ตอนที่ 34 สัตว์ประหลาด!
ตอนที่ 34 สัตว์ประหลาด!
ลู่ชิงเหอและทั้งสองรีบทักทายหญิงสาวร่างสูงที่มีแถบคาดผมสีม่วงที่กำลังเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว "พี่หยางเยว่เป็นยังไงบ้าง? ผ่านไหม!? "
ทันทีที่พบกัน ลู่ชิงเหอก็แทบรอไม่ไหวที่จะถาม ใบหน้าเล็กๆ ที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวัง เพราะว่าหยางเยว่เป็นคนที่ลู่ชิงเหอชื่นชมมากที่สุดในโรงเรียน เธอเป็นนักเรียนหัวกระทิของโรงเรียนมัธยมไป๋เหอที่ 1 อัจฉริยะอายุ 18 ปีที่มีค่าปราณโลหิตและพลังยุทธ์ถึงมาตรฐานของจอมยุทธ์ระดับ 1 และยังเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในชมรมศิลปะการต่อสู้
ใบหน้าของเฟิงฟานฟานและซูนั่วก็เต็มไปด้วยความคาดหวังราวกับว่าการผ่านการประเมินจอมยุทธ์ของหยางเยว่นั้นเป็นเรื่องสําคัญของพวกเธอเอง
สีหน้าของหยางเยว่แปลกไปเล็กน้อยมันซับซ้อนจนอธิบายไม่ได้ "ค่อยพูดถึงมัน ตอนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้นทำให้การประเมินถูกยกเลิกกลางคันและฉันคิดว่าจะเริ่มประเมินอีกรอบในช่วงบ่าย" หยางเยว่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
"ฮ่ะ?"
ลู่ชิงเหอและทั้งสองตกใจและถามอย่างรวดเร็ว "เกิดเรื่องอะไรขึ้น!? มันสามารถบังคับให้การประเมินถูกยกเลิกได้เลยหรอ! "
หยางเยว่ยิ้มอย่างขมขื่นและพูด "มันเป็นสัตว์ประหลาด อัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาด... เจ้าหน้าที่ประเมินถึงกับทิ้งเราและวิ่งหนีออกไปกลางคันในขณะประเมิน แบบนี้การประเมินจะไม่ถูกยกเลิกหรอ?"
"อัจฉริยะ...สัตว์ประหลาด" ลู่ชิงเหอและทั้งสองพึมพัมอย่างสับสน
หยางเยว่ถอนหายใจและพูดด้วยสายตาที่ซับซ้อน "จริงๆแล้วเป็นเพราะผู้ชายคนหนึ่งซึ่งน่าจะอายุเท่ากันกับฉันหรืออาจจะน้อยกว่าฉันเล็กน้อย ในช่วงประเมินเขาทดสอบค่าปราณโลหิตได้ 15.7 และยังมีพลังยุทธ์มากกว่า 15,700 ...พวกเธอคิดว่ามันน่ากลัวไหม!? ฉันเคยคิดเสมอว่าฉันคืออัจฉริยะ แต่จนกระทั่งฉันได้พบกับผู้ชายคนนั้น..."
หยางเยว่ถอนหายใจ "ฉันก็ได้รับรู้ว่าอัจฉริยะที่แท้จริงเป็นเช่นไร..."
หลังจากฟังคําพูดของหยางเยว่ปากเล็กๆของทั้งสามก็เปิดกว้าง พวกเธอตกใจจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา
อายุเท่าพี่หยางเยว่ แต่มีค่าปราณโลหิตอยู่ที่ 15.7... แถมพลังยุทธ์มากกว่า 15,700 ...
มีคนเช่นนี้บนโลกนี้ด้วยหรือ?
บุคคลดังกล่าวยังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่? ในที่สุดพวกเธอก็รู้ว่าทําไมการประเมินจอมยุทธ์ถึงถูกยกเลิกกลางคัน
มีสัตว์ประหลาดเช่นนี้ในการประเมินจอมยุทธ์คาดว่าสมาคมจอมยุทธ์ทั้งหมดจะตื่นตระหนกจนเป็นข่าวเช้าวันพรุ่งนี้แน่นอน!
"พี่หยางเยว่..."
ทันใดนั้น เฟิงฟานฟานก็รู้สึกตัวและถามอย่างใคร่รู้ "คนนี้ชื่ออะไร รุ่นพี่รู้จักไหม"
จู่ๆ ลู่ชิงเหอและซูนั่วก็หูผึ่งทันทีและจ้องมองหยางเยว่อย่างสนใจ หยางเยว่พยักหน้าและบอกชื่อ
"ลู่เซิง!"
"ผู้ชายคนนั้นชื่อลู่เซิง ฉันมีโอกาสจะได้รู้จักเขา แต่ฉันกลับตอบสนองช้าเกินไปเพราะตกใจ และพลาดโอกาสที่จะได้รู้จักกับชายคนนี้ คราวหน้าฉันไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกไหม..." หยางเยว่ถอนหายใจยาวด้วยความเสียใจ
ขณะที่พูดเธอก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติและเธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าของทั้งสามคนแปลกมาก โดยเฉพาะลู่ชิงเหอที่ยืนนิ่งเหมือนคนโง่
หยางเยว่กะพริบตาและกําลังจะถาม แต่เธอก็ได้ยินประโยคหนึ่งลอยออกมาจากปากของซูนั่วอย่างอ่อนแรง
"ชิงเหอ พี่ชายเธอชื่อลู่เซิงไม่ใช่เหรอ? และเขาเพิ่งเดินออกจากห้องประเมินจอมยุทธ์..."
ในเวลานี้เป็นคราวที่หยางเยว่ต้องตกตะลึง
........
ลู่เซิงเดินกลับบ้านตลอดทางและเขารู้สึกหิวเล็กน้อยจึงแวะซื้อซาลาเปาหมูมาสิบลูกระหว่างทางและเดินกินไปแบบชิวๆ
เมื่อเขากําลังจะถึงประตูของชุมชน ลู่เซิงก็เห็นกลุ่มคนมากมายวิ่งข้ามถนนไปต่อหน้าเขา
ลู่เซิงมองเสื้อผ้าของคนเหล่านี้ที่ดูคุ้นเคยเล็กน้อยและหลังจากคิดสักพัก เขาก็จําได้ว่าเขาเหมือนจะเคยเห็นมันในสำนักยุทธ์หงฉวน
ป้าๆลุงๆหลายคนยืนอยู่ที่ทางเข้าชุมชนและพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
"อะไรๆ มีเรื่องอะไรกันหรอ?"
"ฉันได้ยินมาว่าสำนักยุทธ์หงฉวนกําลังตามหาใครบางคนและก่อนหน้านี้ฉันจำได้ว่าเห็นพวกเขาเข้าไปชุมชนใกล้เคียงมาหลายแห่ง"
"ใครกันที่ทำให้สำนักยุทธ์หงฉวนวุ่นวายขนาดนี้? ช่างโชคร้ายจริงๆ ฉันกลัวว่าคนๆนั้นจะต้องโดนหักขาหากถูกตามเจอตัว..."
"อย่างว่าจอมยุทธ์พวกนี้มันดุร้าย!"
ลู่เซิงฟังอย่างไม่ใส่ใจ เขาเคยไปสำนักยุทธ์หงฉวนเพียงไม่กี่ครั้ง ดังนั้นไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะตามหาใครเพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่แล้ว..
เมื่อกลับถึงบ้าน ซาลาเปาลูกสุดท้ายก็หมดพอดี
ลู่เซิงที่ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนจึงถือโอกาศนี้นอนลงบนโซฟาเพื่องีบสักพัก
"กริ๊ง~" โทรศัพท์ดังขึ้น ลู่เซิงหยิบขึ้นมาพบว่าเป็นสายจากห้องโถงซิงซาน เขาก็ตัดสายทันที
แม้ว่าซุปยาโลหิตเสริมกล้ามเนื้อใกล้จะหมดแล้ว ลู่เซิงก็ไม่ได้ตื่นตระหนก อีกฝ่ายตามหาเขาอย่างลนลานแสดงว่าต้องการตกลงอะไรบางอย่าง
ส่วนอะไรที่ว่านั่น... ลู่เซิงเดาว่ามันเกี่ยวข้องกับซุปยาโลหิตเสริมกล้ามเนื้อ เขาจําได้ว่าเพราะรีบร้อนเกินไปจึงลืมล้างขวดยา
และคงเป็นน้ำที่หลงเหลืออยู่ในขวดที่ทําให้อีกฝ่ายค้นพบบางอย่าง ซึ่งนี้ก็เป็นเหตุผลว่าทําไมอีกฝ่ายถึงตามหาเขา
เมื่อลู่เซิงเอาซุปยาโลหิตเสริมกล้ามเนื้อออกมา เขาก็วางแผนไว้ในใจแล้ว
การฝึกศิลปะการต่อสู้ของเขาต้องใช้เงินจํานวนมากและเมื่อแข็งแกร่งขึ้น เขายิ่งต้องใช้เงินมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนจะหาเงินจำนวนมากมาจากไหน...แน่นอนว่าต้องเป็นสูตรยาในหัวของเขา
หากลู่เซิงขายสูตรยาใดๆในอนาคต เขาสามารถรวยในชั่วข้ามคืนได้อย่างง่ายดาย แต่จะนํามันไปขายให้ใคร... เขายังต้องพิจารณา
ไม่ว่าห้องโถงซิงซานจะมีคุณสมบัตินี้หรือไม่...และจะคู่ควรกับสูตรยาของเขาหรือไม่ ลู่เซิงยังคงต้องคิดอย่างรอบคอบ
สําหรับตอนนี้ ลู่เซิงอยากตรวจสอบความสงสัยที่ฝังอยู่ในหัวของเขามาโดยตลอด
เรื่องนี้มีความสําคัญมาก..มันเกี่ยวข้องกับเส้นทางศิลปะการต่อสู้ที่เขาจะเลือกเดินไปในอนาคต