ตอนที่ 32 มารยาทของผู้แข็งแกร่ง!
ตอนที่ 32 มารยาทของผู้แข็งแกร่ง!
สีหน้าของชายร่างใหญ่และหญิงสาวที่คาดผมสีม่วงก็ซับซ้อนมากเช่นกัน แม้ว่าภายนอกจะดูสงบ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถซ่อนความตกใจในดวงตาได้
ในเวลานี้ทัศนคติของเจ้าหน้าที่ประเมินที่มีต่อลู่เซิงนั้นดีขึ้นอย่างชัดเจน
"ไม่ต้องประหม่า ผ่อนคลาย คุณอยากจะทดสอบพลังยุทธ์กี่ครั้งก็ได้ เลือกที่คุณพอใจที่สุด..."
คนอื่นๆในห้องฟังแล้วแก้มกระตุกทันที พวกเขาจำได้ว่าเจ้าหน้าที่ประเมินบอกว่าทดสอบได้เพียง 3 ครั้งไม่ใช่หรือ? ช่างไม่ยุติธรรม!
ลู่เซิงหายใจเข้าลึกๆ และกล่าว "ไม่จําเป็น สำหรับฉันครั้งเดียวก็พอ"
เจ้าหน้าที่ประเมินยังไม่ทันได้ตอบกลับ เขาก็เห็นลู่เซิงชกออกไป ส่วนคนอื่นๆ เห็นเพียงแค่ท่าทางในการชกเท่านั้น
มีเพียงชายร่างใหญ่ที่ตกใจจนก้าวไปข้างหน้า 2 ก้าวโดยไม่รู้ตัว
"บูม-" เมื่อได้ยินหัวใจของทุกคนก็เต้นรัว เสียงที่ระเบิดออกมานั้นดังกว่าเสียงของชายร่างใหญ่ที่เคยทดสอบก่อนหน้าเสียอีก
จนกระทั่งพวกเขาเห็นตัวเลขที่แสดงบนเครื่องทดสอบพลังยุทธ์ ทุกคนก็มึนงงอ้าปากค้างและจ้องมองอย่างเหม่อลอย
"1...1...1.."
เจ้าหน้าที่ประเมินพยายามเค้นเสียงออกมาจากลำคอด้วยสีหน้าที่น่ากลัว แต่เมื่อรู้สึกตัวเขาก็หุบปากแล้วกล่าวอย่างรวดเร็ว
"15,709!"
5 หลัก! เด็กคนนี้มีพลังยุทธ์เกิน 10,000!
มันพุ่งไปไกลกว่ามาตรฐานพลังยุทธ์ของจอมยุทธ์ระดับ 2 แบบทิ้งห่างจนถึงระดับ 3 ทันทีและยังมากกว่าผลทดสอบของชายร่างใหญ่ถึง 5,000 เต็ม!
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนยืนตัวแข็งอยู่กับที่.. ในขณะที่ชายร่างใหญ่กำหมัดแน่น ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับว่าเขาไม่อยากเชื่อสายตา
หญิงสาวที่คาดผมสีม่วงก็ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ ส่วนคนอื่นๆสูญเสียความสามารถในการคิดไปนานแล้ว
เมื่อมีอะไรบางอย่างที่เกินขอบเขตของความรู้ความเข้าใจของตัวเอง สมองของมนุษย์จะตกอยู่ในสถานะ "มึนงง" และคนเหล่านี้ก็อยู่ในสถานะนี้แล้ว
ลู่เซิงไม่แปลกใจกับผลลัพธ์ เขาเคยทดสอบมาก่อนที่สำนักยุทธ์หงฉวน ครั้งนั้นมากกว่า 15,600 ซึ่งต่ำกว่าที่ทดสอบได้ในครั้งนี้เล็กน้อย
"ฉันใช้เทคนิคหมัดรวมกับ'พลังแห่งดวงดาว'และ'เคล็ดปราณธรรมชาติ' ทำให้พลังยุทธ์เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าเกินมาตรฐานของค่าปราณโลหิตทันที นี่หรือคือเสน่ห์ของเทคนิคต่อสู้และเคล็ดวิชา... "
ลู่เซิงถอนหายใจ หลังจากชื่นชมผลลัพธ์ของเขา ลู่เซิงก็หันหัวไปหาเจ้าหน้าที่ประเมิน
" โอเค คุณไม่จําเป็นต้องทดสอบแล้ว" เจ้าหน้าที่ประเมินหายจากความมึนงงและพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
"ขอแสดงความยินดีกับคุณลู่เซิง คุณผ่านการประเมินจอมยุทธ์ระดับ 1 จากนี้ไปคุณคือ... คุณคือ... " เจ้าหน้าที่ประเมินไม่สามารถพูดต่อได้
ประเด็นคือเขาไม่รู้ว่าจะประเมินลู่เซิงยังไง
ลู่เซิงสมัครเข้ารับการประเมินจอมยุทธ์ระดับ 1 แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขานั้นเหนือกว่าระดับ 1 หรือแม้แต่ระดับ 2
เขาควรประเมินลู่เซิงที่ระดับอะไร?
ระดับ 1 หรือระดับ 2 หรือระดับ 3?
เจ้าหน้าที่ประเมินทำอะไรไม่ถูก หากจัดการไม่ถูกต้องเขาอาจทําให้ลู่เซิงไม่พอใจได้ และการทำให้อัจฉริยะผู้นี้ขุ่นเคืองไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
ดังนั้นเจ้าหน้าที่ประเมินจึงพูดกับลู่เซิงอย่างรวดเร็ว "เกี่ยวกับการการประเมินของคุณ ฉันต้องรายงานกับเบื้องบนก่อน นักเรียนลู่เซิง คุณไม่ต้องกังวลใดๆ เพียงแค่รอ สมาคมจอมยุทธ์จะไม่ทอดทิ้งต้นกล้าที่ดี... โดยเฉพาะอัจฉริยะอย่างคุณ "
ลู่เซิงตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว
"งั้นฉันขอตัวกลับก่อนได้ไหม.."
ลู่เซิงยังต้องการถามอีก แต่พบว่าเจ้าหน้าที่ประเมินได้วิ่งออกไปจากห้องแล้วโดยเพิกเฉยต่อคนส่วนใหญ่ที่ยังไม่ได้รับการประเมิน
ลู่เซิงรู้สึกหมดหนทาง เขาทำได้เพียงส่ายหัวและเตรียมที่จะออกจากห้อง แต่เมื่อเขากําลังจะไปถึงประตูทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งมาขวางทาง
นั่นคือชายร่างใหญ่ที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า
"จ้าวฉางเฟิง!" ชายคนนั้นยื่นมือออกมาด้วยสายตาที่เร่าร้อน
ลู่เซิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วยื่นมือออกไปจับ "ลู่เซิง"
หลังจากที่ลู่เซิงพูดชื่อของเขา ร่องรอยของความตื่นเต้นที่ไม่สามารถระงับได้ก็แวบเข้ามาในดวงตาของชายร่างใหญ่ราวกับว่าเขาได้รับเกียรติบางอย่าง จากนั้นก็พยักหน้าและหลีกทางให้ลู่เซิง
ลู่เซิงครุ่นคิด นี่คือมารยาทหรือไม่? หรือแค่ต้องการผูกมิตร? เขาไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับกฎระหว่างจอมยุทธ์ แต่เขาคิดโดยไม่รู้ตัวถึงสิ่งที่เขารู้จากหนังสือประวัติศาสตร์
ในยุคศิลปะการต่อสู้สมัยก่อน จอมยุทธ์ทุกคนถือว่าเป็นเกียรติที่ได้พบกับจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่า จ้าวฉางเฟิงหมายถึงสิ่งนี้?
"หวังต้าเหมิง..." จากมุมตาของลู่เซิงเหลือบไปเห็นคนอื่นๆในห้องรีบวิ่งเข้ามาหาเขา
ลู่เซิงจึงรีบวิ่งออกจากห้องประเมินอย่างรวดเร็ว มารยาทแบบนี้ยังคงน่าสนใจเล็กน้อยถ้าทำกับใครบางคน แต่ถ้ามีคนจํานวนมากเกินไปจะกลายเป็นเรื่องตลก
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของลู่เซิงที่วิ่งออกจากห้อง หลายคนรู้สึกเสียใจและตบต้นขาตัวเองอย่างหงุดหงิด
อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์อย่างลู่เซิง แม้จะคิดด้วยเซลล์เดียวในสมอง ทุกคนก็สามารถรู้ได้ว่าในอนาคตอันใกล้ ชื่อนี้จะดังก้องไปทั่วเมืองไป๋เหออย่างแน่นอน
มันเป็นโอกาสดีที่จะได้จับมือกับคนดังในอนาคตของเมืองไป๋เหอ แต่พวกเขากลับพลาดไปแล้ว
นอกจากความเสียใจแล้วบางคนก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาจ้าวฉางเฟิงซึ่งเป็นคนแรกที่ออกมา เมื่อมองดูใบหน้าของจ้าวฉางเฟิงที่สงบ แต่ในความเป็นจริงมุมตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข ทุกคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ
สมกับเป็นจอมยุทธ์ระดับ 3! อีกฝ่ายเร็วเกินไป!