ตอนที่ 766 กระบี่อมตะ
รัศมีแสงที่ฉายออกมาจากห้องทำให้อิงอู๋ฟงตกใจ
‘เกิดอะไรขึ้น?’
เขารั้งรัศมีของเขากลับไม่กล้าจะเปิดเผยอะไรออกไป และยังคงซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เขาฝึกฝนกฎนอกสารบบ เรียกว่าเห็ดภูตพราย ผิวกฎธรรมชาติของเขาดูเหมือนกับเห็ด และนั่นเป็นที่มาของชื่อ พลังที่สะท้อนออกมาจากผิวกฎอ่อนโยนและสงวนและพลังพรางตัวนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับพรางและเก็บงำรัศมี
ถังเทียนค่อยๆลืมตาและรู้ได้ว่าน้ำตายังนองหน้าของเขา
‘ฝันหรอกหรือ?’
‘แต่มันชัดเจนมาก ข้าจำได้ทุกรายละเอียด’
ทันใดนั้นเขาก้มหน้ามองดู แต่ก็ต้องตะลึงทันที ที่ระหว่างนิ้วของเขาดอกไม้สีน้ำเงินสว่างถูกคีบจับไว้
‘เสี่ยวหลาน...’
ถังเทียนรู้สึกชาหัว เขารู้สึกว่าผมขนของเขาตั้งชัน ‘ไม่ใช่ความฝันหรอกหรือ?’
ดอกไม้น้ำเงินในมือของเขาสว่างวาบทันทีและแสงสีน้ำเงินคลุมไปทั้งห้อง
‘แย่แล้ว!’
‘เจ้าพยายามจะทำอะไร?’
ถังเทียนตกใจและตั้งท่ามุทราหัตถ์เด็ดบุปผาโดยไม่รู้ตัว แต่แสงสีน้ำเงินยังคงฉายต่อเนื่อง แต่ถังเทียนไม่รู้สึกว่ามันกำลังเปล่งแสง ลำแสงกวาดผ่านใจที่ใสเหมือนแก้วของเขา และร่างพร่าเลือนร่างหนึ่งมองเห็นได้ในมุมของผนังด้านนอก
หัวใจถังเทียนตื่นเต้น แสงสีน้ำเงินยิงไปที่มุมอย่างเงียบงัน
เหมือนกับว่ามันสามารถทะลวงได้ทุกอย่าง
อิงอู๋ฟงกำลังรอเวลาลอบทำร้ายบุรุษหน้ากากผีอยู่ข้างนอกอย่างเงียบงัน แสงน้ำเงินที่ปล่อยออกมาจากภายในบ้านมีความรุนแรงมาก ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ขณะนั้นเองความรู้สึกถึงอันตรายพลุ่งขึ้นมาในใจเขา มือสังหารมีสัญชาตญาณต่ออันตราย
เขาไม่คิดให้เสียเวลาหมุนตัวเตรียมหลบหนี เนื่องจากสัญชาตญาณต่ออันตรายช่วยชีวิตเขาไว้หลายครั้งแล้ว
ผนังที่อยู่ต่อหน้าเขาสว่างวาบด้วยแสงน้ำเงิน แสงน้ำเงินดูเหมือนจะมีพลังที่สามารถจับวิญญาณคนได้ และมันดูมีเสน่ห์จับใจทำให้เขาใจเต้นรัว
‘นี่...’
แสงน้ำเงินพุ่งออกมาจากผนังกำแพง มันไวมาก อิงอู๋ฟงถูกความตกใจครอบงำทำได้แต่เพียงยกกระบี่หยินวัฒนะ
ดอกไม้ที่งดงามอย่างแปลกประหลาดทิ้งตัวลงบนตัวกระบี่ของกระบี่หยินวัฒนะ
ดวงตาของอิงอู๋ฟงเบิกกว้าง ในขณะต่อมาแสงสีน้ำเงินเปล่งออกมาอย่างไม่มีคำเตือน
เขาชะล่าใจทำให้ตาพร่ามองภาพไม่เห็น เขาส่งเสียงคราง และไม่สนอะไรอื่นอีกและเปลี่ยนเป็นควันหลบหนีไปข้างนอก
แม้ว่าเขาไม่สามารถเห็นได้ แต่อิงอู๋ฟงเข้าใจสถานที่ดีและเตรียมแผนสำหรับหนีไว้แล้ว เขาไม่บินขึ้นอากาศ เขาเป็นมือสังหารที่มีประสบการณ์และเข้าใจชัดว่าทันทีที่บินขึ้นไปในท้องฟ้าเขาจะเปิดเผยตนเองต่อศัตรูและตกอยู่ในวงล้อม
อิงอู๋ฟงรู้ว่าเขาทำงานล้มเหลวแล้ว พลังของบุรุษหน้ากากผีเกินกว่าที่เขาคาดไว้มาก
สำหรับมือสังหารนั่นคือความผิดพลาดมหันต์อย่างมิต้องสงสัย
มีเพียงความคิดเดียวที่อยู่ในใจเขาก็คือหนี
อิงอู๋ฟงที่กำลังหลบหนีรู้สึกเหมือนกับสัตว์ร้ายกำลังจ้องมองเขา ทำให้ผมขนบนตัวเขาลุกชัน เขาตกใจ โดยไม่คิดอะไรเขาทิ้งตัวลงในมุมๆ หนึ่งและชักกระบี่หยินวัฒนะในชุดยาวของเขาและกางม่านพลังปกป้องเขาไว้
วูบบบ,ม่านกระบี่สีเทาขยายออก กรวดสีเทานับไม่ถ้วนลอยเข้ามาโดยรอบ
กรวดสีเทาระเบิดทันที
ปังปัง ปัง
เมื่อได้ยินเสียงระเบิดสปอร์ที่คุ้นเคยดังขึ้น ใจที่อึดอัดของอิงอู๋ฟงพลันสงบ
ทุกสปอร์ที่ระเบิดออกมาจะปล่อยไหมบางที่ยุ่งเหยิงและในพริบตา มันปล่อยม่านไหมออกมาหนาแน่น สปอร์ทั้งหมดนี้มีความทนทานมากและจุดสำคัญก็คือจำนวนของมัน แม้ว่าดอกไม้น้ำเงินจะแปลกก็ตาม แต่จะทำลายผ่านได้หลายชั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ
อิงอู๋ฟงผู้สงบลงค่อยเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น เขาแนบตัวไปตามกำแพงไปได้เร็วมาก
ทันใดนั้นหน้าเขาเปลี่ยนทันที
ม่านไหมด้านหลังเขาฉีกขาด ‘เป็นไปได้ยังไง...’
เขาบิดเอวหลบตามสัญชาตญาณ แต่เขารู้สึกเจ็บที่อก และร่างของเขาแข็งทื่อ
‘เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง...’
คำเหล่านี้ที่เขานึกออกได้ภาพที่อยู่ต่อหน้าเขา การมองเห็นของเขาค่อยๆ ฟื้นกลับมามองดูที่ดอกไม้น้ำเงินที่หยุดอยู่ข้างหน้าเขา มีเลือดหยดออกมาจากดอกไม้ เป็นสีน้ำเงินสดใส
มันลอยอยู่เงียบๆข้างหน้าเขา
เมื่อเลือดหยดสุดท้ายไหลออก อิงอู๋ฟงก็ล้มลง
ร่างของเขามีแผลน้ำเงินเล็ก สีน้ำเงินเริ่มแผ่กระจายไปอย่างรวดเร็วมันแผ่กระจายไปทั้งตัว ศพของอิงอู๋ฟงกลายเป็นแก้วผลึก
ศพผลึกสีน้ำเงินแตกสลายอย่างรวดเร็ว
ลมพัดผ่านมาวูบหนึ่งกวาดพื้นจนว่างเปล่า เหลือกแต่เพียงกระบี่สีเทา
ดอกไม้น้ำเงินเปลี่ยนเป็นฝนดอกไม้หมุนเป็นเกลียวม้วนเอากระบี่หยินวัฒนะบินกลับไปที่ห้องของถังเทียน
ในที่ไกลออกไปบุรุษสองคนสังเกตดูเหตุการณ์อยู่ตลอดด้วยสีหน้าซีดขาว
“อิงอู๋ฟงแพ้...” คนที่พูดเป็นบุรุษวัยกลางคนร่างอ้วน เขาสวมชุดหรูหราเหมือนกับพ่อค้า
บุรุษอีกคนหนึ่งเป็นคนแก่มีใบหน้าที่ผ่านชีวิตที่ยากลำบากมือของเขาหยาบหนา และดูไม่ต่างพวกกุลีเพียงแต่ตาของเขามีประกายแปลกประหลาด เขาคิดอยู่นานจากนั้นพูด “ท่านเหวินจำดอกไม้นั่นได้ไหม?”
