ตอนที่แล้วตอนที่ 767 ข้าคือหน้ากากผี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 769 วันสำคัญก่อนเคลื่อนกำลัง

ตอนที่ 768 อาจเป็นข้า


หน้าของฝูเจิ้งจือบัดเดี๋ยวเขียวบัดเดี๋ยวขาวซึ่งมีทั้งความโกรธสลับกลัว

โกรธจากการที่บุรุษหน้ากากผีมาเข่นฆ่าถึงประตูบ้านพวกเขา  นี่คือสิ่งที่เขาไม่ได้วางแผนเอาไว้  เขาจัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างไว้จากการสร้างศักดิ์ศรีและตามกระแสสร้างโอกาสผลักดันตระกูลฝูขึ้นไปในระดับต่อไป

เขามั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ  เพราะเขาได้รับการสนับสนุนจากสี่เมืองใหญ่  และยังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหลู  ดังนั้นบุรุษหน้ากากผีนับเป็นตัวอะไรได้?

เขาไม่มีใครอื่นจะตำหนิได้  แต่บุรุษหน้ากากผีในนาม ‘ผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่’ ทรุดโทรมมานานแล้ว  และถือว่าไม่มีอะไรมาก แต่ผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่ที่ทรงพลังและเหี้ยมหาญจะกลายเป็นหนามตำก้นสี่เมืองใหญ่อย่างแน่นอน  และถ้าพวกเขาได้หน่วยสุญญตาหมีใหญ่ที่ลึกลับไป  สี่เมืองใหญ่จะไม่ใช่แต่กลัวเขาเท่านั้นทั้งอำนาจและศักดิ์ศรีพอจะโค่นล้มอำนาจทั้งหมดในแดนบาปได้

ดังนั้นสี่เมืองใหญ่จะทนรับได้ยังไง?

สิ่งเดียวที่ทำให้ฝูเจิ้งจือกังวลก็คือบุรุษหน้ากากผีเดี๋ยวหายเดี๋ยวซ่อนตัว นั่นเหตุผลที่เขาต้องการสร้างศักดิ์ศรีของตนเอง  อีกด้านหนึ่งก็คือเขาเห็นชัยชนะแน่นอน  อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องต้อนบุรุษหน้ากากผีเข้ามุม

แต่เขาไม่เคยคาดเลยว่าบุรุษหน้ากากผีจะมาท้าสู้ที่หน้าประตูบ้านเขาโดยตรง

เป็นการชิงความได้เปรียบจากการแสดงพลัง

บุรุษหน้ากากผีเคลื่อนไหวครั้งเดียวก็ทำให้ใจของเขาเครียดเสียแล้วเนื่องจากเป็นครั้งแรกที่แผนของเขาเบี่ยงเบนไป

เขาเห็นแรงสั่นสะเทือนความถี่สูงที่แฝงอยู่ภายในระลอกคลื่นได้ชัด  ‘แต่ความถี่ไม่ใช่กฎระดับสูงเป็นไปได้ยังไงที่มีพลังมากมายขนาดนั้น? กลุ่มคนที่บุกเข้าใส่ข้างหน้าเขาเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่งกันทุกคน  แต่พวกเขากลับตายในกระบวนท่าเดียว นั่นหมายความว่าพลังของบุรุษหน้ากากผีแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เล่าลือ’

ไม่มีปัญหาใดกับรูปแบบเค้าโครงและแผนของเขาทั้งหมดไม่อาจหลีกเลี่ยงปัญหาที่วิกฤติก็คือพลังของบุรุษหน้ากากผี

ฝูเจิ้งจือไม่ใช่คนยืดหยุ่น  เขามีความเด่นในเรื่องพลังที่แข็งแกร่งอุบายและแผนการเป็นแค่เรื่องตลก

เหมือนกับที่ทุกอย่างอยู่ต่อหน้าปรมาจารย์หลี่ในอดีต

แต่ฝูเจิ้งจือระเบิดเสียงหัวเราะทันที  ‘ข้าคิดมากไปจริงๆ  ปรมาจารย์หลี่?  ปรมาจารย์หลี่มีเพียงหนึ่งเดียว  หลังจากเวลาผ่านไปไม่กี่ร้อยปี  ทุกคนที่อ้างว่าเป็นผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่”ไม่มีใครในพวกเขาที่สามารถมีพลังระดับเดียวกับปรมาจารย์หลี่ได้เลย ไม่ พวกเขาไม่ได้ครึ่งของพลังปรมาจารย์หลี่เลยด้วยซ้ำ’

‘เพียงแต่เมื่อความทะเยอทะยานของคนผู้หนึ่งสูงเทียมฟ้า’

‘ความทะเยอทะยานของคนผู้นี้สูงเพียงไหนกันแน่  ถังเทียนอ้างเป็นผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่?”

ฝูเจิ้งจือกลับคืนสู่ความสงบ  เขาบินขึ้นไปในอากาศและจ้องมองดูบุรุษหน้ากากผีและกล่าว “เจ้าช่างน่าประทับใจนัก! ไม่เพียงแต่เจ้ากล้ารบกวนความสงบสุขของผู้อาวุโสต่างๆ แต่เจ้ายังกล้าบุกรุกเมืองพายุของเราและสังหารผู้คน เจ้าช่างกล้านัก”

มีสองสามคนปรากฏอยู่ข้างตัวฝูเจิ้งจือ  พวกเขาล้อมถังเทียนไว้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ทำไมต้องเจรจาด้วยในเมื่อรับมือฆาตกรอำมหิตอย่างนั้น!”  คนที่พูดมีร่างกายล่ำสันนัยน์ตาลึก จมูกงุ้มเหมือนเหยี่ยวริมฝีปากบาง  เขามองดูอันตรายมาก

เมื่อเห็นพวกเขา นัยน์ตาถังเทียนเข้ม  แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักอีกฝ่าย  แต่เขารู้สึกได้ชัดถึงราศีของอีกฝ่ายหนึ่ง  เขาต่างจากคนธรรมดา  แน่นอนเขาไม่รู้ว่าคนที่อยู่ต่อหน้าเขาคือโอวคุม คนโฉดชั้นหนึ่งในลำดับที่ห้าเขามีชื่อเสียงที่น่ากลัว

โอวคุมเป็นคนเจ้าเล่ห์และน่ากลัวมีพลังที่หยั่งไม่ถึง  เขาสร้างศัตรูไว้นับไม่ถ้วน  แต่พวกศัตรูนับไม่ถ้วนนั้นทำอะไรเขาไม่ได้  เขามักจะอยู่ในจุดที่สูง  แต่เพราะเหตุผลบางอย่างเขาลงมาที่เมืองพายุอย่างเงียบงัน

บุรุษอีกคนมีอายุ 20 ปีเขายังอายุเยาว์มากและและมีเสน่ห์และรูปงาม เขามีความมั่นใจในขณะที่หัวเราะ “ท่านที่นับถือ, ท่านต้องเป็นบุรุษหน้ากากผีใช่ไหม? ก่อนนี้ท่านยังเดินเส้นทางที่สดใสและไร้ขีดจำกัดขณะที่ข้าเดินตามทางของตนเอง แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะเบียดบังและใช้ชื่ออาจารย์มาเป็นชื่อของเจ้าเอง  การมาที่นี่ก็เท่ากับเจ้ามาหาที่ตายเอง  ข้าช่วยอะไรไม่ได้”

แม้ว่าเซียวหานกวงกำลังยิ้ม แต่รังสีฆ่าฟันเลือนรางสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า  แม้ว่าเขาจะยกตำแหน่ง ‘ผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่’ ขึ้นพูดแต่บุรุษหน้ากากผีก็มีชื่อเสียงมากกว่าเขา และคนส่วนใหญ่ก็รู้จักบุรุษหน้ากากผีแต่ไม่ใช่เขาเซียวหานกวง ดังนั้นนี่จึงเป็นการสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งกัน

มีคนลอยตัวขึ้นมามากขึ้น พวกเขาเป็นวีรบุรุษที่โดดเด่นในวิถีของตนซึ่งฝูเจิ้งจือเชิญมา แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยู่ในอันดับทำเนียบนักสู้ผู้แข็งแกร่งแต่พวกเขาก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงซึ่งมีพลังแข็งแกร่งกันทุกคน

“คนที่โหดเหี้ยมและไร้ความปราณีเช่นนั้น  ถ้าเขาไม่ตายในวันนี้แดนบาปยังจะสงบสุขได้ยังไง?”

“ทำไมเจ้าไม่ลืมตาดูเสียบ้างว่าเจ้าอยู่ที่ใดกันแน่!”

“เขาก็แค่คนหนุ่มคิดว่ามีพรสวรรค์เล็กน้อย ก็สามารถอวดอ้างไปได้ทุกที่”

……

ตาของฝูเจิ้งจือมีแววยินดี  ความแข็งแกร่งของโอวคุมไม่มีอะไรน่าสงสัย ถ้าไม่ใช่เพราะสี่เมืองใหญ่คอยหนุนอยู่หลังฉาก  ตระกูลฝูคงไม่สามารถจ้างโอวคุมได้ เซียวหานกวงประหลาดใจและดีใจเช่นกันเขาไม่รู้ว่าผู้คนมาจากไหน แต่พวกเขาทรงพลังมากและสามารถเข้าอันดับในทำเนียบนักสู้ได้

นักสู้ในอันดับทำเนียบนักสู้สามคน  และยอดฝีมืออีกเกือบร้อยคนอันดับระดับสูงอย่างนี้แล้วทำให้ดูเหมือนว่าบุรุษหน้ากากผีไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย

บุรุษหน้ากากผีติดอยู่ในวงล้อมกลุ่มยอดฝีมือเป็นเหมือนแกะที่รอถูกเชือดในสายตาของฝูเจิ้งจือ  และได้เวลาเพลิดเพลินกับรสชาติของชัยชนะ

ถังเทียนยังคงไม่เคลื่อนไหว  แม้คำพูดเยาะเย้ยถากถางทั้งหมดที่เข้าหูเขา  แต่เขาก็ยังอยู่ห่างศัตรูรายล้อมเขาจนถึงขั้นที่น้ำยังหยดผ่านไม่ได้ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าห่าง

เขาไม่มีความคิดจะพูดอะไร  เขามาถึงประตูบ้านพวกเขาและไม่เคยตั้งใจจะทำเป็นใจดีอยู่แล้ว

‘ทำไมเขาต้องใจดีด้วยเล่า?’

แค่เพียงโยนทิ้งความคิดที่ซับซ้อนออกไปและสู้กับทุกคน เอาชนะให้ได้ และเขาค่อยให้โอกาสทุกคนได้มีชีวิตต่อ

ความต้องการสู้ในตัวถังเทียนพลุกพล่านรุนแรง กลุ่มคนที่รายล้อมเขาไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัว  แต่กลับทำให้ความตั้งใจสู้ของเขาเพิ่มขึ้น  เขาไม่จำเป็นต้องพิจารณาของถึงไฟมิตรภาพและไม่ต้องพิจารณาว่าใครคือศัตรู

ทุกคนในสายตาของเขาคือศัตรูของเขา

ขอเพียงชนะ ก็สามารถช่วยสหายของเขาได้แล้ว

‘งั้นก็มาเลย’

พวกเขาสามารถพูดและเยาะเย้ยถากถางได้  แต่พวกเขาไม่อาจทำให้เขาหวั่นไหวได้ หน้ากากผีที่มีลายเส้นสีแดงคลุมดูน่ากลัวมาก  ดวงตาที่อยู่ใต้หน้ากากดูเหมือนลูกไฟที่กำลังเผาไหม้และมีเสียงทุ้มลึกดังอยู่เบื้องหลังหน้ากาก

“จะมีเพียงผู้ชนะคนเดียวในการสู้ครั้งนี้”

บุรุษหน้ากากผีกล่าวทันทีทำให้ทุกคนเงียบลงทันที

“และนั่นก็คือข้า”

บุรุษหน้ากากผียกหมัดขวาเหยียดนิ้วหัวแม่มือและชี้มาที่ตนเอง

กลุ่มคนรายล้อมฮือฮาโวยวาย  พวกเขาโกรธบุรุษหน้ากากผีกันทุกคน

“หาเรื่องตายจริงๆ!”

“บังอาจมาก!”

“ในไม่ช้าเขาจะรู้ว่าพลังอำนาจคืออะไร”

……

กลุ่มนักสู้พากันโกรธ ทุกคนพากันดัดนิ้วกระเหี้ยนกระหือรอทุบตีบุรุษหน้ากากผี

หน้าของฝูเจิ้งจือมีประกายขุ่นเคือง  เขารู้สึกแล้วว่าทุกอย่างอยู่ในความควบคุมของเขาอย่างมั่นคง แต่อีกฝ่ายยังหยิ่งลำพองและก้าวร้าว!  เขารีบสงบใจและกล่าวอย่างใจเย็น  “ถ้าเจ้ายอมแพ้ ยอมจำนน,  ข้าจะปล่อยเจ้า...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ บุรุษหน้ากากผีหายไปแล้ว

‘แย่แล้ว!’

ฝูเจิ้งจือสะท้านใจ  แต่เขาสงบใจได้ในทันที  ‘ถ้าบุรุษหน้ากากผีสามารถกลับมาได้แม้จะมีกระบวนรบใหญ่ที่นี่ได้ละก็  ข้ายอมเอาหัวโขกเต้าหูตาย’

ฉากภาพต่อหน้าเขาพร่าเลือน  ร่างหนึ่งปรากฏอยู่ข้างหน้าเขา

บุรุษหน้ากากผีไวมาก

‘แต่คิดจะเล่นงานข้าหรือหึหึ...’

ตาของฝูเจิ้งจือกลับเย็นชาโดยไม่ทันรู้ในมือเขามีกระบี่ไม้สั้นสองเล่ม กระบี่ไม้ปล่อยแสงสีเขียวอมเหลืองประหลาด  แสงรัศมีลอยคลุมอยู่รอบตัวกระบี่เหมือนกับว่ามีหมอกอยู่ในนั้น

สมบัติตระกูลฝู กระบี่พญาเขียว

กระบี่ในมือขาวของฝูเจิ้งจือชี้มาทางบุรุษหน้ากากผี  แสงเขียวของกระบี่สั้นถูกปล่อยออก สายใยกฎสีเขียวทะลักออกมาจากตัวกระบี่และม้วนตัวเข้าหาบุรุษหน้ากากผี

บุรุษหน้ากากผีไม่กลัวสายใยสีเขียว

‘มีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว  และนั่นก็คือข้า  มีแต่เพียงข้าเท่านั้น’

‘ถ้าข้าเอาชนะไม่ได้ อย่างนั้นก็สมควรตาย

ดวงตาของถังเทียนเป็นประกายเจิดจ้าเขายืมกำลังเหวี่ยงของเขา กระบี่หยินวัฒนะปรากฏอยู่ในมือของเขา  แม้ว่าเขาจะไม่เคยใช้มัน  แต่ขณะนั้น ถังเทียนไม่รู้สึกอะไรอื่น  เขาไม่เคยมุ่งเน้นมุ่งมั่นขึ้นสู่จุดสูงที่สุดของมัน

‘ถ้าข้าเอาชนะไม่ได้อย่างนั้นก็สมควรตาย  ทั้งหมดก็แค่นั้น’

ควั่บ

กระบี่หยินวัฒนะในมือของเขาปล่อยเสียงกระหึ่มทุ้มตามมาด้วยหมอกดำพุ่งออกมาจากคมกระบี่ แต่มองดูเหมือนกับว่ามันกำลังขวางการโจมตี หมอกมืดทะลักออกโดยไม่หยุดแค่แรงฟันเท่านั้น แต่ตัวกระบี่หยินวัฒนะไม่สั่นสะท้านเลยแม้แต่น้อย  แม้ภายใต้พลังโจมตีที่รุนแรง

ดาบมารเปลี่ยนแปลง

ดาบมารเปลี่ยนแปลงเป็นกระบวนท่าแรกที่ถังเทียนเรียนรู้  แต่เขาไม่เคยใช้ด้วยพลังมากอย่างนั้น

ถังเทียนรู้แจ้งไปแล้ว

‘นี่คือดาบมารเปลี่ยนแปลงมีแต่ความมุ่งมั่นที่จะทำให้คนกลายเป็นมารปีศาจ การสู้กับฟ้า  สู้กับดินสู้กับคนสู้กับคนทั้งโลกโดยไม่เกรงกลัว ไม่ท้อถอย ไม่หวั่นไหว’

‘แม้ว่าจะมีคนกลัวตาย  แต่เขาไม่อาจหวั่นไหว และเพียงจากจุดนั้นก็สามารถทำให้กลายเป็นปีศาจร้ายได้’

ถังเทียนไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่ามารคืออะไรแต่เขามีความเข้าใจของตัวเอง  ถูกแล้วเป็นความมุ่งมั่น มุ่งมั่นที่จะช่วยทุกคนโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น  และไม่สนใจทุกอย่าง ต้องการอยู่อย่างเดียวคือชัยชนะ

ตาของเขาเปล่งรัศมีเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาด  ตลอดทั้งตัวเขาเป็นเหมือนบรรพตที่มั่นคงไม่หวั่นไหว

เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวของเขาโอคุมและเซียวหานกวงมีสีหน้าเปลี่ยนไป

ทั้งสองคนเป็นยอดฝีมือในยอดฝีมือและต้องการสังเกตดูก่อนเคลื่อนไหว แต่เมื่อเห็นกระบวนท่าแรกของบุรุษหน้ากากผีแล้วทั้งสองคนรู้พลังของเขาทันที และรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถดูดายได้อีกต่อไปพวกเขาลงมือพร้อมกัน

ภายในเสียงกระหึ่มกระบี่หยินวัฒนะฟันใส่ใยแสงสีเขียวที่หนาแน่น

ใยแสงเขียงที่แปลกประหลาดและบ้าคลั่งทั้งหมดแตกสลาย  สีหน้าของฝูเจิ้งจือเปลี่ยนทันทีท่าฟันที่เด็ดขาดทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก  ‘คนผู้นี้ใช้พลังกระบี่ฟันที่ทรงพลังอย่างนั้นได้ยังไง?’

เขายืมพลังของใยแสงทันทีกระบี่สั้นในมือซ้ายสั่นสะเทือนและปรากฏโล่พลังใยแสง

ร่างของเขากลายเป็นเงาที่ถูกดึงเข้าไปในโล่แสง

ร่างของฝูเจิ้งจือแทบจะหายตัวไป เมื่อกลุ่มหมอกดำที่มีเสียงครางหึ่งซึ่งปล่อยออกมาจากกระบี่หยินวัฒนะฟันลง

วิ้งงงงงงงง

เสียงสั่นสะเทือนทำให้หนังของทุกคนชานั่นเป็นแรงฟันที่เกิดจากการรวมตัวของหมอกดำที่กระบี่ปล่อยออกมา

ฝูเจิ้งจือสามารถหลบได้ แต่กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังเขาไม่สามารถทำได้  ยอดฝีมือทุกคนมีสีหน้าผิดหวังและตกใจ  แต่ด้วยประสบการณ์มากมายพวกเขารู้ว่าพวกเขาอยู่ในเส้นแบ่งความเป็นความตายและทุกคนเอาพลังออกมาใช้ตั้งแต่หัวจรดเท้า และปลดปล่อยพลังสุดชีวิตเพื่อหนี

อยู่ต่อหน้ารังสีพลังฟันสีดำรัศมีแสงทั้งหมดเป็นเหมือนฟองน้ำล้วนแตกกระจายทันที  อ่อนแอเกินไป

ที่ใดก็ตามที่รังสีกระบี่ดำกวาดผ่านดูเหมือนจะทำลายได้ทุกอย่าง รัศมีพลังคุ้มกันปลิวแตกกระจายร่วงกราวเหมือนสายฝนชิ้นส่วนร่างกายและโลหิตกระจัดกระจาย และเกิดแนวโลหิตขนาดมหึมาจากกลุ่มคนโดยแทบไม่ต้องใช้ความพลังอะไรเลย

เซียวหานกวงและโอวคุมลอบเข้ามาข้างตัวถังเทียน  แต่ทั้งสองส่งเสียงครางพร้อมกัน พวกเขารู้สึกมือชาเมื่อพวกเขาตระหนักได้ว่ารอบตัวบุรุษหน้ากากผีมีพลังสั่นสะเทือนหนาแน่น

พอคิดถึงฉากภาพที่เหล่านักสู้ลงมือโจมตีก่อนนั้นและตายด้วยคลื่นแปลกประหลาดทันที  หัวใจพวกเขาตึงเครียดทันที

ทันใดนั้นม่านพลังสีเขียวสว่างวาบข้างตัวทั้งสองคน มีร่างหนึ่งวูบปรากฏออกมาและฝูเจิ้งจืออยู่ที่ด้านหลังพวกเขา  เขาอยู่ในสภาพสยอดสยอง ชุดของเขารุ่งริ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งมือขวาที่แขนเสื้อหายไป แขนของเขาโผล่ออกมาครึ่งหนึ่ง

ขณะนั้นรังสีกระบี่ที่ไร้เทียมทานฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรง

ปัง!

เมืองพายุสั่นสะเทือน รอยฟันกระบี่ยาว 210เมตรปรากฏอยู่บนพื้น เหมือนรอยแผลที่น่าเกลียดน่ากลัวปรากฏอยู่ต่อหน้าของทุกคน

เงียบเป็นป่าช้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด