ตอนที่ 768 อาจเป็นข้า
หน้าของฝูเจิ้งจือบัดเดี๋ยวเขียวบัดเดี๋ยวขาวซึ่งมีทั้งความโกรธสลับกลัว
โกรธจากการที่บุรุษหน้ากากผีมาเข่นฆ่าถึงประตูบ้านพวกเขา นี่คือสิ่งที่เขาไม่ได้วางแผนเอาไว้ เขาจัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างไว้จากการสร้างศักดิ์ศรีและตามกระแสสร้างโอกาสผลักดันตระกูลฝูขึ้นไปในระดับต่อไป
เขามั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ เพราะเขาได้รับการสนับสนุนจากสี่เมืองใหญ่ และยังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหลู ดังนั้นบุรุษหน้ากากผีนับเป็นตัวอะไรได้?
เขาไม่มีใครอื่นจะตำหนิได้ แต่บุรุษหน้ากากผีในนาม ‘ผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่’ ทรุดโทรมมานานแล้ว และถือว่าไม่มีอะไรมาก แต่ผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่ที่ทรงพลังและเหี้ยมหาญจะกลายเป็นหนามตำก้นสี่เมืองใหญ่อย่างแน่นอน และถ้าพวกเขาได้หน่วยสุญญตาหมีใหญ่ที่ลึกลับไป สี่เมืองใหญ่จะไม่ใช่แต่กลัวเขาเท่านั้นทั้งอำนาจและศักดิ์ศรีพอจะโค่นล้มอำนาจทั้งหมดในแดนบาปได้
ดังนั้นสี่เมืองใหญ่จะทนรับได้ยังไง?
สิ่งเดียวที่ทำให้ฝูเจิ้งจือกังวลก็คือบุรุษหน้ากากผีเดี๋ยวหายเดี๋ยวซ่อนตัว นั่นเหตุผลที่เขาต้องการสร้างศักดิ์ศรีของตนเอง อีกด้านหนึ่งก็คือเขาเห็นชัยชนะแน่นอน อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องต้อนบุรุษหน้ากากผีเข้ามุม
แต่เขาไม่เคยคาดเลยว่าบุรุษหน้ากากผีจะมาท้าสู้ที่หน้าประตูบ้านเขาโดยตรง
เป็นการชิงความได้เปรียบจากการแสดงพลัง
บุรุษหน้ากากผีเคลื่อนไหวครั้งเดียวก็ทำให้ใจของเขาเครียดเสียแล้วเนื่องจากเป็นครั้งแรกที่แผนของเขาเบี่ยงเบนไป
เขาเห็นแรงสั่นสะเทือนความถี่สูงที่แฝงอยู่ภายในระลอกคลื่นได้ชัด ‘แต่ความถี่ไม่ใช่กฎระดับสูงเป็นไปได้ยังไงที่มีพลังมากมายขนาดนั้น? กลุ่มคนที่บุกเข้าใส่ข้างหน้าเขาเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่งกันทุกคน แต่พวกเขากลับตายในกระบวนท่าเดียว นั่นหมายความว่าพลังของบุรุษหน้ากากผีแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เล่าลือ’
ไม่มีปัญหาใดกับรูปแบบเค้าโครงและแผนของเขาทั้งหมดไม่อาจหลีกเลี่ยงปัญหาที่วิกฤติก็คือพลังของบุรุษหน้ากากผี
ฝูเจิ้งจือไม่ใช่คนยืดหยุ่น เขามีความเด่นในเรื่องพลังที่แข็งแกร่งอุบายและแผนการเป็นแค่เรื่องตลก
เหมือนกับที่ทุกอย่างอยู่ต่อหน้าปรมาจารย์หลี่ในอดีต
แต่ฝูเจิ้งจือระเบิดเสียงหัวเราะทันที ‘ข้าคิดมากไปจริงๆ ปรมาจารย์หลี่? ปรมาจารย์หลี่มีเพียงหนึ่งเดียว หลังจากเวลาผ่านไปไม่กี่ร้อยปี ทุกคนที่อ้างว่าเป็นผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่”ไม่มีใครในพวกเขาที่สามารถมีพลังระดับเดียวกับปรมาจารย์หลี่ได้เลย ไม่ พวกเขาไม่ได้ครึ่งของพลังปรมาจารย์หลี่เลยด้วยซ้ำ’
‘เพียงแต่เมื่อความทะเยอทะยานของคนผู้หนึ่งสูงเทียมฟ้า’
‘ความทะเยอทะยานของคนผู้นี้สูงเพียงไหนกันแน่ ถังเทียนอ้างเป็นผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่?”