บุรุษร่างอ้วนค่อยฝืนยิ้มและกล่าว “กล่าวกันว่าเทพอสูรหกมุทราของปรมาจารย์หลี่มีดอกท่วมสวรรค์”
ตาสีน้ำตาลของบุรุษชราดูมีชีวิตชีวา “ท่านเหวินคิดจริงๆหรือว่าเจ้าเด็กนั่นคือผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่?”
บุรุษอ้วนมองดูชายชราและพูดอย่างเฉื่อยชา “ผู้เฒ่าจู, โปรดอย่าเข้าใจผิด ไม่สำคัญว่าข้าคิดอะไรอยู่สิ่งที่สำคัญคือคนอื่นจะคิดยังไงต่างหาก”
ชายชราไม่ตอบ
เขาคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดรวมทั้งความล้มเหลว เขาใช้อิงอู๋ฟงเนื่องจากเขาเชื่อว่าด้วยพลังของอิงอู๋ฟง เขาสามารถโยนหินถามทางได้ ถ้าพวกเขาสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ อย่างนั้นไม่ว่าเขาจะเป็นผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่จริงหรือไม่ก็จะไม่สำคัญ เนื่องจากคนตายไม่มีทางสืบทอดได้
แต่ผลลัพธ์ทั้งหมดที่เขาคาดการณ์ไว้ ไม่รวมเลยว่าอิงอู๋ฟงจะถูกฆ่าตายอย่างง่ายดาย ดอกไม้ที่แปลกประหลาดและน่ากลัวทำให้เขาเสียวสันหลัง
นั่นเป็นวิชาอะไร?
ตำนานของปรมาจารย์หลี่ไม่เคยทำให้ผู้คนลืมเลือน ตำนานของดอกสวรรค์ยังมีคนเล่าสืบต่อกันมา
“เรามาดูกันว่าหลูเซิงเซียงจะมีปฏิริยาอย่างไร” ชายชรากล่าว
หัวหน้าเหวินรู้ว่าผู้เฒ่าจูหมายความว่ายังไง หลูเทียนเหวินไม่ปรากฏตัวมานานแล้วและตระกูลต่างๆคาดว่าเขาต้องพบกับหายนะ พวกเขาหลายคนสงสัยว่าหลูเซิงเซียงยังคงนั่งรอได้ยังไง เมืองพายุปัจจุบันนี้มียอดฝีมือหลายคน ทั้งหมดกำลังรอให้บุรุษหน้ากากผีเข้าไปติดกับดัก แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง คนอ้วนเหวินไม่เชื่อว่าเมืองพายุจะสามารถหยุดบุรุษหน้ากากผีได้ แต่เขาไม่ปฏิเสธชายชรา โต้แย้งไปก็ไม่มีความหมาย
นอกจากนี้พลังความสามารถของบุรุษหน้ากากผีทำให้เขาตื่นตัวมาก เนื่องจากเขาเห็นสถานการณ์ในตอนนี้ได้ชัด
บทบาทของการเป็นผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่ดูเหมือนสำคัญ แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่แม้แต่น้อย ปัจจัยสำคัญคือพลังของบุรุษหน้ากากผี ไม่มีพลังของเขาแล้วใช้ชื่อของผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่ก็แค่หาที่ตายและแม้จะไม่มีชื่อแต่มีความแข็งแกร่งอย่างเดียว เขาก็กวาดไปทั่วแดนบาปได้อยู่แล้ว
ผู้เฒ่าจูได้รับผลจากชื่อของผู้สืบทอดของสืบทอดปรมาจารย์หลี่ แต่ท่านเหวินกลับตื่นตัวมากขึ้น และเห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของบุรุษหน้ากากผีไม่ใช่อยู่ที่แดนบาป
ไม่เคยมีใครเคยมองแดนบาปที่น่าสงสาร
แต่ถ้าบุรุษหน้ากากผีสามารถกลับไปดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ แค่คิดดูแล้วบุรุษอ้วนนามท่านเหวินก็สั่นแล้ว
ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ชื่อที่อยู่ไกลมาก เรื่องเล่าของบรรพบุรุษ ท่านเหวินผู้เกิดและรุ่งเรืองได้ในแดนบาปไม่ได้มีความปรารถนาถึงดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์อย่างลึกซึ้ง แต่เขารู้อย่างหนึ่งว่าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ไม่แห้งแล้งกันดารเหมือนแดนบาป
บุรุษหน้ากากผีไม่ใช่เป็นคนของทวีปกวงหมิงมิฉะนั้นเขาคงออกไปนานแล้ว
และถ้าบุรุษหน้ากากผีกลับไปดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์จริง เขาคงจะสู้กับทวีปกวงหมิงแน่นอน
เมื่อคิดเรื่องนี้แล้วท่านเหวินมีความลังเลใจอยู่บ้าง พลังของทวีปกวงหมิงฝังแน่นอยู่ในใจของคนแดนบาปมานานแล้ว บุรุษหน้ากากผีสามารถเอาชนะพวกเขาได้หรือ?
เมื่อคิดเรื่องนั้นแล้วท่านเหวินรู้สึกว่าระดับความสำเร็จพอได้บ้าง ไม่สิ มีน้อยมาก ‘ระดับความสำเร็จน้อยขนาดนั้นไม่มีน้ำหนักควรใส่ใจแต่ทำไมใจข้าเต้นแรงนักเล่า?
ท่านเหวินงุนงง
ถังเทียนไม่รู้ว่ามีคนสำคัญสองคนสังเกตดูเขาอยู่ เนื่องจากขณะนั้นเขาตกใจกับความสามารถของเสี่ยวหลาน การกระทำของอิงอู๋ฟงไม่สามารถหลบพ้นไปจากพลังจิตกระจกของเขาได้ แต่ถังเทียนต้องชื่นชมฝีมือและประสบการณ์ของอิงอู๋ฟง
ถ้าเขาลงมือเองเขาคงทำได้ไม่ดีเท่าเสี่ยวหลาน
เลือดที่หยดลงจากดอกไม้ที่งดงามเป็นภาพที่ทำให้หัวใจของทุกคนเย็นสะท้าน
ดอกไม้น้ำเงินลากกระบี่หยินอมตะกลับมาที่ห้องของถังเทียน และโยนให้ถังเทียนและกลีบดอกที่เต็มทั้งห้องหายไปทันทีกลับเข้าไปรวมกับเสี่ยวหลานซึ่งกลับเข้าไปในร่างของถังเทียน
ถังเทียนตรวจสอบร่างกายเขาทันที
เมื่อเขาเห็นเสี่ยวหลานครั้งแรก เขายังคงสงสัยว่าเขาอยู่ในภาพลวงตา แต่ถ้าเป็นภาพลวงตาจริง อย่างนั้นเสี่ยวหลานคืออะไร?
หลังจากตรวจร่างกายของเขาแล้ว เขาก็ยิ่งสับสนเพิ่มขึ้น
สภาพใจเหมือนแก้วเป็นเหมือนแก้วผลึกและโปร่งใสไม่มีละอองธุลีมีต้นไม้อ่อนสะดุดตาอยู่ภายในนั้น
‘อา..ไม่ใช่ภาพลวงตา’
ถังเทียนกลัว‘ถ้าไม่ใช่ภาพลวงตา อย่างนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในทะเลสันติภาพ...’
ทันใดนั้นสายตาของเขามองดูที่ร่างของเทพอสูรหกมุทราและเหมือนกับถูกสายฟ้าฟาด เขาตะลึงทันที
ในฝ่ามือของมุทรากระบี่กำสรวลซึ่งมีหมอกเสียงอยู่มีกระบี่บรอนซ์เล่มเล็กแหวกว่ายอยู่โดยรอบเหมือนกับปลา
‘นั่นคือ..’
ถังเทียนตื่นเต้นอยู่ในใจและกระบี่บรอนซ์เล่มเล็กลอยเข้าหาเขา กระบี่บรอนซ์เล่มเล็กมีกลิ่นอายของทหารดาวกางเขนใต้ บนตัวกระบี่เต็มไปด้วยรอยร้าว ทำให้ถังเทียนจำวิญญาณวีรชนที่คล้ายกับตุ๊กตากระเบื้องที่เหมือนเอาชิ้นส่วนมาประกอบใหม่ได้อีกครั้ง
เขาลูบกระบี่โดยไม่รู้ตัวและจิตสำนึกที่คุ้นเคยผ่านเข้ามาในใจเขา
ตัวกระบี่มีแถวข้อความเล็กๆ
“จะให้เราพักอย่างสงบได้ยังไง”
เมื่อถังเทียนเห็นข้อความนี้เสียงคร่ำครวญร่ำร้องดังก้องเข้ามาในหูของเขาอีก
“เมื่อไม่รู้ว่าทหารของเราเป็นหรือตายจะให้เราพักผ่อนอย่างสงบได้ยังไง!’
และ“กองทัพดาวกางเขนใต้ จงก้าวต่อไป!”
ถังเทียนถือกระบี่บรอนซ์เล่มน้อยที่เต็มไปด้วยรอยร้าวและพึมพำกับตนเอง “จากวันนี้เป็นต้นไปเจ้าเรียกว่ากระบี่อมตะ ตราบใดที่หัวใจข้ายังมีชีวิต พวกเจ้าเหล่าวิญญาณวีรชนก็จะไม่ตาย วิญญาณวีรชนของคนรุ่นก่อน จงสู้พร้อมกับข้า!”
เหมือนกับว่ามันรู้สึกได้ถึงคำพูดของถังเทียน กระบี่อมตะสั่นสะท้านไม่หยุดเสียงโห่ร้องกึกก้องเคร่งขรึมปนด้วยความรู้สึกเศร้า ความตั้งใจสู้ทะลักออกเหมือนมีเพลิงนรกแผดเผาอยู่ในตัวเขาทำให้เขารู้สึกมีอิสระและกล้าหาญ
ทะเลสันติภาพเลือนรางปรากฏข้างหน้าถังเทียนอีกครั้ง ฉากภาพคลื่นวิญญาณวีรชนระลอกแล้วระลอกเล่าพุ่งเข้าใส่ม่านพลังป้องกันในโดมท้องฟ้าแตกกระจายและฉีกร่างออก ร่างที่เหมือนตุ๊กตาเคลือบทั้งหมดมีความมุ่งมั่นทั้งนั้น หัวใจทุกดวงสะท้านยินดี
ความเชื่อมั่นตลอดหมื่นปีในรอบศตวรรษหลายรอบหัวใจความมุ่งมั่นเพื่อกองทัพไม่เคยทำให้วิญญาณวีรชนเหล่านี้ตาย
ถังเทียนที่กำลังร้องไห้เข้าใจในที่สุดถึงสาเหตุที่เขาถูกดึงเข้าไปในภาพลวงตา ไม่ใช่เพราะเสี่ยวหลานหรือวิญญาณวีรชนอมตะ แต่เป็นเพราะเขาคือเจ้าของกองทัพดาวกางเขนใต้!
“ไม่จำเป็นต้องให้พวกท่านปกป้อง จงพักอย่างสงบเถิด”
“เมื่อไม่รู้ว่าทหารของเราเป็นหรือตาย จะให้เราพักอย่างสงบได้ยังไง!”