ตอนที่แล้วตอนที่ 750 เคียวมัจจุราช
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 752 ความก้าวหน้าทางจิต

ตอนที่ 751 แขนมัจจุราชกับสละตนพิฆาต


สวี่เย่หน้าซีดขาว  สายตาของเขาซบเซาไร้ชีวิตชีวา

“นั่นคือพลังของคนโฉดชั้นหนึ่งหรือ?

คนโฉดชั้นหนึ่ง 12 คนตามที่เล่าลือเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งทรงพลังทุกคนสามารถจัดอันดับในทำเนียบนักสู้ได้ แต่เมื่อเทียบกับนักสู้ในทำเนียบนักสู้แล้ว  พวกเขามีความลึกลับมากกว่า  มือของทุกคนเปื้อนเลือดทั้งนั้น  และมีตระกูลนับไม่ถ้วนที่ต้องการศีรษะของเขา  ด้วยพลังที่เฉียบขาดรุนแรงเช่นนั้น  บางคนก็ได้ผู้สนับสนุนที่ทรงพลัง  และไม่ว่าจะมีคนกี่คนสืบหาพวกเขาก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ใด เพียงแต่เมื่อพวกเขาต้องปรากฏตัวให้เห็น สายลมจะเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดและผู้คนจะจำพวกเขาได้

เหอซินสาบสูญไปกว่าทศวรรษ  แต่ทันทีที่เขาปรากฏตัวความโหดเหี้ยมและพลังที่กร้าวแกร่งพอจะสั่นสะท้านทั่วแดนบาป

‘เคียวนั้นและแขนนั่น...’

เหอซินเปิดประตูไว้แล้ว  ประตูตำหนักแห่งกฎระดับสูงสุด และเป็นดินแดนสูงสุดที่นักสู้ทั้งหมดฝันถึงและไล่ไขว่คว้า  ไม่มีใครเคยอยู่ในตำหนักความรู้แบบนั้นมาก่อนและไม่มีใครรู้ว่ามันดูเหมือนอะไร

ทันใดนั้น สวี่เย่รู้สึกอิจฉา  สามารถเข้าใจตำหนักแห่งกฎระดับสูงสุดก่อนตายได้นั่นต้องมีวาสนามากเพียงไหน เขารู้ว่าด้วยพรสวรรค์อย่างเขาและจุดยืนของเขา  เขาคงไม่มีทางไปถึงระดับเดียวกับเหอซินในชีวิตของเขาแน่

มือขวาของมัจจุราชและเคียวมัจจุราช

‘สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดซึ่งได้รับยกย่องจากดินแดนแห่งกฎมรณะระดับสูงสุดได้เข้ามายังโลกนี้แล้ว’

สำหรับสวี่เย่ผู้ฝึกมาทางกฎเป็นตายมีความหมายที่แตกต่างออกไป ชีวิตทั้งหมดในเมืองบูรพาอมตะ ระบายออกไปเงียบๆ  การระบายออกไปนี้ช้ามากและคนที่พลังยังไม่ถึงระดับจะไม่สามารถรู้สึกถึงพลังชีวิตที่ถูกระบายออก

พลังชีวิตจากทั่วทุกทิศเข้าไปยังเคียวมัจจุราช  บทเพลงที่หดหู่ดังออกมาจากภายในเคียว  และใบหน้าที่บิดเบี้ยวและดิ้นลงบนเคียวเริ่มสงบ

ทำนองข่มวิญญาณ

สวี่เย่ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ต่อหน้าเขา  และถูกความตกใจครอบงำนั่นเป็นแค่แขนมัจจุราชและเคียวของมัน แต่มันสามารถดึงพลังจากเมืองทั้งหมด ถ้าเป็นมัจจุราชจริงกำลังจะปรากฏ พลังชีวิตในเมืองบูรพาอมตะคงถูกดูดและกวาดล้างหมดไม่ใช่หรือ?

สังหารหมู่!

เพียงแต่ยกแขนของมันขึ้นเท่านั้น ไม่ไม่ใช่แค่นั้น แค่อยู่กับที่ มันก็ฆ่าทุกอย่างได้

ถ้าพลังชีวิตทั้งหมดถูกดูดออกมาจากเมือง  เมืองจะกลายเป็นเมืองที่ตาย  เมืองแห่งกฎตาย  กฎตายที่บริสุทธิ์จะเติบโตและรุ่งเรืองและทำให้แผ่นดินกลายเป็นนรกทั้งหมด

ความรู้ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข่าวลือและตำนาน  จากตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเรียนกฎเป็นตาย สวี่เย่ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เขาจะเห็นด้วยตนเอง

ความสิ้นหวังพลุ่งขึ้นมาในใจของสวี่เย่ เขาเริ่มจ้องมองนายท่านผู้กำลังสู้กับแขนและเคียวมัจจุราชเหมือนกับว่าเขากำลังรอให้เจ้านายเขาตาย

‘ล้มเหลวและตายเป็นผลที่สูงที่สุดมีแต่ผลที่ออกมานั้น’

สวี่เย่เริ่มหน้าซีดแผ่กระจายไปทั่วตัว  เขาฝึกกฎเป็นตายมา ดังนั้นกฎธรรมชาติเป็นตายในร่างของเขาอยู่ในภาวะสมดุล แต่ขณะนั้นสภาพสิ้นหวังรุนแรงทำให้กายและใจของเขาอยู่ในสภาพเสียสมดุล  พลังของกฎตายเริ่มเข้าสู่สภาพแข็งแกร่งขึ้น

ถังเทียนจ้องมองแขนและเคียว  เขาหรี่ตา แต่เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย

เขาสามารถรู้สึกได้ว่าพลังชีวิตของเมืองถูกดึงดูดและกลืนโดยเคียว ทำนองวิญญาณอันไพเราะลึกซึ้งถูกสลายไปด้วยแสงสีแดงเมื่อมันมาถึงถังเทียนก็หายไปไม่มีอะไร

เทพอสูรหกกรในร่างของเขาเหมือนกับร่างอัญมณีเปล่งแสงสีแดงหนาแน่นรอบตัวเขา  ฝ่ามือที่ผนึกมุทราหมัดพิโรธปล่อยเพลิงสีแดงลุกโพลงเป็นระยะๆ พลังผันผวนของแสงสีแดงทำให้เปลวเพลิงแดงลุกโชนและยังคงเปล่งประกายออกมาข้างนอก

แสงแดงรอบตัวถังเทียนกวาดไปทั้งตัวถังเทียนครั้งแล้วครั้งเล่า  พลังที่สง่างามผสานเข้าและกระจายตัวในลักษณะทั่วไป

ขณะนั้น แขนค่อยๆ ยกเคียวช้าๆ

ถังเทียนเหมือนแมวที่สะดุ้งตกใจเขารู้สึกได้ถึงอันตรายรุนแรง ทำให้ใจเขาตึงเครียด ความเคลื่อนไหวของแขนไม่ได้ปล่อยรัศมีอะไร ดูเหมือนกับเป็นกระทำธรรมดา แต่ถังเทียนที่มีความรู้สึกแหลมคมสัมผัสได้ถึงอันตรายรุนแรงจนแทบจะแข็ง

เขาสูดหายใจลึก ความรู้สึกแข็งแกร่งที่เขารู้สึกบอกเขาว่าการโจมตีครั้งต่อไปจะเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอ

เขาหลับตาร่างของเขาเอนไปข้างหน้าพร้อมแขนของเขาตกลง

แสงสีแดงหนาแน่นจากเลือดของเขา  ถังเทียนกำหนดไว้แล้วและไม่กังวล  เขาหายใจตามปกติ  เหมือนกับว่าเขากำลังงีบหลับ  ไม่มีรังสีฆ่าฟันอยู่ที่ตัวเขาเลยและแสงสีแดงคลุมทั้งแขนของเขา

‘เนื่องจากนี่เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า  อย่างนั้นข้าจะให้พลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของข้าบ้าง’

เขาลืมตา ความตั้งใจไม่หวั่นไหวปรากฏอยู่ในสายตาของเขาไม่มีอะไรสร้างความหวั่นไหวให้เขาได้ แขนของเทพอสูรหกกรเริ่มตั้งท่ามุทราขณะที่มุทราอื่นในแขนอื่นยังเป็นภาพไม่ชัด

รัศมีของถังเทียนเริ่มทะลัก

อากาศรอบตัวเขาเริ่มปั่นป่วน รัศมีที่ทรงพลังจากเขาทำให้พื้นที่รอบตัวกลายเป็นสภาพไม่มั่นคง  เขาเหมือนกับอยู่ในตาพายุ  ลมรอบตัวเขาเพิ่มความเร็วอย่างรวดเร็ว  และพัดแรงจนเสื้อผ้าของเขาโบกสะบัดเสียงดัง

ทันใดนั้นสวี่เย่เงยหน้าขึ้นมองเจ้านายด้วยความประหลาดใจ  และหน้าที่ซีดท้อแท้ของเขา  มีร่องรอยชีวิตชีวาทันที

‘รัศมีของบุรุษหน้ากากผีทรงพลังมาก

ทั้งสองสร้างพลังที่ตรงกันข้ามตัดกันอย่างมาก  เคียวกับแขนมัจจุราชถูกกันไว้เป็นอย่างดีและถ้าไม่มีใครมองดูก็จะไม่รู้ถึงความคงอยู่ของมัน  ท่านหน้ากากผีตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง  เขาปลดปล่อยรัศมีของเขาทั้งหมดเหมือนกับกองไฟที่ลุกโชนและรุนแรงมากขึ้น

มหาสมุทรพลังงานในร่างของถังเทียนทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่าย

บรรยากาศรอบตัวเขาเริ่มสั่นสะเทือนรุนแรง ระลอกพลังที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายขึ้นไปในอากาศ

แครก แครก

เสียงเสียดสีดังออกมาเบาๆ รัศมีของถังเทียนทะลักต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ  เขายังคงไม่เคลื่อนไหวเหมือนรูปสลัก  มีเพียงความแตกต่างก็คือแสงในดวงตาของเขาเจิดจ้ามากขึ้นทุกที

เขาได้รับพลังรู้แจ้งจากเงาร่างเทพอสูรในท่าเสียสละพิฆาต และขณะนั้นเงาร่างเทพอสูรมีปฏิกิริยากับท่าเสียสละพิฆาต  ทั้งสองมาจากรากเหง้าเดียวกันและผสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ  ดังนั้นเขาจึงมีความแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง คราวนี้ถังเทียนถูกต้อนเข้ามุมจึงจำเป็นต้องนำมาใช้

แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักประวัติเคียวและแขนของเคียวมัจจุราช  แต่เขาผ่านการสู้รบมามากมาย และได้ตัดสินใจในการต่อสู้ที่คับขันโดยใช้สัญชาตญาณแทบทั้งหมด แขนและเคียวแปลกประหลาดที่อยู่ต่อหน้าของเขาทำลายสามัญสำนึกทั้งปวง  และอยู่เหนือสิ่งที่เขารู้จักมากมาย

ถังเทียนถูกต้อนเข้ามุมให้ต้องใช้พลังทั้งหมดเท่าที่เขาสามารถระดมได้  เขาใช้เทพอสูรหกมุทราเสริมท่าเสียสละพิฆาต  แม้ว่าอีกห้ามุทราจะมีแสงสลัวและเลือนราง  ปรากฏแต่เพียงลักษณณะเขาก็ยังคิดว่าเมื่อกำลังต่อสู้กับหุ่นเชิดมัจจุราช  มุทราเทพอสูรหกท่าถูกใช้ต่อสู้หรือเพื่อปรับเปลี่ยนร่างของเขากันแน่

แต่ขณะนั้น ถังเทียนที่กำลังจะแพ้ก็ไม่สบายใจ และทุ่มเททุกอย่างที่เขามี ทั้งหมดที่เขารู้

‘ถ้าเพียงแต่หมัดเทพเจ้าสำเร็จ...’

ประกายความคิดนั้นแว่บผ่านเข้ามาในใจของเขา  แต่จากนั้นเขาก็เลิกคิด

เทพอสูรหกมุทราสมบูรณ์แบบในเวลาเดียวกัน  และภายในก็อัดแน่นไปด้วยแสงสีแดง  กลีบดอกไม้ไม่ทราบมาจากที่ใด  ค่อยๆ ร่วงลงบนร่างเทพอสูร แล้วก็หายไป

ถังเทียนไม่รู้ว่ามีไว้เพื่ออะไร  แต่เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้

ปัง ปัง ปัง!

ระลอกพลังทะลักไปทั่วทั้งเมืองโดยมีถังเทียนเป็นศูนย์กลาง  เป็นเหมือนระลอกพลังเกลียวจากการโจมตีทำให้อากาศในเมืองบูรพาอมตะเกิดความไม่เสถียร เป๊าะ.. เสียงแตกดังออกมาตามทางเกิดรอยแยกเล็ก หินขนาดเล็ดข้าวค่อยๆ ลอยขึ้น

รอยแยกตามมามากขึ้นจนมองเห็นได้ชัดบนพื้น

หน้าของคนที่ชมดูเปลี่ยน  ตาของสวี่เย่เป็นประกาย  ทันใดนั้นเขาคิดถึงหอกลมสายฟ้าหลูเทียนเหวิน พลังหอกสุดท้ายของเขาทรงพลังยากจะหยั่งถึงเพียงไหน  แต่รัศมีของนายท่านน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าเมื่อเทียบหอกของเขา

‘ใช่แล้วนายท่านคือนักสู้ผู้แข็งแกร่งทรงพลังที่สามารถฆ่าหลูเทียนเหวินได้!’

สวี่เย่รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้น  เขาเห็นความหวังที่จะกำราบพลังสีเทาในร่างเขาและพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นได้มาก

เขามีปฏิกิริยาในขณะนั้นและตะโกนบอกคนดูทั้งหมด  “ทุกคน หนีไป!  แยกย้ายกันเดี๋ยวนี้!  ให้ออกไปจากที่นี่!”

ชาวเมืองบูรพาอมตะทุกคนตื่นจากอาการตะลึงและวิ่งหนีไปในทิศต่างๆ

แขนและเคียวอาบไปด้วยความเย็นที่แปลกประหลาด และเมื่อเผชิญหน้าความแปลกประหลาดพิศวงนี้ถึงกับทำให้ขนลุก  แต่บุรุษหน้ากากผีกับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เขาปลดปล่อยรังสีที่เด็ดขาดทำให้คนอื่นมองเขาเป็นสัตว์ร้ายมหึมากำลังปลดปล่อยรัศมีโบราณไม่มีใครหักล้างได้

ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่สร้างความตื่นตระหนกไปทั้งเมืองบูรพาอมตะ

ตาของถังเทียนไม่มีวี่แววหวั่นไหวแต่อย่างใด  เหมือนกับว่าเขาอยู่ในสภาพสงบอย่างน่าประหลาด   พลังต้องห้ามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่าเสียสละพิฆาตมีเสียงสะเทือนดังออกมา  แต่ถังเทียนไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย

‘ข้าจะต้องช่วยทุกคน  และจากนั้นเราทุกคนจะเคียงบ่าเคียงไหล่สู้และชนะด้วยกัน!’

‘นั่นคือเหตุผลที่ข้ายืนอยู่ที่นี่ นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องชนะ!’

‘ไม่มีใครหยุดข้าได้!’

‘แก..เจ้าเคียวผุพัง!’

รัศมีที่เปล่งออกมาจากดวงตาของถังเทียนทำให้พื้นที่ว่างรอบเมืองบูรพาอมตะสั่นสะทือน

ถังเทียนเริ่มเคลื่อนไหวเข้าหาเคียวกับแขน ด้วยความมุ่งมั่นไม่หวั่นไหวในดวงตาที่มีสีแดงโชติช่วง  เสียงลมหวีดหวิวผ่านหูของเขา  สายลมพัดรุนแรงทำให้อากาศสั่นสะเทือน ดูเหมือนเปลวเพลิงในดวงตาของเขาจะสว่างเจิดจ้ามากขึ้น

ทุกๆก้าวย่างของเขาทำให้พื้นที่ว่างในเมืองบูรพาอมตะสั่นไหว

ทุกย่างก้าวทำให้พื้นเบื้องล่างของเมืองบูรพาอมตะสั่นสะเทือน

ทุกๆ ย่างก้าวของเขาทำให้หินนับไม่ถ้วนลอยขึ้นจากพื้นขึ้นไปในท้องฟ้า

ทุกๆย่างก้าวของเขาทำให้รัศมีของเขาเพิ่มมากขึ้น

ทุกๆ ที่เขาย่างก้าวแสงสีแดงในร่างของเขาจะหมองลงเล็กน้อย แต่แสงสีแดงที่แขนของเขาจะหนาแน่นรุนแรงมากขึ้น

ในภาพที่สั่นไหวของเขา มีแต่เพียงเคียวกับแขนผอมๆเท่านั้นที่ปรากฏอยู่ คมเคียวที่เต็มไปด้วยฟัน และภาพใบหน้าวิญญาณที่ทุกข์ทน

‘มาเลย, เจ้าเคียวผุพัง!’

ถังเทียนคำรามในใจขณะที่พลังทั้งหมดในร่างของเขาบรรจุอยุ่ในแขนของเขาทำให้แขนของเขารู้สึกหนักมากขึ้นจนแทบขาดตกลงไป ทุกๆ ย่างก้าวจำเป็นต้องทุ่มเรี่ยวแรงทั้งหมดในตัวเขา  แขนของเขาดูเหมือนแทบจะระเบิดออกเหมือนกับว่ามีบางอย่างกำลังจะปริออกมาจากภายใน

ในสายตาของเขา  แขนที่แห้งกรังนั้นสับเคียวลงอย่างนุ่มนวล

ถังเทียนเห็นว่าพร้อมกับแขนที่เคลื่อนไหว  ภาพลวงตาเลือนรางของเคียวเกิดตามมาทันที  มันเป็นรังสีดำที่ตัดผ่านอากาศอย่างเงียบงัน

‘มาเลยแก...เจ้าเคียวผุพัง!’

ขณะนั้นถังเทียนรู้สึกได้ว่าความรู้สึกว่าพลังระเบิดในแขนของเขานั้นใกล้จะระเบิดเต็มทน  ต้องยืมแรงเฉื่อยเหวี่ยงแขนฟันใส่ด้านบน

ดาบโลหิตสองสายไขว้กันเป็นกากบาทอยู่ข้างหน้าของถังเทียนและเปลี่ยนไปรังสีดาบกางเขนโลหิต

รังสีเคียวสีดำสนิทปะทะกับรังสีดาบกากบาท

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด