ตอนที่แล้วตอนที่ 769 วันสำคัญก่อนเคลื่อนกำลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 771 มีใครข้องใจอีกไหม

ตอนที่ 770 สร้างชื่อในศึกเดียว


คลิฟหน้าเขียวแต่การป้องกันของอีกฝ่ายหนึ่งมั่นคงดังภูผา และพลังที่เขาใช้การโจมตีทุกรูปแบบปล่อยศพทหารฝ่ายพวกเขาไว้  แม้ว่าเขาจะมีชื่อว่าเลือดเหล็กก็ยังรู้สึกเจ็บปวด

เซี่ยอวี่อัน ชื่อที่ไม่คุ้นเคย

‘กล่าวกันว่าเขาเคยติดอันดับเกินร้อยในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และบุรุษผู้นี้หยุดข้าไว้กับที่ได้ยังไง?’

คลิฟคือแม่ทัพทหารอันดับหนึ่งของโกวเฉิงเหวินเต้ามีฉายาว่าทหารม้าเลือดเหล็กอยู่ใต้บัญชาของเขา  เขามีรูปร่างสูงใหญ่ผมหงอก ดวงตานิ่ง อารมณ์เยือกเย็น  เขาเป็นบุรุษที่ตรงไปตรงมาเสียสละและเป็นแม่ทัพที่เข้มงวดที่สุดในกองทัพ

แนวป้องกันที่จัดโดยพันธมิตรใต้มีมาตรฐานอยู่บ้าง  เป็นเหมือนกับข่ายที่แข็งแรง  แต่ภายใต้การรุกบดขยี้มันพังทลายอย่างรวดเร็ว แต่การพังทลายของแนวป้องกันเป็นฟ้าส่งโอกาสให้ขุนพลอย่างคลิฟ  ถ้าพวกเขาสามารถเข้าใจถึงเวลาที่เหมาะสม  ชัยชนะจะตกอยู่ในมือของพวกเขา  ไม่มีขุนพลทหารคนใดที่ยินยอมพ่ายแพ้ เนื่องจากขวัญและกำลังใจของทหารจะดิ่งฮวบและพวกเขาจะอ่อนแอกลายเป็นคนขวัญผวาได้ง่าย  พอลมพัดแรงหน่อยพวกเขาจะตกใจควบคุมตนเองไม่ได้ และพลังป้องกันของพวกเขาจะพังทลายมาจากภายใน

ความพ่ายแพ้ของแนวหน้าจะทำให้ด้านหลังพังทลายได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในประวัติศาสตร์

เมื่อกองทัพข้างหน้าพวกเขาเริ่มขยายการเคลื่อนไหว  เหมือนกับถูกตอกตะปูตรึงกับพื้นยึดจุดป้องกันสำคัญไว้ ถ้าคลิฟไม่กำจัดการตรึงแล้ว  ทหารที่บุกโจมตีอาจเผชิญกับการคุกคามได้ทุกเมื่อ

คลิฟสังเกตเห็นกองกำลังทันทีจากนั้นสั่งให้หน่วยที่สามของเขา ที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุดทำลายกองกำลังนั้น

แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือหน่วยที่สามยังไม่ทันกำหนดตำแหน่งโจมตี แต่พวกเขาสูญเสียงกองกำลังไปเกือบครึ่งหน่วย  นี่ทำให้คลิฟโกรธมาก  เขามีหน่วยทหารที่เขาสั่งการห้าหน่วยใหญ่    เขาตำหนินายกองหน่วยที่สามอย่างหนัก  จากนั้นสั่งหน่วยที่สองของเขาให้โจมตี

ทุกๆ นาทีสำคัญต่อการรุกคืบของพวกเขา   โอกาสกำลังหนีห่างออกไปและเมื่อพวกเขาให้โอกาสศัตรูหายใจ ศัตรูจะตั้งหลักได้อีกครั้ง

หน่วยที่สองของคลิฟกลับมาด้วยสภาพกำลังใจตกต่ำหลังจากพวกเขาพ่ายแพ้

ในที่สุด, คลิฟก็ทนต่อไปไม่ได้และนำหน่วยของเขาซึ่งมีกำลังพลสามพันนาย และนำต่อสู้เบิกทางด้วยตนเอง

แต่...

เซี่ยอวี่อัน ไม่มีใครสามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้โดยตรง

นอกจากกำลังพลหนึ่งในห้าของสามพันคนต้องตายไปและสิ่งที่ทำให้คลิฟรู้สึกจนใจก็คือผ่านไปสามวันเต็มแล้ว  ต่อให้พวกเขากำจัดกองพลนางแอ่นได้  พวกเขาจะไม่มีโอกาสฉายประกายต่อไป

ขณะที่ขวัญกำลังใจ....

คลิฟมองดูใบหน้าที่หม่นหมองรอบตัวเขา  และรู้สึกว่ากำลังใจของพวกเขาตกต่ำ

‘พวกเขาไม่สามารถดำเนินการโจมตีต่อไปได้แล้ว’

“ถอยก่อน  เราจะพักกันสามวัน”

คำสั่งของคลิฟทำให้เกิดเสียงฮือฮาใหญ่  นายกองและทหารหลายคนมีสีหน้าเหลือเชื่อ  พวกเขาจ้องดูท่านคลิฟอย่างว่างเปล่า  บุรุษที่พวกเขามองเห็นเหมือนกับไร้อารมณ์  พวกเขาไม่เคยคิดว่าคำสั่งเช่นนั้นจะออกมาจากปากของท่านคลิฟ

คลิฟมองดูคนของเขาโดยไม่แสดงอารมณ์อะไร  เขาเห็นความโล่งใจอยู่ในแววตาที่ตกใจของพวกเขา

‘แรงเฉื่อยถูกทำลายเสียแล้ว’

ทหารและนายทหารภายใต้บังคับบัญชาของเขาสูญเสียความเชื่อมั่นในชัยชนะ  คลิฟตัดสินใจได้เร็ว  สำหรับกองทัพที่ประกอบไปด้วยหน่วยเล็กๆ นั่นคือสัญญาณอันตราย

บริวารของเขาผู้ยังสับสนยังคงถอยช้าๆ  แต่คลิฟถอยกลับ  ดวงตาสีเทาของเขาจ้องมองกระบวนศึกของศัตรู

การต่อสู้ปรากฏในใจของเขาอีกครั้งหนึ่ง  รูปแบบการโจมตีของกองพลนางแอ่นมีความเป็นเฉพาะแบบ แต่สิ่งที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคลิฟก็คืออาวุธฟุ่มเฟือยของพวกเขา

ทหารทุกคนใช้อาวุธวิญญาณ และแส้ประหลาดของเซี่ยอวี่อันก็มีคุณภาพระดับสูง มันแข็งแกร่งมากกว่า  เทียบกับพวกเขาแล้ว  บริวารของเขาใช้อาวุธหยาบง่ายเหมือนกับชาวนา

แม้ว่าภูมิภาคใต้จะมีการค้ารุ่งเรือง  พันธมิตรใต้ก็ไม่ได้เปรียบมากนักและแม้แต่มหาอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา พอเทียบกับทวีปกวงหมิงแล้วก็ไม่มีอะไร

‘สมบัติวิญญาณทั้งหมดมาจากไหน?’

จากนั้นคลิฟคิดเกี่ยวกับเรื่องเล่าลือที่เขาได้ยินมาเมื่อเขากลับมาในทวีปหัวใจของเขาเต้นแรง ‘หรือว่าจะเป็น....’

แต่เขาโยนความคิดนั้นออกไปจากใจอย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของผู้บริหารเบื้องบนของเขา  ‘ข้าเป็นแค่แม่ทัพทหาร  หน้าที่และงานของข้าเพียงอย่างเดียวก็คือเอาชัยชนะมาให้ได้’

คลิฟไม่ดูถูกศัตรู  ในช่วงเวลาสามวันสั้นๆ นี้เขาเสียคนไปสองหน่วย  และวันสุดท้าย เขาระดมคนหน่วยของเขาอีกสามพัน

แต่ศัตรูไม่สะทกสะท้าน

กองทัพมาตรฐานมีกำลังพลห้าพันนาย  ซึ่งยังคงหมายความว่าเพิ่มกำลังโจมตีศัตรูโดยรวมก็ 13,000 คน  นอกจากนี้บริวารของเขาเองที่ขึ้นกับคำสั่งเขาโดยตรงเป็นทหารฝีมือดี รองลงมาก็เป็นบริวารฝีมือของห้าขุนพลใหญ่ อาศัยคน 3000 เขามีความมั่นใจว่าจะกำจัดกองกำลังทั้งสองได้

ศัตรูมีกำลังพลอยู่เท่าใด?

5000

แค่เพียงอาศัยแนวป้องกันที่หนาแน่นและอาวุธ  พวกเขาจะสามารถทนการโจมตีที่รุนแรงได้หรือ? คนของคลิฟเลือกมาจากพวกที่มีความสำเร็จที่ดีที่สุด  แต่พวกเขาไม่เคยพบกับศัตรูที่ต้านทานพวกเขาได้สำเร็จ

เขาไม่เคยดูถูกศัตรูที่เขาเผชิญ  และยังให้เขาต้องสูญเสียอย่างหนัก  เขาเข้าใจได้ชัดเจนว่ากองทัพข้างหน้าเขาเต็มไปด้วยทหารฝีมือดี

ถ้าไม่คำนึงถึงอาวุธวิญญาณชั้นดีของพวกเขาและกลยุทธแปลกประหลาดหรือแนวป้องกันที่พิถีพิถัน  กองพลนางแอ่นมีจุดเด่นที่น่าสนใจมากมาย  เช่นการผสานพลังของพวกเขาการผสานพลังที่ทำได้สมบูรณ์แบบน่ากลัวมากกว่า 95%เพียงแค่จุดนี้ก็ทำให้กองทัพในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ถึง 99% ต้องอายเสียแล้ว

และทัศนคติที่ดึงดันยืนกรานของพวกเขา  มีอยู่หลายครั้งที่แนวป้องกันของศัตรูดูเหมือนใกล้จะถูกทำลาย  แต่พวกเขาก็ยังรักษาพื้นที่เอาไว้ได้

ศัตรูเช่นนั้นสมควรได้รับการนับถือ

คลิฟผู้โดดเด่นอยู่ข้างหน้าทำความเคารพไปทางกองพลนางแอ่นทันที

‘ข้ากำลังรอการต่อสู้ครั้งต่อไปของเรา’

ภายใต้สายตาของบริวารของเขา คลิฟหันกลับไปโดยไม่มองกลับ  เขาเดินสาวเท้ายาวห่างออกไป

เซี่ยอวี่อันมองดูศัตรูถอนกำลังกลับและผ่อนคลายความตึงเครียดในร่างกาย ความเหนื่อยล้าพุ่งเข้าหาเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวกราก  ขาของเขาหนักเหมือนถ่วงด้วยตะกั่ว  ร่างของเขาซวนเซ  เขาไม่อาจประคองตัวเองต่อไปและนั่งลงกับพื้นดิน

ทหารทุกคนรอบๆเขาไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนอีกต่อไป ทุกคนล้มนอนกับพื้นโคลน

เป็นโคลนจริงๆ จากการสู้รบครั้งล่าสุดอาวุธของพวกเขาทั้งหมด ถ้าไม่ถูกทำลายก็เกือบถูกทำลาย  ไม่มีที่ในแนวหน้าของพวกเขาที่ยังสมบูรณ์ การโจมตีของศัตรูบ้าคลั่งมากทำให้รูปกระบวนของพวกเขาถูกทำลายนับครั้งไม่ถ้วน

เมื่อควันค่อยๆลอยขึ้นและท้องฟ้าสีครามปรากฏแก่สายตาพวกเขา เซี่ยอวี่อันรู้สึกเหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างเกิดมาตั้งชาติที่แล้ว

‘ข้าทำภารกิจได้สำเร็จ!’

เขายังคงรู้สึกเหลือเชื่อ  เขาต้องการหัวเราะดังๆ  แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าคอเจ็บสำลักควันจึงได้แต่หัวเราะเบาๆ

ศัตรูแข็งแกร่งมาก

กองทัพต่างๆของพันธมิตรใต้ไม่เคยพบกับการต่อสู้กับกองทัพใหญ่ขนาดนั้นจึงทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของพวกเขาแย่มาก แนวป้องกันของพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างหนักและรวดเร็วกองพลนางแอ่นของเซี่ยอวี่อันได้รับแรงกดดันมหาศาลอย่างเท่าเทียมกัน  เซี่ยอวี่อันเตรียมตัวถอย  เพราะภารกิจของปิงสำหรับพวกเขาให้สร้างแนวป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่า ดังนั้นพวกเขายังมีแนวป้องกันอีกสองสามชั้น

เมื่อเซี่ยอวี่อันสังเกตว่ารูปกระบวนศึกของพวกเขาล่มสลาย  เขาตัดสินใจอย่างคาดไม่ถึง  เขาไม่ออกคำสั่งให้ถอย  แต่ตัดสินใจยันไว้ทั้งคืนก่อนจะถอยถ่วงเวลาศัตรูไม่ให้รุกคืบได้

หนึ่งชั่วโมงถัดมา  เขาได้รับคำสั่งปิง  เป็นคำสั่งง่ายๆ สำหรับเขาให้ตรึงเอาไว้หนึ่งวัน

แน่นอนว่าเขารู้ว่าคำสั่งนั้นอันตรายเพียงไหน  ความแตกต่างระหว่างพลังความแข็งแกร่งทั้งสองฝ่ายมากมายเกินไป  แต่เขาไม่ลังเล

‘ถ้าทวีปของข้าปฏิบัติกับข้าอย่างยิ่งใหญ่เช่นนั้น  ข้าจะตอบแทนทวีปของข้าด้วยทุกอย่างที่ข้ามี’

เมื่อเขาได้รับแส้กลืนจันทราใหม่  เขาลอบสาบานในใจ และไม่เคยลืมคำสาบานเลย

เขาไม่รู้ว่าเขาต้องยืนหยัดด้วยทุกอย่างที่เขามีเขาต้องอยู่ให้ได้ตลอดวัน เขาพนันทุกอย่างที่เขามีกับจังหวะการสู้รบที่บ้าคลั่ง  แม้ว่าเขาจะทำภารกิจสำเร็จ  แต่เขาไม่มีทางถอย ศัตรูรุกคืบเข้ามาเป็นระลอกอย่างไม่สะทกสะท้านไม่ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสถอย

เซี่ยอวี่อันรู้ว่าพวกเขาถูกตรึง  และถ้าพวกเขาถอยในเวลาอย่างนั้น  พวกเขาจะถูกทำลายแน่นอน

เขากัดฟันแน่น และเลือกจะทนต่อไป

หลังจากวันที่สอง กองพลนางแอ่นแทบจะหมดสติ

วันที่สาม ศัตรูกลับกลายเป็นกล้าแข็งขึ้น  พวกเขามีคนตายมากขึ้น เซี่ยอวี่อันสู้จนกระทั่งตาของเขาแดงเป็นเลือด  และในเวลานั้น พวกเขาสู้โดยไม่มีความตั้งใจว่าจะถอย แค่สู้จนตาย

จนถึงตอนนี้เมื่อเห็นคลื่นศัตรูถอยกลับและหายไป แรงฮึดสุดท้ายของเขาก็คลายตัว

‘มันจบแล้ว’

เสียงหอบหายใจสูดอากาศสดชื่นหลังจากหมอกควันจางหายดังขึ้น เซี่ยอวี่อันรู้สึกได้ว่าเขาไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้วและล้มลงหลับ

เขาถูกฝนปลุกให้ตื่น

พายุฝนคะนองปลุกทหารที่หลับใหลทุกคนทำให้บนพื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นโคลน  ความรู้สึกมึนซึมของทุกคนค่อยแจ่มชัดขึ้นมาบ้าง

ทุกคนเริ่มยืนขึ้น  และจัดกระบวนอย่างเงียบงัน

พวกเขาไม่โห่ร้องหรือฉลองชัยชนะ  นอกจากนั้นกองพลนางแอ่นทั้งหมดเหลือกำลังพล3000 นาย หลายคนได้รับบาดเจ็บ หลายคนอยู่ประจำตำแหน่งไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย ทุกคนเคลื่อนย้ายศพของสหายพวกเขาฝังพวกเขาไว้ที่นั้น เก็บรวบรวมสมบัติวิญญาณของพวกเขา ไม่ยอมให้ศัตรูได้เก็บรวบรวมไป

นอกจากศพของพวกเขาแล้ว  มีศพของศัตรูมากมายยิ่งกว่า  และเนื่องจากมีจำนวนมาก ทุกคนไม่สามารถนับจำนวนได้ไหว

มันถึงจุดที่พวกเขาไม่มีเวลาเพื่อจัดการเกี่ยวกับสินสงคราม  เซี่ยอวี่อันยังมีความกลัวอยู่บ้าง  แต่โชคดีเพราะฝนตก  ถ้าไม่อย่างนั้น ถ้าศัตรูกลับมาอย่างเงียบๆ  ทุกคนคงไม่สามารถหนีได้

พวกเขาต้องใช้เวลาขณะที่ศัตรูกำลังฟื้นตัวเพื่อหนีก่อน  มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่มีโอกาสอื่น  ศัตรูระลอกต่อไปมีแต่จะโหดเหี้ยมอำมหิตมากกว่า  และการอยู่โยงก็หมายถึงตาย

โดยไม่สนใจสินสงครามที่เกลื่อนอยู่ทั่วพื้น เซี่ยอวี่อันออกคำสั่งให้กองพลถอนกำลังอย่างรวดเร็วในท่ามกลางสายฝน

เซี่ยวอวี่อันไม่รู้ว่าเขาสู้อยู่กับใคร เนื่องจากพวกเขามีกันมากและแนวรุกของพวกเขาน่ากลัวเกินไป  ขณะที่พวกเขาถอนกำลัง เซี่ยอวี่อันยินดีที่พ้นจากการสู้รบได้เสียที  กองพลนางแอ่นเหมือนได้เกิดใหม่  ไม่เพียงแต่พลังของทหารหลายคนก้าวหน้าเท่านั้น  แต่ผ่านการสู้รบที่รุนแรงได้  การแบกภาระทำให้คุณภาพของทั้งกองทัพมีความมั่นคงและประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น

เขามองเห็นคุณภาพคล้ายๆกับกองทัพในตำนานอย่างเลือนราง

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ในเวลาเดียวกันภูมิภาคใต้มีผู้คนนับไม่ถ้วนกล่าวขานเรื่องของเขาและกองทัพเขา

เซี่ยอวี่อัน สร้างชื่อเสียงโด่งดังในศึกคราวเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด