ตอนที่ 760 แหวนมัจจุราช
“เจ้าต้องฆ่าเขาให้ได้”
คำพูดเหล่านี้อิงอู๋ฟงคุ้นเคยดีที่สุด ตั้งแต่เขาออกผจญโลก เขาได้ยินคำพูดเหล่านั้นมานับครั้งไม่ถ้วน เขารับภารกิจลอบสังหารไม่สามารถจะปฏิเสธรางวัลได้
รางวัลก็คือกระบี่เล่มหนึ่ง กระบี่หยินวัฒนะ
บรรดาสมบัติในแดนบาปกระบี่หยินวัฒนะไม่ได้ล้ำค่ามากอันดับของมันไม่อาจเทียบได้กับหอกลมสายฟ้าซึ่งถูกจัดอันดับไว้ที่ 24ซึ่งภายในหอกบรรจุไปด้วยกฎธรรมชาติสายลมสายฟ้า เข้ากันได้กับความแข็งแกร่งของมัน ตระกูลหลูใช้ความพยายามมากมายจึงได้รับหอกเช่นนั้นมา
กระบี่หยินวัฒนะเป็นอาวุธที่ลึกลับมากในแดนบาป เพราะมีข้อมูลเกี่ยวกับกระบี่เล่มนี้น้อยมาก ทุกคนให้ความสนใจกับคำว่าวัฒนะในชื่อซึ่งหลายๆคนตีความแตกต่างกันไป
แต่การจัดอันดับของกระบี่เล่มนี้ตกไปเกินกว่า50 และอยู่ในลำดับนั้นอย่างเหนียวแน่น
อิงอู๋ฟงรู้จักกระบี่หยินวัฒนะมากกว่าคนทั่วไป เป็นเพราะความรู้ที่เพิ่มเติมนี้เองที่ทำให้เขาดูเหมือนเสียดายกระบี่เล่มนี้ เขาไม่เคยคาดว่ากระบี่จะปรากฏแก่เขาในลักษณะนี้
เขาเป็นคนมีประสบการณ์และรู้ทันทีว่าลูกค้าที่ตามหาเขาเป็นคนที่มาก่อนแน่นอน เพียงแต่คนที่รู้สถานการณ์ของเขาจะรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่เขาปฏิสเธไม่ได้ อีกฝ่ายไม่เผยสถานะของพวกเขา และอิงอู๋ฟงไม่มีความสนใจเช่นนั้น
สิ่งที่ทำให้เขาระมัดระวังภารกิจครั้งนี้มากก็คือภารกิจนี้มีอันตรายอย่างแน่นอน
รางวัลค่าหัวของเขาเองสูงมากอยู่ในอันดับแปดของนักฆ่าพายุเย็นของคนโฉดชั้นหนึ่ง การจ้างเขาต้องใช้ค่าจ้างสูงมาก แต่อีกฝ่ายกำลังมองหากระบี่หยินวัฒนะโดยเฉพาะแสดงว่าความยากของภารกิจสูงมากกว่าธรรมดา
‘เขาต้องการให้ข้าไปฆ่ายอดฝีมือในทำเนียบนักสู้หรือ? หรือว่าเป็นประมุขตระกูลบางคน?’
อิงอู๋ฟงกำลังคิด แต่เขาไม่พูดอะไรและรับข้อมูลที่ส่งมาให้เขาอย่างเงียบงัน
เมื่อเขาเห็นเป้าหมาย เขาประหลาดใจ เขารู้เรื่องนักโทษสุญญตา แดนบาปมีคนนอกเข้ามามากมาย และทั้งพวกเขาทั้งหมดมีร่างกายที่โดดเด่นเป็นที่ฮือฮากันมาก
เป้าหมายของเขาก็คือผู้นำหน่วยสุญญตาบุรุษหน้ากากผี
เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อนี้และประหลาดใจ แต่ก็ทำให้เขาสงสัยมากขึ้น เป้าหมายที่ไม่คุ้นเคยนับเป็นข่าวร้ายของมือสังหาร เขาเปิดอ่านข้อมูล และสีหน้าของเขาเคร่งเครียด
เขาเห็นชื่อที่คุ้นเคยเหอซิน
ครั้งหนึ่งคนโฉดชั้นหนึ่งอย่างเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นจ้าวหุ่นเชิดมรณะ เขาไม่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป แต่ภายในวงการ เขาเป็นคนน่ากลัวคนหนึ่ง อิงอู๋เฟยและเหอซินเคยประฝีมือกันมาก่อน และเขารู้ว่าเหอซินสร้างความยุ่งยากได้มากเพียงไหน
เหอซินตายในเงื้อมมือของบุรุษหน้ากากผี
ข้อมูลนั้นสร้างความตกใจให้เขาอย่างหนัก แต่เขาไม่เคยคิดว่า เขาจะต้องตกใจหนักกับข้อมูลต่อมา เมื่อเขาอ่านเหอซินใช้วิธีเรียกเคียวมัจจุราชและแขนมัจจุราชออกมา แต่ไม่สามารถฆ่าบุรุษหน้ากากผีได้เขาแทบกระโดดผาง
‘เป็นไปได้ยังไง!’
เคียวมัจจุราชไม่ใช่ของแย่ พลังของมันแตกต่างกันมากระหว่างเคียวมัจจุราชจริงและจำลอง แต่แขนมัจจุราชนั่นคือสิ่งที่ไม่มีทางปลอมได้
พลังกฎธรรมชาติสุดยอด!
เมื่อรับทราบข้อมูลทั้งหมดเขามีความคิดเพียงประการเดียว ‘ลูกค้าคนนี้ต้องการให้ข้าไปตายหรือยังไง?’ เขาเริ่มคิดถึงสัญญาทั้งหมดที่ได้ทำกับลูกค้าว่ามีความขัดข้องอะไรกับเขา คิดอยู่ครึ่งค่อนวันก็ตระหนักได้ว่ามากมายเกินกว่าจะนับไหว
จากนั้นเขาจึงเข้าใจสาเหตุที่ลูกค้านำกระบี่หยินวัฒนะมาให้
ถ้าไม่ใช่เพราะกระบี่เล่มนี้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะให้รางวัลสูงเพียงไหนก็ตาม เขาจะไม่มีทางรับงาน
‘แต่...นี่คือกระบี่หยินวัฒนะ...’
เป็นเพียงโอกาสเดียวที่เขาจะได้รับกระบี่หยินวัฒนะ ถ้าเขาต้องพลาดไป เขาจะต้องพลาดโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ไปแน่ เขาใช้เวลาหลายปีและความพยายามมากมาย แต่ไม่เคยพบเลยว่าใครครอบครองกระบี่หยินวัฒนะ ถ้าตระกูลใหญ่ต้องการซ่อนเก็บสมบัติเช่นนั้นไว้ คนภายนอกจะไม่มีทางหาเจอ
‘ถ้าข้าได้กระบี่หยินวัฒนะ พลังของข้าจะเพิ่มขึ้นมาอีกระดับอย่างแน่นอน’
เขาก้มศีรษะและดูข้อมูลอย่างระมัดระวังอีกครั้งทีละคำ ทีละประโยค คิ้วของเขาเริ่มคลายตัวช้าๆ เขาเห็นประกายความหวัง ในข้อมูลเขียนไว้ว่าบุรุษหน้ากากผีปะทะกับแขนและเคียวมัจจุราชโดยตรงและได้รับบาดเจ็บเสียเลือดเนื้อ
จากประโยคนี้ เขาสามารถประเมินพลังของบุรุษหน้ากากผี เขาแข็งแกร่งกว่าเหอซินแต่ระยะห่างมีเพียงเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชมรอบๆ พยายามโจมตีเหอซินในช่วงสุดท้าย เหอซินคงไม่จำเป็นต้องสู้โดยตรง และผู้แพ้ผู้ชนะอาจต่างกันมาก
ที่สำคัญมากกว่าก็คือบุรุษหน้ากากผีได้รับบาดเจ็บจริงๆ!
อิงอู๋ฟงรู้สึกถึงโอกาสได้ทันที!
‘อาการบาดเจ็บจากพลังโจมตีเช่นนั้นคงจะไม่ฟื้นฟูได้ง่ายๆ ถ้าข้ารีบจัดการฉวยโอกาสที่บุรุษหน้ากากผียังไม่ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บโอกาสสำเร็จของข้าย่อมมีมาก’
อิงอู๋ฟงไม่ใช่คนโง่ เขารีบเพิ่มคำขอให้ตนเองเพื่อสร้างโอกาสได้รับชัยชนะสูงขึ้น เขาขอให้ลูกค้าส่งกระบี่หยินวัฒนะมาให้เขาใช้ ลูกค้าตกลงรับเงื่อนไขของเขาโดยเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็ทิ้งเครื่องหมายไว้บนกระบี่ ถ้าอิงอู๋ฟงกล้าเก็บสมบัติและหลบหนีไปโดยไม่ยอมทำงาน เขาจะต้องถูกไล่ล่าตามฆ่าจนสุดขอบโลก
อิงอู๋ฟงไม่มีความคิดเช่นนั้น
เขารู้ว่าตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังมากมายแค่ไหน ตระกูลยิ่งใหญ่พยายามหาเขาเพราะเป็นเรื่องไม่สะดวกที่พวกเขาจะเคลื่อนไหวเองและไม่ใช่ว่าพวกเขาแข็งแกร่งไม่พอ
ด้วยกระบี่หยินวัฒนะอิงอู๋ฟงยิ่งมีความมั่นใจในชัยชนะมากขึ้น
เมื่อมีกระบี่หยินวัฒนะอยู่ในมือ เขามีความมั่นใจว่าจะชนะได้แม้กระทั่งเหอซิน
****************
เมืองบูรพาอมตะ
จงหลีไป๋แยกออกไปพร้อมกับหน่วยบูรพาอมตะทำให้ถังเทียนประหลาดใจ แต่ก็จำกัดอยู่เพียงแค่นั้น ทุกคนมีวิถีการต่อสู้เป็นของตนเอง เหมือนอย่างถังเทียน เขาไม่ใช่คนที่ชำนาญในการต่อสู้ด้วยกองทัพ จงหลีไป๋เองก็ไม่เชี่ยวชาญสู้ตามลำพัง การติดตามถังเทียนจะไม่ทำให้เขาได้แสดงพลังที่แท้จริงของเขา
สมาชิกหน่วยสุญญตาที่ได้รับการช่วยเหลือรับคำสั่งให้กลับไปยังเมืองจื่อจวนเพื่อรับการฝึกฝนและสมทบกับเนี่ยชิว สมาชิกเหล่านี้ไม่ได้ลังเลสับสน พวกเขารู้ตัวว่าพวกเขายังแข็งแกร่งไม่พอปกป้องและติดตามนายท่าน พวกเขามีแต่จะเป็นภาระอย่างเดียว
ถังเทียนรู้สึกว่ารอบตัวเขาเงียบสงบขึ้นมากเขารู้สึกมีความสุข เขายังไม่ออกไปจากเมืองบูรพาอมตะทันที เนื่องจากประโยชน์จากการต่อสู้กับเหอซิน เขาต้องการเวลาย่อยซึมซับ และยังมีอีกอย่างหนึ่ง
ถังเทียนเล่นแหวนนิ้วโป้งสีดำและถามสวี่เย่ “นี่คืออะไร?”
เมื่อเหอซินตาย เขาเหลือแต่เถ้าถ่าน และมีแต่เพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ ซึ่งก็คือแหวนนิ้วหัวแม่มือสีดำ แหวนนิ้วโป้งดำทำให้ถังเทียนคิดถึงหอกพายุสายฟ้าของหลูเทียนหวิน แต่ทั้งสองไม่เหมือนกัน
สวี่เย่จ้องมองแหวนดำอยู่ครึ่งค่อนวัน และจู่ๆ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาตะโกน “แหวน.. แหวนมรณะ!”
“แหวนมรณะ?” ถังเทียนประหลาดใจ แหวนนิ้วโป้งดูเรียบง่าย มองเหมือนกับแหวนธรรมดา และเขาไม่รู้สึกถึงรังสีมรณะจากมันแต่อย่างใด
สวี่เย่พึมพำกับตนเอง “มิน่าเล่า! มิน่าเล่าเหอซินถึงเรียกเคียวมัจจุราชออกมาได้! มิน่าเล่า!’
เมื่อเห็นสวี่เย่พึมพำกับตัวเอง ถังเทียนรู้ว่าของเล่นนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
หลังจากนั้นชั่วครู่สวี่เย่ก็รู้สึกตัว แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “นายท่านอาจไม่ทราบ แต่แหวนมรณะก็คือสมบัติอันดับเก้าในแดนบาป! เป็นสมบัติสำหรับปล่อยกฎมรณะ! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะตกอยู่ในมือของเหอซิน!”
“ทรงพลังขนาดนั้นเชียวหรือ?” ถังเทียนตกใจ
“ถูกแล้ว!” สีหน้าของสวี่เย่ยังคงตื่นเต้น “ในแดนบาป เคยมีนักสู้ที่ใช้กฎตายได้ถึงระดับสุดยอดและเพราะเหตุนั้น เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นบรรพบุรุษนรก! เขาได้รับการรู้แจ้งพลังนรก และจากส่วนลึกของไฟนรก เขาพบหินดำไร้ชื่อที่ไม่สามารถเผาหลอมได้ เขาใช้เวลา 20 ปีสกัดหินดำให้เป็นแหวนหัวแม่มือและประทับกฎตายที่เขารู้แจ้งไว้ และนี่ก็คือแหวนมรณะ!”
ถังเทียนตกใจ “ทรงพลังมาก!”
“ใช่แล้ว เป็นหนึ่งในสิบสุดยอดสมบัติแดนบาป!” สวี่เย่ตื่นเต้นมาก
แหวนดำถูกส่งคืนให้เขา
“ให้เจ้า,เจ้าฝึกกฎเป็นตาย เห็นว่าน่าจะช่วยควบคุมรัศมีตายในตัวเจ้าได้” ถังเทียนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
สวี่เย่ตะลึง
‘ให้..ให้ข้า....’
“เอาไปลองดู” ถังเทียนเห็นสวี่เย่ตะลึง จากนั้นจากจึงโยนแหวนดำให้สวี่เย่อย่างไม่ใส่ใจและกล่าว “ข้าจะไปฝึกต่อ”
เขากลับเข้าไปปล่อยให้สวี่เย่ยืนงงแข็งทื่ออยู่กับที่เหมือนรูปสลัก
‘นี่มันแหวนมรณะนะ...’
ใจของสวี่เย่ว่างเปล่า
ถังเทียนกลับมาที่ห้องและหมกมุ่นอยู่กับการฝึก
ทะเลพลังต้นกำเนิดในร่างของเขาเป็นเหมือนทะเลที่ปั่นป่วน
คำถามของถังเทียนตอนนี้คือจะทำให้สงบได้ดังใจยังไง แม้ว่าถังเทียนจะรู้สึกกังวลอยู่บ้าง แต่ในขณะเดียวกัน เขาเข้าใจชัดว่าขอให้มีพลังและชัยชนะเขาจะช่วยทุกคนได้ เขาระงับความกังวลในใจและพยายามอย่างหนักเพื่อสงบใจจัดการกับปัญหา
ถังเทียนมีข้อสงสัยของเขาถ้าเทพอสูรหกมุทราถูกสร้างโดยปรมาจารย์หลี่ อย่างนั้นทำไมจึงแตกต่างจากระบบวิชาในแดนบาปอย่างสิ้นเชิง? แต่หลังจากคิดดูแล้ว เทพอสูรหกมุทราเป็นการรู้แจ้งจากวิชาดาบมารพิฆาต วิชาดาบมารพิฆาเป็นมรดกของแดนบาปอย่างแท้จริง
‘หรือว่าเทพอสูรก็เป็นกฎธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง?’
ถังเทียนสะดุ้งในใจ เขาคิดว่าข้อสันนิษฐานของเขาค่อนข้างน่าสนใจ เมื่อคนอื่นฝึกในกฎต่างๆ พวกเขาเริ่มจากสายใยกฎ จากนั้นก็เป็นผิวกฎธรรมชาติและยืมพลังที่ฉายออกมาจากผิวกฎสร้างพื้นที่กฎธรรมชาติ
‘เดี๋ยวก่อน ฉายพลัง...’
หัวใจของถังเทียนสะดุ้ง พลังที่เขาได้รับจากเทพอสูร ‘เทพอสูรหกมุทรานั่นเป็นการฉายพลังเหมือนกันไม่ใช่หรือ?
‘ใช่แล้ว!’
ถ้าเทพอสูรหกกรถูกทำเหมือนกับว่าเป็นผิวกฎ อย่างนั้นก็พอเป็นไปได้ แต่เทพอสูรหกกรแตกต่างจากผิวกฎธรรมชาติของคนอื่นมากเกินไปและคล้ายกับมัจจุราชที่เหอซินเรียกออกมามากกว่า
สายตาของถังเทียนพลันมองดูที่เปลวเพลิงน้ำเงินและหมอกเสียงที่มือของเทพอสูรหกกรทันที
เทพอสูรหกกรมีแขนหกข้าง และแขนทั้งสามมีของสามสิ่งคือ เพลิงแดงลุกโชนของมุทราหมัดพิโรธ เพลิงน้ำเงินของมุทราหัตถ์เด็ดบุปผา และหมอกเสียงของมุทรากระบี่กำสรวล
ถังเทียนจ้องมองเพลิงน้ำเงินและหมอกเสียง เพลิงของมุทราหมัดพิโรธเปล่งแสงปรับสภาพร่างของเขาเป็นอีกระดับหนึ่ง และเพราะเหตุนั้นพลังต้นกำเนิดในร่างของเขาจึงเพิ่มขึ้นในปริมาณมหาศาลซึ่งเป็นสิ่งที่ได้รับมาจากเพลิงแดง
‘แต่เพลิงน้ำเงินและหมอกเสียงเล่า, มีเอาไว้ทำไม?’
ถังเทียนไม่เชื่อว่าหลายอย่างที่อยู่ในมือเหล่านั้นจะไร้ประโยชน์ ‘เทพอสูรหกมุทรา ถ้าได้รับการปรับสภาพอย่างนั้นเพลิงน้ำเงินและหมอกเสียงจะใช้ได้เหมือนกันหรือไม่?
‘ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆอย่างนั้นข้าจะสร้างการติดต่อเชื่อมโยงกับเพลิงน้ำเงินยังไง?’
‘ตัวอย่างเช่น ถ้าถือว่าเทพอสูรหกกรเหมือนกับเป็นผิวกฎธรรมชาติ ถ้าข้าต้องการฉายพลังของมันออกมาข้าก็ต้องมีพิธีการบางอย่าง มันคืออะไรกันแน่?’
ถังเทียนตาเป็นประกาย ‘เป็นไปได้มากที่สุดก็คือท่าปางมือ!’
เขาเริ่มทำท่าปางมือการเคลื่อนไหวของเขาช้ามาก และค่อยเป็นค่อยไป เขาพบกับการเปลี่ยนแปลงการเปลี่ยนแปลงของเทพอสูรหกกร และความเชื่อมโยงระหว่างเขาและแขนทั้งหก
ท่าปางมือของเขาค่อยๆเริ่มจะเร็วขึ้นมากขึ้นทุกที
เขามองดูเหมือนกับคนเสียสติทำท่าปางมืออย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า
เทพอสูรหกมุทราถูกสร้างขึ้นต่อเนื่องในมือของเขา นิ้วทั้งสิบของเขากำลังเคลื่อนไหวเหมือนกระแสน้ำไหล สายหมอกบางสายแล้วสายเล่าผันผวนหมุนวนอยู่ระหว่างนิ้วทั้งสิบของเขาบางทีหมุนวน บางทีแผ่เป็นแนวราบ
ไม่นานต่อมาร่างของถังเทียนสั่น ตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้า ฝ่ามือขวาของเขาตั้งปางมือเป็นมุทราหัตถ์เด็ดบุปผา และเปลวเพลิงอ่อนสายหนึ่งพริ้วไหวอยู่ที่ปลายนิ้วของเขา
ถังเทียนเห็นความเปลี่ยนแปลงกับตาตัวเองได้ทันที
ทะเลแสงสีน้ำเงินไร้ขอบเขตกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด, มันคือ....ทะเลน้ำเงิน!
ถังเทียนตกใจ