ตอนที่แล้วตอนที่ 752 ความก้าวหน้าทางจิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 754 ระหว่างฝึกฝน

ตอนที่ 753 มู่จือเสีย


ฤดูหนาวในทวีปเหว่ยเย่กวน  หิมะและพายุทำให้ท้องฟ้าและพื้นทั้งหมดเป็นสีขาวมองสุดหูสุดตายากที่จะจำแนกตำแหน่งได้

ทวีปเหว่ยเย่กวนเป็นที่รู้จักกันดีเป็นดินแดนหนาวเข้ากระดูก  สายลมและหิมะมีพลังมาก  นี่คือดินแดนที่ตั้งอยู่บนพรมแดนของทวีปแดนเถื่อน  และเนื่องจากความหนาวจัดทวีปเหว่ยเย่กวนมีเพียงฤดูเดียว คนที่ปกป้องสถานที่นี้เป็นแม่ทัพอันดับแรกของห้าแม่ทัพพยัคฆ์หมิงกวงมู่จือเสีย

มู่จือเสียมักจะอยู่ป้องกันที่ทวีปเหว่ยเย่กวนและยากที่จะทิ้งไปเทียบกับความสำเร็จและผลงานทางทหารกับอีกสี่คน เขาไม่มีผลงานอะไรเขียนไว้  แต่สถานะของเขาในฐานะหนึ่งในห้าเสือแม่ทัพกวงหมิงเขาไม่หวั่นไหว

ร่างของเขาปลดปล่อยรัศมีที่ขาวบริสุทธิ์   ขณะที่เขาเดินเล่นรอบๆ อยู่ใต้หิมะและพายุที่รุนแรง

เขาสวมชุดเกราะธรรมดาซึ่งมีรอยแผลฟันอยู่หลายรอย เก่าอย่างเห็นได้ชัด แต่บอกได้ว่าได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี นอกจากมีแสงสีขาวบริสุทธิ์รายล้อมรอบเขาแล้ว มู่จือเสียไม่มีอะไรแตกต่างไปจากทหารทั่วไป  หน้าของเขามีเกล็ดน้ำแข็งเกาะหนวดของเขาถูกแช่แข็ง เขามีผมขาวแซม สายตาของเขาดูลึกซึ้ง

องครักษ์ยังคงอยู่รายรอบเขาและมองดูรอบๆด้วยความระมัดระวัง

พวกเขาเดินเข้าไปในหุบเขาขนาดใหญ่และเดินลึกเข้าไปในที่นั้นมีลมพัดแรงขึ้นทุกขณะ

ปังปัง ปัง ม่านพลังแสงสร้างขึ้นรอบตัวร่างของทหาร ลมในหุบเขาก่อตัวเหมือนกับใบมีด ซึ่งมีรอยเส้นสายตลอดผนังของหุบเขาซึ่งถูกตัดโดยดาบสายลมในช่วงเวลาที่ผ่านมา

แต่ภายในหุบเขาไม่มีหิมะตก สายลมรุนแรงเกินไป และหิมะไม่สามารถตกผ่านเข้าไปได้

สายลมพัดรุนแรงขึ้นมีมีดสายลมหนาแน่นขึ้น มันยิงออกมาเหมือนนักสู้ที่ฝึกกฎสายลมผู้ทรงพลัง

ม่านแสงรอบตัวทหารมีประกายเป็นระยะและการก้าวไปข้างหน้าของพวกเขากลับกลายเป็นช้าลง  แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดมาจากความเย็นยะเยือกที่แฝงอยู่ในสายลม  หุบเขาลมยะเยือกคือสถานที่เป็นต้นกำเนิดของอากาศเย็นทั้งหมด  อากาศเย็นมาจากทวีปเหว่ยเย่กวนทำให้ทั่วทวีปมีลมหนาวตลอดทั้งปี

ความเยือกเย็นเสียดกระดูกทำให้พลังในร่างกายของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว

เป้าหมายของมู่จือเสียก็คือประตูทางออกของลมขั้วโลกซึ่งอยู่ในพื้นที่ลึกที่สุดของหุบเขาลมยะเยือก

“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่”

มู่จือเสียยังคงเดินต่อไปข้างในไม่มีความตั้งใจจะหันหลังกลับ ทหารข้างหลังได้แต่มองดูเจ้านายของพวกเขาที่เดินอย่างสบายๆ  ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล

มู่จือเสียเดินลึกเข้าไปอีกสิบนาที  ก่อนจะเข้าไปถึงในตำแหน่งหนึ่งที่ซึ่งพลังสายลมรุนแรงมากและแม้แต่เขาก็ยังมีสีหน้าจริงจัง รัศมีรอบตัวเขาสว่างเจิดจ้า และความเร็วในการเดินขึ้นหน้าค่อยๆ ตกลง ทุกย่างก้าวของเขามั่นคงมาก  ลมดาบที่รุนแรงเย็นจัด แต่แสงสีขาวยังคงสว่างขึ้นทำให้ความเร็วในการเหนื่อยล้าบนตัวมู่จือเสียเพิ่มขึ้นมาก

เขาเดินไปทีละก้าวเหมือนกับว่ามันไม่มีผลต่อเขา  จนกระทั่งถึงช่องสายลม

ช่องลมยะเยือกขนาดมหึมาปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา  มันคือช่องลมยะเยือกที่มีความยาว 60กิโลเมตร  เหมือนกับว่าเป็นทางเข้านรก  เมื่ออยู่ต่อหน้า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กน้อย  ในจุดนี้พลังลมรุนแรงขึ้นถึงขีดสุด  แต่ไม่มีเสียงเพราะในที่นี่ความเร็วของสายลมอยู่เหนือเสียง พายุและความเย็นไม่สิ้นสุดทะลักออกมาจากช่องลม  ลมความเร็วสูงยิงออกมาเป็นเส้นแสงซึ่งทำให้ภาพของช่องลมดูบิดเบี้ยวมองดูเหมือนกับประตูดวงดาว

มู่จื่อเสียชักดาบกระบี่เหล็กที่เอวเขาซึ่งมีชั้นแสงหนาแน่นปกคลุม

ลมที่รุนแรงพัดกระหน่ำเป็นเส้นทางแสงสีขาว

‘แนวแสงสีขาวยาวถึง 1 กิโลเมตร

มู่จือเสียทำสถิติ  เขาเก็บกระบี่ไว้ข้างหลังและจ้องมองช่องลมยะเยือกที่อยู่ต่อหน้าเขาเขาใช้เวลาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งเขาได้แต่มองช่องลมที่ลึกไร้ที่สุด เขาหายใจและชื่นชมธรรมชาติของมันและพลังยิ่งใหญ่ของมัน

จากนั้นเขาหันหลังกลับ

นับตั้งแต่เขาได้รับมอบหมายให้เฝ้าทวีปเหว่ยเย่กวนและค้นพบความมีอยู่ของช่องลมใหญ่ เขาเองมาเยี่ยมเยือนที่นี่เดือนละครั้ง เขาจะใช้รังสีกระบี่ทดสอบความเร็วของลม และความคิดจะเกิดขึ้นกับเขา เป็นเวลา 20 ปีเต็ม ที่เขาบันทึกความผันผวนของความเร็วในช่องลม

หลังจากสังเกตมานานปี  เขาตระหนักว่าความผันผวนของความเร็วลมจากช่องลมมีรูปแบบเฉพาะตัว

ช่องลมยะเยือกก็คือประตูดวงดาวขนาดใหญ่

และเขาก็คาดเดาได้ว่ามีอะไรอยู่ในอีกด้านหนึ่ง  จากครั้งแรกที่เขาเห็นช่องลม เขามีความรู้สึกว่าประตูดวงดาวสามารถใช้ได้  แค่เพียงจากความรู้สึกนี้  เขาใช้เวลา 20ปีต่อเนื่องเพื่อบันทึกข้อสังเกต การสันนิษฐานของเขาก็ค่อยๆ แคบลง

แม่ทัพทหารผู้โดดเด่นไม่ธรรมดาเลย  แต่สำหรับคนที่ใช้เวลา 20ปีอย่างมุ่งมั่นนั่นหาได้ยากมาก

นอกจากนี้เป็นเพราะทัศนคติที่ขยันขันแข็งของเขาทำให้เขาได้รับความเชื่อถือจากแม่ทัพและผู้บริหารระดับสูงของกวงหมิงทันที มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าสถานการณ์ของมู่จือเสียที่ทวีปเหว่ยเย่กวนมีภารกิจที่สำคัญอย่างหนึ่ง

ทวีปแดนเถื่อน!

ทวีปกวงหมิงจับตามองดูทวีปแดนเถื่อนมานานมากแล้ว  เนื่องจากมันแตกต่างจากทวีปอื่นอย่างสิ้นเชิง  พวกเขาต้องการทำความเข้าใจ แม้ว่าสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของทวีปแดนเถื่อนจะอันตรายและโหดร้าย  แต่ก็ไม่ใช่ที่แห้งแล้งไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนที่คนอื่นกล่าว  ทวีปแดนเถื่อนมีผลิตภัณฑ์เฉพาะแบบอย่างหนึ่งซึ่งสามารถทำให้ทวีปกวงหมิงแข็งแกร่งมากขึ้น  ถ้าพวกเขาสามารถยึดทวีปแดนเถื่อนได้

แต่ทวีปกวงหมิงไม่ได้เคลื่อนไหวบุ่มบ่าม  มีเหตุผลที่ทวีปแดนเถื่อนลึกลับสำหรับคนอื่นนั่นเป็นเพราะไม่เคยมีใครเข้าครอบครองทวีปแดนเถื่อนได้สำเร็จ  ในประวัติศาสตร์วีรบุรุษผู้ทะเยอทะยานนับไม่ถ้วนพยายามปราบปรามทวีปแดนเถื่อนแล้ว  แต่ไม่มีใครเคยทำได้สำเร็จ

แม้ว่าทวีปแดนเถื่อนจะถูกครอบครองโดยเผ่าพันธุ์ต่างๆที่สู้รบกันเองทุกวัน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้รุกรานจากข้างนอกพวกเขาจะชุมนุมกันและแสดงความยิ่งใหญ่ของพวกเขา

มู่จือเสียเคลื่อนกำลังพลเข้าสู่ทวีปเหว่ยเย่กวนก็เพื่อแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างคนภายนอกและทวีปแดนเถื่อน  ทำธุรกิจการค้ากับพวกเขา แม้ว่าการค้าของทวีปกวงหมิงจะไม่รุ่งเรืองเท่ากับภูมิภาคใต้ก็ตาม  แต่เทียบกับทวีปหัวโบราณอย่างแดนเถื่อน  พวกเขาค่อนข้างรุ่งเรือง

ในการไล่ล่าใช้แผนยักยอกถาวรของทวีปกวงหมิง  อิทธิพลของเขาที่มีต่อทวีปแดนเถื่อนจะค่อยมากขึ้นต่อเนื่อง อิทธิพลของมู่จือเสียต่อทวีปแดนเถื่อนลึกซึ้งอย่างต่อเนื่อง  รายงานและข้อมูลหลั่งไหลเข้าสู่โต๊ะของมู่จือเสียอย่างต่อเนื่อง

ทวีปแดนเถื่อนลึกลับถูกมู่จือเสียอ่านทีละหน้าๆแสดงให้เห็นถึงความสับสนวุ่นวาย ความโหดร้ายและพลังของพวกเขาที่แท้จริง

ยี่สิบปีกับการยืนกรานเป็นพลังที่น่ากลัว

เขาไม่ใช่ผู้นำที่สติปัญญาไวที่สุด  และไม่มีความคิดอัจฉริยะแน่นอน  แต่เขามีความอดทนหนักแน่น กระทำการทีละก้าว

เมื่อกลับไปที่ค่ายของเขามู่จือเสียได้รับรายงานฉบับหนึ่ง ซางเป่ยแห่งเผ่าวารีดำกำลังรอท่านอยู่!”

เขาพยักหน้าและเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ ในห้องโถงมีบุรุษร่างใหญ่เปลือยร่างท่อนบนกำลังกินอย่างมูมมาม

“นี่เจ้าอดอยากมากี่วันแน่?”  มู่จือเสียหัวเราะ เขาไม่มีความหยิ่งแต่อย่างใดและเดินไปนั่งที่โต๊ะอีกฝั่งหนึ่งตามปกติ คว้ามีดบนโต๊ะและหั่นขาแพะเริ่มกินบ้าง

เผ่าวารีดำเป็นเผ่าเล็กๆที่อยู่ติดกับพวกเขา และเป็นเผ่าเก่าแก่ที่สุดที่เริ่มติดต่อการค้ากับทวีปเหว่ยเย่กวนง่ายที่สุด  และทั้งสองคนคุ้นเคยกัน  อิทธิพลของทวีปกวงหมิงกำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  และเริ่มขยายเข้าไปในเผ่าใหญ่  แต่มู่จือเสียยังคงรักษาซางเป่ยไว้เหมือนเดิม และไม่ได้คุกคามทำร้ายเขาเพียงเพราะเผ่าวารีดำอ่อนแอ

“ตั้งสิบสองวันแล้ว”  ซางเป่ยพูดทั้งที่อาหารยังอยู่ในปาก  “ข้าเกือบกลับมาไม่ได้”

มู่จือเสียกินเนื้อแพะอย่างระมัดระวัง  และหลังจากนั้นชั่วครู่  เขาถาม “ว่าไง?  หรือว่าการเดินทางของเจ้าไม่ราบรื่น?”

หลังจากกินอาหารเสร็จ ซางเป่ยดื่มเหล้าต่อก่อนที่จะเงยหน้าอย่างอิ่มเอม  เขาถอนหายใจกล่าว  “เรากำลังอยู่ในช่วงสู้รบกันอยู่”

มู่จื่อเสียยิ้ม  “สู้รบ? บอกข้าหน่อย มีที่ไหนที่ไม่สู้รบ? นอกจากนี้ทวีปแดนเถื่อน ก็สู้รบเป็นปกติไม่ใช่หรือ?”

คำพูดของมู่จือเสียไม่ได้พูดเกินจริง  ทวีปแดนเถื่อนเป็นสถานที่วุ่นวายที่สุด  และมีการสู้รบระหว่างเผ่าอยู่เสมอ  เป็นเรื่องปกติมาก นั่นคือเหตุผลที่เส้นทางการค้าในทวีปแดนเถื่อนถูกทำลายหมดขบวนสินค้าในเส้นทางถูกจี้ชิงปล้นกันหมด และสินค้าทั้งหมดหายไป

แต่ผลกำไรที่สูงจะมาพร้อมกับความเสี่ยง  คาราวานขบวนหนึ่งของทวีปกวงหมิงสามารถให้เสบียงกับเผ่าวารีดำได้ถึงหนึ่งเดือน

ซางเป่ยอยู่ในอาการมึนงง  และหลังจากนั้นชั่วขณะ  เขามีสีหน้าแปลกประหลาด

มู่จือเสียรู้สึกได้ทันที  “ว่าไง?”

“เผ่าวารีตะวันตกถูกทำลาย  ข้าเห็นมากับตาตนเอง”  ซางเป่ยยังมึนงงอยู่  คำพูดของเขาเบามาก

“เผ่าวารีตะวันตก!”  มู่จือเสียหยุดกิจกรรมทุกอย่างที่ทำอยู่  หน้าของเคร่งขรึมเผ่าวารีตะวันตกและเผ่าวารีดำทั้งสองเผ่ามีคำว่าวารีอยู่ในชื่อของพวกเขา  แต่พลังของพวกเขาแตกต่างกันถึงสองระดับ  เผ่าวารีตะวันตกเป็นหนึ่งในเผ่าใหญ่ในทวีปแดนเถื่อน  พวกเขาแข็งแกร่งทรงพลังมาก  และชี่ถูหัวหน้าเผ่าของพวกเขาเป็นคนทะเยอทะยาน

‘เผ่าวารีตะวันตกเป็นเผ่าที่มีศักยภาพที่จะตั้งราชอาณาจักรได้  แต่กลับถูกทำลายได้อย่างนั้นหรือ?’