ฝูเจิ้งจือกลับคืนสู่ความสงบ เขาบินขึ้นไปในอากาศและจ้องมองดูบุรุษหน้ากากผีและกล่าว “เจ้าช่างน่าประทับใจนัก! ไม่เพียงแต่เจ้ากล้ารบกวนความสงบสุขของผู้อาวุโสต่างๆ แต่เจ้ายังกล้าบุกรุกเมืองพายุของเราและสังหารผู้คน เจ้าช่างกล้านัก”
มีสองสามคนปรากฏอยู่ข้างตัวฝูเจิ้งจือ พวกเขาล้อมถังเทียนไว้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ทำไมต้องเจรจาด้วยในเมื่อรับมือฆาตกรอำมหิตอย่างนั้น!” คนที่พูดมีร่างกายล่ำสันนัยน์ตาลึก จมูกงุ้มเหมือนเหยี่ยวริมฝีปากบาง เขามองดูอันตรายมาก
เมื่อเห็นพวกเขา นัยน์ตาถังเทียนเข้ม แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักอีกฝ่าย แต่เขารู้สึกได้ชัดถึงราศีของอีกฝ่ายหนึ่ง เขาต่างจากคนธรรมดา แน่นอนเขาไม่รู้ว่าคนที่อยู่ต่อหน้าเขาคือโอวคุม คนโฉดชั้นหนึ่งในลำดับที่ห้าเขามีชื่อเสียงที่น่ากลัว
โอวคุมเป็นคนเจ้าเล่ห์และน่ากลัวมีพลังที่หยั่งไม่ถึง เขาสร้างศัตรูไว้นับไม่ถ้วน แต่พวกศัตรูนับไม่ถ้วนนั้นทำอะไรเขาไม่ได้ เขามักจะอยู่ในจุดที่สูง แต่เพราะเหตุผลบางอย่างเขาลงมาที่เมืองพายุอย่างเงียบงัน
บุรุษอีกคนมีอายุ 20 ปีเขายังอายุเยาว์มากและและมีเสน่ห์และรูปงาม เขามีความมั่นใจในขณะที่หัวเราะ “ท่านที่นับถือ, ท่านต้องเป็นบุรุษหน้ากากผีใช่ไหม? ก่อนนี้ท่านยังเดินเส้นทางที่สดใสและไร้ขีดจำกัดขณะที่ข้าเดินตามทางของตนเอง แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะเบียดบังและใช้ชื่ออาจารย์มาเป็นชื่อของเจ้าเอง การมาที่นี่ก็เท่ากับเจ้ามาหาที่ตายเอง ข้าช่วยอะไรไม่ได้”
แม้ว่าเซียวหานกวงกำลังยิ้ม แต่รังสีฆ่าฟันเลือนรางสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า แม้ว่าเขาจะยกตำแหน่ง ‘ผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่’ ขึ้นพูดแต่บุรุษหน้ากากผีก็มีชื่อเสียงมากกว่าเขา และคนส่วนใหญ่ก็รู้จักบุรุษหน้ากากผีแต่ไม่ใช่เขาเซียวหานกวง ดังนั้นนี่จึงเป็นการสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งกัน
มีคนลอยตัวขึ้นมามากขึ้น พวกเขาเป็นวีรบุรุษที่โดดเด่นในวิถีของตนซึ่งฝูเจิ้งจือเชิญมา แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยู่ในอันดับทำเนียบนักสู้ผู้แข็งแกร่งแต่พวกเขาก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงซึ่งมีพลังแข็งแกร่งกันทุกคน
“คนที่โหดเหี้ยมและไร้ความปราณีเช่นนั้น ถ้าเขาไม่ตายในวันนี้แดนบาปยังจะสงบสุขได้ยังไง?”
“ทำไมเจ้าไม่ลืมตาดูเสียบ้างว่าเจ้าอยู่ที่ใดกันแน่!”
“เขาก็แค่คนหนุ่มคิดว่ามีพรสวรรค์เล็กน้อย ก็สามารถอวดอ้างไปได้ทุกที่”
……
ตาของฝูเจิ้งจือมีแววยินดี ความแข็งแกร่งของโอวคุมไม่มีอะไรน่าสงสัย ถ้าไม่ใช่เพราะสี่เมืองใหญ่คอยหนุนอยู่หลังฉาก ตระกูลฝูคงไม่สามารถจ้างโอวคุมได้ เซียวหานกวงประหลาดใจและดีใจเช่นกันเขาไม่รู้ว่าผู้คนมาจากไหน แต่พวกเขาทรงพลังมากและสามารถเข้าอันดับในทำเนียบนักสู้ได้
นักสู้ในอันดับทำเนียบนักสู้สามคน และยอดฝีมืออีกเกือบร้อยคนอันดับระดับสูงอย่างนี้แล้วทำให้ดูเหมือนว่าบุรุษหน้ากากผีไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย
บุรุษหน้ากากผีติดอยู่ในวงล้อมกลุ่มยอดฝีมือเป็นเหมือนแกะที่รอถูกเชือดในสายตาของฝูเจิ้งจือ และได้เวลาเพลิดเพลินกับรสชาติของชัยชนะ
ถังเทียนยังคงไม่เคลื่อนไหว แม้คำพูดเยาะเย้ยถากถางทั้งหมดที่เข้าหูเขา แต่เขาก็ยังอยู่ห่างศัตรูรายล้อมเขาจนถึงขั้นที่น้ำยังหยดผ่านไม่ได้ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าห่าง
เขาไม่มีความคิดจะพูดอะไร เขามาถึงประตูบ้านพวกเขาและไม่เคยตั้งใจจะทำเป็นใจดีอยู่แล้ว
‘ทำไมเขาต้องใจดีด้วยเล่า?’
แค่เพียงโยนทิ้งความคิดที่ซับซ้อนออกไปและสู้กับทุกคน เอาชนะให้ได้ และเขาค่อยให้โอกาสทุกคนได้มีชีวิตต่อ
ความต้องการสู้ในตัวถังเทียนพลุกพล่านรุนแรง กลุ่มคนที่รายล้อมเขาไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัว แต่กลับทำให้ความตั้งใจสู้ของเขาเพิ่มขึ้น เขาไม่จำเป็นต้องพิจารณาของถึงไฟมิตรภาพและไม่ต้องพิจารณาว่าใครคือศัตรู
ทุกคนในสายตาของเขาคือศัตรูของเขา
ขอเพียงชนะ ก็สามารถช่วยสหายของเขาได้แล้ว
‘งั้นก็มาเลย’
พวกเขาสามารถพูดและเยาะเย้ยถากถางได้ แต่พวกเขาไม่อาจทำให้เขาหวั่นไหวได้ หน้ากากผีที่มีลายเส้นสีแดงคลุมดูน่ากลัวมาก ดวงตาที่อยู่ใต้หน้ากากดูเหมือนลูกไฟที่กำลังเผาไหม้และมีเสียงทุ้มลึกดังอยู่เบื้องหลังหน้ากาก
“จะมีเพียงผู้ชนะคนเดียวในการสู้ครั้งนี้”
บุรุษหน้ากากผีกล่าวทันทีทำให้ทุกคนเงียบลงทันที
“และนั่นก็คือข้า”
บุรุษหน้ากากผียกหมัดขวาเหยียดนิ้วหัวแม่มือและชี้มาที่ตนเอง
กลุ่มคนรายล้อมฮือฮาโวยวาย พวกเขาโกรธบุรุษหน้ากากผีกันทุกคน
“หาเรื่องตายจริงๆ!”
“บังอาจมาก!”
“ในไม่ช้าเขาจะรู้ว่าพลังอำนาจคืออะไร”
……
กลุ่มนักสู้พากันโกรธ ทุกคนพากันดัดนิ้วกระเหี้ยนกระหือรอทุบตีบุรุษหน้ากากผี
หน้าของฝูเจิ้งจือมีประกายขุ่นเคือง เขารู้สึกแล้วว่าทุกอย่างอยู่ในความควบคุมของเขาอย่างมั่นคง แต่อีกฝ่ายยังหยิ่งลำพองและก้าวร้าว! เขารีบสงบใจและกล่าวอย่างใจเย็น “ถ้าเจ้ายอมแพ้ ยอมจำนน, ข้าจะปล่อยเจ้า...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ บุรุษหน้ากากผีหายไปแล้ว
‘แย่แล้ว!’
ฝูเจิ้งจือสะท้านใจ แต่เขาสงบใจได้ในทันที ‘ถ้าบุรุษหน้ากากผีสามารถกลับมาได้แม้จะมีกระบวนรบใหญ่ที่นี่ได้ละก็ ข้ายอมเอาหัวโขกเต้าหูตาย’
ฉากภาพต่อหน้าเขาพร่าเลือน ร่างหนึ่งปรากฏอยู่ข้างหน้าเขา
บุรุษหน้ากากผีไวมาก
‘แต่คิดจะเล่นงานข้าหรือหึหึ...’
ตาของฝูเจิ้งจือกลับเย็นชาโดยไม่ทันรู้ในมือเขามีกระบี่ไม้สั้นสองเล่ม กระบี่ไม้ปล่อยแสงสีเขียวอมเหลืองประหลาด แสงรัศมีลอยคลุมอยู่รอบตัวกระบี่เหมือนกับว่ามีหมอกอยู่ในนั้น
สมบัติตระกูลฝู กระบี่พญาเขียว
กระบี่ในมือขาวของฝูเจิ้งจือชี้มาทางบุรุษหน้ากากผี แสงเขียวของกระบี่สั้นถูกปล่อยออก สายใยกฎสีเขียวทะลักออกมาจากตัวกระบี่และม้วนตัวเข้าหาบุรุษหน้ากากผี
บุรุษหน้ากากผีไม่กลัวสายใยสีเขียว
‘มีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว และนั่นก็คือข้า มีแต่เพียงข้าเท่านั้น’
‘ถ้าข้าเอาชนะไม่ได้ อย่างนั้นก็สมควรตาย
ดวงตาของถังเทียนเป็นประกายเจิดจ้าเขายืมกำลังเหวี่ยงของเขา กระบี่หยินวัฒนะปรากฏอยู่ในมือของเขา แม้ว่าเขาจะไม่เคยใช้มัน แต่ขณะนั้น ถังเทียนไม่รู้สึกอะไรอื่น เขาไม่เคยมุ่งเน้นมุ่งมั่นขึ้นสู่จุดสูงที่สุดของมัน
‘ถ้าข้าเอาชนะไม่ได้อย่างนั้นก็สมควรตาย ทั้งหมดก็แค่นั้น’
ควั่บ
กระบี่หยินวัฒนะในมือของเขาปล่อยเสียงกระหึ่มทุ้มตามมาด้วยหมอกดำพุ่งออกมาจากคมกระบี่ แต่มองดูเหมือนกับว่ามันกำลังขวางการโจมตี หมอกมืดทะลักออกโดยไม่หยุดแค่แรงฟันเท่านั้น แต่ตัวกระบี่หยินวัฒนะไม่สั่นสะท้านเลยแม้แต่น้อย แม้ภายใต้พลังโจมตีที่รุนแรง
ดาบมารเปลี่ยนแปลง
ดาบมารเปลี่ยนแปลงเป็นกระบวนท่าแรกที่ถังเทียนเรียนรู้ แต่เขาไม่เคยใช้ด้วยพลังมากอย่างนั้น
ถังเทียนรู้แจ้งไปแล้ว
‘นี่คือดาบมารเปลี่ยนแปลงมีแต่ความมุ่งมั่นที่จะทำให้คนกลายเป็นมารปีศาจ การสู้กับฟ้า สู้กับดินสู้กับคนสู้กับคนทั้งโลกโดยไม่เกรงกลัว ไม่ท้อถอย ไม่หวั่นไหว’
‘แม้ว่าจะมีคนกลัวตาย แต่เขาไม่อาจหวั่นไหว และเพียงจากจุดนั้นก็สามารถทำให้กลายเป็นปีศาจร้ายได้’
ถังเทียนไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่ามารคืออะไรแต่เขามีความเข้าใจของตัวเอง ถูกแล้วเป็นความมุ่งมั่น มุ่งมั่นที่จะช่วยทุกคนโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น และไม่สนใจทุกอย่าง ต้องการอยู่อย่างเดียวคือชัยชนะ
ตาของเขาเปล่งรัศมีเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาด ตลอดทั้งตัวเขาเป็นเหมือนบรรพตที่มั่นคงไม่หวั่นไหว
เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวของเขาโอคุมและเซียวหานกวงมีสีหน้าเปลี่ยนไป
ทั้งสองคนเป็นยอดฝีมือในยอดฝีมือและต้องการสังเกตดูก่อนเคลื่อนไหว แต่เมื่อเห็นกระบวนท่าแรกของบุรุษหน้ากากผีแล้วทั้งสองคนรู้พลังของเขาทันที และรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถดูดายได้อีกต่อไปพวกเขาลงมือพร้อมกัน
ภายในเสียงกระหึ่มกระบี่หยินวัฒนะฟันใส่ใยแสงสีเขียวที่หนาแน่น
ใยแสงเขียงที่แปลกประหลาดและบ้าคลั่งทั้งหมดแตกสลาย สีหน้าของฝูเจิ้งจือเปลี่ยนทันทีท่าฟันที่เด็ดขาดทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก ‘คนผู้นี้ใช้พลังกระบี่ฟันที่ทรงพลังอย่างนั้นได้ยังไง?’
เขายืมพลังของใยแสงทันทีกระบี่สั้นในมือซ้ายสั่นสะเทือนและปรากฏโล่พลังใยแสง
ร่างของเขากลายเป็นเงาที่ถูกดึงเข้าไปในโล่แสง
ร่างของฝูเจิ้งจือแทบจะหายตัวไป เมื่อกลุ่มหมอกดำที่มีเสียงครางหึ่งซึ่งปล่อยออกมาจากกระบี่หยินวัฒนะฟันลง
วิ้งงงงงงงง
เสียงสั่นสะเทือนทำให้หนังของทุกคนชานั่นเป็นแรงฟันที่เกิดจากการรวมตัวของหมอกดำที่กระบี่ปล่อยออกมา
ฝูเจิ้งจือสามารถหลบได้ แต่กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังเขาไม่สามารถทำได้ ยอดฝีมือทุกคนมีสีหน้าผิดหวังและตกใจ แต่ด้วยประสบการณ์มากมายพวกเขารู้ว่าพวกเขาอยู่ในเส้นแบ่งความเป็นความตายและทุกคนเอาพลังออกมาใช้ตั้งแต่หัวจรดเท้า และปลดปล่อยพลังสุดชีวิตเพื่อหนี
อยู่ต่อหน้ารังสีพลังฟันสีดำรัศมีแสงทั้งหมดเป็นเหมือนฟองน้ำล้วนแตกกระจายทันที อ่อนแอเกินไป
ที่ใดก็ตามที่รังสีกระบี่ดำกวาดผ่านดูเหมือนจะทำลายได้ทุกอย่าง รัศมีพลังคุ้มกันปลิวแตกกระจายร่วงกราวเหมือนสายฝนชิ้นส่วนร่างกายและโลหิตกระจัดกระจาย และเกิดแนวโลหิตขนาดมหึมาจากกลุ่มคนโดยแทบไม่ต้องใช้ความพลังอะไรเลย
เซียวหานกวงและโอวคุมลอบเข้ามาข้างตัวถังเทียน แต่ทั้งสองส่งเสียงครางพร้อมกัน พวกเขารู้สึกมือชาเมื่อพวกเขาตระหนักได้ว่ารอบตัวบุรุษหน้ากากผีมีพลังสั่นสะเทือนหนาแน่น
พอคิดถึงฉากภาพที่เหล่านักสู้ลงมือโจมตีก่อนนั้นและตายด้วยคลื่นแปลกประหลาดทันที หัวใจพวกเขาตึงเครียดทันที
ทันใดนั้นม่านพลังสีเขียวสว่างวาบข้างตัวทั้งสองคน มีร่างหนึ่งวูบปรากฏออกมาและฝูเจิ้งจืออยู่ที่ด้านหลังพวกเขา เขาอยู่ในสภาพสยอดสยอง ชุดของเขารุ่งริ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งมือขวาที่แขนเสื้อหายไป แขนของเขาโผล่ออกมาครึ่งหนึ่ง
ขณะนั้นรังสีกระบี่ที่ไร้เทียมทานฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรง
ปัง!
เมืองพายุสั่นสะเทือน รอยฟันกระบี่ยาว 210เมตรปรากฏอยู่บนพื้น เหมือนรอยแผลที่น่าเกลียดน่ากลัวปรากฏอยู่ต่อหน้าของทุกคน
เงียบเป็นป่าช้า