ตอนที่ 21-8 คำขอร้อง
ปราสาทเลือดมังกรมีการคุ้มกันเข้มงวดและหนาแน่นทหารลาดตระเวนหลายหน่วย คนที่อ่อนแอที่สุดเป็นนักรบระดับเก้าพวกเซียนสามารถพบเห็นได้ทุกที่
แต่ทหารเหล่านี้ไม่สามารถตรวจพบเจอการมาถึงของกัซลีสันและอีกสามคนได้แม้แต่น้อย
ภายในลานว่างหลังปราสาทเลือดมังกรพื้นที่เงียบสงัด
“ครืน....” ใบไม้พัดพลิ้วในสายลม ใต้ต้นไม้ใหญ่โอลิเวอร์ในชุดยาวสีเทากำลังนั่งขัดสมาธิเงียบ ตาของเขามองดูข้างหน้า ข้างกายของเขามีกระบี่พลังงานลอยนิ่งและกระพริบต่อเนื่องแสดงถึงรูปแบบการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า
เกลียวพลังงานสีดำและขาวมองเห็นไม่ชัดเจน
ทันใดนั้น..
โอลิเวอร์เงยหน้าและพบว่ามีคนสี่คนยืนเคียงไหล่อยู่ใกล้ๆ
“ท่านประมุขเผ่า” โอลิเวอร์ตกใจ เขารีบลุกขึ้นยืน
“โอลิเวอร์! ข้าแค่มาถามเท่านั้น” กัซลิสันยิ้มขณะพูด “เจ้ารู้ไหมว่าลินลี่ย์อยู่ที่ไหน?” ช่วงเวลานี้ก่อนที่กลุ่มของกัซลีสันทั้งสี่คนจะมาถึงที่พำนัก พวกเขาตรวจสอบดูทั้งปราสาทเลือดมังกรด้วยสำนึกเทพ พวกเขาพบว่ามีคนมาก แต่คนแรกที่พวกเขามาพบก็คือโอลิเวอร์
“ลินลี่ย์? เขาคงไปที่ทวีปบลัดดรากอน” โอลิเวอร์คาด
“ใต้เท้าทั้งหลาย” เสียงหนึ่งดังขึ้นทันที
กลุ่มของกัซลีสันอดหันไปมองไม่ได้เห็นแต่เพียงหญิงรับใช้อยู่ที่ประตูทางเดิน หญิงรับใช้เรียนด้วยความเคารพ “ท่านเจ้าปราสาทสั่งให้ข้ามาเชิญใต้เท้าทั้งสี่ไปที่สวนหลังปราสาท”
“เจ้าปราสาท?” กลุ่มของกัซลีสันตะลึงกันหมด
“ท่านเจ้าปราสาทคือลินลี่ย์” โอลิเวอร์อธิบายทันที ในช่วงเวลานานนับปีไม่ถ้วน แม้ว่าผู้ดูแลจะมาแล้วก็ไปแต่ตำแหน่งเจ้าปราสาทยังเป็นของลินลี่ย์ตลอดไป
ประมุขเผ่าหงส์เพลิงตาเป็นประกาย นางค่อนข้างตกใจ “ลินลี่ย์อยู่ในปราสาทเลือดมังกร?”
“ดูเหมือนข้อมูลของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างจะถูกต้อง” ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวสูดหายใจลึกขณะพูด
ลินลี่ย์อยู่ในปราสาทเลือดมังกร แต่พวกเขาไม่สามารถตรวจพบตำแหน่งของเขาได้ด้วยสำนึกเทพ ลินลี่ย์อยู่เหนือระดับเทพไปแล้ว ฉะนั้นเขาต้องเป็นมหาเทพแน่นอน!
ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เดินตามหญิงรับใช้ไปที่สวนด้านหลัง ทั้งสี่มีความรู้สึกซับซ้อนในหัวใจ พวกเขารู้สึกกระวนกระวายมาก ที่สำคัญสถานะของลินลี่ย์ตอนนี้แตกต่างออกไปมหาเทพและเทพเป็นระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มหาเทพเป็นบุคคลสูงส่งผู้มองลงมายังสรรพชีวิตที่กำลังดิ้นรนต่อสู้ตลอดพิภพนับไม่ถ้วน
สงครามมหาพิภพนับได้ว่าเป็นการละเล่นสำหรับมหาเทพ
พวกเทพแม้แต่พารากอนก็ยังรู้สึกไร้พลังอำนาจเมื่ออยู่ต่อหน้ามหาเทพ
“ท่านประมุขทั้งสี่ เชิญ”เสียงชัดเจนดังขึ้นจากสวนด้านหลัง
“เป็นลินลี่ย์”
กลุ่มของกัซลีสันทั้งสี่มองหน้ากันเองจากนั้นเข้าไปในสวนด้านหลัง อุทยานหลังปราสาทกินเนื้อที่กว้างใหญ่ กลุ่มของกัซลีสันเข้าไปแล้วและมองดูรอบตัว ตอนนี้เองพวกเขาจึงเห็นว่าห่างออกไปในกลางอุทยาน ลินลี่ย์กำลังยืนอยู่ ลินลี่ย์ในตอนนี้กำลังดื่มและสนทนาร่าเริงกับเดเลีย
ลินลี่ย์สังเกตพบการมาถึงของพวกเขาและหันหน้าไปมองจากนั้นหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ท่านประมุขทั้งสี่ เชิญนั่ง”
หลังจากเขากลายสภาพวิญญาณสี่สายธาตุ สถานะของลินลี่ย์สูงส่งเหนือกว่าผู้นำเผ่าตระกูลทั้งสี่จากตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ และตอนนี้ลินลี่ย์เป็นมหาเทพผู้สูงส่ง
“เขาอยู่ต่อหน้าข้าแท้ๆ แต่ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น” กัซลีสันส่งสำนึกเทพคุยกับอีกสามคน “เป็นเหมือนเมื่อเวลาที่ข้าพบบิดาเมื่อในอดีตแทนที่จะแสดงพลังรัศมีมหาเทพที่น่ากลัว พวกเขาเก็บรั้งรัศมีกลิ่นอายได้อย่างสมบูรณ์” บัดนี้กัซลีสันไม่มีความสงสัยอีกต่อไป
“มหาเทพ เขาเป็นมหาเทพจริงๆ!”
ดวงตาของประมุขเผ่าตระกูลอีกสามคนเป็นประกาย
กัซลีสันมองดูลินลี่ย์จากนั้นคำนับทันที “ท่านมหาเทพ เรา...”
เท่าที่กัซลีสันเห็นในแง่ความสัมพันธ์ ลินลี่ย์ไม่ถึงกับสนิทกับพวกเขา ประการแรกลินลี่ย์เพียงแต่มาร่วมกับตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ในช่วงหลัง และประการที่สองมีสมาชิกของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์บางคนที่ต้องการชิงแหวนมังกรขนดของลินลี่ย์ แม้ว่าหลังจากนั้นพวกเขาจะปฏิบัติต่อลินลี่ย์ดีขึ้น แต่นั่นเป็นเพราะพลังของลินลี่ย์และเพราะสถานะของเบรุต
แต่ตอนนี้พอลินลี่ย์เป็นมหาเทพแล้ว...
เทพกับมหาเทพความแตกต่างระหว่างพวกเขาเหมือนกับฟ้าและดิน มีช่องว่างที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้ระหว่างพวกเขา เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องแสดงความเคารพ
“ท่านประมุขทั้งสี่ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติกับข้าอย่างมหาเทพก็ได้” ลินลี่ย์พูดขัดก่อน จากนั้นหัวเราะอย่างเยือกเย็น “แค่ทำตัวเหมือนเมื่อก่อนเถอะ พวกท่านเรียกข้าว่าลินลี่ย์ก็พอ”
“นี่..” ประมุขทั้งสี่มองหน้ากันเอง
“ข้าสงสัยเหมือนกันพวกท่านรู้ได้ยังไงว่าข้ากลายเป็นมหาเทพแล้ว?” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็นขณะที่เขาถามข้อสงสัย ข่าวที่ว่าเขากลายเป็นมหาเทพในพิภพยูลานแพร่กระจายไปถึงแดนนรกได้อย่างไร?
ประมุขเผ่าหงส์เพลิงที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะด้วยเสียงไพเราะ คำนับแสดงความเคารพเล็กน้อย “ลินลี่ย์,ข่าวที่ว่าเจ้ากลายเป็นมหาเทพเราได้รับมาจากประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง ตอนแรกเราไม่อาจทำใจเชื่อ หลังจากที่เราทั้งสี่ปรึกษาเรื่องนี้ เราตัดสินใจมาตรวจสอบที่พิภพยูลาน ตอนนี้ดูเหมือนว่านี่กลายเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว”
แม้ว่าลินลี่ย์จะพูดคุยเป็นกันเองกับพวกเขา แต่ประมุขทั้งสี่อดรู้สึกกดดันโดยไม่รู้ตัว
ที่สำคัญไม่ว่าลินลี่ย์จะงำประกายมากมายเพียงใดประมุขตระกูลทั้งสี่ก็ยังรู้สึกได้ว่าลินลี่ย์เป็นมหาเทพโดยไม่รู้ตัว
“ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
“ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างทราบได้อย่างไร?” เดเลียที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้นอย่างสงสัย
“พูดตามตรง เขาไม่น่าจะทราบได้ ที่สำคัญเรื่องนี้เกิดขึ้นในพิภพยูลาน” ลินลี่ย์กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว “นี่มีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งก็คือปู่เบรุตคุยกับประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง” เบรุตมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง และเบรุตมีร่างแยกรั้งอยู่ที่แดนนรก
แต่ลินลี่ย์ยังคงสงสัย “ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างมีสถานะแบบไหน? แม้ว่าเขาจะรู้ ทำไมเขาถึงได้บอกแก่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์?”
ลินลี่ย์หันไปมองกัซลีสันด้วยความสงสัย “ท่านประมุขทำไมประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างจึงบอกเรื่องนี้กับท่าน?”
“ร่างพลังงานของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างมาปรากฏอยู่ที่เหนือเทือกเขาสกายไรท์” กัซลีสันอธิบาย “นอกจากนี้ เขายังขอยืมคนในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเทพชั้นสูงร้อยคนและเขาจะคืนคนให้เราเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากเขายืมคนของเรา เขาจึงอธิบายให้เราทราบเป็นการชดเชย...และเขายังมอบพลังมหาเทพให้กับเราจำนวนหนึ่งและให้คำแนะนำ เขาบอกว่าถ้าเราต้องการรู้สาเหตุการตายของบรรพบุรุษให้ถามลินลี่ย์เจ้า”
ลินลี่ย์ตะลึง
สาเหตุการตายของบรรพบุรุษทั้งสี่?
ประมุขเผ่าพญาเต่าดำตัวโตที่อยู่ใกล้พูดเสียงดังขึ้น “เราขอถามกลับทันทีว่าทำไมต้องถามลินลี่ย์? จากนั้นประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างบอกว่าเจ้าบรรลุพลังระดับมหาเทพแล้ว”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“เขายืมคนไปทำอะไร?”
“ไม่แน่ชัด” กัซลีสันจ้องมองลินลี่ย์ จากนั้นพูดตรงตามใจคิด “ลินลี่ย์, เรามาเพราะมีเหตุผลสองอย่าง ประการแรกเพื่อตรวจสอบดูว่าเจ้ากลายเป็นมหาเทพจริงๆ ประการที่สอง..เราต้องการทราบสาเหตุการตายของบรรพบุรุษทั้งสี่! ลินลี่ย์! เนื่องจากเจ้าเป็นสมาชิกตระกูลคนหนึ่ง โปรดบอกเราด้วย”
ประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่มองลินลี่ย์อย่างคาดหวัง
ความล่มสลายของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นเหตุให้ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ตกต่ำลง แม้แต่ในฝันของพวกเขา ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังฝันว่าจะได้ทราบว่าใครเป็นคนทำและความจริงที่เป็นต้นเหตุให้บรรพบุรุษทั้งสี่ตาย
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว เขาลังเลเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้า “ก็ได้, ข้าจะบอกพวกท่าน เพราะเป็นสาเหตุที่แน่ชัด บรรพบุรุษทั้งสี่ร่วมกันต่อสู้กับประมุขมหาเทพแห่งแสง”
“ประมุขมหาเทพแห่งแสง?” ตาของกัซลีสันและอีกสามคนทอประกายวูบ
“การสู้รบระหว่างมหาเทพเกิดคลื่นระเบิดขนาดใหญ่เป็นวงกว้าง พวกเขาสู้กันต่อเนื่องในมิติปั่นป่วน บรรพบุรุษทั้งสี่ใช้สุดยอดไม้ตายของพวกท่าน...คือผสานสุดยอดทักษะธรรมชาติของพวกท่าน อย่างไรก็ตามประมุขมหาเทพแห่งแสงรอดมาได้และไม่ตาย พอพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดล้มเหลว บรรพบุรุษทั้งสี่สูญเสียปณิธานที่จะต่อสู้ ประมุขมหาเทพแห่งแสงฉวยโอกาสอาศัยสมบัติจอมเทพฆ่าพวกเขาได้สำเร็จ โดยอาศัยความเร็วที่เหนือกว่ามาก เขาสามารถฆ่าบรรพบุรุษทั้งสี่ได้” ลินลี่ย์พูดออย่างสงบ แต่ร่างของกัซลีสันและประมุขอีกสามคนสั่นสะท้านขณะที่พวกเขาฟัง
“ประมุขมหาเทพแห่งแสง!!!” ตาของกัซลีสันมีน้ำตาคลอเบ้า
“ประมุขมหาเทพแห่งแสงต้านทานพลังโจมตีได้อย่างไร?” ประมุขเผ่าหงส์เพลิงส่ายศีรษะ “เป็นไปไม่ได้ เมื่อท่านแม่ข้ายังมีชีวิต นางบอกว่าแม้แต่ในบรรดาประมุขมหาเทพ คนที่สามารถทนต่อสุดยอดพลังโจมตีสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว ประมุขมหาเทพแห่งแสงไม่ใช่หนึ่งในนั้น”
“แต่ในความเป็นจริงก็คือประมุขมหาเทพแห่งแสงสามารถต้านทานได้” ลินลี่ย์ถอนหายใจ
กัซลีสันและประมุขอีกสามคนไม่อาจยอมรับได้ ที่สำคัญสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นพ่อแม่พวกเขา
“ลินลี่ย์...” กัซลีสันลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดขึ้น
“หืม?” ลินลี่ย์มองดูเขา
กัซลีสันมองดูประมุขอีกสามคนจากนั้นหันไปมองลินลี่ย์ “ลินลี่ย์, ข้า,ข้าอยากจะถามว่า..เจ้าใช้ประกายมหาเทพของบรรพบุรุษทั้งสี่กลายเป็นมหาเทพใช่หรือไม่?” ถ้าจะมีคนที่ต้องการกลายเป็นมหาเทพ มีเพียงวิธีเดียวก็คือหลอมรวมกับประกายมหาเทพ อย่างไรก็ตาม มีประกายมหาเทพอยู่ทั้งหมด 77ชิ้น
เพียงแต่หลังจากมหาเทพตนหนึ่งตายมหาเทพอีกคนหนึ่งจึงจะถือกำเนิด
ลินลี่ย์ชำเลืองมองดูประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่
“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า
“ประกายมหาเทพเป็นอย่างไร..” ประมุขเผ่าตระกูลหงส์เพลิงเอ่ยปากได้ไม่กี่คำแต่จากนั้นก็ลังเล
“ควรจะเป็นประมุขมหาเทพแห่งแสงที่ได้รับประกายมหาเทพทั้งสี่ไปไม่ใช่หรือ? แล้วเจ้าได้รับมายังไง? นอกจากนี้ ควรจะมีประกายมหาเทพสี่ชิ้น เจ้าใช้ไปชิ้นเดียว แต่ก็ยัง...” กัซลีสันมองดูลินลี่ย์
ลินลี่ย์ยิ้มเล็กน้อย
เขาสามารถคาดเดาถึงความเป็นไปได้ว่าผู้นำเผ่าตระกูลทั้งสี่ต้องการจะได้รับประกายมหาเทพ บางทีในสายตาของประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่ ประกายมหาเทพควรเป็นมรดกตกทอดของบรรพบุรุษของพวกเขา นั่นควรเป็นสิทธิ์ของพวกเขา เพียงแต่...พวกเขาไม่กล้าพูดออกมา
แต่ลินลี่ย์ไม่รู้สึกอย่างเดียวกัน
ประกายมหาเทพ77 ชิ้นชะลอลงมาจากฟ้าเมื่อจักรวาลถูกสร้าง ผู้ทรงพลังจะสามารถต่อสู้และครอบครองประกายเหล่านั้นไว้ สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อาศัยตนเองจนได้รับประกายมหาเทพมา เบรุตก็อาศัยความกล้าหาญของเขาเองและเสี่ยงชีวิตชิงประกายมหาเทพทั้งสี่มาได้
“ถ้าประกายมหาเทพตกไปอยู่ในมือของประมุขมหาเทพแห่งแสงเขาจะมอบให้ข้าได้ยังไง?” ลินลี่ย์พูดอย่างเยือกเย็น “ข้าขอบอกตามตรง ท่านเบรุตเมื่อในอดีตได้เสี่ยงชีวิตตนเองชิงประกายมหาเทพทั้งสี่มาได้และตอนนี้ประกายมหาเทพทั้งสี่ถูกใช้หลอมรวมไปหมดแล้ว”
“เบรุต?” ทั้งสี่คนตะลึง
“เขาสามารถชิงประกายเทพทั้งสี่มาจากประมุขมหาเทพแห่งแสงหรือ?” ประมุขเผ่าตระกูลหงส์เพลิงพูดด้วยความตกใจ
แม้เมื่อคำพูดที่พวกเขาได้ยินลินลี่ย์กล่าวว่าประกายมหาเทพถูกใช้ไปหมดแล้วประมุขเผ่าตระกูลมีความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรอื่น
“พวกท่านไม่จำเป็นต้องตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น
“ลินลี่ย์” กัซลีสันพูดจริงจัง “มีเรื่องที่เราต้องขอร้องลินลี่ย์เจ้าเพิ่มอีกเรื่องหนึ่ง”
“พูดมาเลย” ลินลี่ย์ชำเลืองมองเขา
กัซลีสันสูดหายใจลึกจากนั้นพูดอย่างเคร่งขรึม “ลินลี่ย์,บรรพบุรุษทั้งสี่เป็นบรรพบุรุษของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราจะไม่แกล้งเงียบและทำเป็นว่าเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความตายของพวกท่าน บรรพบุรุษทั้งสี่ถูกประมุขมหาเทพแห่งแสงฆ่าตาย! เราหวังว่าลินลี่ย์เจ้า..ถ้า..ข้าขอบอกว่า ถ้า...! ถ้าในอนาคต เจ้ามีความสามารถหรือมีโอกาสจะทำ โปรดช่วยแก้แค้นให้บรรพบุรุษทั้งสี่ด้วย!”
“ลินลี่ย์” ประมุขเผ่าตระกูลหงส์เพลิงรีบพูดเช่นกัน “เรารู้ว่าคำขอร้องนี้อาจจะเกินไปนิด แต่เมื่อถึงจุดนี้แล้ว นี่คือความหวังประการเดียวของเรา”
“ได้โปรด” ประมุขเผ่าพญาเต่าดำร่างใหญ่มองดูลินลี่ย์เช่นกัน
ลินลี่ย์มองดูประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่ เขารู้สึกได้ถึงความจริงใจจริงจังในคำขอนั้น
“ข้าให้สัญญากับพวกท่านได้” ลินลี่ย์พยักหน้าจริงจัง “ถ้าข้าสามารถทำได้ ข้าจะไม่ปราณีเด็ดขาด”
“ขอบคุณ” ประมุขทั้งสี่พูดด้วยความซาบซึ้ง
“พวกท่านคงเหน็ดเหนื่อยจากการเร่งรีบเดินทางมาถึงนี่โปรดพักอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ หลังจากนั้นข้าจะเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับ แล้วเราค่อยสนทนากันอีก” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น
“ก็ดีเหมือนกัน” กลุ่มของกัซลีสันทั้งสี่ไม่พยายามรั้งอยู่นานเกินไป พวกเขาให้หญิงรับใช้ที่อยู่ห่างออกไปนำทางและออกไปจากสวนทันที
ลินลี่ย์หันมามองเดเลียที่อยู่ใกล้“เดเลีย, เจ้าล่วงหน้ากลับไปก่อน ข้าจำเป็นต้องคุยบางเรื่องกับเบรุต”
“ก็ได้” เดเลียหัวเราะและพยักหน้าจากนั้นออกไปจากสวนดอกไม้
ครู่ต่อมามีร่างของคนสองคนเหาะลงมาจากท้องฟ้ามาอยู่ข้างตัวลินลี่ย์ เป็นเบรุตและบลูไฟร์ ทั้งสามนั่งล้อมโต๊ะทันที
“ฮ่าฮ่า,ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มาหรือนี่?” เบรุตหัวเราะขณะพูด “พวกเขาพบว่าเจ้าเป็นมหาเทพใช่ไหม? หือ?”
“พวกเขาทราบแล้ว แต่เป็นประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างบอกพวกเขา” ลินลี่ย์กล่าว
“ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง?” บลูไฟร์ค่อนข้างสงสัย
“ใช่แล้ว ค่อนข้างแปลก ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างไปที่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เพื่อยืมเทพชั้นสูงร้อยคนข้าไม่รู้เหตุผล” ลินลี่ย์กล่าว
เบรุตเมื่อได้ยินเช่นนี้อดขมวดคิ้วไม่ได้เขาพูดด้วยน้ำเสียงสะท้อนใจ “เป็นไปได้ว่าประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างคงจะทดลองถึงขั้นสุดท้ายแล้ว”