ชางเป่ยไม่เป็นตัวของตัวเอง  เขาพูดเหมือนกับว่าเขากำลังเล่าฝันร้าย “เป็นอาณาจักรภูผาเหล็กและอาณาจักรน้ำแข็งหิมะเหนือ  พวกเขาก่อตั้งพันธมิตรเพื่อทำลายเผ่าวารีตะวันตก”

สีหน้าของมู่จือเสียยิ่งแปลกประหลาดมาก  เขารู้มาว่ากษัตริย์ทั้งสองอาณาจักรเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดในส่วนเหนือของทวีปแดนเถื่อน  มู่จือเสียรู้จักพลังของทุกคนเหมือนลายเส้นบนฝ่ามือและรู้ว่าพวกเขาเป็นศัตรูถาวรทั้งเกลียดโกรธแค้นมาหลายปีแล้ว ‘แล้วพวกเขาจัดตั้งความเป็นพันธมิตรได้ยังไง?’

ปฏิกิริยาแรกของเขาคือนั่นเป็นความคิดที่ไร้สาระ  แต่เขารู้ว่าซางเป่ยเป็นคนจริงจังและจะไม่พูดโดยไม่คิด

“พวกเขาก่อตั้งเป็นพันธมิตรได้ยังไง?”  น้ำเสียงของมู่จือเสียกลายเป็นจริงจัง

ซางเป่ยเรียกความรู้สึกกลับมาได้ในที่สุด การสู้รบสร้างความสั่นสะเทือนให้เขาอย่างมาก เผ่าวารีตะวันตกเหมือนกระแสเลือดประทับอยู่ในใจเขาอย่างลึกซึ้ง

เขาส่ายศีรษะ  “ข้าไม่รู้ แต่ข้าได้ยินข่าวลือว่า พวกเขาพูดว่ามีสตรีนางหนึ่งเหมือนกับเทพสตรีเถี่ยจี๋กับอาซือหมิงปฏิญาณตัวเป็นบริวารนาง นางได้กองทัพใหญ่ตอนใต้ พวกเขาไร้เทียมทานไม่มีใครหยุดได้  พวกเขาบอกว่านางเหมือนเทพธิดาสงคราม  ทุกๆ ศึกที่นางร่วมด้วยนางจะชนะและนางยังคงเดินหน้าต่อไป อาณาจักรป่าทองไม่ยินดีเข้าร่วมกับพวกเขา ดังนั้นจึงโค่นเอาชนะพวกเขา  ศักดิ์ศรีของพวกเขาจึงพินาศ และพวกเขากลัวว่าพวกเขาจะขยับไปทางตะวันตก เมื่อข้ากลับมานี้ ข้าได้ยินว่าอาณาจักรป่าทองไม่มีอีกต่อไปแล้ว บริวารของเขาแปรพักตร์และนำหัวราชันย์ไปให้เทพธิดาศึก  ผู้คนในอาณาจักรป่าทองถูกนางกลืนหมด”

“พวกเขาเคลื่อนขบวนลงใต้และไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาได้”  ซางเป่ยเลียริมฝีปาก  น้ำเสียงเขาตื่นเต้น  “นางคือเทพธิดาสงคราม  เทพธิดาที่แท้จริง  ไม่ว่านางไปที่ใด ไม่มีใครหยุดนางได้  ผู้คนกล่าวว่า..”

เขากลืนน้ำลายและมองดูมู่จือเสีย  มีแววคาดหวังปนกับความกลัวอยู่ในตาของเขาแสงที่ความมืดไม่สามารถหยุดได้

“ทวีปแดนเถื่อนจะถูกรวบรวมจะมีราชาจากภายในที่แท้จริงจากพวกเรา”

เป๊าะมีดในมือของมู่จือเสียถูกหัก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด