของปีศาจอสรพิษน้อยไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องไม่ดี  อย่าว่าแต่เสี่ยวเหวินหลียังอายุน้อยถ้าโตขึ้นจะมิน่ากลัวหรือ?แน่นอนว่าถ้าใครไม่โง่ก็คงจะคาดเดาไปถึงนางพญาเฟ่ยเหวินหลี

แม้ว่าคัมภีร์แห่งสัจจะจะไม่แสดงข้อมูลของเสี่ยวเหวินหลีไว้ชัดเจนก็ตาม

แต่สถานะของเสี่ยวเหวินหลีก็เหมือนเฟ่ยเหวินหลีกลับชาติมาเกิดและเย่ว์หยางก็เป็นคนสร้างนั่นเอง เสวี่ยอู๋เสียสามารถเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ปกติความลับของเย่ว์หยางคัมภีร์แห่งสัจจะยังคงด้อยกว่าสมบัติชั้นเทพ และไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลนั้นได้เช่นปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ และสองพี่น้องหงส์เพลิงเป็นไปไม่ได้ที่คัมภีร์แห่งสัจจะจะรับทราบข้อมูลเหล่านี้ได้ไม่ต้องพูดถึงเทพธิดากระบี่ฟ้าอีกเลย

เพราะความลับต่างๆ ของเย่ว์หยางพวกนางไม่ต้องถามให้มากอีกต่อไป ต่อให้พวกนางรู้เล็กน้อย พวกนางจะช่วยเขารักษาความลับต่อไป

“โบราณสถานของเมืองเจิงฝูห่างไปจากที่นี่เท่าไหร่?”  เย่ว์หยางถาม

“ไม่ไกลนักแค่ตรงไปเรื่อยๆถ้าตามแผนที่ไม่น่าจะเกินพันกิโลเมตร” ถูไห่มองดูแผนที่เตรียมการสำรวจในช่วงเวลาสองสามวันที่ผ่านมา

“สมบัติของโบราณสถาน พวกเราอาจไม่มีโอกาสได้  แต่ในเมื่อเรามถึงเมืองของบรรพบุรุษนักสู้จะไม่เข้าไปคารวะบูชาสักหน่อยหรือ”  นักสู้ยุคโบราณที่เย่ว์หยางพูดถึงราชาหลิงหวินไม่ให้ความสนใจ  เจ้าอ้วนไห่เย่คงและคนอื่นสามารถเข้าใจได้ว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีคือความภาคภูมิใจของหอทงเทียน!

“พิชิตชัยได้ย่อมได้รับเกียรติ” แม้แต่บุรุษน้ำแข็งเสวี่ยทันหลางยังอดลุกขึ้นยืนไม่ได้

ก่อนนี้เขาคิดว่าจักรพรรดิอวี้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในหอเทียน

ใครจะรู้กันเล่าว่าก่อนรุ่นของเขายังมีนางพญาเฟ่ยเหวินหลีที่ทรงพลัง  ในบรรดานักสู้รุ่นอาวุโสของหอทงเทียนยังมีอีกเป็นจำนวนมากที่มีพลังมากกว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีน่ากลัวว่าจะมีมากมายไม่น้อย แต่ประวัติศาสตร์ยาวไกลเกินกว่าจะบันทึกไว้ได้ ประวัติศาสตร์ที่งดงามถูกกวาดหายไปในกระแสกาลเวลา

ครั้งนี้ภูเขาเกิดรอยแยกออกมาจนปรากฏเมืองโบราณและเหมือนกับว่ามันทิ้งร่องรอยเอาไว้ไม่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

แม้ซากโบราณสถานอาจจะมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็ได้

ทุกคนผู้ท่องเที่ยวมายังเมืองเจิ้งฝูไม่ว่าจะเป็นนักสู้ระดับปราณฟ้าไม่ว่าจะเป็นอสูรบินหรือยานสมบัติที่บินได้ก็ต้องอยู่ห่างอย่างน้อยหนึ่งกิโลเมตรเพื่อเป็นการแสดงความเคารพนางพญาเฟ่ยเหวินหลี

ในกลางเมืองเจิ้งฝู มีรูปปั้นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีขนาดใหญ่ปรากฏอยู่

กล่าวกันว่านี่คือตระกูลปีศาจอสรพิษที่ใช้เวลาเกือบร้อยปีกว่าจะสร้างเสร็จ

เป็นศิลปะที่สูงส่งสมบูรณ์แบบ

ในระยะไกลสามารถมองเห็นได้ว่ารูปปั้นมีลักษณะสูงเด่นสง่าด้านบนประดับมงกุฏทองท่อนล่างหางเป็นงู มีหกแขน มือสองข้างถือดาบคู่ มือหนึ่งชูธงคอยบัญชาการทหารทั้งหมด มือหนึ่งถือธนูอีกข้างหนึ่งถือลูกศรอยู่ในท่าพร้อมยิง มือขวาที่เหลือข้างหนึ่งชี้ไปข้างหน้าดูเด่นสง่าเป็นที่ประทับใจชาวโลก

ไม่ต้องพูดถึงการเผชิญหน้ากับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีแท้ๆ เลยแม้แต่เผชิญกับรูปปั้นนี้ ผู้คนก็ยังรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อย

เมื่ออยู่ต่อหน้านางพญาผู้พิชิตแม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์หรือสุดยอดฝีมือตำหนักกลางก็ยังต้องก้มหัวให้อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย

ที่นี่แตกต่างจากเมืองทั่วไปอย่างสิ้นเชิงเมืองเจิ้งฝูไม่มีเขตทำธุรกิจที่เป็นทางการของเมืองแม้ว่าจะมีเขตที่อยู่อาศัยแต่สร้างขึ้นง่ายๆ คล้ายกับค่ายพักแรมทหาร  คนเดินถนนไม่ใช่คนธรรมดา แม้แต่ชายชราผู้นอนกับพื้นชุดขาดรุ่งริ่งหรือชายชราพิการกวาดพื้นหิมะก็ยังมีระดับพลังมากกว่าปราณฟ้าระดับห้าและบางคนยังแข็งแกร่งกว่าราชาหลิงหวินหลายเท่า  แต่ที่นี่เป็นแค่คนกวาดถนนหรือขอทานชราเท่านั้น

ไม่มีพลังระดับปราณฟ้า ไม่มีใครกล้าเข้ามาในเมืองนี้

เพราะพวกเขาจะมีความรู้สึกด้อยค่า

ที่นี่มีภาพบางคนยืนอยู่ที่หน้าประตูพุงของเขาโตเหมือนพุงคางคก เขาเป็นเจ้าของโรงแรมขนาดใหญ่ บางคนถือแผงเครื่องดื่มเหล้ายาอยู่ในอาการเมามาย  บางคนก็ขับขี่รถเทียมด้วยมังกรระดับปราณฟ้าเชิญชวนแขกให้โดยสาร  คนค้าขายบางคนยิ้มให้เขาอย่างมืออาชีพนายพรานบางคนแบกหมีหิมะอยู่บนหลังและใช้รถขนไม้ฟืน เด็กสาวคนหนึ่งขายข้าวสาลีหิมะหวานอยู่บนถนนพ่อค้าเร่หยิบกังหันลมออกมาปั่นเพื่อเรียกความสนใจของลูกค้า...คนทั้งหมดนี้ล้วนเป็นนักสู้ปราณฟ้า

นอกจากนี้นักสู้ปราณฟ้าเหล่านี้ไม่ใช่ระดับเดียวกับนักสู้ปราณฟ้าทั่วไปคนเหล่านี้มีรังสีฆ่าฟันอยู่ในใบหน้า

แม้ว่าจะข่มเอาไว้เป็นอย่างดี แต่ยังคงรั่วไหลออกมาเล็กน้อยทำให้หัวใจมนุษย์สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว

ด้วยสุดยอดพลังปราณฟ้าระดับห้า  ราชาหลิงหวินแทบจะมีพลังใกล้เคียงปราณฟ้าระดับหก  เขายังเป็นได้เพียงราชาของประเทศหนึ่ง  แต่ที่นี่คนที่อยู่ตามถนนทั้งหมดล้วนแข็งแกร่งมากกว่าเขา  ไม่ว่าจะเป็นคนชรา บุรุษสองคนและสตรีล้วนแต่มีพลังปราณฟ้าระดับห้าขึ้นไป ยิ่งมีรูปลักษณ์เยาว์วัยจะมีพลังอ่อนแอกว่าเหมือนอย่างเด็กสาวที่ขายข้าวสาลีหิมะหวานนางอ่อนแอที่สุดในเมืองเจิ้งฝูยังดูว่ามีพลังปราณฟ้าระดับหนึ่ง

พลังปราณฟ้าระดับหนึ่งนี้ราชาหลิงหวินประเมินแล้วว่าหญิงสาวผู้นี้สามารถใช้นิ้วเดียวก็ฆ่าถูตั่วที่มีพลังระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย

เรือเหาะจอดไว้นอกเมืองเจิ้งฝู  การขับขี่อากาศยานไม่ใช่เรื่องเหมาะสม

เชื่อได้ว่าคนเหล่านี้มาที่โบราณสถานเพื่อสักการะนางพญาผู้พิชิต

อย่างไรก็ตามนักสู้ที่มีระดับต่ำกว่าปราณฟ้านอกจากเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ ทหารรับจ้างระดับปราณฟ้าธรรมดาไม่กล้าเข้าเมือง  แม้แต่นักสู้ปราณฟ้าระดับถูตั่วเมื่อเข้าเมืองพอเห็นนักสู้ปราณฟ้าได้แต่ก้มหน้าเดินตลอดทาง

มองขึ้นไปจะเห็นรูปปั้นสูงใหญ่

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีดูเด่นเป็นสง่าท่าแขนสื่อให้เห็นถึงการพิชิต ปรากฏเป็นภาพที่ไม่ธรรมดาคลุมทั้งฟ้าและพื้นโลก คนที่อ่อนแอเห็นแล้วอดสั่นสะท้านไม่ได้

“ไปหาที่ดื่มกินกันเถอะ!”

เขาสามารถชมทัศนียภาพเมืองเจิ้งฝูจากที่นี่เขารู้สึกว่าที่นี่มีกลิ่นอายของมนุษย์ นางพญาเฟ่ยเหวินหลีสำหรับคนอื่นถือว่าสูงส่งมากสง่างามมีราศี  แต่สำหรับเย่ว์หยาง นางคือนางพญาที่เหมือนพี่สาวไม่ใช่แค่รูปปั้น แต่เป็นคนจริงที่เขาเคยกอดเคยจูบมาแล้ว แทบจะทุกครั้งที่เย่ว์หยางเข้าไปเยี่ยมนางนางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะสูบปราณก่อกำเนิดจากเขาแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว  เพราะเทพธิดากระบี่ฟ้าต่างหากที่เป็นดาวข่มของเย่ว์หยาง

ราชาหลิงหวินจนกระทั่งบัดนี้จึงพบว่าตัวเขาเองกับเย่ว์หยางแตกต่างกันสุดกู่

ในเมืองเจิ้งฝูราชาหลิงหวินสั่นสะท้านและระมัดระวังตัวเพราะกลัวจะทำสิ่งผิดพลาด

แต่คุณชายสามอยู่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ...ถ้าไม่มีพลังแข็งแกร่งเพียงพอจะกล้าเข้ามาอย่างผ่อนคลายหรือต้องทราบว่าที่นี่นักสู้ปราณฟ้าต่อให้ยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตามจะต้องบินต่ำเพื่อแสดงความเคารพนับถือเมืองเจิ้งฝูไม่เคยมีอสูรปีศาจ อสูรและนักสู้ปราณฟ้าใดๆกล้าบินเหนือรูปปั้นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีมาก่อน ไม่มีเด็ดขาด!

ไม่มีเงื่อนไขมากมายในที่นี่

ร้านเหล้ามีเพียงสองสามแห่งในเมือง และมีขนาดเล็กมาก

เย่ว์หยางก้าวเดินเข้าไปในร้านเหล้าที่ใกล้ที่สุดเขาไม่ใส่ใจกับภาพพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าเขาเดินเข้ามาจนถึงเคาน์เตอร์คนขายเหล้า เอามือกดกระดิ่งและกล่าว  “รอบนี้ ข้าขอเชิญทุกคนดื่มกินได้ตามสบาย!”

ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ ภายในห้องปั่นป่วนเล็กน้อยจากนั้นก็เงียบทันที เป็นความเงียบที่น่ากลัว

ราชาหลิงหวินเพียงแต่คิดว่าเขาทำเอาเท่

ครั้งแรกเขารู้สึกไม่สบายใจเหมือนกับว่าสายตาของคนเหล่านี้เป็นลูกศรที่กำลังเล็งมาทางร่างพวกเขาและยิงทะลุได้อย่างง่ายดาย

ถูไห่ยังพอรับได้ แต่ถูตั่วผู้น่าสงสารสั่นสะท้านไปทั้งตัว

บรรยากาศในพื้นที่นี้น่ากลัวยิ่งกว่าวันที่เมืองลี่จ้าวถูกนักสู้ปราณฟ้าร้อยคนล้อมโจมตี

อย่างน้อยนักรบปราณฟ้าแดนทมิฬก็ไม่มีโรงเหล้าที่มีคนแก่พลังปราณฟ้าสูงกว่าระดับห้าหลายคนในร้านเหล้าทั่วไปนี้มีนักสู้พลังปราณฟ้าระดับห้าอย่างน้อยก็สามสิบคนไม่ว่าจะเป็นคนพิการคนแก่ผมเผ้าขาวโพลน ทั้งหมดพลังพอๆ กับราชาหลิงหวิน มีกระทั่งบางคนพลังสูงกว่าราชาหลิงหวินมาก

คนแก่หลายคนมีพลังปราณฟ้าระดับหก

พวกขี้เมาที่อยู่ข้างล่างพลังปราณฟ้าระดับสามในร้านเหล้านี้ไม่ปรากฏเลยสักคน

“เด็กน้อย!  ไม่ใช่ว่าที่นี่จะชอบดื่มเหล้ากันทุกคน” บุรุษขี้เมาวัยกลางคนลุกขึ้นยืนทันทีและพูดอย่างเย็นชา

“วันนี้เราคุณชายเชิญให้พวกท่านดื่มนั่นนับเป็นโชคใหญ่ของพวกท่านแล้ว  ถ้าไม่เห็นแก่หน้าของพวกท่าน! เราคุณชายคงไม่ขอให้คนอื่นดื่มแน่ หรือว่าพวกท่านจะไม่ดื่ม!”   เย่ว์หยางไม่โกรธกับการอาการชวนทะเลาะและไม่สนใจว่านักดื่มเหล่านั้นจะยินดีดื่มหรือไม่หรือดื่มแล้วคนเหล่านี้จะกลับมามีชีวิตชีวาได้หรือ?

“....”ราชาหลิงหวินและถูไห่ได้ยินคำโต้ตอบของเย่ว์หยางรู้สึกกลัวจนหลั่งเหงื่อกาฬ  ถูตั่วตะลึงกลัวจนนิ่งอยู่กับที่

ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!

ในร้านเหล้าที่ตอนแรกเงียบสนิท

จู่ๆ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม พวกเขาหัวเราะเบาๆและจากนั้นก็เปล่งเสียงหัวเราะไม่ยั้ง

ในที่สุดไม่ว่าจะเป็นชายวัยกลางคน วัยแก่ชราแม้แต่คนขายเหล้าต่างหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง

ชายชราคนนหนึ่งหัวเราะจนน้ำตาหลั่งไหล บางคนก็ตบโต๊ะพลางหัวเราะ  “เอาล่ะ, เด็กน้อย ที่ผ่านมาหลายปีนี้ข้ายังไม่เคยเห็นเด็กกล้าหาญและน่าสนใจอย่างเจ้า ช่างน่าสนใจจริงๆ!”

“เอาเหล้ามาให้เราใครใคร่ดื่ม..ดื่ม ใครไม่อยากดื่มก็ไม่ต้องดื่ม” มีชายชราอยู่คนเดียวที่ไม่ยิ้มเขามองเย่ว์หยางและส่งแก้วให้คนขายเหล้า เขาดูเหมือนจะเป็นหัวโจกในร้านเหล้าแห่งนี้  เมื่อเขาเอ่ยปากพูดทุกคนจะโห่ร้องเสริม พวกเขาอยากดื่มกินมากจนบางคนรอไม่ไหวปีนไปที่ตู้เหล้าและรินเหล้าโดยไม่รั้งรอ

“ผู้เฒ่า ดื่มเหล้าของข้าแล้ว ช่วยข้าหน่อยได้หรือเปล่า?ขอถามท่านเป็นการส่วนตัว ท่านชื่อคุ้ก แคริบเบียนหรือเปล่า”  เย่ว์หยางนั่งลงที่โต๊ะไม้ตรงข้ามกับชายชราทำเหมือนกับชนแก้วกับคนคุ้นเคยฝ่ายตรงข้ามจากนั้นเอ่ยปากถามหาบริวารของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีอดีตหัวหน้าโจรสลัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุด  เขาชายชราเหล่านี้คือทหารผ่านศึกของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีจริงๆ  มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่จับเจ่าอยู่ที่นี่  ด้วยพลังของพวกเขากลับยินยอมจะเป็นคนแก่กวาดถนนไม่ยอมไปเป็นราชาผู้ปกครอง พวกเขาอาจเป็นราชาด้วยพลังขนาดนี้อย่างสบาย ปกครองพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเหมือนอย่างชายชราผู้นี้มีพลังปราณฟ้าระดับเจ็ด

เมื่อเย่ว์หยางเปิดหัวข้อการสนทนาทำให้ผู้คนที่ดื่มกินกันอยู่เงียบเสียงอีกครั้ง

เมื่อได้ยินชื่อของคุ้ก แคริบเบียนหลายๆ คนก้มมองแก้วเหล้าพวกที่เมาอยู่แต่เดิมแทบจะสร่างเมา

ราชาหลิงหวินและถูไห่และคนอื่นร่ำร้องอยู่ในใจว่าจบสิ้นกันนี่ดูเหมือนเป็นชื่อต้องห้ามในเมืองเจิ้งฝูมิฉะนั้นผู้เฒ่าเหล่านั้นที่กำลังดื่มกินอย่างมีความสุขคงไม่ทำท่าอย่างนั้น

ชายชรานั่งมองดูเย่ว์หยางด้วยแววตาแก่ชราอยู่ครู่หนึ่ง  จากนั้นเขาส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้จักร้านค้าคุกอะไรนั่น”

เย่ว์หยางรู้ว่าพวกเขาไม่ยินดีจะพูด เพราะกลัวก่อภัยให้สหาย

พวกนักดื่มชราก้มหน้าก้มตาดื่มต่อเงียบๆ

ในเวลานี้ไม่สะดวกจะบอกความจริงเกี่ยวกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีการจะได้รับความไว้วางใจจากคนกลุ่มนี้ยังเป็นไปไม่ได้  เหมือนว่าเวลานี้ควรเป็นเวลาเชิญให้พวกเขาดื่มกินพอคิดได้เช่นนี้แล้ว ก็รู้สึกดีอย่างน้อยชายชราเหล่านี้ยังคงมีความภักดีต่อนางพญาเฟ่ยเหวินหลี  ถ้าบอกเรื่องราวโดยตรงคงไม่ใช่เรื่องดีแน่

“ช่างเถอะ เชิญท่านดื่มอีกจอกหนึ่งเราคุณชายขอปรับตัวเองดื่มหนึ่งจอก” เย่ว์หยางไปที่โต๊ะบอกเจ้าอ้วนไห่ “จ่ายเงินด้วยอย่าให้ผู้เฒ่าเหล่านี้คิดบัญชีเก่าก่อนนั้นรวมกับเรา”

ทันทีที่เห็นเหล้าเหลืออยู่ในแก้ว เขารีบยกขึ้นดื่มทันที

รีบดื่มให้หมดเร็วๆไม่งั้นอาจโดนผู้เฒ่าเหล่านี้ขโมยดื่มหมดก็เป็นได้

ราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่มองดูอย่างมึนงงเชิญให้กินเหล้า แต่กลัวอีกฝ่ายเอามาคิดรวมกับหนี้เก่าค้างชำระ?เมื่อว่าถึงเรื่องเงินทอนค่าเหล้าก็ยังใช้เป็นเงินทิปทิ้งไว้ให้แต่นี่จะไม่เหลืออะไรให้อีกฝ่ายงั้นหรือ

นี่ ความเคลื่อนไหวนี้แปลกประหลาดเกินไปแล้ว!

เย่ว์หยางกำลังดื่ม และทันใดนั้นจู่ๆผู้เฒ่าที่อยู่ด้านตรงข้ามเขาเหมือนกับนึกถึงเรื่องเก่าขึ้นมาได้ เขาพึมพำเบาๆ“เจ้าพูดถึงคุ้ก แคริบเบียน ข้าคลับคล้ายว่าจะประทับใจกับชื่อนี้มันยากจะจำได้จริงๆ ชื่อมันกระท่อนกระแท่น เอ่..ดูเหมือนจะมีคนที่ชื่อว่า คุ้กคุ้กอะไรนะ...”

เย่คงรีบถามเย่ว์หยาง

เขาลดเสียงและโน้มตัวไปถามฝ่ายตรงข้าม “ขอโทษนะชื่อผู้อาวุโส หรือคำนำหน้า?”

ชายชราลูบศีรษะล้านเลี่ยนครึ่งหัวคิดอยู่นานในที่สุดก็พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าใด“บางทีเขาอาจจะเรียกว่าจักรพรรดิแดนฟ้านี่แหละ อย่างไรก็ตามเขาคือโจรสลัดมืออาชีพ!”

“พรวด...”เย่ว์หยางเมื่อได้ยินถึงกับสำลักพ่นเหล้าออกจากปาก ชายชราที่นั่งด้านตรงข้ามถูกละอองเหล้าพ่นใส่ทั้งหมด

(จักรพรรดิแดนฟ้าเคยกล่าวไว้ในตอนเก่าๆถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นอาจารย์ของโจรสลัดตัวตลก (เสี่ยวโฉ่ว) ของแดนสวรรค์ใต้)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด