ตอนที่แล้วตอนที่ 757 ข้าต้องโกรธ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 759 ร้านสัตว์อสูรเมืองลี่จ้าว

ตอนที่ 758 ประตูแดนสวรรค์


แดนสวรรค์ตะวันตก

ดวงอาทิตย์สาดส่องพื้นที่ประตูทางเข้าแดนสวรรค์  เมืองลี่จ้าวราชอาณาจักรหลิงหวิน (วิญญาณเมฆา)

ผู้พิทักษ์ประตูแดนสวรรค์รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อในฐานะที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าแต่ต้องมาคอยเฝ้าเหมือนกับเป็นยามธรรมดาเรื่องที่น่าเจ็บปวดที่สุดก็คือเขาเป็นผู้พิทักษประตูแดนสวรรค์มาร้อยปีแล้ว   คนโง่ๆก็รู้ว่าประตูแดนสวรรค์เปิดมาร้อยปีแล้ว แต่เพราะห้วงเวลาและทางผ่านมิติแตกสลาย ยังไม่ต้องพูดผนึกที่ทรงพลังแค่รอยแยกกาลมิติก็สามารถฉีกทางผ่านเข้าแดนสวรรค์ออกเป็นชิ้นๆ ได้

ตั้งแต่หอทงเทียนตกอยู่ในความโกลาหลมาหลายพันปี  ก็ไม่มีนักรบจากดินแดนชั้นล่างผ่านเข้ามาในประตูแดนสวรรค์ได้อีกเลย

ในฐานเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเวลาผ่านไปพันปีแล้ว

ถูหวังแทบจะลืมหอทงเทียนไปแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพื่อราชาหลิงหวิน  ถ้าไม่ใช่เพื่อเจ้าเมืองถูไห่พี่ชายของเขาสั่งไว้ ด้วยพลังระดับปราณฟ้าของเขาคงไม่ยอมเสียเวลาอยู่ที่นี่เป็นพันปีแน่

“หอทงเทียนและดินแดนชั้นล่างเข้ามาร่วมใหม่ทำให้เราต้องเก็บภาษีงั้นหรือ?”  ถูหวังกระดกแก้วดื่มอย่างรวดเร็ว เขาถามบริวารทราบว่าเหล้าอาทิตย์อุทัยมีชื่อเสียงมากในอาณาจักรหลิงหวินเคียงคู่กับเหล้าของอาณาจักรแสงสว่างของดินแดนส่องหล้า หาได้ยากยิ่งกว่าทอง แม้ว่าจะเป็นเหล้าคุณภาพชั้นสูงแต่รสชาติในรอบพันปีนี้ไม่มีเปลี่ยน  ต่อให้รสชาติไม่ได้เรื่องอย่างน้อยถูหวังก็ยังต้องอยู่ที่นี่

“กลับมารายงานขอรับ  หอทงเทียนและดินแดนชั้นล่างไม่มีการตอบสนอง จักรวาลท้องฟ้ากลับคืนสภาพเป็นสีฟ้าเหมือนเดิมแล้ว  ผ่านไปหลายเดือนแล้วแต่สามดินแดนชั้นล่างยังไม่กลับมาร่วม   ไม่เพียงแต่ที่ประตูแดนสวรรค์เท่านั้นที่สงบ แต่แม้แต่ประตูเทเลพอร์ตของหอทงเทียนก็ยังไม่มีสัญญาณเริ่มใช้งาน”หัวหน้านายกองยืดตัวแสดงความเคารพแล้วจากไป

“เบื่อโว้ย, เบื่อเหลือเกิน” ถูหวังผิดหวังเป็นอย่างยิ่งกับกำหนดการประชุมตามปกติด้วยพลังของนักสู้ระดับปราณฟ้าและด้วยอำนาจของเจ้าหน้าที่ทางการ การได้ข่มนักสู้จากดินแดนชั้นล่างเพื่อหาความสนุกเพลิดเพลินยาวนานกลับทำไม่ได้  บางครั้งถูหวังก็อดคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ว่าหอทงเทียนมีนักสู้รุ่นหลังเกิดใหม่ที่มีพลังไม่เลว  เมื่อทำลายผ่านผนึกที่แข็งแกร่งมาได้ ก็แทบจะเอาตัวไม่รอดจากกาลมิติปั่นป่วนที่น่ากลัวซึ่งปรากฏอยู่ข้างหน้ายังไม่ทันได้พักหายใจก็โดนดึงดูดเข้าไปในกาลมิติปั่นป่วนอีกครั้ง”

“รายงาน ขอรับ!”

ขณะที่ถูหวังกำลังจะเลื่อนการประชุมออกไปและออกไปหาความสุขกับสตรีกินดื่มให้เมาและหลับนอนต่อนั้น

มีทหารเข้ามารายงานจากด้านนอก

เสียงรายงานดังขึ้น  “ใต้เท้าขอรับ ที่เส้นทางตรงไปยังเมืองลี่จ้าวมีนักรบกลุ่มหนึ่งโดยสารรถม้าตรงมาที่ประตูแดนสวรรค์

เดิมทีถูหวังคิดว่าเป็นการมาเยี่ยมหาสหายกันแต่พอได้ยินว่าเมืองที่คนผู้นั้นมาคือเมืองลี่จ้าวนั้นแสดงว่าพวกเขาไม่ได้มาจากดินแดนชั้นล่างไม่ใช่นักรบจากหอทงเทียนเขาถอนหายใจทำเสียงเบื่อหน่าย  “โอว, ข้าอาจเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในอาณาจักรหลิงหวินก็ได้ ถ้าไม่ใช่ตั้งใจรับใช้มาตั้งแต่ในอดีตอย่างซื่อสัตย์หลายปี  ถ้าไม่มาปักหลักเฝ้าไอ้ประตูสวรรค์นี่  บางทีข้าอาจเป็นเจ้าเมืองไปแล้ว!”

ในขณะเดียวกันเพื่อเห็นแก่ภารกิจหน้าที่เขาตัดสินใจออกไปดู

ถ้าคนมาใหม่เป็นนักรบหอทงเทียนที่ลอบเข้ามาแดนสวรรค์ก่อนก็คงจะมาหาเครื่องมือและกลับไปหอทงเทียน เขาจะต้องเตือนทางเมืองลี่จ้าวก่อน

ปกติเรื่องดังกล่าวไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้เพราะในช่วงพันปีไม่เคยมีบรรพบุรุษจากหอทงเทียนที่คิดจะกลับไปหอทงเทียนเลยเหมือนกับคนที่เข้าเมืองไปแล้ว  ยังยินดีกลับไปยังบ้านนอกอีกหรือ?

ต่อให้มีก็พบได้ยากมาก!

ถูหวังยังไม่เคยเห็นใครที่โง่ยอมกลับไปยังดินแดนชั้นต่ำเลยในช่วงพันปีมานี้

นอกจากนี้แม้ว่าจะมีนักรบที่กระตือรือร้นกลับไปยังหอทงเทียนเขาจะตกเป็นเป้าหมายวิพากษ์วิจารณ์ของส่วนรวม และจะต้องถูกฆ่าในแดนสวรรค์อยู่แล้วเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลับมาที่นี่

ประตูแดนสวรรค์เป็นเขตที่มีความคึกคัก  เดิมทีที่นี่เชื่อมต่อถึงหอทงเทียนมีพ่อค้านับไม่ถ้วนมาเปิดร้านที่นี่ พวกทหารรับจ้างแดนสวรรค์จะมองหาโอกาสที่นี่และนักรบจากแดนสวรรค์นับไม่ถ้วนอิจฉาที่นี่เนื่องจากสงครามทำให้เมืองพังพินาศ นอกจากนี้ครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายที่ตายในสงครามคนรุ่นหลังที่ต้องการระลึกถึงบรรพบุรุษต่างก็มาที่นี่  มิฉะนั้นที่นี่จะไม่ค่อยมีผู้คนให้เห็น

กลุ่มคนที่ลงมาจากรถม้าบินบินหรู ดูจากพลังของคนเหล่านี้ไม่ค่อยสูงนัก

มีดีอยู่คนเดียวคือ ปราณดินระดับเจ็ด

ที่มีระดับต่ำที่สุดก็คือปราณดินระดับห้าอ่อนแอเสียจริง ที่ทำให้ถูหวังไม่เข้าใจก็คือมีบุรุษคนหนึ่งในกลุ่มสวมหน้ากากสมบัติระดับแพลตตินัม

บุรุษหน้ากากนี้ดูเหมือนอ่อนแอและบางครั้งก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากใกล้เคียงระดับปราณฟ้า

เขาเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ถูหวังยากจะทำความเข้าใจ

ปกติไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ตามถูหวังจะไม่ล่วงเกินพวกเขาได้โดยง่าย เห็นได้ชัดว่า 90%เป็นอนุชนรุ่นหลังที่มาเคารพบรรพบุรุษ นักสู้ที่เคยผ่านสงครามอาบเลือดที่นี่ 99%จะมาจากตระกูลที่น่าเกรงขามและมีชื่อเสียง เพียงแต่โดยสารพาหนะบินเลิศหรูได้พวกเขาก็รู้ได้ว่าพวกผู้เยาว์เหล่านี้รวมทั้งผู้สูงอายุ ล้วนแล้วไม่ใช่ทหารรับจ้างนักผจญภัยธรรมดา

ถ้าพวกเขาไม่มีอำนาจของตระกูลมากมาย  พวกเขาจะไม่สามารถผ่านเมืองลี่จ้าวเข้าแดนสวรรค์ได้แน่

นายกองเป็นคนหัวฉลาดผายมือและทักทาย

หลังจากนั้นเขาแจ้งข่าวให้ถูหวังทราบ

ความจริงผู้เยาว์เหล่านี้คือคนจากตระกูลในเมืองไร้ราตรีจากแคว้นมรกตจากแดนสวรรค์ที่ราชาถัวเย่ปกครองเดินทางจากบ้านมาท่องเที่ยวทัศนศึกษาเรื่องราวความเสียสละของวีรบุรุษสงครามหัวหน้ากลุ่มของพวกเขาเป็นบุรุษหน้ากากเรียกว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์

ถูหวังคาดว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้นี้คงไม่ใช่คุณชายสามจากตระกูลใหญ่น่าจะเป็นบุตรของเจ้าเมืองธรรมดาจึงไม่กล้าเรียกคุณชายสามอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า

อย่างไรก็ตามหน้ากากพิเศษระดับแพลตตินัมที่เขาสวมอยู่ไม่ใช่สมบัติที่คนทั่วไปจะมีได้

ในกลุ่มคนพวกนี้ไม่ใช่มีแต่คุณชายสามเท่านั้นที่มีสมบัติวิเศษ  ดูเหมือนว่าเจ้าคนอ้วนที่มีแผลเต็มหน้าคนผอมสูงที่นัยน์ตาเหมือนเหยี่ยวและบุรุษผู้เย็นชามีสมบัติระดับอยู่ที่แขนและตัว ที่ยืนอยู่หน้ากลุ่มเป็นบุรุษรูปงามเรียกตนเองว่าเทียนหลัวบุรุษหนุ่มรูปงามนี้ดูเป็นชนชั้นสูงได้รับการอบรมมารยาทเป็นอย่างดีแค่ชำเลืองดูก็เข้าใจได้ว่าไม่ใช่ชาวนาชนบทหรือทหารรับจ้างหยาบกร้านจะเอามาเปรียบเทียบได้  ดูจากมารยาทภายนอกเจ้าอ้วนที่ยิ้มอยู่จะมีหน้าที่รับผิดชอบบางอย่างไม่ว่าบุรุษหน้ากากที่เป็นหัวหน้าจะหันไปด้านไหน เขาจะเริ่มพูดทันทีวางท่าทางเหมือนกับเป็นผู้คุ้มกันไม่ต่างกับสุนัขที่คอยติดตามเจ้าของ

แค่เหลือบมองดูถูหวังถึงกับส่ายหน้า

คนกลุ่มนี้ไม่มีอะไรน่าสงสัย

ในกลุ่มมีสตรีที่ฝีมือไม่เลวสองสามคนพวกนางงดงามหยาดฟ้าจนถูหวังลอบน้ำลายหก

โอว.. นี่เป็นสตรีที่เผ็ดร้อน  ถ้าใครทำบุ่มบ่ามไม่ยั้งคิดอาจทำให้เกิดหายนะได้ ต้องทราบไว้ว่าเคยมีผู้มาสักการะบรรพบุรุษเป็นหญิงงามและถูกล่วงเกินผลก็คือราชาหลิงหวินสั่งตัดศีรษะเจ้าหน้าที่คนนั้นเป็นการขอขมา

ทุกปีหญิงงามจากชาติพันธุ์ต่างๆ จะถูกส่งมาจากเมืองลี่จ้าวไม่ถึงร้อยคนแล้วทำไมจะต้องหาเรื่องยุ่งยากด้วยเล่า

ถูหวังข่มความปรารถนาในใจและออกคำสั่งให้นายกองไปอยู่ที่อนุสรณ์สถานด้านตรงข้ามและตนเองกลับไปดื่มเหล้าต่อ

ขณะนั้นพวกเขาไปท่องเที่ยวโบราณสถานหักพังนายกองยื่นมือกันไว้และถามด้วยความสงสัย “ท่านอาคันตุกะผู้มีเกียรติ  จุดตรงนี้เป็นตำแหน่งที่ราชาวายุในอดีตได้พลีชีพในการสู้รบอย่างสมพระเกียรติเพื่อปกป้องอนุชนรุ่นหลัง บรรพบุรุษของพวกท่านก็คงเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่พอๆ กับราชาวายุใช่ไหม?  ไม่,ข้าหมายความว่าบรรพบุรุษของพวกท่านคงจะยิ่งใหญ่มาก!”  ดูเหมือนเขากำลังทำการไต่สวนเพื่อดูว่าฝ่ายตรงข้ามเมื่อได้ยินชื่อราชาวายุที่น่าภาคภูมิใจแล้วอย่างน้อยก็ยังไม่แสดงความภาคภูมิใจออกมา ทำให้เขาลอบตกใจ  พระเจ้า,บรรพบุรุษของคนพวกนี้ยังเหนือกว่าราชาหรือนี่ เขาเปลี่ยนหัวข้อพูดด้วยความรู้สึกเกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะโกรธ

“เจ้าบอกอย่างกับว่านี่ยิ่งใหญ่เป็นพิเศษได้ยังไง?”  เจ้าอ้วนผู้นั้นปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจ

“ใช่ ใช่แล้ว, ท่าน..โปรดพูดให้เกียรติบรรพบุรุษสักนิดและฟังเรื่องราวบรรพบุรุษที่เจริญรุ่งเรืองเหนือท่านมากมาย”นายกองผายมือด้วยท่าทีเหมือนบอกให้ตั้งใจฟัง

“บรรพบุรุษของเรายิ่งใหญ่เป็นพิเศษหรือ?  นั่นยอดเยี่ยมจริงๆ!” คนอ้วนมีท่าทีเหมือนกับไม่ฟังคำนายกองทหารแม้แต่น้อย

สวะ!

สวะจริงๆ

มีบรรพบุรุษที่ยิ่งกว่านักสู้ระดับราชาแต่อนุชนรุ่นหลังไม่มีระดับนักสู้ปราณฟ้าเลยหรือ นี่แย่เกินไปหรือเปล่า?”

นายกองทหารเยาะเย้ยเจ้าอ้วนอยู่ในใจ แต่เขาเข้าใจได้ว่าการฝึกฝนจนถึงระดับนักสู้ปราณฟ้าไม่ได้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ  เขาจะต้องได้เป็นระดับเจ้าเมืองก่อนแล้วต้องฝึกฝนหลายอย่าง แค่เพียงเป็นศิษย์ของตระกูลมีชื่อเสียง พลังของพวกเขาแค่นั้นยังไม่พอ พวกเขาจึงต้องออกไปรู้จักชีวิตและแสดงภูมิหลังของตระกูล  พวกนี้จะต่างจากนักสู้ปราณฟ้าโดยทั่วไปจะให้ความสำคัญกับตัวเองไม่ได้เน้นที่บรรพบุรุษ

เป็นเพราะรู้สึกเหยียดหยามเช่นนี้นายกองทหารจึงไม่มีโอกาสถามว่าใครเป็นบรรพบุรุษของฝ่ายตรงข้าม

และเขาเข้าใจผิดหลายอย่างเขารู้สึกพอใจที่อีกฝ่ายตั้งใจฟังด้วยการให้เกียรติ

หลายร้อยปีที่ผ่านมานี้นายกองทหารเปลี่ยนมาหลายกลุ่มหลายคน พวกเขาต้องยืนตัวตรงฟังท่านถูหวังผู้อยู่ที่นี่มานานสาธยายยาวเหยียด  แม้ว่าจะไม่มีอนาคตที่นี่  แต่ก็ยังหาเศษหาเลยจากกุลบุตรในตระกูลใหญ่ที่มาเซ่นไหว้บรรพบุรุษ  และเกิดความพอใจ นอกจากนี้พวกอยู่ดินแดนชั้นล่างเมื่อเพิ่งเข้าสู่แดนสวรรค์เพื่อแสวงหาอนาคตก็ยินดียอมรับคำแนะนำของเขา...ถ้าเปลี่ยนเป็นที่อื่นคนมีพลังปราณดินระดับห้า รับรองได้ว่าไม่มีใครชายตามอง

คนกลุ่มนี้ไม่เหมือนกลุ่มนักท่องเที่ยวอื่น  ดูเหมือนพวกเขาไม่มีวัตถุประสงค์ชัดเจน

คาดว่าการมาเซ่นไหว้บรรพบุรุษในนามตระกูลคงเป็นเรื่องชั่วคราว เพราะพวกเขาไม่มองหาจุดตำแหน่งที่บรรพบุรุษพวกเขาออกรบ

ในระหว่างการเยี่ยมชมแต่ละครั้งพวกเขาจะแนะนำความสง่างามของการออกรบ รายชื่อผู้เสียชีวิตในอดีต และจากนั้นจัดตั้งแถวโค้งคำนับทำความเคารพ

นายกองทหารรู้สึกตกใจมากขึ้นเพราะจำนวนของคนในกลุ่มนี้ไม่มาก แต่มีความปนเปของเผ่าพันธุ์หลากหลายอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาจากเผ่าพันธุ์ตระกูลเดียวกันหลายคนแสดงมารยาทการเคารพที่แตกต่างกัน นายกองทหารได้แอบนับเล็กน้อย กลุ่มบรรพบุรุษนักสู้ผู้เสียสละที่นี่มีเกินกว่าสิบคนแล้วอย่างนั้นบรรพบุรุษอาวุโสของพวกเขาก็คงมีช่วงเวลาที่เจริญรุ่งเรืองเป็นพิเศษเช่นกัน

“ครั้งนี้พอจะประเมินได้ชั่วคราวก่อนว่าพวกเขาไม่มีเวลาเตรียมตัวกับการมาเคารพบรรพบุรุษเพราะดูเหมือนจะมาแบบรีบด่วน คงต้องรีบพาเข้าเมืองลี่จ้าวข้าจะได้ไม่ต้องอยู่ตรงนี้นานเกินไปนัก” เด็กหนุ่มที่ชื่อว่าเทียนหลัวขอให้นายกองทหารช่วยเล่าเรื่องความเสียสละของบรรพบุรุษและช่วยจัดการเซ่นสักการะ

“แน่นอนว่าได้บริการอาคันตุกะผู้มีเกียรตินับเป็นเกียรติยิ่งนัก นายกองยื่นมือออกไปรับถุงเงินที่คนอ้วนโยนให้และรู้สึกได้ว่ามีน้ำหนัก

ทันใดนั้นเขายิ้มหน้าบานทันที

รอให้รถม้าบินโดยสารแล่นออกไปเขาจึงตรวจดูเงินในในถุงและอุทานด้วยความตกใจ  “โอวสวรรค์,ข้านี่เหลวไหลจริงๆ ข้าแค่โค้งคำนับเล็กน้อยกับกลุ่มคนรวยเหล่านั้นถือว่าไม่สุภาพเลย หวังว่าสวรรค์คงจะไม่ตำหนิการกระทำที่หยาบกร้านของข้าหรอกนะ!”

ถูหวังที่กำลังเมาและสูบยาสูบถึงกับตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียง  เขาร้องเตือนทันที “เจ้าว่าอะไรนะ?  ทองแสนเหรียญ?”

นายกองทหารตอบด้วยความเคารพ “ขอรับ,นอกจากนี้พวกเขายังให้เพิ่ม 100 เหรียญทองเป็นรางวัลกลุ่มลูกเศรษฐียังมอบเงินให้แสนเหรียญทองขอให้ช่วยประกอบพิธีกรรมเซ่นไหว้ให้บรรพบุรุษของพวกเขา”  ถูหวังแทบจะสร่างเมาทันทีและรีบถาม“พวกเขาจะกลับมาอีกไหม?”

“ก็อาจจะกลับมาก็ได้ ข้าได้ยินคุณชายอ้วนผู้นั้นบอกว่าอาจจะกลับมาดู...”  นายกองไม่ค่อยแน่ใจ

“โธ่เอ๊ย! เจ้าก็ทื่อเกินไป ข้าไม่น่าไปงีบเลยเจ้าควรจะเรียกข้า เมื่อพวกเขามาครั้งต่อไป เจ้าต้องเตรียมตัวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติเหล่านี้พร้อมกับข้าให้ดี  ต้องรู้ไว้ว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของผู้เสียสละให้แดนสวรรค์  ข้าอยู่ที่นี่มามากกว่าร้อยปี ข้ายังไม่เคยได้เงินมากมายขนาดนี้เลย  คนพวกนี้หว่านเงินได้อย่างคาดไม่ถึงนับเป็นเหล่ากุลบุตรที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ข้าน่าจะคิดได้ก่อนแล้ว คุณชายสวมหน้ากากระดับแพลตตินัมกับคนที่มีอาวุธระดับทองจะเป็นลูกศิษย์ของตระกูลธรรมดาได้ยังไง  ข้านี่โง่จริงๆ!”  ถูหวังบ่นพึมพำกับตนเอง

รถม้าโดยสารอยู่ห่างออกไปสิบกิโลเมตร เจ้าอ้วนไห่ยังคงเป็นทุกข์เสียดายแทบแย่

อย่างไรก็ตามเพื่อกลับมายังประตูแดนสวรรค์และดำเนินการตามแผนที่ได้ตัดสินใจไว้ระหว่างเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสีย เขาต้องตัดใจยอมติดสินบนฝ่ายตรงข้ามด้วยทรัพย์ก้อนโต

เขาหันกลับไปมองประตูแดนสวรรค์และชูกำปั้น  “รอก่อนเถอะ เงินจ๋า..เมื่อข้ากลับมาเจ้าต้องกลับคืนมาเป็นของข้า

เย่ว์หยางไม่สนใจเรื่องเงินที่ต้องใช้จ่ายออกไป

สำหรับเขา

ปัญหาที่สามารถคลี่คลายด้วยเงินได้ไม่ถือว่าเป็นปัญหา

เมื่อครู่นี้ตอนที่ผ่านโบราณสถานประตูแดนสวรรค์เขาทิ้งหุ่นเวทขนาดเล็กที่ไม่มีพลังนัก เป็นพลังระดับ 1 เอาไว้ เขาวางแผนที่จะกลับมายังประตูสวรรค์โดยใช้เข็มทิศสามดินแดนอีก แน่นอนว่าภารกิจหลักของเขาตอนนี้คือรวบรวมรายชื่อสหายเก่าของผู้เฒ่าเต่ามังกรที่ตายไปแล้วในอดีต  นักสู้ของหอทงเทียนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิอวี้ถูกฆ่าตายเพื่อเป็นการแสดงความนับถือจึงมีการจารึกไว้บนอนุสรณ์สถาน

เชื่อได้ว่าผู้เฒ่าเต่ามังกรเมื่อเห็นรายชื่อสหายที่เย่ว์หยางบันทึกไว้เขาคงจะน้ำตาร่วงแน่นอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด