ตอนที่แล้วตอนที่ 36 ข้าหาสาเหตุความบิดเบี้ยวนี้ไม่ได้!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 39 ได้โปรดอย่าฆ่าข้า

ตอนที่ 37-38 เอกเนตรแห่งสวรรค์/นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!


[ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่เขียนบันทึกปะจำวันสำเร็จ

  [อารมณ์ +2 (14/100)

  [มูลค่ารูปลักษณ์+2 (14/100)

  [รางวัล: เอกเนตรแห่งสวรรค์ (วิชาวิญญาณ)

  [แนะนำรางวัล: ข้าเห็นสิ่งที่สวรรค์เห็น สามารถสอดแนมได้ทุกที่ในโลกชางหลิง

  [หมายเหตุ: เอกเนตรแห่งสวรรค์ต้องใช้พลังจิตใจ และพลังวิญญาณจำนวนมาก ดังนั้นจึงสามารถใช้ได้วันละครั้งเท่านั้น และระยะเวลาขึ้นอยู่กับพลังจิตใจ จิตตานุภาพ และพลังวิญญาณ 】

  ? ? ?

  “ข้าแค่บ่นเรื่องแย่ๆออกไปไม่ได้เขียนโครงเรื่องของวันนี้ด้วยซ้ำ”

  “ทำไมถึงมีรางวัลให้ล่ะ”

  "ไม่ใช่ว่ารางวัลจะได้เมื่อเขียนบันทึกประจำวันที่เกี่ยวข้องกับโครงเรื่องทุกวันเหรอ?"

  "หรือว่าระบบสุนัขเห็นว่าข้าอารมณ์ไม่ดีเลยให้รางวัลปลอบใจ"

  “หรือเห็นว่าสองวันต่อจากนี้ข้าไม่มีอะไรให้ทำ มันเลยส่งสิ่งนี้มาให้ข้าโดยเฉพาะ”

  เจียงมู่รู้สึกประหลาดใจ

  เขาได้รางวัลเพียงแค่เขียนเรื่องแย่ๆของนางเอกและตัวประกอบโดยไม่ได้เขียนเรื่องโครงเรื่องด้วยซ้ำ

  "สอดแนมได้ทุกที่ในโลก โลกชางหลิง...?"

  “บ้าเอ้ย ทำไมมันไม่โผล่มาเร็วกว่านี้”

  เจียงมู่โกรธมาก

  ถ้ารางวัลนี้มาเร็วกว่านี้ล่ะก็

  เขาไม่ต้องวิ่งไปดูเองว่าเฮยสุยชาบิดเบี้ยวไปแล้วไหม และยังไม่ต้องถูก "สลักวิญญาณวารีทมิฬ"ของนาง

  แม้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะไม่ได้ผลก็ตาม

  แต่สะพานเชื่อมระหว่างพวกเขาทั้งสองได้ก่อตัวขึ้นแล้ว

  เขาโยนนางลงไปเหวลึก 100 เมตร และนางคนนี้เป็นึนเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นอย่างมาก

  สิ่งนี้จะส่งผลต่อโครงเรื่องภายหลังที่ตามมาไม่มากก็น้อย!

  "เอ่อ...แต่ดูเหมือนว่าการที่ข้าพบเจอเฮยสุยชาด้วยตัวเองอาจจะดีกว่า"

  "ท้ายที่สุด ถ้าข้าไม่วิ่งไปด้วยตัวเอง ข้าคงไม่ได้ดูดซับพิษวารีทมิฬของนาง คงไม่ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับยาระเบิดพิษ คงไม่ได้ใช้ยาระเบิดพิษเพื่อแอบโจมตีชาหวู่เหวิน และท้ายที่สุดก็คงไม่สามารถทำให้หลิงอ่าวเทียนสู้ชาหวู่เหวินกลับได้ จนอาจทำให้โครงเรื่องเละเทะ"

  “อืม เอกเนตรแห่งสวรรค์นี่มีผลยังไง?”

  "ลองดู!"

  เนื่องจากการใช้เอกเนตรแห่งสวรรค์ มันต้องใช้พลังจิต จิตตานุภาพ และพลังวิญญาณจำนวนมาก

  เจียงมู่จึงนอนลงบนเตียงและหลับตา

  คิดในใจ:

  "เอกเนตรแห่งสวรรค์!"

  ทันที

  เจียงมู่รู้สึกถึงความว่างเปล่า

  ราวกับอยู่ในความมืด วิญญาณของเขาล่องลอยออกไป

ภาพที่เขามองเห็นคือการมองลงไปยังโลกเบื้องล่าง

  เมื่อภาพนั้นค่อย ๆ ปรากฏขึ้น.

  โครงร่างของโลกด้านล่างค่อยๆ โผล่ออกมาจากความมืด

  ในที่สุด แผนที่ของ โลกชางหลิง ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของ เจียงมู่

  "ว้าว!"

  "ที่จริงแล้วเทือกเขาสัตว์ปีศาจเป็นอย่างนี้เอง มันยิ่งใหญ่จริงๆ!"

  ด้านล่างการมองเห็นของเขาคือเทือกเขาสัตว์ปีศาจ

  มันเหมือนกับมังกรยักษ์โบราณหลายสิบตัวนอนเคียงข้างกัน มีหุบเขาลึก แอ่งน้ำ มียอดเขาที่สูงจนทะลุเมฆจำนวนนับไม่ถ้วนและมีพื้นที่กว้างขวางจนยากที่จะมองเห็นทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว

  ทางตอนเหนือของเทือกเขาสัตว์ปีศาจคือดินแดนทางใต้ ดินแดนทางใต้ตั้งอยู่ในหลี่โจว[1.1]ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปเก้าแคว้น[1.2]ทั้งหมด

  ทางตอนใต้ของเทือกเขาสัตว์ปีศาจคืออาณาจักรปีศาจชายแดนใต้[2] ซึ่งเป็นสวรรค์สำหรับเผ่าปีศาจ

  เมื่อวานนี้ ชาหวูเหวินหนีกลับไปที่ชายแดนใต้พร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก

  อาจกล่าวได้ว่าเทือกเขาสัตว์ปีศาจซึ่งทอดยาวหลายหมื่นลี้เป็นเส้นแบ่งเล็ก ๆ ระหว่างทวีปเก้าแคว้นและอาณาจักรปีศาจชายแดนใต้

  และเมื่อสามปีก่อน ในเทือกเขาสัตว์ปีศาจแห่งนี้ นิกายหวู่โหยวได้ต่อต้านการรุกรานของปีศาจจากชายแดนใต้

  เจียงมู่ลดการมองเห็นลง

  ภาพด้านล่างถูกขยายออก

  ภูเขาและป่าไม้สีเขียวขจี น้ำตก ลำธารและทะเลสาบ นกและสัตว์ต่าง ๆ เขาสามารถมองเห็นพวกมันได้อย่างชัดเจน

  "เป็นทักษะสอดแนมที่สะดวกจริงๆ!"

  เจียง มู่เพียงลองปรับเปลี่ยนการมองเห็นของเขา ขยับไปข้างขวาที ขยับไปปทางซ้ายที

  ในขณะที่เพลิดเพลินกับทิวทัศน์

 นอกจากนี้ เขายังมองเห็นการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตนมนุษย์กับสัตว์ปีศาจ

ในสายตาของเขา

บนพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง ผู้ฝึกตนชายและหญิงหลายตนกำลังปิดล้อมและสังหารราชาหมาป่า และการต่อสู้ก็ดุเดือดมาก

  ที่ริมฝั่งแม่น้ำสายหนึ่ง ผู้ฝึกตนชายและหญิงหลายคนกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อบังคับหมูแปดขาให้ขึ้นฝั่งอย่างดุเดือด

  บนภูเขาแห่งหนึ่ง ผู้ฝึกตนชายและหญิงสองสามคนกำลังใช้คาถาระยะไกลเพื่อโจมตีฝูงสิงโต และการต่อสู้ก็เป็นไปอย่างดุเดือด

  ในป่าแห่งหนึ่ง มีผู้ฝึกตนชายหญิง2คน เสื้อผ้าหลุดรุ่ยนอนทับกันอยู่...การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด

  "ไอ้ตัวดี ขาวจัง... เฮ้ ระวัง! มีหมาในสี่ตาอยู่ในพงหญ้า... อย่านะ!”

  ร่างกายส่วนล่างของเจียงมู่แน่นขึ้น

  ฉากนองเลือดนี้แทบจะทำให้เขาต้องปีดการใช้งานเนตรสวรรค์

  เขารีบเลื่อนสายตาออกไปดูอย่างอื่น

  “หือ? เสวี่ยเมิ่งหาน ยังไม่กลับไปที่เรือเหาะของนางอีกเหรอ?”

  เจียงมู่ตกตะลึงและเห็นว่า เสวี่ยเมิ่งหานซึ่งสวมชุดยาวสีเขียวมรกตกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ แขนของเขาโบกไปมาในอากาศ

  “มือนางกระตุกเหรอ?”

  ฉากนี้ทำให้เจียงมู่รู้สึกตลกเล็กน้อย

  ในเวลานี้เอง มีกลุ่มคนเดินเข้ามาสายตาของเขาและมาหยุดอยู่ด้านหน้าเสวี่ยเมิ่งหานอย่างเรียบร้อย

[1.1] หลี่โจว หมายถึง แคว้นหลี่

[1.2] เปลี่ยนจาก ทวีปเก้ารัฐ เป็น ทวีปเก้าแคว้น

[2] เปลี่ยนจาก ชายแดนปีศาจใต้ เป็น อาณาจักรปีศาจชายแดนใต้

-------------------------------------

38

เมื่อมองไปที่เครื่องแต่งกายของพวกเขา เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือผู้คุ้มกันของคฤหาสน์เจ้าเมือง

  "ไม่มีเสียงเหรอ?"

  “ข้าไม่รู้ว่าข้าจะได้ยินเสียงที่พวกนั้นพูดกันไหม...”

  เพียงแค่นึก เสียงของคนที่เขามองเห็นก็ดังเข้าสู่ในความคิด

  "โอ้! แม้แต่เสียงก็ได้ยิน"

เจียงมู่ รู้สึกประทับใจกับเอกเนตรสวรรค์นี้มาก

  เขาฟังอย่างอยากรู้อยากเห็น สงสัยว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไรกัน

  ..

  "คุณหนู ความจริงที่ท่านแอบไปหาประมุขเจียง เจ้าเมืองรู้แล้ว"

  “เจ้าเมืองเป็นห่วงท่านมากและสั่งให้พวกเรามารับท่านกลับ”

  หนึ่งในนั้นซึ่งดูเหมือนหัวหน้าหน่วยคุ้มกั้นกุมหมัดรอการตอบกลับของเสวี่ยเมิ่งหาน

  “อือ ขอบใจที่ทำงานหนัก ไปกันเถอะ”

  เสวี่ยเมิ่งหานยืนขึ้นนำกลุ่มผู้คุ้มกัน

  เดินไปที่เรือเหาะของคฤหาสน์เจ้าเมือง

  ..

  "ปรากฎว่านางแอบออกมาและถูกพ่อจับได้"

  จากนั้น เจียงมู่ก็เลื่อนสายตาเพื่อค้นหาว่า หลิงอ่าวเทียน อยู่ที่ไหน

  "วันที่สี่ของฤดูล่าสัตว์"

  "ในโครงเรื่องเดิม หลิงอ่าวเทียนควรพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บในถ้ำหน้าผา"

  ขณะหน้าจอหมุน หน้าผาสูงชันปรากฏขึ้นในสายตาของเขา

เจียงมู่เพ่งสมาธิและพยายามดูว่าเขาสามารถมองเห็นผ่านดินได้หรือไม่

  มันทำได้

ภายในภาพ

  โลลิตัวน้อยในชุดสีดำ กำลังทุบตีชายหนุ่มในชุดดำที่นอนบนพื้นอย่างดุเดือด

  การกระทำของโลลิต้าน้อยนั้นโหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง

  และชายหนุ่มในชุดดำกำลังนอนขดตัวกุมหัวอยู่ที่พื้น กระอักเลือดออกจากปาก

  ดูเหมือนว่าเขากำลังจะตาย

  "นี้??"

  “บ้าอะไรกัน!!”

  "เฮยสุยชากำลังทุบตีลูกศิษย์ตัวเองเหรอ?"

  “เจ้าสองคนไม่ได้มีความเกลียดชังต่อกันไม่ใช่เหรอ!!”

  “นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย?!!!”

  หนังศีรษะของ เจียงมู่รู้สึกเสียวซ่าทันที

  ..

  "อาจารย์...อาจารย์...ท่านเป็นอะไรไป!"

  หลิงอ่าวเทียนร้องอู้อี้ด้วยความเจ็บปวด

  ขณะที่เขานั่งสมาธิและดูดซับยาโอสถเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ

  ทันใดนั้น เฮยสุยชา อาจารย์ของเขาก็ปรากฏตัวขึ้น

  นางไม่พูดอะไรและทุบตีเขาทันที

  ดวงตาของนางสื่อ.. ราวกับว่าเขาเป็นหนี้ชีวิตของนาง!

  นางทุบตีเขาจนเกือบตาย

  “ไม่มีอะไร เทพองค์นี้เห็นว่าเจ้าขี้เกียจ เลยสั่งสอนซักหน่อย”

  เฮยสุยชากล่าวอย่างเย็นชา

  จากนั้นรูปร่างของนางก็เปลี่ยนไป ร่างกายของนางกลายเป็นเมฆหมอกสีดำ และเข้าไปในแหวนของหลิงอ่าวเทียนดั่งเดิม

  คำเตือน:

  “อย่ามายุ่งกับข้าจนกว่าจะจบฤดูล่าลัตว์”

  ..

  "เชี่ย!"

  “เกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์!”

เจียงมู่ตกใจมากจนหายใจไม่ออก

  ตามการออกแบบตัวละครความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ถ้าไม่คลุมเครือก็ยังกลมกลืนกันมาก!

  ทำไมตอนเฮยสุยชากำลังทุบตีหลิงอ่าวเทียน.. ราวกับว่านางต้องการที่จะฆ่าเขา?

  "มัน...เชี่ย...โคตร!"

  “งง..งง..งงไปหมดแล้ว”

  “อย่างงั้น แล้วนางโรคจิตนั่นล่ะ”

  จู่ๆ เจียงมู่ก็นึกถึงฮั่นอวี้ฉิง

  ด้วยเหตุผลบางอย่างเขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่ในใจ

  “ตอนนี้นางกำลังทำอะไรอยู่?”

  "ด้วยขอบเขตทะเลปราณขั้นที่เก้า นางเกือบจะสามารถวิ่งเล่นบริเวณรอบนอกของเทือกเขาสัตว์ปีศาจได้"

  “แต่รู้สึกเหมือนว่านางไม่ได้มาที่นี่เพื่อล่าสัตว์ปีศาจ อาจจะเป็นการล่าแกนปีศาจหรือเปล่า”

  "แต่หลังจากที่นางแต่งงานกับข้า ครึ่งหนึ่งของนิกายหวู่โหยวจะเป็นของนาง"

  “แล้วนางจะทำไปทำไม?”

  “ไม่ ข้าต้องดูนาง!”

  ดังนั้น เจียงมู่จึงเปลี่ยนภาพ

เขาพบถ้ำที่เขาและฮั่นอวี้ฉิง ใช้เวลาเมื่อคืนก่อนอย่างรวดเร็ว

  เมื่อมองผ่านชั้นดินเข้าไปจะเห็นว่าในถ้ำไม่มีใครอยู่

  ภายในมีเพียงกระดูกขาหลังขนาดใหญ่สองอันของสัตว์ปีศาจและอุปกรณ์ย่างเหล็ก

  “ดูเหมือนนางจะออกไปแล้วนะ”

  “แล้วนางจะไปไหน”

  “กำลังตามหาเสวี่ยเมิ่งหานอยู่หรือเปล่า?”

 อย่างกะทันหัน

เจียงมู่รู้สึกไม่สบายและเวียนหัว

  “บ้าเอ้ย ทำไมระยะเวลาของเอกเนตรสวรรค์ถึงสั้นนัก?”

  เห็นได้ชัดว่านี่คือสาเหตุของใช้พลังจิตมากเกินไป

  และพลังวิญญาณก็ถูกใช้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

  เขาอดทนต่ออาการเวียนหัว เขาเปลี่ยนการมองไปยังทิศทางของเรือเหาะของคฤหาสน์เจ้าเมือง

  ในที่สุด

  ภายในสายตาของเขาก็ปรากฏ หญิงสาวผู้งดงามในชุดทะเลสีน้ำเงินปรากฏขึ้น

  ผู้หญิงคนนี้คือฮั่นอวี้ฉิง

  นางถือกริชไว้ในมือมีท่าทางเคร่งขรึม กำลังระมัดระวังผู้หญิงที่ดูหยิ่งผยองต่อหน้านาง

  สว่นหญิงสาวข้างหน้านางสวมกระโปรงสั้นรัดรูป ถือกระบี่บงกช ใบหน้าที่สวยงามของนางถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง

  "นี่ไม่ใชติงหนานหรงเหรอ!"

  "ไอ้เวร!"

  "ติงหนานหลง แม่บ้านชรา นางจะยืนตรงข้ามกับฮั่นอวี้ฉิงได้อย่างไร!"

  “ใบหน้าของนางดูเย็นชา นางกำลังพยายามจะทำอะไร!”

  “นางกำลังจะฆ่าฮั่นอวี้ฉิงเหรอ!”

  เจียง มู่ รู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ปลายเท้าไปจนถึงหัว ราวกับตกลงไปในหุบเขาน้ำแข็ง

  เขารู้ว่าติงหนานหรงกำลังทำอะไร

  ถ้าดูจากบริบทแล้ว

  นางกำลังจะ...ฆ่า ฮั่นอวี้ฉิงใช่ไหม? !

  ทำไม! !

  “ให้ตายเถอะ ข้าต้องรีบหยุดพวกนาง!”

เจียงมู่ปิดการใช้งานเอกเนตรสวรรค์และรีบกระโดดลงจากเตียง

  หลังจากเปิดประตู

  ตรงดิ่งยังที่ที่หญิงสองนางนั้นอยู่

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด