ตอนที่แล้วตอนที่ 771 ข้าคือข้า เขาคือเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 773 ความรุ่งเรืองในอดีต

ตอนที่ 772 แอบฟัง


หลังจากระเบิดครั้งใหญ่พื้นโลกได้รับความเสียหาย

เมืองขนาดใหญ่อย่างเมืองลี่จ้าวไม่ปรากฏเหลือให้เห็นอีกต่อไป  ทิ้งไว้แต่เพียงปล่องหลุมลึกขนาดมหึมามองเห็นพื้นล่างอย่างเห็นได้ชัด

ไม่ใช่เพียงเท่านั้นหุบเขาและยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปถูกทำลายถล่มทลาย เหนือพื้นที่เคยเขียวชอุ่มไม่เหลือสิ่งมีชีวิตให้เห็นอีกต่อไป

ไม่ทราบว่ากลุ่มนักรบแดนทมิฬโผล่มาจากที่ใดพวกเขาค่อยๆ มารวมตัวกัน ร่องรอยจากการระเบิดครั้งใหญ่ปรากฏอยู่ด้านหลังพวกเขา นักสู้ปราณฟ้าระดับห้าที่เป็นหัวหน้ารวมตัวปรึกษาพูดคุยกันอยู่นานมากไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างดีที่สุด

“สหายของข้า!  พวกเจ้าทำได้ดีมาก  ก่อนที่จะคุยกันถึงภารกิจครั้งต่อไปข้าขอถือโอกาสชื่นชมพวกเจ้าก่อน”

มีคนผู้หนึ่งมีร่างเปล่งแสงทองราวกับเทพเจ้า

เมื่อเขาพูดเสียงเขาดังมาจากที่ไกลสุดขอบฟ้า

พูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็เข้ามายืนอยู่ในกลางกลุ่มนักรบแดนทมิฬแล้ว

ไม่มีใครเห็นว่าเขาเคลื่อนไหวเข้ามาได้ยังไงรู้แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามไวจนคาดไม่ถึง

คนพวกนี้เป็นนักโทษในแดนทมิฬเมื่อเห็นคนผู้นี้มีรัศมีแวววาวราวกับเทพ และหน้าของเขาน่าหวาดกลัวราวกับปีศาจแม้แต่สิบผู้นำที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าพอเห็นคนผู้นี้ก็หวาดกลัวราวกับพบเจอเสือรีบเข้ามาคารวะทักทายเขาทันที

“ช่างเถอะการคารวะทักทายแบบปากไม่ตรงกับใจไม่ค่อยถูกนิสัยกับเราผู้เป็นเจ้าตำหนักนั่นเป็นแค่พิธีการข้าไม่เคยให้ความสนใจ ข้าให้ความสนใจกับผลงานมากกว่า ตราบเท่าที่พวกเจ้าบรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ไม่สำคัญ”  บุรุษผู้มีรัศมีราวกับเทพเจ้าโบกมือไม่ถือสาราวกับเป็นคนรุ่นอาวุโสมองดูเด็กๆ“คลื่นพลังปณิธานเมืองลี่จ้าวเป็นเพียงการทดสอบ ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าด้วย พวกเจ้าถือว่าสอบผ่าน ดังนั้นข้าจะมอบภารกิจที่แท้จริงกับพวกเจ้าตราบใดที่เจ้าทำได้สำเร็จทางตำหนักนิรโทษให้พวกเจ้าเหมือนที่ยกเว้นให้กับเด็กและสตรีมีครรภ์”

“ภารกิจต่อไปคืออะไร?”หนึ่งในสิบของคนในกลุ่มหัวหน้ายืนขึ้นเขาไม่ยินดีจะก้มหัวแสดงความเคารพฝ่ายตรงข้ามและถามขึ้น

“ในดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ  มีร่องรอยโบราณสถานปรากฏขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเจ้าต้องร่วมกับนักสู้ปราณฟ้าฆ่าคนที่นั่นทุกคนอย่าไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว” บุรุษร่างแสงสว่างอ้าปาก

“ท่านเจ้าตำหนัก, คนของเรามีน้อยเกินไป”  หัวหน้านักสู้ปราณฟ้าคนหนึ่งพยายามอธิบาย“นอกจากนี้ร่างของเรายังถูกผนึกพลังไว้ส่วนหนึ่งอยู่ไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่”

“ถ้าท่านสามารถปลดผนึกให้เราชั่วคราวได้นั่นก็ยังดี” หัวหน้าคนที่ตัวใหญ่ที่สุดเข้ามายืนใกล้

“ตอนนี้เราสามารถใช้พลังได้เพียงครึ่งเดียว” คนที่พูดคนสุดท้ายเป็นคนกลุ่มหัวหน้าร่างผอมเล็ก

“สหายข้า, จงฟังและจำไว้ให้ดี อย่าได้สงสัยคำพูดของข้าอีกต่อไป  เข้าใจไหม? คำที่เจ้าตำหนักพูดไม่มีทางผิดและเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ด้วยสติปัญญาของเจ้า พวกเจ้าเปลี่ยนพลังปณิธานของเจ้าตำหนักได้หรือ?  ไม่มีทาง! อีกอย่างหนึ่งพวกเจ้าคิดว่าข้าพูดกับพวกเจ้าโดยไม่ใช้สมองคิดหรือ?ไม่มีทาง  คำพูดของเราเจ้าตำหนักเป็นตัวแทนของวิหารได้เว้นแต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ในแง่ศักดิ์ศรีความถูกต้องเกินกว่าใครจะเทียบได้” เสียงของเขาดังกึกก้องทำให้ภูเขาสั่นสะเทือน

ขณะนั้นนักรบแดนทมิฬหวาดกลัวพากันถอยกรูดบุรุษรัศมีทองพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

เขามีสีหน้าแสดงความสงสาร

และพูดกับนักรบแดนทมิฬ “อย่ากลัวไปเลยเราเจ้าตำหนักไม่ทำร้ายพวกเจ้า ตราบเท่าที่นักรบส่วนใหญ่ในวิหารเบื่อหน่าย  พวกเจ้าจะมีความสุขอยู่กับพวกแดนทมิฬที่ถูกเนรเทศและในใจเราเจ้าตำหนักมีแต่เวทนาเห็นใจพวกเจ้า”

“เกี่ยวกับภารกิจ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไม่ต้องใช้ความอดทน เราเจ้าตำหนักจะจัดการให้พวกเจ้า มิฉะนั้นพวกเจ้าก็ไร้ประโยชน์เป็นเวลาหลายพันปีแล้วที่พวกเจ้า และผู้อาวุโสของพวกเจ้าเอาแต่ส่งเสียงดังมันมีประโยชน์อันใดเล่า? ล้วนแต่ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น ต้องมีการลงทุนถึงจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้นี่คือหลักการของแดนสวรรค์  พวกเจ้าต้องการได้รับอิสรภาพอารมณ์แบบนี้ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ความหวังที่พวกเจ้าต้องให้ความสนใจเกี่ยวข้องกับการลงทุน  ยิ่งเจ้าลงทุนมากเจ้าก็จะได้รับผลมากพอกัน  ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ โดยไม่ลงทุนลงแรง!    พวกเจ้าต้องการอิสรภาพพวกเจ้าก็แค่ต้องจ่ายกลับมาในระดับมูลค่าที่เท่าเทียมกัน  ถ้าเป็นเจ้าตำหนักคนอื่นคำขอของพวกเจ้าเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีเป็นที่สุด แต่สำหรับข้ายินดีให้อภัยกับพวกเจ้า และข้าสามารถอธิบายและแนะนำพวกเจ้าได้”

“สหายข้า!อย่าพยายามใช้สติปัญญาของมนุษย์คาดเดาการตัดสินใจของเทพ  แม้ว่าประกายเทพของเจ้าตำหนักจะตกลงมาเป็นสายฝนแต่ก็เป็นการคงอยู่ระดับเทียมเทพของพวกเจ้าผู้อยู่ในแดนทมิฬ  ดังนั้นการตัดสินใจที่ข้าทำนั้นถูกต้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  นอกจากนี้เจ้าไม่ต้องรอรับแรงบันดาลใจเพื่อขับเคลื่อนการกระทำ  นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะคิดกัน  มีหลายอย่างในโลกนี้ที่พวกเจ้าทำไม่ได้และนี่เป็นหนึ่งในปัญหานั้น บางอย่างที่เป็นความแข็งแกร่งของพวกเจ้า ที่เจ้าจะต้องทำก็คือดำเนินการอย่างสุดกำลังทำให้สำเร็จ!”

นักรบปราณฟ้าจากแดนทมิฬไม่พอใจบุรุษที่เหมือนเทพผู้นี้

แต่พวกเขาได้แต่คำนับและตอบรับเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นพลังหรืออำนาจ  ฝ่ายตรงข้ามเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยากจะต่อต้าน

นักสู้แดนทมิฬแม้ว่าจะไม่พอใจอยู่ในใจแต่ก็ต้องยอมแพ้อยู่ดี

“ก่อนที่ข้าจะจากไป ข้าอยากจะบอกพวกเจ้า สหายทั้งหลาย  บางครั้งถูกและผิด พ่ายแพ้และชนะ ธรรมะและอธรรมไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะคิดถึงได้  เมื่อพวกเจ้าทำภารกิจได้สำเร็จ  และพูดเอาแต่ตามใจตนเอง ดึงดันถือดีในการพบกันครั้งต่อไป เราเจ้าตำหนักคงไม่อาจพูดกับพวกเจ้าได้อย่างสงบใจเย็นได้ข้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่พวกเจ้าขอ  แต่ผลลัพธ์จะต้องสอดคล้องกับคำขอ  พวกเจ้าไม่ต้องคิดอะไรมาก  ถ้าพวกเจ้าต้องการคิด คิดดูให้ดีพวกเจ้ายังมีคนรักอีกมากรอให้เจ้าทำงานแลกอิสรภาพ”   บุรุษรัศมีทองโบกมือ ลำแสงสีทองก็ฉายออก

ตรงไปยังร่างของหัวหน้านักรบแดนทมิฬทั้งสิบ

ขณะที่นักรบแดนทมิฬตกใจกันหมดปรากฏยันต์อักษรรูนสวรรค์และปลดผนึกในตัวของพวกเขาให้ชั่วคราว

แม้ว่าจะเจ็บปวดแต่พลังของหัวหน้านักรบแดนทมิฬทั้งสิบก็เพิ่มมากขึ้น  บาดแผลบนร่างกายสมานตัวอย่างรวดเร็ว  ก่อนที่เขาจะจากไปบุรุษรัศมีทองถาม  “องค์ชายเผ่ากาทองหนีรอดได้หรือเปล่า?”

“มีเด็กหนุ่มที่ทรงพลังน่ากลัวยิ่งกว่าองค์ชายแปดเผ่ากาทองโผล่ออกมาและเราไม่สามารถห้ามเขามิให้จากไปได้” หัวหน้าคนแรกตอบ แม้ว่าเขาจะตอบความจริงก็ตามแต่เขาไม่ได้อธิบายลักษณะของเย่ว์หยางและไม่ได้อธิบายถึงอายุ  เขาไม่พูดถึงแม้แต่วิชาที่เย่ว์หยางใช้บุรุษรัศมีทองจึงฟังเหมือนกับว่าเป็นบุรุษนักสู้ปราณฟ้าที่ทรงพลังแต่ไม่รู้ว่าเย่ว์หยางยังเยาว์วัยเหลือเชื่อ ถ้าหัวหน้าคนแรกพูดถึงเรื่องนี้ บุรุษร่างทองจะต้องเกิดความสงสัยแน่นอน และจะต้องสาวรอยจนถึงที่สุด

อย่างไรก็ตามเพราะคำพูดของหัวหน้าคนแรกของสิบผู้นำแดนทมิฬทำให้เขาพลาดโอกาสเช่นนั้น

ถ้าเขาใส่ใจศักดิ์ศรีของนักรบแดนทมิฬเหล่านี้  เขาจะไม่มีทางพลาดข้อมูลเช่นนั้น

สิบหัวหน้านักรบแดนทมิฬคนอื่นไม่มีใครพูด

พวกเขาไม่แน่ใจว่าเย่ว์หยางเป็นใคร แต่พวกเขาแน่ใจว่าถ้าเด็กหนุ่มผู้นี้เติบโตขึ้นจะต้องเป็นนักสู้ที่สั่นสะเทือนแดนสวรรค์แน่นอน

ถ้าเด็กหนุ่มที่กำลังเติบโตเช่นนี้ถูกตำหนักกลางแดนสวรรค์พบเจอก่อน  พวกเขาจะต้องทำลายแน่นอน  แม้ว่านักรบแดนทมิฬจะไม่รู้จักเย่ว์หยางแต่เมื่อเห็นศัตรูของตำหนักกลางแดนสวรรค์แข็งแกร่งพวกเขาจะปกปิดไว้ให้ แต่ถึงจะรายงานขึ้นไปพวกเขาอาจจะไม่เห็นคุณค่าก็ได้

เขาพูดอีกครั้ง  “ตราบเท่าที่พวกเจ้าไม่พูดอะไร  พวกเจ้าอาจทำให้ตำหนักกลางโชคร้ายในอนาคตได้”

ในฐานะนักรบจากแดนทมิฬ พวกเขาสามารถต้านได้หรือ?

“องค์ชายแปดแห่งเผ่ากาทอง  ถ้าข้ารู้ว่าเป็นเขา ข้าคงจะมาเร็วกว่านี้สักสองวัน  น่าเสียดาย ครั้งนี้เผ่าภูตบูรพาสามารถตั้งหลักได้ แต่ช่างเถอะ ยังคงมีโอกาส พวกเจ้าไม่ต้องสนใจทุกเรื่อง แค่ทำตามที่ข้าสั่งไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร พวกเจ้าสามารถฆ่าได้ ถ้าฆ่าไม่ได้ก็ส่งรายงานไปที่ทูตพิเศษ และร่วมมือกับทูตพิเศษ  ความต้องการของข้าง่ายมากนั่นคืออย่าไว้ชีวิตใคร”

บุรุษรัศมีทองพูดจบก็โบกมือ

ร่างของเขาสว่างเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์

เมื่อนักรบแดนทมิฬลืมตาได้บุรุษรัศมีทองก็หายไปแล้ว

“จะไปดินแดนทุ่งหิมะจริงๆ หรือ?  โบราณสถานที่นั่นมีนักสู้ปราณฟ้าอย่างน้อยพันคนไปที่นั่น  เราจะฆ่าพวกเขาไหวหรือ?  ภารกิจนี้เป็นไปไม่ได้เลย”  หัวหน้านักสู้แดนทมิฬร่างผอมหน้าเขียวคล้ำและโกรธ

“นักสู้ปราณฟ้าเป็นพัน?  ข้าเกรงว่าจะเป็นหมื่นด้วยซ้ำ”  หัวหน้าผอมอีกคนหนึ่งมองโลกในแง่ร้าย

“โอว..ไม่ว่ายังไงเราก็ทำตามสุภาพบุรุษผู้นั้นเท่าที่เขาพูดครั้งสุดท้ายเราต้องไปทำภารกิจกันเดี๋ยวนี้อย่าถามเขาเป็นดีที่สุด” หัวหน้านักรบแดนทมิฬคนแรกดูซึมเศร้าเล็กน้อยเขาโบกมือให้นักรบแดนทมิฬทั้งหมดมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ขณะเดียวกันเขาตบไหล่ปลอบโยนหัวหน้าร่างผอมที่ยังไม่หายโกรธเบาๆ  “เราทนมาได้หมื่นปีเพื่ออะไร?  เพื่อฟื้นฟูไงเล่า  ความหวังในการฟื้นฟูทุกอย่างเพื่อลูกหลานของเรา ถ้าไม่ใช่เพื่อคนรุ่นหลังในอนาคต เราจะไม่มีทางออกมาจากแดนทมิฬได้ไม่มีทางได้รับอิสรภาพ”

“สักวัน นักสู้รุ่นหลังของเราจะฆ่าพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์และเหยียบย่ำเจ้าผู้ทำตัวสูงส่งพวกนี้ไว้ในใต้เท้า”  หัวหน้าร่างผอมมีนัยน์ตาน่ากลัวทันที  “ข้าหวังว่า ข้าจะมีชีวิตได้เห็นวันนั้น”

“ถูกแล้ว ตราบใดที่ยังมีความหวัง  วันนั้นคงอยู่ไม่ไกล” หัวหน้าที่รูปร่างสูงที่สุดแค่นเสียง

รอจนนักรบแดนทมิฬไปไกล

บนพื้นที่เป็นเปลวไฟกลุ่มหนึ่งที่ลุกไหม้แท้จริงนั่นคือภูตเพลิงฟ้าที่ไม่มีรูปร่าง

ไม่ว่านางไปที่ใดเปลวเพลิงทั้งหมดดูเหมือนจะเชื่อฟังคำสั่งโค้งเปิดทางให้โดยอัตโนมัติ”  เย่ว์หยางเดินออกมาจากภายในอย่างสบายๆ

ในดวงตาของเขามีแววเยาะเย้ย ในวันเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดินเย่ว์หยางสงสัยว่าเรื่องนี้มีกลิ่นไม่ดี  เจ้าตำหนักจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวข้องเรื่องทั้งหมดและเรื่องนี้ชัดเจนแล้ว

“เทียบกันแล้ว ยายเฒ่าจักรพรรดินีฟ้านั่นยังรับมือยากกว่า  อย่างไรก็ตามเจ้าผู้นี้ก็ยังแข็งแกร่งมากแต่ยังไม่มีอะไรมาก”  เย่ว์หยางยักไหล่ขณะเตรียมจะจากไป เขาไม่ลืมคิดที่จะลงไปสำรวจปล่องแรงระเบิดที่ก้นหลุมขนาดยักษ์อยู่นานและเก็บรวบรวมผลึกที่กระจัดกระจายเข้าไว้ด้วยกัน “โชคดีเป็นบ้า! ไม่คิดเลยว่าผลึกสวรรค์ต้องห้ามแดนสวรรค์เมื่อหกพันปีก่อนจะรอดพ้นจากแรงระเบิดใหญ่ครั้งนี้  มาแดนสวรรค์คราวนี้ไม่เสียเที่ยวเปล่าเลยจริงๆ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด