ตอนที่แล้วตอนที่ 764 ไม่ต้องปกป้อง พักอย่างสงบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 766 กระบี่อมตะ

ตอนที่ 765 เราจะพักอย่างสงบได้อย่างไร?


ถังเทียนได้ยินเสียงสั่นสะเทือนแต่ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว แผ่นป้ายบรอนซ์ในมือของเขาก็หลุดมือและลอยขึ้นไปในท้องฟ้า

ทันใดนั้นแผ่นบรอนซ์นับไม่ถ้วนบินขึ้นมาจากทะเลสันติภาพและบินขึ้นไปในท้องฟ้า

แผ่นป้ายบรอนซ์ทั้งหมดบินขึ้นไปในท้องฟ้าและก่อตัวเป็นวิญญาณเงาดำ  ในพริบตาแม้แต่วิญญาณที่เป็นรูปเงาดำบินออกมาจากทุกมุมของทะเลสันติภาพขึ้นไปในท้องฟ้า ดูงามสง่ามาก

“กองทัพตกอยู่ในอันตราย จำเป็นต้องช่วยเหลือ!”

หนึ่งในวิญญาณนั้นร้องออกมา

เบื้องหลังเขาวิญญาณวีรชนอื่นทั้งหมดตะโกนออกมา “กองทัพดาวกางเขนใต้ จงก้าวไปข้างหน้า!”

วิญญาณวีรชนนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในท้องฟ้าเหมือนกระแสน้ำหลาก มีม่านพลังที่มองไม่เห็นในท้องฟ้าที่เป็นเหมือนกำแพงเหล็กกั้นไว้  วิญญาณวีรชนปะทะเข้ากับผนังนั้น  แต่มันไม่ขยับออกไปแม้แต่นิ้วเดียว ป้ายบรอนซ์นับไม่ถ้วนแตกกระจายและร่วงลงในทะเลสันติภาพ

เป๊าะเป๊าะ เป๊าะ

ใต้ตัวถังเทียนดูเหมือนฝนกำลังตก  เขาก้มศีรษะมองดูก็เห็นว่าเป็นชิ้นส่วนป้ายบรอนซ์ที่ร่วงตกลงไปเหมือนสายฝน

แต่วิญญาณวีรชนยังคงมุ่งหน้าต่อไป

“กองทัพตกอยู่ในอันตราย  จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ!”

“กองทัพดาวกางเขนใต้  จงก้าวต่อไป!”

เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังก้องไปทั้งทะเลสันติภาพ ร่างนับไม่ถ้วนเริ่มกระแทกม่านพลังอย่างรุนแรง  และแม้ยังมีป้ายบรอนซ์ที่แตกสลายร่วงลงมา  แต่ก็ยังมีวิญญาณลอยขึ้นมากระแทกเข้ากับท้องฟ้า

“กองทัพตกอยู่ในอันตราย  จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ!’

วิญญาณวีรชนอีกดวงหนึ่งสั่ง  มันคำรามและพุ่งตรงไปข้างหน้าเหมือนราชสีห์พิโรธ

สิ่งที่ตอบเขากลับเป็นเสียงคำราม  “กองทัพดาวกางเขนใต้ จงก้าวต่อไป!”

กลุ่มของวิญญาณวีรชนกลุ่มใหญ่พุ่งเข้าชนกับม่านพลังในท้องฟ้า

กระดูกของพวกเขาแตกและร่างของพวกเขาพังทลายและพวกเขาร่วงลงมาในทะเล

“กองทัพตกอยู่ในอันตราย  จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ!’

วิญญาณสตรีนางหนึ่งคร่ำครวญขึ้น นางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นขณะที่นางกระแทกเข้ากับม่านพลัง

เงาร่างนับไม่ถ้วนรวมตัวอยู่ด้านหลังนาง  “กองทัพดาวกางเขนใต้ จงก้าวต่อไป!”

“กองทัพตกอยู่ในอันตราย  จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ!”

“กองทัพดาวกางเขนใต้,  จงก้าวต่อไป!”

……

ถังเทียนมองดูด้วยความตกใจระคนสงสัยมองดูคลื่นวิญญาณระลอกแล้วระลอกเล่าปะทะใส่กับม่านพลัง  เขาไม่เข้าใจพวกเขาพยายามจะทำอะไร

หลังจากมีการปะทะนับครั้งไม่ถวน  วิญญาณวีรชนทุกดวงก็แตกสลายและร่วงลงสู่ทะเล

ทะเลสันติภาพกลับคืนสู่สันติภาพ

แผ่นป้ายบรอนซ์ที่แตกกระจายค่อยๆเข้ามารวมตัวกัน และก่อรวมกันเป็นแผ่นบรอนซ์ที่มีรอยแตกอยู่ในนั้นและลอยอยู่เหนือน้ำ

วิญญาณวีรชนดวงแล้วดวงเล่าลอยออกมาจากแผ่นบรอนซ์  ตลอดทั้งร่างพวกเขาเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว  เหมือนกับพวกเขาเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่ถูกทุบแต่เอามาประกอบใหม่  และเมื่อถังเทียนมองดูวิญญาณนับไม่ถ้วนอีกครั้ง

ถังเทียนจำหนึ่งในวิญญาณวีรชนนั้นที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวนั้นได้  เขาคือวิญญาณดวงแรกที่พุ่งเข้าชนสนามพลัง  มีวิญญาณวีรชนมากมายนัก  แต่ไม่มีวิญญาณดวงใดที่มองเห็นถังเทียน

วิญญาณวีรชนทั้งหมดล้วนเงยหน้าขึ้นข้างบนกันหมด

“เป็นเวลาหมื่นปีแล้ว” เสียงของวิญญาณวีรชนดังออกมาจากทะเลสันติภาพ  “หมื่นปีเต็ม ศตวรรษแล้วศตวรรษเล่า  เราก็ยังออกไปไม่ได้  สงครามน่าจะจบไปนานแล้ว  ในช่วงหมื่นปีมานี้ ไม่มีวิญญาณดวงใหม่  กองทัพน่าจะตายไปนานแล้ว  สิ่งที่เราทำอยู่นี้ไม่มีความหมายอีกต่อไป”

วิญญาณวีรชนกลายเป็นเงียบสงบ

“แต่แล้วยังไงเล่า?  จะเป็นยังไงถ้ายังมีทหารสู้อยู่?  จะเป็นยังไงถ้ายังมีคนรอดอยู่?  จะเป็นยังไงถ้าพวกเขากำลังรอให้เราขึ้นมา? สำหรับคนตายแล้ว แค่นี้ก็คงพอแล้ว!”

ทันใดนั้นเขาคำรามขึ้น  “เมื่อไม่รู้ว่ากองทัพเรายังอยู่หรือตาย  เราจะพักอย่างสงบได้ยังไง!”

คำตอบที่เขาได้รับคือเสียงโห่ร้องที่สะท้านสะเทือนภูผา  “สู้!”

เขาหมุนตัวไปมองด้านบน  ตรงขึ้นไปบนโดมท้องฟ้า กางแขนหน้าที่มีรอยแตกของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเหลือเชื่อ “ร้อยปีต่อมาเราสามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่สหายของเราอีก!”

คำตอบที่เขาได้รับคือวิญญาณวีรชนอื่นลอยขึ้นมาเคียงข้างเขา  และจากนั้นโห่ร้องดังสนั่นกึกก้องไปทั่วเหนือทะเลสีดำ  “สู้ สู้  สู้!”

“กองทัพดาวกางเขนใต้!”

เสียงโห่ร้องนับไม่ถ้วนได้รวมกันและสร้างเสียงสะท้อนกึกก้องอยู่เหนือทะเลสันติภาพ

“เดินหน้า!”  “เดินหน้า!” “เดินหน้า!”

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยวิญญาณวีรชนบินขึ้นเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ  ราวกับว่าพวกเขาพยายามกู้คืนแผ่นดิน พวกเขาปะทะเข้ากับม่านพลังในท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง

ถังเทียนกำลังร้องไห้ทั้งน้ำมูกน้ำตาไหลเต็มหน้า  ดูเหมือนบางอย่างจะสะท้อนอยู่ในอกของเขา และเหมือนกับว่ามีบางอย่างกำลังเผาไหม้อยู่ในตัวเขา  ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและมีความหยิ่ง

แต่หลังจากหมื่นปีแล้วในทะเลสันติภาพที่ไม่มีใครรู้จัก  ดินแดนที่ทุกคนคิดว่ามีสันติสุขและความรัก   กลับมีการดิ้นรนต่อสู้ทุกๆ ร้อยปีทุ่มเททุกอย่างเพื่อการต่อสู้

‘นี่คือทหารของดาวกางเขนใต้หรือ?  ข้าคือผู้รับสืบทอดกองทัพดาวกางเขนใต้!’

‘จะให้ข้านั่งเฉยได้ยังไง?’

‘ต่อให้เป็นแค่ภาพลวงตา  ต่อให้ทั้งหมดนี้เป็นของปลอม ต่อให้พวกเขาทั้งหมดเป็นวิญญาณวีรชนผู้ตายแล้ว  ต่อให้พวกเขาทำสิ่งที่โง่ที่สุดก็ตาม’

‘ความศรัทธา  ความเชื่อมั่น มิตรภาพที่ลึกซึ้ง ความกล้าหาญความเสียสละนั้น   จะให้ข้าไม่ทำอะไรเลยได้ยังไง?’

ถังเทียนไม่รู้ว่าเขากำลังร้องไห้หรือว่ากำลังโห่ร้องกับพวกเขา  เขามีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือสู้!

เขารั้งหมัดออกและทะเลสันติภาพที่สงบเริ่มมีระลอก

มีแต่คนกล้าที่จะทุ่มเทเต็มที่แม้พวกเขาจะล้มเหลวหมดก็ตาม มีแต่คนกล้าที่ยังจะสานต่อความเชื่อปณิธานต่อสู้หลังจากตายแล้ว  มีแต่คนกล้าที่จะยึดถือความหวังเอาไว้ไม่ว่าเป็นหรือตายก็ตาม

มีแต่คนกล้าที่สามารถชนะได้

ตาของถังเทียนเต็มไปด้วยน้ำตา แสงรัศมีนับไม่ถ้วนจากทุกมุมทะเลสันติภาพมารวมกันที่หมัดของเขา

ประกายแสงแพรวพราวทำให้หมัดของถังเทียนสว่างขึ้น  ทะเลสันติภาพสีดำมองดูเหมือนดวงอาทิตย์ทันที

วิญญาณวีรชนนับไม่ถ้วนมองดูดวงอาทิตย์  พวกเขาเปลี่ยนเป็นเงาดำและบินเข้าหาดวงอาทิตย์

‘ข้าจะทำลายภาพลวงตาไร้ขอบเขตนี่ได้ไหม?’

ถังเทียนไม่รู้ว่าเขาสามารถทำได้ แต่เขารู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นจากกระดูกและวิญญาณและจิตใจนักสู้ของพวกเขาและความรู้สึกลึกถึงความหวังและการคาดหมายที่สะสมอยู่ในตัวพวกเขา

ตาของเขาเริ่มหลั่งน้ำตาอีกครั้ง

หมัดของถังเทียนยังคงรั้งกลับ รัศมีแสงแพรวพราวในหมัดขวาของเขาสว่างมากจนร่างของเขามองไม่เห็นอีกต่อไป

ทะเลสันติภาพมองดูเหมือนกำลังเดือดพล่านน้ำเริ่มปั่นป่วน  สายฟ้าแปลบปลาบวูบวาบ

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้สะท้อนอยู่ในใจที่เป็นเหมือนแก้วกระจกของถังเทียนทั้งร่างเทพอสูรเปล่งรัศมีสว่างและดอกไม้น้ำเงินในมุทราหัตถ์เด็ดดอกไม้ลอยขึ้นมาและเปลี่ยนไปเป็นดอกไม้ที่น่าหลงใหลและงดงามซึ่งที่ส่องประกายบนท้องฟ้าเหมือนกับว่ากำลังเริงระบำและหมุนวน  เพลิงที่ลุกโหมของมุทราหมัดพิโรธเผาไหม้ด้วยพลังร้อนแรงมากยิ่งขึ้น  และเหมือนกับกลองศึก  ทุกครั้งที่รัวกลองศึก มันจะปล่อยพลังแสงสีแดง

ถังเทียนทุ่มเทสุดกำลัง  ไม่มียั้งพลังไว้แม้แต่น้อย

ลำแสงหมัดเทพเจ้ามีแสงอย่างน้อยสามสายบรรจบรวมเป็นหนึ่ง เปลี่ยนเป็นลำแสงหนาขนาดใหญ่ ขยายเข้าหาพื้นจนกระทั่งห่างจากพื้นสามนิ้วก่อนจะหยุดนิ่ง

‘แค่อีกนิด!  แค่อีกนิดเดียว...’

ขณะนั้นเองมีเสียงโห่ร้องดังอยู่ข้างหูของเขา

“ไม่รู้ว่ากองทัพเป็นหรือตายจะให้เราพักอย่างสงบได้ยังไง!”

วิญญาณวีรชนดวงแล้วดวงเล่าบินเข้ามาในร่างของถังเทียนเข้าไปอยู่สภาพจิตใจของเขาและเปลี่ยนจุดแสงเล็กๆ ระลอกคลื่นแสงพุ่งไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ พวกเขาโถมตัวเข้าไปในลำแสงต้นหมัดเทพเจ้าหยั่งลำต้นลง

เทียบกับลำแสงหมัดเทพเจ้าที่สง่างาม  พวกเขามีขนาดเท่าก้อนกรวด

แต่ยิ่งแสงที่เหมือนก้อนกรวดเข้ามาเพิ่มในลำแสงอย่างต่อเนื่อง

ลำแสงหลักของหมัดเทพเจ้าค่อยๆยืดยาวลงมา

ทันทีที่ลำแสงเทพเจ้าสัมผัสกับใจที่ใสเหมือนแก้วของถังเทียน  ตลอดทั้งตัวของถังเทียนสั่น  หน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา

นี่เป็นครั้งแรกที่ทำหมัดเทพเจ้าที่ไม่สมบูรณ์ให้สำเร็จได้  ทะเลสันติภาพที่วุ่นวายกลายเป็นราบเรียบราวกับว่ามือที่มองไม่เห็นกดทั่วทะเลทั้งหมดไว้

“ทำลายมันเพื่อข้า!”

ถังเทียนปล่อยหมัดขึ้นไปที่ม่านพลังในท้องฟ้า

มันแตกทำลาย

ทะเลสันติภาพที่ไร้ขอบเขตและสีดำแตกพังทลายและหายไป

ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาเริ่มแตกพังสลายเหมือนกับฟองน้ำและหายอย่างต่อเนื่อง

ถังเทียนรู้สึกว่าโลกหมุนรอบตัวเขา  สำนึกของเขาถูกดึงออกมาและก่อนที่เขาจะสูญเสียสำนึกไป เขาได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีเลือนราง

หน้าของเขาที่เต็มไปด้วยน้ำตาอดยิ้มไม่ได้

*******************

เป็นฝันร้ายในเมืองบูรพาอมตะ  ถนนเงียบสนิทนี่เป็นช่วงเวลาที่พิเศษและไม่มีใครออกจากบ้านตอนกลางคืน

อิงอู๋ฟงมองดูบ้านที่อยู่ข้างหน้าเขาและลอบเข้าไปอย่างเงียบๆ

เขาทำงานในเส้นทางนี้มาหลายปีแล้ว  และฆ่าคนมีชื่อเสียงไปนับไม่ถ้วนและมีทักษะลอบสังหารเป็นอย่างดี เขามาถึงเมืองบูรพาอมตะเมื่อสองสามวันที่แล้ว  แต่ไม่ได้เคลื่อนไหว  และรวบรวมข้อมูลอย่างระมัดระวัง  การลอบสังหารใครบางคนอาจจะดูไม่ยาก  แต่เมื่อลงมือโจมตี  จะต้องเตรียมการอย่างเพียงพอยิ่งมือสังหารมีข้อมูลมาก ก็จะเตรียมการได้มาก

ไม่เพียงแต่จะทำให้ง่ายสำหรับเขาเท่านั้น  แต่ในกรณีล้มเหลว  เขาสามารถหลบหนีและรักษาชีวิตไว้ได้

ทุกคนมีชีวิตเดียว  เป้าหมายมีหนึ่งเดียว  และมือสังหารก็มีเพียงคนเดียว  ตราบใดที่เขายังรักษาชีวิตไว้ได้  เขายังมีโอกาสอื่น  เพราะการไล่ล่าตามฆ่าให้ได้ในครั้งเดียวยังเพิ่มอันตรายให้เขาเอง อิงอู๋ฟงไม่โง่พอจะทำเช่นนั้น

เขาได้รับข้อมูลที่มีค่า  ตัวอย่างเช่น ตระกูลต่างๆ ของเมืองบูรพาอมตะรับประกันให้กับบุรุษหน้ากากผีด้วยตนเอง  นี่เป็นปัญหาใหญ่ในตอนแรก  แต่โชคดีที่ไม่แย่จนเกินไป  และได้ยินว่ายอดฝีมือดีๆ ของตระกูลถูกบริวารของบุรุษหน้ากากผีดึงไปใช้งานและออกจากเมืองไปแล้ว

บุรุษหน้ากากผีมีเพียงสวี่เย่และสมาชิกของหน่วยสุญญตา

พลังของสวี่เย่ยังนับว่าต่ำยังไม่พอคุกคามอิงอู๋ฟงได้ และนอกจากนี้สวี่เย่ยังบาดเจ็บ  สมาชิกหน่วยสุญญตาอาจมีร่างกายคุณภาพดี  แต่ในสายตาของนักสู้ทรงพลังพลังต่อสู้ของพวกเขายังเล็กน้อย

ทั้งหมดนี้ไม่สำคัญ  วัตถุประสงค์ของอิงอู๋ฟงก็คือตรวจค้นหาถ้าบุรุษหน้ากากผีบาดเจ็บ นั่นเป็นจุดสำคัญที่สุด

นักสู้คนหนึ่งผู้สามารถสู้กับแขนและเคียวมัจจุราชและไม่ได้รับบาดเจ็บเป็นคนที่อิงอู๋เฟยจะยอมก้มหัวและหนีจากไป เพราะนั่นหมายความว่านักสู้ผู้นั้นเข้าใจพลังระดับสูงสุด

มีนักสู้น้อยกว่าห้าคนในทั่วแดนบาปผู้ก้าวเข้าสู่เขตแดนสนามพลังกฎธรรมชาติ  อิงอู๋เฟยรู้ว่าใครควรตอแย  ใครไม่ควรยุ่งด้วยและนักสู้เหล่านี้ไม่เคยถูกยั่วโมโห

ถ้าบุรุษหน้ากากผีได้รับบาดเจ็บ ก็หมายความว่าเขาอยู่ในระดับผิวกฎธรรมชาติขั้นสูงสุด และเพิ่งจะเริ่มเข้าสู่ระดับต่อไป

แม้ว่านักสู้ประเภทนี้จะทำให้อิงอู๋ฟงกลัวบ้างแต่ก็ยังมีโอกาสประสบผลสำเร็จ และการบาดเจ็บจากพลังสูงสุดก็ใช่ว่าจะฟื้นตัวกันได้ง่ายๆ

อิงอู๋เฟยเข้าใจเอาง่ายๆว่า บุรุษหน้ากากผีได้รับบาดเจ็บ!

เขาลอบเข้าไปในบ้านอย่างเงียบกริบ  สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคนน่าสนใจมาก แต่หน่วยคุ้มกันเหล่านี้ไม่มีอะไรสำหรับอิงอู๋ฟง

ในเวลาอันรวดเร็วเขาก็พบสถานที่ของบุรุษหน้ากากผี

ด้วยกระบี่หยินวัฒนะในมือของเขาเขาสามารถสงบจิตใจตนเองลง  กระบี่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายมากซึ่งเป็นอาวุธสำหรับลอบฆ่าอย่างสมบูรณ์แบบ  ด้วยกระบี่นี้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกระดับ

ในระดับนี้การเพิ่มพลังให้เขามากขึ้นเป็นสิ่งที่น่ากลัว

เขาหรี่ตาและเตรียมเคลื่อนไหว

ทันใดนั้นที่อยู่ของบุรุษหน้ากากผีพลันมีแสงสว่างเจิดจ้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด