ตอนที่ 764 เมื่อใช้หนังสือความเกลียดก็น้อยลง
เจ้าเมืองถูไห่ก่อนหน้านี้เคยได้รู้มาจากพ่อบ้านเจียวซือ
อาคันตุกะผู้ทรงเกียรตินี้ชื่อว่าเย่ว์ไตตันเป็นกุลบุตรจากตระกูลทางแดนสวรรค์ใต้ อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้บอกว่าตระกูลอะไร แต่ถูไห่คาดว่าน่าจะเป็นสิบสุดยอดของตระกูลแดนสวรรค์ใต้แน่นอน อาจเป็นสิบสุดยอดตระกูลจากแดนสวรรค์บนก็ได้แต่อ้างว่ามาจากแดนสวรรค์ใต้ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือสถานะ เขาคงไม่บอกอีกฝ่ายอย่างสุภาพหรืออ่อนโยนแต่ถูไห่ไม่กล้าเรียกอีกฝ่ายเหมือนกับผู้เยาว์รุ่นหลังต่อให้เขามีชื่อเสียงมากกว่าอีกฝ่ายถึงร้อยเท่าก็ตาม
เขาเรียกอีกฝ่ายด้วยความนับถือว่า “คุณชายสาม”และให้เจียวซือตรวจดูคำนำหน้าชื่อของอีกฝ่ายที่เหมาะสม
อาการที่แสดงความเคารพให้เกียรติทำให้ถูตั่วและนายกองทั้งหลายที่อยู่ด้านหลังของเขาสับสน
ดูเหมือนคนผู้นี้ไม่ใช่นักสู้ปราณฟ้าแม้แต่น้อย เจ้าเมืองให้เกียรติเขาเกินไปหรือเปล่า?
สถานะของเด็กหนุ่มนี้สูงส่งไม่ธรรมดานักหรือ?
“ได้มาเยี่ยมเยือนท่านเจ้าเมืองวันนี้ข้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าที่ยืนอยู่ข้างเย่ว์หยางพูดขึ้น ขณะที่เย่ว์หยางพยักหน้าเล็กน้อยด้วยมาดท่าทางของคุณชายผู้ดีมีตระกูล
“เมืองชนบทใช้ชีวิตที่เรียบง่ายชัดเจนนัก” เย่ว์หยางเพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย แต่ก็ทำให้เจ้าเมืองถูไห่มีความสุขโดยเฉพาะ
คนระดับสูง!
นี่คืออารมณ์ของคนระดับสูง
คนที่ปราศรัยยาวนานนี้คือพ่อบ้าน?
ไม่
ไม่น่าจะใช่
กล่าวโดยทั่วไปคือตราบเท่าที่คนชั้นสูงระดับหัวหน้าเอ่ยคำพูดที่หนักแน่นล้ำค่าไม่ต้องคำนึงว่าถูกผิด จะต้องมีการดำเนินการโดยมีผลสะท้อนกลับมาน้อยมาก
“ยินดีต้อนรับ..ท่านอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ....” เจียวซือและคนอื่นรีบเคารพตอบอย่างเป็นทางการ
“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี” เย่ว์หยางและอาจารย์จิ้งจอกโบกมือพี่น้องตระกูลหลี่จะส่งของขวัญให้ผู้ทักทายเป็นการแสดงความใจกว้างของเจ้านาย ห่อของขวัญสีแดงไม่ใช่ให้เหรียญทองนั่นถือเป็นการไร้มารยาทเกินไป แต่เป็นมุกโปร่งใสบริสุทธิ์
มุกฝนดาวตก ของอย่างนี้ย่อมไม่มีปรากฏอยู่ในแดนสวรรค์แน่นอน
มีปรากฏอยู่แต่เพียงที่เกาะดาราในหอทงเทียนเท่านั้น
คนในแดนสวรรค์ไม่เคยเห็นของมีค่าอย่างนี้
แค่เหลือบมองวูบแรกนี่คือของหายากที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน คิดว่าน่าจะเป็นของมีราคาสูง
นอกจากนี้นี่เป็นการลงทุนเล็กน้อยที่เย่ว์หยางใช้เบิกทางเข้าเมืองลี่จ้าว หลังจากนั้นเย่ว์หยางยังจะมีแผนตามมาอีกมากการลงมือในเมืองลี่จ้าวเป็นแผนก้าวแรกเท่านั้น!
เมื่อทั้งสองฝ่ายคารวะทักทายกันทั้งสองฝ่ายต่างจับตาหาโอกาสกันและกัน
เย่ว์หยางยังคงจับตามองเจ้าเมืองถูไห่ผู้ปกครองพิทักษ์เมืองลี่จ้าวมาถึงสามพันปี
ไม่ต้องพูดถึงความสามารถในการจัดการกิจการภายใน อย่างน้อยเขามีคุณสมบัติพิทักษ์คุ้มครอง หอทงเทียนและประตูแดนสวรรค์ซึ่งเชื่อมโยงแดนสวรรค์ตะวันตกไม่เคยพ่ายแพ้สูญเสียในเงื้อมมือของเขามาหลายพันปีแล้ว นอกจากนี้เมืองลี่จ้าวควรจะตกต่ำทรุดโทรมแต่ภายใต้การดูแลของถูไห่ เมืองลี่จ้าวไม่ถึงกับล่มสลาย
นี่แสดงให้เห็นว่าพลังของเจ้าเมืองถูไห่ไม่ถึงกับทรงพลังมาก
ส่วนเจ้าเมืองถูไห่ก็มองดูเย่ว์หยางเช่นกัน
เขาคิดว่าเขาได้พบเจอรุ่นผู้เยาว์มาเป็นพันๆ ปีแล้วไม่มีผู้ใดในนั้นโดดเด่นเหมือนกับคุณชายสาม
ไม่ต้องพูดถึงเทียบเท่าคุณชายสูงศักดิ์ผู้มากศักดิ์ศรีนั้นเลย แม้แต่จะเทียบผู้เยาว์ที่ชื่อเทียนหลัวกับทันหลางก็ยังไม่มี แม้แต่สองสหายอ้วนผอมเย่คงกับเจ้าอ้วนไห่ล้วนแต่เป็นผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์ทั้งนั้น คนเหล่านี้อายุยังน้อยมากก็มีความสำเร็จเหนือกว่าปราณดินระดับห้า เตรียมปราณฟ้าและอาจเป็นระดับปราณฟ้าก็ได้ พวกเขามีพลังเช่นนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการอบรมฝึกฝนวิทยายุทธเลิศล้ำจากตระกูลใหญ่กอปรกับใช้พรสวรรค์ทั้งหมดจะมีความสำเร็จระดับนี้ในวัยยี่สิบได้ยังไง?
หลังจากคารวะสุราสามรอบ
เจ้าเมืองถูไห่พยายามมองหาหัวข้อสนทนาต่อเนื่องและได้รู้ว่าการร้องรำทำเพลงตามปกติทำให้ฝ่ายตรงข้ามเบื่อเล็กน้อย และเขาเริ่มกังวลอยู่ในใจ
ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้เยาว์ในตระกูลที่ถือช้อนทองมาเกิดและเติบใหญ่ขึ้น
การร้องรำทำเพลงเหล่านี้ไม่เข้าตาพวกเขาจริงๆ
คุณชายสามผู้นี้ชอบอะไรกันแน่
หากไม่เกิดความคิดใหม่คาดว่าคงไม่สามารถรั้งอีกฝ่ายหนึ่งไว้ได้คิดจะให้ของขวัญก็เป็นการดำเนินการที่ยากมาก? ประการแรก..จะเอาอะไรให้เป็นของขวัญ? มันราคาสูงเกินไป ทื่อเกินไปฝ่ายตรงข้ามอาจไม่ชอบก็ได้ จะให้สิ่งของใช้ ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้ขาดแคลนจะมอบหญิงงามให้ก็คาดว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ขาดแคลน ทั้งยังจะกระตุ้นความไม่พอใจจากสตรีข้างตัวเขา จะให้อาวุธสมบัติ แต่แค่องครักษ์ของเขาก็ใช้สมบัติชั้นทองกันแล้ว!
“ได้ยินมาว่าร้านขายอสูรเสริมศักยภาพได้ล่วงเกินอาคันตุกะผู้มีเกียรติเราผู้เป็นเจ้าเมืองได้ทำการลงโทษไปแล้ว ไม่ทราบว่าท่านอาคันตุกะจะเอามังกรบินทองที่ซื้อไปเลยหรือว่าจะเอาไปลงเวทีต่อสู้ของสัตว์อสูร เราจะได้ไปดื่มกินและดูอสูรต่อสู้ไปด้วยดีไหม?” เจ้าเมืองถูไห่พยายามหลอกล่อฝ่ายตรงข้าม ถ้าเขาชอบการพนัน ก็จะมีหัวข้อคุยต่อได้มากมีการพนันขันต่อกันอย่างปลอดภัยดูสัตว์อสูรต่อสู้เอาชนะกันและฉวยโอกาสแสวงหาความมั่งคั่งจากฝ่ายตรงข้าม
นี่เป็นเรื่องปกติของพวกนักสู้ปราณฟ้า
เจ้าเมืองถูไห่คิดว่าคุณชายสามยังไม่น่าจะฝีมือดีเท่ากับพวกหอทงเทียน แต่เขาต้องลอง
เย่ว์หยางโบกมือ “ไม่จำเป็น”
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าที่นั่งอยู่ข้างเขาหัวเราะและอธิบายในฐานะที่เป็นหัวหน้าองครักษ์ของคุณชายสาม “ร้านอสูรเสริมศักยภาพได้รับบทเรียนเพียงพอแล้วน้องสาวของคุณชายสามก็ได้รับไข่ของกระเรียนหงอนเทาที่นางชอบแล้ว ส่วนมังกรบินทองเย่คงและเจ้าอ้วนต้องการซื้อไปเลี้ยงตั๊กแตนของคุณชาย ถ้าการทำธุรกรรมสมเหตุสมผลก็ไม่มีอะไรที่น่ากังวล เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว คุณชายไม่ได้ติดใจเอาความทั้งคู่กรณีก็ได้รับบทเรียนไปแล้ว”
“สู้ศึกอสูร เราก็สนใจเหมือนกัน” เย่คงและเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นลุกขึ้นยืน
เจ้าเมืองถูไห่ขยิบตาให้ถูตั่วญาติของเขา
ถูตั่วพากลุ่มขุนพลทหารแห่แหนรายล้อมเจ้าอ้วนไห่และเย่คงรวมทั้งคนอื่นๆนำไปยังลานประลอง
พ่อบ้านเจียวซือสั่งยกเลิกการร้องรำบันเทิงและรับรองเย่ว์หยางอาคันตุกะผู้มีเกียรติของเจ้าเมืองถูไห่ด้วยตนเอง เสวี่ยทันหลางเอาหนังสือที่ตัวเขาถูกบังคับให้อ่านออกมาท่อง ถูไห่เป็นหัวหน้าผู้ปกครองมีชื่อเสียงในเมืองลี่จ้าวเขาจัดให้มีการบริหารจัดเก็บภาษีในเมือง องค์ชายเทียนหลัวชะเง้อดูหนังสือในมือของเสวี่ยทันหลาง
มีหลายคนที่ชอบอ่านหนังสือต่อหน้าสาธารณชนเพื่อเป็นการอวดความรู้ของพวกเขา
บ่อยครั้งที่มีคนชอบดูหนังสืออย่างนี้แต่ความจริงกลับไม่รู้อะไร
เพราะไม่มีทักษะการเรียนรู้
ฉากแรกของข้อมูลนี้ หัวหน้าผู้บริหารเพิ่งมาถึงงานเลี้ยงและไม่มีเวลาค้นหาข้อมูลต่างของฝ่ายตรงข้ามจากพ่อบ้านเจียวซือ
เสวี่ยทันหลางอ่านหนังสือในใจต่อหน้าธารกำนัลมีบางคนที่รู้สึกเหยียดหยามเขาในใจ ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้กระตือรือร้นหาความรู้จริงๆ แต่เขาไม่ควรอ่านหนังสือในงานเลี้ยง เห็นได้ชัดว่าเป็นการเสแสร้ง
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องพบด้วยความประหลาดใจว่าสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือไม่ใช่ตัวอักษรธรรมดา แต่เป็นอักษรรูนสวรรค์
ไม่มีคำอธิบายถึงข้อเขียนแต่อย่างใด
เป็นอักษรรูนสวรรค์ล้วนๆ...ที่น่าทึ่งที่สุดก็คืออักษรรูนสวรรค์เหล่านี้มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลาและผสานกันเป็นรูปแบบใหม่ๆหลายอย่างเมื่อเขาศึกษาอักษรรูนสวรรค์อย่างระมัดระวังก็คิดว่าเข้าใจอักษรรูนได้แน่ แต่พอเหลือบมองครั้งแรกเขาต้องตกใจเมื่อพบว่าเขาไม่เข้าในสิ่งที่เขียนไว้ข้างใน
ขณะที่มองดูเสวี่ยทันหลางถึงกับเหงื่อออกเต็มหน้าผากและไหลเป็นทาง
การเขียนของเขามาตรฐานมาก
เมื่อเทียบกับหนังสือที่บันทึกเป็นอักษรรูนแดนสวรรค์ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือหนังสืออักษรรูนสวรรค์ที่เขาเขียน ไม่มีพลังของอักษรรูนแดนสวรรค์ แต่จะมีการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงโดยอัตโนมัติสร้างสิ่งใหม่ๆ ออกมามีทั้งหลอมรวมสร้างสรรค์แนวคิดใหม่
“บางทีอาจเป็นการสอนของอาจารย์ผู้รอบรู้ของเขา แต่บุรุษน้ำแข็งไม่มีความรู้ความเข้าใจอักษรรูนสวรรค์เท่านั้นเอง” เขาลอบปาดเหงื่อเยียบเย็น
ตอนนี้เขารู้แล้วว่า อีกฝ่ายไม่ได้ถูกบังคับ แต่เขาต้องการเรียนรู้จริงๆ
ข้าเองก็กระหายอยากเรียนรู้จริงๆ
ในอีกด้านหนึ่งเจ้าเมืองถูไห่ยังคงลอบเช็ดเหงื่ออยู่ในความมืด
เขาพบว่ายิ่งสนทนากับคุณชายสามก็ยิ่งพบว่าตัวของเขาเองลำพองตัวเองอย่างโง่เขลานัก
คุณชายสามผู้นี้จงใจพูดคำพูดสองสามคำเป็นความหมายลึกซึ้งเข้าใจได้ยาก ถ้าไม่ได้สุ่ยตงหลิวพูดไกล่เกลี่ยอธิบาย อย่างนั้นก็จะไม่เข้าใจสิ่งที่คุณชายสามอธิบายมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวแดนสวรรค์การฝึกอสูร การเลื่อนชั้นอาวุธสมบัติเรื่องเหล่านี้เป็นความรู้เมื่อหมื่นปีที่แล้ว ทั้งหมดเป็นความลับแต่คุณชายสามรู้เป็นอย่างดี
เมื่อได้ยินเขาพูดความรู้ที่ไม่เหมือนใครถูไห่รู้สึกเลื่อมใสเหลือเชื่อ แม้แต่เขาเองยังอดปรบมือโห่ร้องมิได้
“หินดำและขาวถูกนำมายังแดนสวรรค์ตะวันตกโดยชาวหอทงเทียน! มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายในระหว่างและข้าคาดไม่ถึงเลยว่าประวัติศาสตร์ที่แท้จริงจะเป็นเช่นนี้” พ่อบ้านเจียวซือลอบถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า
“พูดกันยืดยาวก็ยังไม่ดีเท่าเล่นเกมกันสักตาหนึ่ง?” เจ้าเมืองถูไห่มีความสุข
ถ้าคุณชายสามชอบเล่นหมากกระดาน อย่างนั้นก็มาถูกที่แล้ว
แม้ว่าทักษะในการเล่นหมากรุกจะยังไม่ค่อยดีมาก แต่ราชาหลิงหวินก็ชอบเล่นหมากรุก เจ้าเมืองถูไห่ค้นพบการละเล่นหมากกระดานกับราชาหลิงหวินมานานแล้ว จนถึงวันนี้เขาเล่นหมากรุกต่อเนื่องกับเจียวซือได้โดยไม่มีการชักหมากกลับ เจ้าเมืองถูไห่รู้สึกว่าผู้มีฝีมือบางคนไม่ได้ใช้ฝีมือเต็มที่ แต่ย่อมจะมีโอกาสได้ใช้ฝีมือแน่
ตัวอย่างเช่น การละเล่นหมากรุก
เครื่องมือนี้ไม่ได้ใช้ในการรบแต่เป็นเครื่องมือใช้พัฒนาความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้าได้
ไม่ใช่เรื่องยากกับการเสียเงินให้กับคนระดับสูงกว่า แต่ถ้าพวกเขาได้เล่นหมากรุกกับฝ่ายตรงข้ามได้ก็จะพัฒนาสัมพันธ์เป็นสหายกันได้
เดิมทีใต้เท้าถูไห่เป็นเพียงขุนนางทั่วไปของอาณาจักรหลิงหวินเขาได้รับการแต่งตั้งจากราชาหลิงหวินกลายเป็นผู้พิทักษ์เมืองลี่จ้าว ไม่ได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับราชาหลิงหวิน
“ดีเหนือนกันแต่ข้าเล่นหมากรุกไม่เก่ง ท่านเจ้าเมืองโปรดออมฝีมือให้ข้าบ้างด้วยเถิด” เย่ว์หยางพูดถ่อมตัว
“เราเจ้าเมืองมีความคิดหยาบกร้านพอคันไม้คันมือก็มักจะเล่นแค่วันละกระดานสองกระดาน” เจ้าเมืองถูไห่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามคงมีฝีมือหมากรุกไม่เท่าใดนักนี่ต้องใช้ทักษะหลายอย่างไม่อาจดูถูกฝ่ายตรงข้ามได้มิฉะนั้นจะกลายเป็นการดูถูกกัน ปกติเขาจะเล่นหมากรุกกับราชาหลิงหวินมักจะแอบวางหมากที่ราชาหลิงหวินก็มองไม่เห็นหรือเขาอาจเห็นแต่ก็มีความสนุกกับการเล่นกับบริวารของเขา
พ่อบ้านเจียวซือถือตัวหมากรุกมาวางบนกระดาน
รอบแรกผ่านไป
เจ้าเมืองถูไห่รู้สึกขายหน้ามากที่มั่นใจในตนเองเกินไปจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนียิ่งนัก
เขากล้าพูดได้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะฝ่ายตรงข้ามลอบเปิดทางรอดให้เขาหลายครั้งเป็นไปได้ว่าคงแพ้ไปนานแล้ว
แม้ว่าเจ้าเมืองถูไห่จะไม่ใช่ระดับปรมาจารย์ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในยอดฝีมือไม่กี่คนในอาณาจักรหลิงหวิน
อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณชายสาม..
ถูไห่พบว่าตนเองเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งจะหัดเล่นหมากรุกปล่อยให้อีกฝ่ายไล่ต้อนอย่างง่ายดาย เมื่อเขาเห็นว่าคุณชายมีท่าทีดูเบื่อหน่ายเล็กน้อย ในใจของเขารู้สึกอยากจะร้องออกมาดังๆโอวหรือว่าสวรรค์ต้องการเอาใจฝ่ายตรงข้าม ฝีมือหมากรุกของคุณชายสามผู้นี้ผิดปกติเกินไป ต่อให้อีกฝ่ายหนึ่งออมมือให้หลายครั้ง แต่ก็กดดันได้จนแทบอยากโดดน้ำตาย
“อะแฮ่มๆ คงจะดีกว่าถ้าให้ผู้น้อยได้สอดแทรกรับมือคุณชายสาม!” พ่อบ้านเจียวซือมีฝีมือทางหมากรุกที่ดีกว่าเจ้าเมืองถูไห่จึงคิดแทนที่เจ้าเมือง
“ดีมาก”
กระดานที่สองผ่านไปครึ่งชั่วโมง
เจ้าเมืองถูไห่แทบไม่อาจทนดูบนกระดานหมากรุกได้อีก เขากลัวว่าจะร้องออกมาดังๆ
น่ากลัวเหลือเกิน ตอนนี้พ่อบ้านเจียวซือไม่ยอมให้คุณชายสามกินหมากง่ายๆแต่ไม่มีความกลัวว่าตัวหมากเล็กน้อยจะรอดอยู่ได้ ทุกหมากดูเหมือนจะอยู่รอดได้ แต่ในความเป็นจริงนั่นเป็นหมากตายแล้วไม่ว่าจะเดินหมากให้ปลอดภัยเพียงใด ผลที่ออกมาก็เหมือนกันคือฆ่าตัวตาย
เจียวซือปาดเหงื่อและขออภัยฝ่ายตรงข้าม และเกมจบลงเท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทีเบื่อหน่ายในสายตาคุณชายสามเจ้าเมืองถูไห่ลอบกัดฟันคิดถึงคนๆ หนึ่ง
การปกป้องปากทางผนึกคุมขังนักสู้ของหอทงเทียนที่เกาะสุริยันต์คุ้มครองโดยนักสู้ปราณฟ้าที่ตำหนักกลางแดนสวรรค์ส่งมาเมื่อหกพันปีก่อน ผู้เฒ่านั้นไม่เคยห่างจากทางเข้าแม้แต่ครึ่งก้าว ทุกวันเขาจะเล่นหมากรุกสร้างความบันเทิงให้ตนเอง ฝีมือหมากรุกของเขาแม้แต่ราชาหลิงหวินก็ยังไม่อาจเทียบได้ถ้าสามารถโน้มน้าวคุณชายสามกับเฒ่าผู้นั้นให้เล่นกระดานต่อไป เชื่อได้ว่าอาจทำให้พวกเขานับถือเป็นพี่น้องกันก็ได้
ปัญหาก็คือทางผ่านไปหาผู้คุมนักรบนักโทษหอทงเทียน นอกจากเจ้าเมืองแล้ว คนนอกไม่ได้รับอนุญาต
เจ้าเมืองถูไห่ไม่กังวลว่าจะมีคนบุกปล้นคุก
อย่างไรก็ตามถ้าตำหนักกลางแดนสวรรค์ทราบเข้าบางทีเขาอาจจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเจ้าเมืองต่อไป
นอกจากนี้นักสู้ปราณฟ้านั้นไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้ามาเล่นหมากรุก เรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง เจ้าเมืองถูไห่มองดูคุณชายสามอีกครั้งรู้สึกว่าคุณชายสามผู้นี้เป็นยอดฝีมือผู้เดียวดาย ถูไห่มองดูคุณชายสาม เขาล้างกระดานและลุกขึ้นเดินออกไป สุ่ยตงหลิวผู้มีภูมิรู้ดุจทะเลเทียนหลัวผู้สง่างาม ทันหลางผู้กระตือรือร้นในการศึกษา สี่คนเดินออกไป
เจ้าเมืองถูไห่ลอบถอนหายใจเมื่อใช้หนังสือบังหน้าแขกผู้ทรงเกียรติก็แสดงความรังเกียจน้อยลงแต่พวกเขาไม่มีทางสร้างมิตรภาพกันได้
ข้าไม่น่าเล่นหมากรุกเลย ผลออกมาเลยไม่ดี
สร้างความผิดหวังให้กับฝ่ายตรงข้ามเกินไป
“อะไรนะ?”
เมื่อพ่อบ้านเจียวซือและคนใช้ได้ยินความคิดของเจ้าเมืองถูไห่ พวกเขาสีหน้าเปลี่ยนและคัดค้านทันที “ไม่ได้, เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้แน่นอน!”
พวกเขาไม่ทันได้เห็น พวกเขาเดินออกจากจวนเจ้าเมืองเย่ว์หยางไปที่รถม้าบินโดยสารและหันมายิ้มให้อย่างลึกลับ
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าพูดอย่างมั่นใจ “วันสุดท้ายเราจะแวะมาอีก”
องค์ชายเทียนหลัวยิ้ม “บางทีพรุ่งนี้เราค่อยมา เผื่อว่าเราจะไปในวันพรุ่งนี้
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าโบกมือ “ไม่, เราต้องให้เวลาฝ่ายตรงข้ามคิดสักเล็กน้อย ถ้ารีบร้อนเกินไปฝ่ายตรงข้ามจะเป็นกังวลและไม่สามารถตัดสินใจได้ ก่อนหน้านั้นผู้เฒ่าเต่ามังกรว่าไว้ไม่ผิด มีนักรบของหอทงเทียนถูกผนึกขังไว้ที่นี่จริงๆ เย่ว์หยาง งั้นข้าจะดูฝีมือเจ้า”
“ถ้าเจ้าไม่ใช้ปณิธานราชันย์ และสนามพลังสร้างโลกคงไม่ง่ายที่จะเล่นหมากรุกชนะคนที่ศึกษามาพันๆ ปีได้” เย่ว์หยางลังเลเล็กน้อย“ข้ารู้ว่ามันถูกผนึกมากี่ปีแล้ว ข้ายังไม่สนใจสักช่วงเวลาหนึ่ง เราควรจะตามหาสลัดเฒ่าคุ้ก แคริเบียนก่อนจะทำให้หลายคนไม่ต้องไปกระตุ้นความสงสัยของพวกตำหนักกลางแดนสวรรค์”