ตอนที่แล้วตอนที่ 21-7 ทวีปบลัดดรากอน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21-9 ห้าพันปีต่อมา

ตอนที่ 21-8 คำขอร้อง


ปราสาทเลือดมังกรมีการคุ้มกันเข้มงวดและหนาแน่นทหารลาดตระเวนหลายหน่วย คนที่อ่อนแอที่สุดเป็นนักรบระดับเก้าพวกเซียนสามารถพบเห็นได้ทุกที่

แต่ทหารเหล่านี้ไม่สามารถตรวจพบเจอการมาถึงของกัซลีสันและอีกสามคนได้แม้แต่น้อย

ภายในลานว่างหลังปราสาทเลือดมังกรพื้นที่เงียบสงัด

“ครืน....” ใบไม้พัดพลิ้วในสายลม ใต้ต้นไม้ใหญ่โอลิเวอร์ในชุดยาวสีเทากำลังนั่งขัดสมาธิเงียบ ตาของเขามองดูข้างหน้า ข้างกายของเขามีกระบี่พลังงานลอยนิ่งและกระพริบต่อเนื่องแสดงถึงรูปแบบการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า

เกลียวพลังงานสีดำและขาวมองเห็นไม่ชัดเจน

ทันใดนั้น..

โอลิเวอร์เงยหน้าและพบว่ามีคนสี่คนยืนเคียงไหล่อยู่ใกล้ๆ

“ท่านประมุขเผ่า”  โอลิเวอร์ตกใจ เขารีบลุกขึ้นยืน

“โอลิเวอร์!  ข้าแค่มาถามเท่านั้น”  กัซลิสันยิ้มขณะพูด  “เจ้ารู้ไหมว่าลินลี่ย์อยู่ที่ไหน?”  ช่วงเวลานี้ก่อนที่กลุ่มของกัซลีสันทั้งสี่คนจะมาถึงที่พำนัก  พวกเขาตรวจสอบดูทั้งปราสาทเลือดมังกรด้วยสำนึกเทพ  พวกเขาพบว่ามีคนมาก  แต่คนแรกที่พวกเขามาพบก็คือโอลิเวอร์

“ลินลี่ย์? เขาคงไปที่ทวีปบลัดดรากอน” โอลิเวอร์คาด

“ใต้เท้าทั้งหลาย”  เสียงหนึ่งดังขึ้นทันที

กลุ่มของกัซลีสันอดหันไปมองไม่ได้เห็นแต่เพียงหญิงรับใช้อยู่ที่ประตูทางเดิน หญิงรับใช้เรียนด้วยความเคารพ “ท่านเจ้าปราสาทสั่งให้ข้ามาเชิญใต้เท้าทั้งสี่ไปที่สวนหลังปราสาท”

“เจ้าปราสาท?” กลุ่มของกัซลีสันตะลึงกันหมด

“ท่านเจ้าปราสาทคือลินลี่ย์”  โอลิเวอร์อธิบายทันที  ในช่วงเวลานานนับปีไม่ถ้วน  แม้ว่าผู้ดูแลจะมาแล้วก็ไปแต่ตำแหน่งเจ้าปราสาทยังเป็นของลินลี่ย์ตลอดไป

ประมุขเผ่าหงส์เพลิงตาเป็นประกาย  นางค่อนข้างตกใจ  “ลินลี่ย์อยู่ในปราสาทเลือดมังกร?”

“ดูเหมือนข้อมูลของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างจะถูกต้อง”  ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวสูดหายใจลึกขณะพูด

ลินลี่ย์อยู่ในปราสาทเลือดมังกร  แต่พวกเขาไม่สามารถตรวจพบตำแหน่งของเขาได้ด้วยสำนึกเทพ  ลินลี่ย์อยู่เหนือระดับเทพไปแล้ว  ฉะนั้นเขาต้องเป็นมหาเทพแน่นอน!

ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เดินตามหญิงรับใช้ไปที่สวนด้านหลัง  ทั้งสี่มีความรู้สึกซับซ้อนในหัวใจ  พวกเขารู้สึกกระวนกระวายมาก  ที่สำคัญสถานะของลินลี่ย์ตอนนี้แตกต่างออกไปมหาเทพและเทพเป็นระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มหาเทพเป็นบุคคลสูงส่งผู้มองลงมายังสรรพชีวิตที่กำลังดิ้นรนต่อสู้ตลอดพิภพนับไม่ถ้วน

สงครามมหาพิภพนับได้ว่าเป็นการละเล่นสำหรับมหาเทพ

พวกเทพแม้แต่พารากอนก็ยังรู้สึกไร้พลังอำนาจเมื่ออยู่ต่อหน้ามหาเทพ

“ท่านประมุขทั้งสี่ เชิญ”เสียงชัดเจนดังขึ้นจากสวนด้านหลัง

“เป็นลินลี่ย์”

กลุ่มของกัซลีสันทั้งสี่มองหน้ากันเองจากนั้นเข้าไปในสวนด้านหลัง อุทยานหลังปราสาทกินเนื้อที่กว้างใหญ่ กลุ่มของกัซลีสันเข้าไปแล้วและมองดูรอบตัว ตอนนี้เองพวกเขาจึงเห็นว่าห่างออกไปในกลางอุทยาน ลินลี่ย์กำลังยืนอยู่ ลินลี่ย์ในตอนนี้กำลังดื่มและสนทนาร่าเริงกับเดเลีย

ลินลี่ย์สังเกตพบการมาถึงของพวกเขาและหันหน้าไปมองจากนั้นหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ท่านประมุขทั้งสี่ เชิญนั่ง”

หลังจากเขากลายสภาพวิญญาณสี่สายธาตุ สถานะของลินลี่ย์สูงส่งเหนือกว่าผู้นำเผ่าตระกูลทั้งสี่จากตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์  และตอนนี้ลินลี่ย์เป็นมหาเทพผู้สูงส่ง

“เขาอยู่ต่อหน้าข้าแท้ๆ  แต่ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น”  กัซลีสันส่งสำนึกเทพคุยกับอีกสามคน  “เป็นเหมือนเมื่อเวลาที่ข้าพบบิดาเมื่อในอดีตแทนที่จะแสดงพลังรัศมีมหาเทพที่น่ากลัว พวกเขาเก็บรั้งรัศมีกลิ่นอายได้อย่างสมบูรณ์”  บัดนี้กัซลีสันไม่มีความสงสัยอีกต่อไป

“มหาเทพ เขาเป็นมหาเทพจริงๆ!”

ดวงตาของประมุขเผ่าตระกูลอีกสามคนเป็นประกาย

กัซลีสันมองดูลินลี่ย์จากนั้นคำนับทันที  “ท่านมหาเทพ เรา...”

เท่าที่กัซลีสันเห็นในแง่ความสัมพันธ์ ลินลี่ย์ไม่ถึงกับสนิทกับพวกเขา  ประการแรกลินลี่ย์เพียงแต่มาร่วมกับตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ในช่วงหลัง  และประการที่สองมีสมาชิกของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์บางคนที่ต้องการชิงแหวนมังกรขนดของลินลี่ย์ แม้ว่าหลังจากนั้นพวกเขาจะปฏิบัติต่อลินลี่ย์ดีขึ้น แต่นั่นเป็นเพราะพลังของลินลี่ย์และเพราะสถานะของเบรุต

แต่ตอนนี้พอลินลี่ย์เป็นมหาเทพแล้ว...

เทพกับมหาเทพความแตกต่างระหว่างพวกเขาเหมือนกับฟ้าและดิน มีช่องว่างที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้ระหว่างพวกเขา  เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องแสดงความเคารพ

“ท่านประมุขทั้งสี่ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติกับข้าอย่างมหาเทพก็ได้” ลินลี่ย์พูดขัดก่อน จากนั้นหัวเราะอย่างเยือกเย็น  “แค่ทำตัวเหมือนเมื่อก่อนเถอะ  พวกท่านเรียกข้าว่าลินลี่ย์ก็พอ”

“นี่..” ประมุขทั้งสี่มองหน้ากันเอง

“ข้าสงสัยเหมือนกันพวกท่านรู้ได้ยังไงว่าข้ากลายเป็นมหาเทพแล้ว?” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็นขณะที่เขาถามข้อสงสัย ข่าวที่ว่าเขากลายเป็นมหาเทพในพิภพยูลานแพร่กระจายไปถึงแดนนรกได้อย่างไร?

ประมุขเผ่าหงส์เพลิงที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะด้วยเสียงไพเราะ คำนับแสดงความเคารพเล็กน้อย  “ลินลี่ย์,ข่าวที่ว่าเจ้ากลายเป็นมหาเทพเราได้รับมาจากประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง  ตอนแรกเราไม่อาจทำใจเชื่อ  หลังจากที่เราทั้งสี่ปรึกษาเรื่องนี้  เราตัดสินใจมาตรวจสอบที่พิภพยูลาน ตอนนี้ดูเหมือนว่านี่กลายเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว”

แม้ว่าลินลี่ย์จะพูดคุยเป็นกันเองกับพวกเขา  แต่ประมุขทั้งสี่อดรู้สึกกดดันโดยไม่รู้ตัว

ที่สำคัญไม่ว่าลินลี่ย์จะงำประกายมากมายเพียงใดประมุขตระกูลทั้งสี่ก็ยังรู้สึกได้ว่าลินลี่ย์เป็นมหาเทพโดยไม่รู้ตัว

“ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง?”  ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว

“ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างทราบได้อย่างไร?”  เดเลียที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้นอย่างสงสัย

“พูดตามตรง เขาไม่น่าจะทราบได้  ที่สำคัญเรื่องนี้เกิดขึ้นในพิภพยูลาน”  ลินลี่ย์กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว  “นี่มีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งก็คือปู่เบรุตคุยกับประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง” เบรุตมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง  และเบรุตมีร่างแยกรั้งอยู่ที่แดนนรก

แต่ลินลี่ย์ยังคงสงสัย  “ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างมีสถานะแบบไหน?  แม้ว่าเขาจะรู้ ทำไมเขาถึงได้บอกแก่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์?”

ลินลี่ย์หันไปมองกัซลีสันด้วยความสงสัย  “ท่านประมุขทำไมประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างจึงบอกเรื่องนี้กับท่าน?”

“ร่างพลังงานของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างมาปรากฏอยู่ที่เหนือเทือกเขาสกายไรท์”  กัซลีสันอธิบาย  “นอกจากนี้ เขายังขอยืมคนในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเทพชั้นสูงร้อยคนและเขาจะคืนคนให้เราเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากเขายืมคนของเรา เขาจึงอธิบายให้เราทราบเป็นการชดเชย...และเขายังมอบพลังมหาเทพให้กับเราจำนวนหนึ่งและให้คำแนะนำ  เขาบอกว่าถ้าเราต้องการรู้สาเหตุการตายของบรรพบุรุษให้ถามลินลี่ย์เจ้า”

ลินลี่ย์ตะลึง

สาเหตุการตายของบรรพบุรุษทั้งสี่?

ประมุขเผ่าพญาเต่าดำตัวโตที่อยู่ใกล้พูดเสียงดังขึ้น  “เราขอถามกลับทันทีว่าทำไมต้องถามลินลี่ย์?  จากนั้นประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างบอกว่าเจ้าบรรลุพลังระดับมหาเทพแล้ว”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง”  ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

“เขายืมคนไปทำอะไร?”

“ไม่แน่ชัด” กัซลีสันจ้องมองลินลี่ย์ จากนั้นพูดตรงตามใจคิด “ลินลี่ย์, เรามาเพราะมีเหตุผลสองอย่าง ประการแรกเพื่อตรวจสอบดูว่าเจ้ากลายเป็นมหาเทพจริงๆ ประการที่สอง..เราต้องการทราบสาเหตุการตายของบรรพบุรุษทั้งสี่!  ลินลี่ย์!  เนื่องจากเจ้าเป็นสมาชิกตระกูลคนหนึ่ง  โปรดบอกเราด้วย”

ประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่มองลินลี่ย์อย่างคาดหวัง

ความล่มสลายของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นเหตุให้ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ตกต่ำลง  แม้แต่ในฝันของพวกเขา  ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังฝันว่าจะได้ทราบว่าใครเป็นคนทำและความจริงที่เป็นต้นเหตุให้บรรพบุรุษทั้งสี่ตาย

ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว  เขาลังเลเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้า  “ก็ได้, ข้าจะบอกพวกท่าน  เพราะเป็นสาเหตุที่แน่ชัด  บรรพบุรุษทั้งสี่ร่วมกันต่อสู้กับประมุขมหาเทพแห่งแสง”

“ประมุขมหาเทพแห่งแสง?”  ตาของกัซลีสันและอีกสามคนทอประกายวูบ

“การสู้รบระหว่างมหาเทพเกิดคลื่นระเบิดขนาดใหญ่เป็นวงกว้าง  พวกเขาสู้กันต่อเนื่องในมิติปั่นป่วน  บรรพบุรุษทั้งสี่ใช้สุดยอดไม้ตายของพวกท่าน...คือผสานสุดยอดทักษะธรรมชาติของพวกท่าน อย่างไรก็ตามประมุขมหาเทพแห่งแสงรอดมาได้และไม่ตาย  พอพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดล้มเหลว  บรรพบุรุษทั้งสี่สูญเสียปณิธานที่จะต่อสู้ ประมุขมหาเทพแห่งแสงฉวยโอกาสอาศัยสมบัติจอมเทพฆ่าพวกเขาได้สำเร็จ  โดยอาศัยความเร็วที่เหนือกว่ามาก  เขาสามารถฆ่าบรรพบุรุษทั้งสี่ได้”  ลินลี่ย์พูดออย่างสงบ แต่ร่างของกัซลีสันและประมุขอีกสามคนสั่นสะท้านขณะที่พวกเขาฟัง

“ประมุขมหาเทพแห่งแสง!!!”  ตาของกัซลีสันมีน้ำตาคลอเบ้า

“ประมุขมหาเทพแห่งแสงต้านทานพลังโจมตีได้อย่างไร?”  ประมุขเผ่าหงส์เพลิงส่ายศีรษะ  “เป็นไปไม่ได้ เมื่อท่านแม่ข้ายังมีชีวิต นางบอกว่าแม้แต่ในบรรดาประมุขมหาเทพ คนที่สามารถทนต่อสุดยอดพลังโจมตีสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว  ประมุขมหาเทพแห่งแสงไม่ใช่หนึ่งในนั้น”

“แต่ในความเป็นจริงก็คือประมุขมหาเทพแห่งแสงสามารถต้านทานได้”  ลินลี่ย์ถอนหายใจ

กัซลีสันและประมุขอีกสามคนไม่อาจยอมรับได้  ที่สำคัญสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นพ่อแม่พวกเขา

“ลินลี่ย์...” กัซลีสันลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดขึ้น

“หืม?” ลินลี่ย์มองดูเขา

กัซลีสันมองดูประมุขอีกสามคนจากนั้นหันไปมองลินลี่ย์  “ลินลี่ย์, ข้า,ข้าอยากจะถามว่า..เจ้าใช้ประกายมหาเทพของบรรพบุรุษทั้งสี่กลายเป็นมหาเทพใช่หรือไม่?”  ถ้าจะมีคนที่ต้องการกลายเป็นมหาเทพ  มีเพียงวิธีเดียวก็คือหลอมรวมกับประกายมหาเทพ  อย่างไรก็ตาม มีประกายมหาเทพอยู่ทั้งหมด 77ชิ้น

เพียงแต่หลังจากมหาเทพตนหนึ่งตายมหาเทพอีกคนหนึ่งจึงจะถือกำเนิด

ลินลี่ย์ชำเลืองมองดูประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่

“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า

“ประกายมหาเทพเป็นอย่างไร..”  ประมุขเผ่าตระกูลหงส์เพลิงเอ่ยปากได้ไม่กี่คำแต่จากนั้นก็ลังเล

“ควรจะเป็นประมุขมหาเทพแห่งแสงที่ได้รับประกายมหาเทพทั้งสี่ไปไม่ใช่หรือ?  แล้วเจ้าได้รับมายังไง?  นอกจากนี้ ควรจะมีประกายมหาเทพสี่ชิ้น  เจ้าใช้ไปชิ้นเดียว  แต่ก็ยัง...” กัซลีสันมองดูลินลี่ย์

ลินลี่ย์ยิ้มเล็กน้อย

เขาสามารถคาดเดาถึงความเป็นไปได้ว่าผู้นำเผ่าตระกูลทั้งสี่ต้องการจะได้รับประกายมหาเทพ  บางทีในสายตาของประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่ ประกายมหาเทพควรเป็นมรดกตกทอดของบรรพบุรุษของพวกเขา  นั่นควรเป็นสิทธิ์ของพวกเขา  เพียงแต่...พวกเขาไม่กล้าพูดออกมา

แต่ลินลี่ย์ไม่รู้สึกอย่างเดียวกัน

ประกายมหาเทพ77 ชิ้นชะลอลงมาจากฟ้าเมื่อจักรวาลถูกสร้าง ผู้ทรงพลังจะสามารถต่อสู้และครอบครองประกายเหล่านั้นไว้ สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อาศัยตนเองจนได้รับประกายมหาเทพมา  เบรุตก็อาศัยความกล้าหาญของเขาเองและเสี่ยงชีวิตชิงประกายมหาเทพทั้งสี่มาได้

“ถ้าประกายมหาเทพตกไปอยู่ในมือของประมุขมหาเทพแห่งแสงเขาจะมอบให้ข้าได้ยังไง?” ลินลี่ย์พูดอย่างเยือกเย็น “ข้าขอบอกตามตรง ท่านเบรุตเมื่อในอดีตได้เสี่ยงชีวิตตนเองชิงประกายมหาเทพทั้งสี่มาได้และตอนนี้ประกายมหาเทพทั้งสี่ถูกใช้หลอมรวมไปหมดแล้ว”

“เบรุต?” ทั้งสี่คนตะลึง

“เขาสามารถชิงประกายเทพทั้งสี่มาจากประมุขมหาเทพแห่งแสงหรือ?”  ประมุขเผ่าตระกูลหงส์เพลิงพูดด้วยความตกใจ

แม้เมื่อคำพูดที่พวกเขาได้ยินลินลี่ย์กล่าวว่าประกายมหาเทพถูกใช้ไปหมดแล้วประมุขเผ่าตระกูลมีความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรอื่น

“พวกท่านไม่จำเป็นต้องตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้”  ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น

“ลินลี่ย์” กัซลีสันพูดจริงจัง “มีเรื่องที่เราต้องขอร้องลินลี่ย์เจ้าเพิ่มอีกเรื่องหนึ่ง”

“พูดมาเลย” ลินลี่ย์ชำเลืองมองเขา

กัซลีสันสูดหายใจลึกจากนั้นพูดอย่างเคร่งขรึม  “ลินลี่ย์,บรรพบุรุษทั้งสี่เป็นบรรพบุรุษของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราจะไม่แกล้งเงียบและทำเป็นว่าเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความตายของพวกท่าน  บรรพบุรุษทั้งสี่ถูกประมุขมหาเทพแห่งแสงฆ่าตาย!  เราหวังว่าลินลี่ย์เจ้า..ถ้า..ข้าขอบอกว่า ถ้า...! ถ้าในอนาคต เจ้ามีความสามารถหรือมีโอกาสจะทำ โปรดช่วยแก้แค้นให้บรรพบุรุษทั้งสี่ด้วย!”

“ลินลี่ย์” ประมุขเผ่าตระกูลหงส์เพลิงรีบพูดเช่นกัน “เรารู้ว่าคำขอร้องนี้อาจจะเกินไปนิด แต่เมื่อถึงจุดนี้แล้ว นี่คือความหวังประการเดียวของเรา”

“ได้โปรด” ประมุขเผ่าพญาเต่าดำร่างใหญ่มองดูลินลี่ย์เช่นกัน

ลินลี่ย์มองดูประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่  เขารู้สึกได้ถึงความจริงใจจริงจังในคำขอนั้น

“ข้าให้สัญญากับพวกท่านได้”  ลินลี่ย์พยักหน้าจริงจัง  “ถ้าข้าสามารถทำได้ ข้าจะไม่ปราณีเด็ดขาด”

“ขอบคุณ” ประมุขทั้งสี่พูดด้วยความซาบซึ้ง

“พวกท่านคงเหน็ดเหนื่อยจากการเร่งรีบเดินทางมาถึงนี่โปรดพักอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ หลังจากนั้นข้าจะเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับ แล้วเราค่อยสนทนากันอีก”  ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น

“ก็ดีเหมือนกัน”  กลุ่มของกัซลีสันทั้งสี่ไม่พยายามรั้งอยู่นานเกินไป  พวกเขาให้หญิงรับใช้ที่อยู่ห่างออกไปนำทางและออกไปจากสวนทันที

ลินลี่ย์หันมามองเดเลียที่อยู่ใกล้“เดเลีย, เจ้าล่วงหน้ากลับไปก่อน ข้าจำเป็นต้องคุยบางเรื่องกับเบรุต”

“ก็ได้” เดเลียหัวเราะและพยักหน้าจากนั้นออกไปจากสวนดอกไม้

ครู่ต่อมามีร่างของคนสองคนเหาะลงมาจากท้องฟ้ามาอยู่ข้างตัวลินลี่ย์  เป็นเบรุตและบลูไฟร์ ทั้งสามนั่งล้อมโต๊ะทันที

“ฮ่าฮ่า,ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มาหรือนี่?” เบรุตหัวเราะขณะพูด “พวกเขาพบว่าเจ้าเป็นมหาเทพใช่ไหม? หือ?”

“พวกเขาทราบแล้ว แต่เป็นประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างบอกพวกเขา”  ลินลี่ย์กล่าว

“ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง?”  บลูไฟร์ค่อนข้างสงสัย

“ใช่แล้ว ค่อนข้างแปลก ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างไปที่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เพื่อยืมเทพชั้นสูงร้อยคนข้าไม่รู้เหตุผล”  ลินลี่ย์กล่าว

เบรุตเมื่อได้ยินเช่นนี้อดขมวดคิ้วไม่ได้เขาพูดด้วยน้ำเสียงสะท้อนใจ “เป็นไปได้ว่าประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างคงจะทดลองถึงขั้นสุดท้ายแล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด