บทที่ 53 - เฆี่ยนด้วยไม้ร้อยครั้ง
1/4
บทที่ 53 - เฆี่ยนด้วยไม้ร้อยครั้ง
ภายใต้แรงกดดันของหยางหลางเทียน ผู้คนรอบๆเงียบกริบ
จนในที่สุด ทหารยามคนหนึ่งก้าวออกมาตอบด้วยความกลัว “รายงานท่านประมุข ผู้จัดการหลี่บอกว่ามีคนบุกรุกเข้ามาในที่พักคฤหาสน์ตระกูลหยาง พวกเราจึงมาขับไล่พวกเขาออกไป”
ว่าจบ ทหารยามก็ยื่นมือชี้ไปที่หยางซือเล่ย บุตรสาว และเฉินซีตามลำดับ
“เป็นอย่างที่เขาพูด! ท่านประมุขได้โปรดแก้แค้นให้ข้าด้วย!”
หลี่ค่ายร้องออกมาทั้งๆที่เลือดเต็มปาก กระสุนของหยางซือเล่ยเมื่อครู่ ดูท่าจะไม่โดนลิ้น แม้คำพูดจะอ้อแอ้ไปบ้าง แต่ก็พอฟังรู้เรื่องรู้ความหมาย
“แล้วเจ้าเป็นใคร?”
ใบหน้าของหยางหลางเทียนสงบ ดวงตาที่ราวกับมีกระแสไฟฟ้ามองหยางซือเล่ย เอ่ยถามว่า “เจ้ามีจุดประสงค์อะไรถึงมาที่ตระกูลหยาง?”
หยางหลางเทียนในฐานะประมุขตระกูล เขามีกิจวัตรหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ และในตระกูลหยางก็มีรุ่นลูกรุ่นหลานมากมาย ยิ่งเป็นคนไม่ได้เรื่องอย่างหยางซือเล่ย เห็นได้ชัดว่าไม่อยู่ในความทรงจำของเขาแม้แต่น้อย
ในมุมมองของหยางหลางเทียน การที่กล้าบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์หยางอย่างเปิดเผย บวกกับมีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้เช่นนี้ คาดว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นคนของมหาอำนาจจากทำเนียบยุทธหรือนิกายระดับสูง
หากไม่ใช่ ด้วยอุปนิสัยดุดันแข็งกร้าวเหมือนที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้ของหยางหลางเทียน เขาจะยังยอมยืนนิ่ง แล้วเอ่ยถามอย่างสุภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?
“เจ้าเด็กนี่ ทำไมหน้าตามันคุ้นๆ ....”
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสใหญ่ที่รับผิดชอบจัดสรรบุคลากรในตระกูล คล้ายจะจดจำหยางซือเล่ยได้
เขาจำได้เลือนรางว่าเมื่อสองปีก่อน มีลูกหลานในตระกูลประพฤติตัวไม่เหมาะสม จึงถูกตนขับไล่ออกไป แตกย่อยเป็นตระกูลสาขาในเมืองชิงหยาง
แต่สำหรับเรื่องนี้ ผู้อาวุโสใหญ่ไม่กล้ายืนยันในทันที เพราะหน้าตาของขยะในอดีตมันคล้ายกับหยางซือเล่ยปัจจุบันก็จริง แต่นิสัยใจคอและแววตาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
และคำพูดต่อมา มันเกือบทำให้เขาล้มทั้งยืน
เห็นแค่เพียงหยางซือเล่ยกล่าวอย่างเยือกเย็น “ข้าหยางซือเล่ย มาเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่าสัตว์ นี่คือบุตรสาวข้าหยางเฉินเฉิน และผู้ช่วยเฉินซี”
ได้ยินคำตอบนี้ หยางหลางเทียนอึ้งงัน
สกุลหยาง?
เช่นนั้นแล้ว หมายความว่าสาวน้อยคนนี้ ไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลหยางหรอกหรือ!
คิดได้แบบนี้ กระทั่งหยางหลางเทียนที่เยือกเย็นและหนักแน่นมาโดยตลอด ใบหน้าเขายังอดเกิดความปิติยินดีขึ้นมาไม่ได้
“ไม่คาดฝันว่าตระกูลหยางของเราจะให้กำเนิดธิดาสวรรค์ที่มีจิตวรยุทธขั้นเก้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
หยางหลางเทียนมองหยางเฉินเฉินด้วยสายตาร้อนแรง ไม่คำนึงถึงบรรยากาศดุดันที่ต้องวางตัวต่อหน้ารุ่นเยาว์ทั้งหลาย หัวเราะร่าอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
ได้ยินตัวตนของหยางซือเล่ย สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสี่สั่นเทาเล็กน้อย แต่ก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
เพราะพวกเขารู้ดี การที่ตระกูลหยางให้กำเนิดอัจฉริยะที่มีจิตวรยุทธขั้นเก้า มันหมายความว่าอะไร!
ต่อไปในอนาคต ทั่วทั้งเมืองหลงเฟยจะกลายเป็นของตระกูลหยาง!
“อะไรนะ? ไอ้สิ่งที่รูปร่างเหมือนนกนี่ แท้จริงแล้วคือจิตวรยุทธขั้นเก้างั้นหรือ??”
หลี่ค่ายแข็งทื่อไปทั้งตัว ใบหน้าของเขาน่าเกลียดมากจนยากที่จะมอง
ถึงขณะนี้ ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้
ไม่คาดคิดว่าไอ้เด็กสารเลวที่เขาต้องการขับไล่ นางกำลังจะกลายเป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลหยาง!
“ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นเช่นไร ปลดเขาออกจากทุกตำแหน่งในตระกูล เฆี่ยนด้วยไม้ร้อยครั้ง แล้วขับไล่ออกจากคฤหาสน์หยาง!!”
หยางหลางเทียนมองหลี่ค่าย กล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา
ได้ยินคำประกาศนี้ แข้งขาหลี่ค่ายอ่อนยวบ ทั้งคนทั้งร่างราวกับเป็นอัมพาตไม่อาจเปล่งเสียงใดๆออกมา
เมื่อเป็นคำสั่งของประมุข ถึงขั้นนี้แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่สามารถช่วยเขาได้
มองไปยังหลี่ค่ายผู้พ่ายแพ้ที่ถูกทหารยามสองคนลากออกไป หยางซือเล่ยยังคงสงบตั้งแต่ต้นจนจบ