ตอนที่ 763 เขาคือใคร?
ธงของกองทหารเกียรติยศโบกสะบัดพลิ้วไสว
กองทหารเกียรติยศภายใต้บังคับการของผู้บัญชาการทหารประจำเมืองได้กำหนดแบ่งออกเป็นสองแถวเพื่อต้อนรับอาคันตุกะอย่างสมเกียรติ
เจ้าเมืองถูไห่ยืนอยู่แถวหน้ารอคอยรถม้าบินที่กำลังลดระดับลงมา ปกติยกเว้นการต้อนรับราชาหลิงหวินแล้วไม่เคยมีการต้อนรับอาคันตุกะเป็นการส่วนบุคคลอย่างนี้มาก่อนในฐานะที่ถูตั่วเป็นหัวหน้าองครักษ์ประจำตัวซึ่งเป็นญาติกับเจ้าเมืองเขารู้สึกว่าครั้งนี้มากเกินไปหน่อย แม้ว่าผู้มาจะเป็นนักสู้ระดับปราณฟ้าแต่ไม่น่าจะมีคุณสมบัติพอให้เจ้าเมืองออกไปต้อนรับด้วยตนเอง
นอกจากนี้เมืองลี่จ้าวไม่ใช่เมืองธรรมดา
นี่คือสถานที่ระลึกที่นักรบแดนสวรรค์ที่เอาชนะชาวหอทงเทียนผู้รุกรานได้!
ปกติแล้วหัวหน้าองครักษ์ประจำตัวซึ่งเป็นญาติกับเจ้าเมืองเขาคือถูตั่ว เขาไม่กล้าล่วงเกินถูไห่ เขารู้ดีว่าถูไห่อารมณ์ร้ายแค่ไหน
รถเทียมม้าบินหยุดนิ่งประตูห้องโดยสารเปิดออกและมีคนสองคนช่วยรูดเปิดม่านเป็นคนอ้วนหนึ่งและคนผอมหนึ่งตามด้วยสุนัขที่มีระดับนักสู้ต่ำจนพูดไม่ออก หลายคนคิดว่านี่เป็นสุนัขที่เลี้ยงไว้ดูเล่นหรือไม่ก็เป็นอารมณ์ขันที่เป็นรสนิยมของเจ้าของสุนัข
ต่อให้ชอบเลี้ยงสัตว์ ก็ควรจะเลี้ยงสัตว์ที่สวยงาม
นี่มันสุนัขน่าเกลียด!
รสนิยมอะไรกัน เห็นแบบนี้พูดไม่ออก!
ได้ยินมาว่าเจ้าเมืองกำลังจะต้อนรับอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติด้วยความยินดีพวกพ่อค้าทั่วไปและพ่อค้าใหญ่ผู้มั่งคั่งได้ทราบข่าวต่างพากันมองดูสุนัขตัวนี้และสุนัขตัวนี้มันเชิดหัวสูงด้วยความหยิ่งภูมิใจ
เพราะสัตว์เลี้ยงที่ภรรยาน้อยภรรยาใหญ่นำมาถ้าไม่มีความดึงดูดน่าสนใจ ก็คงมีพลังพอครอบงำ หรือพวกเขาอาจมีรสนิยมที่ไม่เหมือนใครอย่างเช่นเจ้าสุนัขสีเทานั้น ถ้าเจ้านายสุนัขไม่ได้เป็นนักสู้ปราณฟ้าทุกคนคงหัวเราะไปแล้ว
เจ้าเมืองถูไห่เห็นฮุยไท่หลางมีอาการเกียจคร้านแต่เขาหนังตากระตุกทันที
เขาลอบสังเกตพ่อค้าและนักธุรกิจที่มั่งคั่งแค่มองจากหางตา พวกเขากวาดตามองดูสัตว์เลี้ยงต่างๆที่ราคาแพงและถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนคนเหล่านั้นและจากนั้นเทียบกับฮุยไท่หลายที่นอนเกียจคร้านอยู่บนพื้น ทันใดนั้น เขารู้สึกละอายและหงุดหงิดรำคาญเล็กน้อย กลุ่มคนโง่ที่คิดว่าตนเองไม่ผิด เขาอยู่กับคนโง่มาเป็นเวลาหลายร้อยปี นี่เขาจะพลอยโง่ไปด้วยหรือไม่?
เจ้าเมืองถูไห่กำลังหงุดหงิดกับนายพลที่ลอบแค่นหัวเราะอยู่ด้านหลัง
ทั่วทั้งแดนสวรรค์ นักสู้ปราณฟ้าคนไหนที่เลี้ยงสุนัขชั้นทองแดงระดับสามเป็นสัตว์เลี้ยง
ไม่มีเลย!
แม้ว่าจะมีจ้าวสุนัขที่รู้จักกันในนามว่าซืออ๋าวนักสู้แห่งแดนสวรรค์ตะวันตกเขามีสุนัขไม่กี่พันตัว และไม่มีสักตัวที่สีดูเป็นสนิมสกปรกอย่างตัวนี้
ฝ่ายตรงข้ามที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าเลี้ยงสุนัขแบบนั้นได้ยังไง? ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นที่โปรดปรานสร้างความพอใจให้กับคนใกล้ๆด้วยหรือ
คำตอบที่แท้มีประการเดียว
นั่นคือคนที่อยู่ข้างหลังของเขาเหล่านี้เข้าใจผิด ความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดานี้มองดูเหมือนเป็นแค่ระดับปราณดิน แต่ความจริงเจ้าสุนัขที่ดูโง่และสีตัวเหมือนสนิมนี้ต้องเป็นอสูรปีศาจที่แข็งแกร่งใกล้เคียงระดับปราณฟ้า เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นเซอร์เบอรัส(สุนัขนรก)ประเภทหนึ่ง อสูรตัวนี้มีความสามารถในการอำพรางพลัง นอกจากนี้มันยังแปลงร่างเพื่อเข้าต่อสู้เหมือนเป็นร่างวิวัฒนาการที่สองของอสูรประเภทแมลงได้...
เจ้าเมืองถูไห่ลอบเทียบกับอสูรของเขาเอง
นอกจากนี้เขารู้สึกว่ามังกรดำอสูรปราณฟ้าระดับสองสามารถเอาชนะอสูรอีกฝ่ายได้นอกจากนั้น ปีศาจแบนชี (ผีโหยหวน)และม้าศึกก็ดูเหมือนเป็นอสูรมีพลังปราณฟ้าระดับหนึ่ง ก็ยังนับว่าไม่มีอะไร
เขามองอัญมณีกลมเครื่องมือที่ข้อมือและอัญมณีสะท้อนแสงสีเขียว
ปลอดภัย
ผู้มาไม่ใช่เศษเดนหอทงเทียนที่ยังหลงเหลืออยู่ มิฉะนั้นอัญมณีกลมที่ข้อมือของเจ้าเมืองจะเปล่งเป็นสีแดงเตือนว่าศัตรูกำลังรุกราน
บนพื้นผิวกระจกอุปกรณ์ที่เขาสวมอยู่ที่ข้อมือบ่งชี้ว่าสุนัขสกปรกที่นอนเกียจคร้านอยู่บนพื้นปรากฏเป็นสัญญาณสีเขียวมีวงสีทองเลือนรางล้อมประกายสีเขียวซึ่งแสดงให้เห็นว่านั่นคือพลังของมัน อย่างน้อยก็ต้องป็นอสูรปราณฟ้าที่ซ่อนพลังไว้ลึกมากดังนั้นจึงมีแสงทองกระจายรอบ แต่ภายในรถม้าโดยสารมีจุดแสงสีเขียวซึ่งมีวงสีทองหลายจุด ขณะที่ตรวจสอบอยู่นั้นดูเหมือนจุดสีเขียวนั้นจะหายไปทั้งหมดเหลืออยู่แต่เพียงจุดเขียวเดียวแต่มีวงทองสองชั้น
“นักสู้ปราณฟ้าห้าคนหายไป พวกเขาคงจะเข้าไปในโลกคัมภีร์”
เจ้าเมืองถูไห่ตกใจกับองครักษ์ปราณฟ้าห้าคนและนักสู้ผู้ปรากฏว่ามีวงทองซ้อนปรากฏอยู่บนหน้าปัดของอุปกรณ์ของเขา นั่นหมายความว่าอย่างไร?
นั่นหมายความว่าเป้าหมายนี้อย่างน้อยต้องมีพลังปราณฟ้าระดับห้าหรืออาจมากกว่า! นี่ไม่มีการผิดพลาดแน่ เพราะอุปกรณ์วงจักรข้อมือนี้คืออุปกรณ์ที่แดนสวรรค์ในอดีตใช้จับตาดูนักสู้ผู้รุกรานจากหอทงเทียน และใช้เวลาหลายร้อยปีในการพัฒนาอุปกรณ์นี้
ถ้าเป็นที่อื่นอาจมีบ้างที่ประเมินผลผิดแต่ในเกาะสุริยันต์ไม่มีทางผิดพลาดได้อย่างแน่นอน วงจักรข้อมือนี้เป็นอุปกรณ์ผ่านการพัฒนาค้นคว้า แม้แต่ฝ่ายวิจัยพัฒนาค้นคว้าของตำหนักกลางแดนสวรรค์ก็เริ่มดำเนินการมาหลายพันปีก่อน แต่ระลอกพลังทดสอบนี้ยังทำกันอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นขณะที่เจ้าเมืองถูไห่จับตามองดูเงียบๆ จุดสีเขียวที่มีวงสีทองสองชั้นล้อมรอบเปลี่ยนไปทันที
ตอนแรกยังมีวงสีทองวงหนึ่งและจากนั้นกลายเป็นจุดสีเขียวที่ไม่มีวงทอง
ดูไม่ต่างไปจากจุดสีเขียวรายรอบ
“....” เจ้าเมืองถูไห่ถอนหายใจมิน่าเล่าแค่สุนัขสกปรกที่ดูเหมือนสุนัขเฝ้าบ้านก็ยังไม่ธรรมดาเจ้านายของมันเก็บซ่อนพลังไว้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ซ่อนพลัง? ถูไห่เกิดความคิดขึ้นมาฉับพลันทันด่วนเช่นกันเขามองไปทางองครักษ์อ้วนผอม สองคนนี้มีสถานะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ธรรมดามีพลังไม่ต่างกับมดปราณดินระดับห้า คนอ้วนดูเจ้าเล่ห์ คนผอมดูจริงจัง แต่ตาของทั้งสองค่อนข้างคมเหมือนกับนักรบผู้ผ่านศึกสงครามที่แท้จริงมาแล้ว
แค่มองดูจากภายนอกยังไม่เห็นอะไรเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตามต้องลองใช้เครื่องมืองรูปจักรที่ข้อมือของเขาเปรียบเทียบดู
เจ้าเมืองถูไห่ใช้อุปกรณ์ที่ข้อมือตรวจสอบชี้ไปที่คนทั้งสอง
คนแรกที่ถูกตรวจสอบก็คือเจ้าอ้วนที่ดูงุ่มง่ามเหลวไหลเขาเป็นสมาชิกในกลุ่มองครักษ์ที่มีพลังระดับปราณดินระดับหก...ด้วยผลนี้เจ้าเมืองถูไห่ตกใจกับความจริงที่ว่าสมดุลของเครื่องตรวจสอบพลังแสดงผลออกมาเป็นสีเขียว โอกาสเอาชนะเจ้าอ้วนผู้นี้มีถึง 99% หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็ได้ว่าคนผู้นี้ที่ทำตัวเป็นองครักษ์ ดูภายนอกเหมือนดีน่าเกรงขามและดูเหมือนเขาจะไม่สามารถโจมตีตอบโต้ได้ด้วยซ้ำ
ภายในห้องโดยสารของรถม้าบินมีบุรุษหนุ่มสี่คน
เป็นองครักษ์คุ้มกันสองคน
และเป็นองครักษ์แฝด
อีกสองคนดูเหมือนเป็นคู่หูนักสู้ปราณฟ้าท่าทางเขาดูเย็นชามีรังสีฆ่าฟันแผ่ออกจากตัว ซึ่งเหมือนกับไม่ใช่ระดับปราณฟ้า แต่ที่ทำให้ถูไห่ประหลาดใจก็คือบุรุษหนุ่มนี้ไม่ธรรมดา ส่วนบุรุษหนุ่มอีกคนหนึ่งรูปงามแค่ดูก็รู้ว่าเป็นชนชั้นสูง
คนทั้งสองไม่ว่าคนไหนก็ไม่ได้มีพลังระดับปราณฟ้าแต่ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก...เจ้าเมืองถูไห่อดใช้วงจักรเครื่องตรวจสอบชี้ไปทางเขาไม่ได้และผลแสดงออกมาเป็นสีเขียวและบ่งชี้ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์เขามีระดับพลังที่เตรียมปราณฟ้า สูงกว่าปราณดินระดับเก้า ผลก็คือเป็นระดับที่เขาเอาชนะได้ โอกาสที่เขาเอาชนะได้สูงถึง 95%
จากนั้นเขาชี้เทียบกับถูตั่วหัวหน้าองครักษ์ส่วนตัวที่เป็นญาติของเขาและบุรุษหนุ่มน้ำแข็ง
ผลที่ออกมาทำให้เขาถึงกับมึนศีรษะ
หัวหน้าองครักษ์ประจำตัวของเขาซึ่งเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่งมีโอกาสแพ้ถึง90%
แม้ว่าเครื่องพกตรวจสอบพลังจะเป็นแค่การทดสอบไม่ใช่รายงานผลการต่อสู้ที่แท้จริง แต่ก็สามารถบอกอะไรได้หลายๆ อย่างนั่นคือพลังของกลุ่มฝ่ายตรงข้ามต่างอำพรางพลังไว้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นพวกองครักษ์ อสูร หรือแม้แต่คนเป็นหัวหน้าที่ยังอยู่ในรถม้าโดยสาร
“พลังขององครักษ์อ่อนแอเกินไป ทั้งหมดมีพลังต่ำที่ปราณดินระดับห้า...”
“สัตว์เลี้ยงไม่อ่อนแอ แต่น่าเกลียดอัปลักษณ์!”
“เครื่องมืออาวุธก็นับว่าใช้ได้ เป็นสมบัติระดับทอง นักรบระดับปราณฟ้ามีได้ก็นับว่าเลิศหรูแล้ว
พ่อค้านักธุรกิจท้องถิ่นที่อยู่ด้านหลังของเขาพูดคุยกันด้วยภาษาท้องถิ่นเมืองลี่จ้าว พวกเขาไม่กลัวฝ่ายตรงข้ามเพราะเมื่อหกพันปีก่อน เพื่อไม่ให้นักรบหอทงเทียนได้ความลับข้อมูลทางนักรบแดนสวรรค์สร้างภาษาลับขึ้นมาซึ่งต่อมาได้ตกทอดกลายเป็นภาษาท้องถิ่นของเมืองลี่จ้าว ถ้าไม่ได้เรียนภาษานี้มาก่อน คนภายนอกจะไม่มีทางเข้าใจภาษาคนท้องถิ่นซึ่งเป็นภาษาลับของพวกเขาได้เลย
เจ้าเมืองถูไห่รู้สึกอับอายมาก
เขาอยากกลับไป แล้วลงโทษตบหน้าเจ้าพวกข้างหลังให้ตื่นจากความโง่งมเสียบ้าง
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่านักรบระดับปราณฟ้าที่อยู่ในรถม้าโดยสารได้รับการเคารพอย่างดีเขารีบปั้นยิ้มและแสดงการต้อนรับด้วยอาการสุภาพ
ราชาหลิงหวินเคยพูดไว้ประโยคหนึ่งกับเจ้าเมืองถูไห่และเขาจำได้
เขาบอกว่า ‘ยิ่งคนใกล้ตัวโง่ เจ้าก็ต้องยิ่งตื่นตัวให้มากขึ้นมิฉะนั้นจะมีคนฉลาดกว่าปรากฏอยู่ใกล้ตัวเจ้า’
ปัจจุบันนี้เจ้าเมืองถูไห่รู้สึกอย่างนี้จริงๆ... เขาสาวเท้ายาวเข้าไปทักทายนักสู้ปราณฟ้าอีกฝ่ายหนึ่งด้วยตนเองเป็นการแสดงความจริงใจของเขา ฝ่ายตรงข้ามตอบสนองทันที รัศมีประจำตัวของเขาบนหน้าปัดเครื่องตรวจจับพลังเปลี่ยนไปเล็กน้อยหน้าของเขาสวมหน้ากากแพลตตินัมปิดบังไว้ข้างตัวเขาเป็นชายชราที่ดูฉลาดเป็นเหมือนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์รถม้าบินเคลื่อนมาถึงหน้าเจ้าเมืองถูไห่
และบุรุษชั้นสูงผู้นี้ก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นถูไห่
แม้แต่พ่อบ้านเจียวซือก็ยังบอกได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้เยาว์ แต่เจ้าเมืองถูไห่ก็ยังคาดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะอายุเยาว์ขนาดนี้
บางทีอาจจะยี่สิบกว่าปีมีความรู้สึกว่าเหมือนเด็กที่ยังไม่เติบใหญ่เต็มที่อายุเยาว์มากแต่อุปกรณ์ตรวจพลังกลับแสดงวงสีทองสองวงที่ไม่ธรรมดาเป็นพลังปราณฟ้าระดับห้า
มองอย่างผิวเผินเด็กหนุ่มนี่ไม่ใช่นักสู้ปราณฟ้า
แต่ไม่มีความรู้สึกถึงพลังระดับปราณดิน บางครั้งก็รู้สึกเหมือนอ่อนแอบางครั้งก็ดูกล้าแข็ง
บนร่างของเขาสวมเสื้อคลุมถักสีขาวด้านบนมีอักษรรูนสวรรค์ที่ซับซ้อน และอักษรรูนเหล่านั้นกำลังทำงาน ถูไห่รู้สึกมึนงงเมื่ออักษรรูนเหล่านี้ทำงานมีแนวโน้มว่าจะใช้ในการสู้รบอย่างดุเดือดครั้งหนึ่งถูไห่ต้องไปเข้าเฝ้าราชาหลิงหวินในวัง เขาก็เห็นชุดอย่างนี้ตัวหนึ่ง แต่ราชาหลิงหวินจะให้ความสนใจชุดไหมอักษรรูนที่สำคัญพื้นผิวอักษรรูนบนชุดนี้ไม่มีชุดใดเทียบได้
ร้านค้าอื่นต่อให้เอาสมบัติของมีค่า100 ชิ้นก็ยังเทียบกันไม่ได้
บนแขนเสื้อของนักสู้ปราณฟ้าผู้ทรงศักดิ์นี้มีถุงมือรูปแบบพิเศษส่องแสงแพรวพราวงดงาม
เจ้าเมืองถูไห่ไม่จำเป็นดู ต่อให้เป็นคนตาบอดก็ยังบอกได้ว่านั่นคืออาวุธเทพร่างอสูร
อย่างน้อยมีพลังปราณฟ้าระดับสามขึ้นไป!
ไม่เพียงแต่ถุงมืออาวุธเทพร่างอสูรเท่านั้นแต่ยังมีสัตว์ประหลาดโลหะที่ติดตามเจ้าสุนัขเถื่อนด้วยก็ยังเป็นอาวุธเทพร่างอสูร.. สิ่งที่ทำให้เจ้าเมืองถูไห่เวียนหัวก็คือที่มือของแขนของเด็กหนุ่มกำลังมือที่เปล่งพลังพิเศษและนั่นคืออาวุธระดับเทพ
มันคือสิ่งมีชีวิตที่พิเศษคล้ายกับเทพมังกรในตำนานแห่งเผ่าอมตะบูรพากลับมาอยู่บนแขนของเด็กหนุ่มผู้นี้
นี่มันอะไรกัน?
อาวุธเทพหรือ?
เด็กหนุ่มนี่เป็นใคร? เขาคือผู้สูงศักดิ์ระดับไหน?
เจ้าเมืองถูไห่ไม่กล้าคิดเพราะกลัวว่าจะตกใจกลัวจนหัวใจกระดอนออกมานอกตัว
ตอนนี้เขาเพียงแต่รู้ว่าคุณชายผู้นี้มีคุณสมบัติเพียงพอเข้าแดนสวรรค์บนได้อย่างสบายแต่ปัญหาตอนนี้ก็คือจะทำให้คุณชายผู้นี้พึงพอใจได้อย่างไร นี่เป็นเรื่องที่เจ้าเมืองถูไห่ปวดหัวมากที่สุด!
“ยินดีต้อนรับอาคันตุกะผู้ทรงเกียรตินับเป็นเกียรติของเรายิ่งนัก!” ถ้าไม่ติดที่ว่ามีคนกันเองมองอยู่ถูไห่คงคุกเข่าทำพิธีต้อนรับอีกฝ่ายอย่างแน่นอน