ตอนที่แล้วตอนที่ 741 กลับเข้าเมืองจื่อจวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 743 นกหวาดเกาทัณฑ์

ตอนที่ 742 สหายเก่า


บริวารของถังเทียนจัดตั้งตามระบบของพวกเขาเอง ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเรื่องของหน่วยสุญญตา  สำหรับเรื่องกิจการของเมืองจื่อจวนถังเทียนปล่อยให้สี่ตระกูลจัดการ สำหรับเขาแล้ว เมืองจื่อจวนเป็นที่พักพิงชั่วคราวซึ่งเขาไม่ตั้งใจจะอยู่นานสี่ตระกูลเป็นคนท้องถิ่นและมีประสบการณ์จัดการกิจการมากกว่าเขา

ในพริบตาถังเทียนตระหนักว่าเขามีเวลาเพื่อตนเองอีกครั้ง  และเขาสามารถฝึกฝนได้อีกครั้ง

“โรแลนด์ซูเข้ามาคุยด้วยความเคารพ ”คุณชาย  เรามีเชลยอีกคนหนึ่ง”

ถังเทียนตกใจ “เชลย?  เป็นหนึ่งในพวกเราหรือ?”

โรแลนด์ ซูส่ายศีรษะ  “ไม่, นี่คือขุนพลลำดับสองใต้ร่มธงของฉินเจิ้นเมื่อเราโจมตีตระกูลฉิน นางมักอยู่ในอาการวิกฤติ นอกจากนี้สถานการณ์ของนางดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้น  คุณชายต้องการมาดูเองหรือไม่?

สวี่เย่ไม่รู้จะทำยังไงกับการคัดค้านของโรแลนด์ซู สำหรับเขาแล้วขุนพลลำดับที่สองควรถูกฆ่า เนื่องจากพวกเขาเป็นแขนขาของฉินเจิ้น การช่วยพวกเขาไปไม่มีความหมาย การฆ่าต่างหากเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง แต่โรแลนด์ ซูเป็นคนจิตใจดี เมื่อเห็นว่าขุนพลลำดับที่สองเป็นสุภาพสตรี  นางจึงต้องการปกป้อง

น่าเสียดายแม้พยายามใช้วิธีต่างๆ  โรแลนด์ ซูก็ไม่สามาถปลุกเด็กสาวผู้นี้ได้

“แปลกด้วยหรือ?”  ถังเทียนชักสนใจ

โรแลนด์ ซูถอนหายใจโล่งอก  นางกลัวว่าท่านหน้ากากผีจะเป็นฆาตกรที่โหดเหี้ยมและอาจจะวู่วามมาก  แต่เขากลับต่างจากที่เล่าลือกันมากและเป็นคนที่ใจดี  ดังนั้นนางตอบทันที“ใช่แล้ว, ผู้น้อยรู้สึกว่าอาจถูกคนทำให้สับสน และการฆ่านางคงเป็นเรื่องน่าเสียดาย”

วิคเตอร์ยืนอยู่ข้างๆ ได้กล่าวขึ้น  “เบื้องหลังของนางลึกลับนางไม่น่าจะใช่ชาวเมืองจื่อจวน ทำไมนายท่านไม่ไปดูนางด้วยตัวเอง”

ถังเทียนไม่ลังเลและพยักหน้าทันที  “งั้นเราไปดูกัน”

โรแลนด์ ซูนำทาง และถังเทียนตามพวกเขาลึกมาถึงบ้านของเจ้าเมือง ขณะนั้นมีแต่เพียงจงเจิ้นเยียนเหม่ยได้หนีออกไปจากตระกูลฉิน  และการต่อต้านสี่ตระกูลใหญ่พบว่าอ่อนลงมากดังนั้นพวกเขาจึงไม่สร้างความเสียหายให้กับบ้านเจ้าเมืองจนเกินไป  และค่อนข้างจะรักษาสภาพไว้ดี

แม้ว่านางจะอยู่ในสภาพหลับใหลไม่ได้สติ  แต่โรแลนด์ ซูไม่กล้าประมาท ให้คนหลายคนยืนเฝ้านางไว้

เมื่อเข้าไปในห้อง ถังเทียนขมวดคิ้วอากาศเปล่งกลิ่นอายเฉพาะแบบ

บนเตียงมีสตรีสวมหน้ากากเงินนอนอยู่  และหมอกน้ำเงินม้วนตัวอยู่โดยรอบตัวนาง

เป็นไปตามคาด เมื่อถังเทียนเข้าไปในห้อง เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่เป็นของหมอกเสียงและเพลิงน้ำเงิน  เทียบกับสายใยกฎที่ประทับในตัวเขาหมอกบนร่างสตรีบนเตียงนี้หนักกว่ามาก จนถึงขนาดที่ร่างกายของนางล้อมรอบไปด้วยหมอกสีฟ้า

หมอกน้ำเงินแปลกประหลาดออกมาจากร่างของสุภาพสตรีมันม้วนตัวเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตจากนั้นกลับเข้าไปในร่างของนาง

หน้าของทุกคนจริงจัง  สวี่เย่มองดูโรแลนด์ ซู  เขาฝึกกฎธรรมชาติเป็นตายและมีความไวต่อสัมผัสต่อกลิ่นอายความตาย แต่เขาไม่เคยเห็นหรือรู้สึกถึงหมอกน้ำเงินมาก่อนและตัดสินใจว่ามันคืออะไรกันแน่

นั่นคือสาเหตุที่เขาอยากจะฆ่านาง  หมอกน้ำเงินแปลกประหลาดและไม่เสถียรบางทีอาจส่งผลต่อคนอื่น และเพื่อประโยชน์ของเชลยผู้นี้ คงไม่คุ้มค่า เขามีความกังวลของเขาและไม่พอใจโรแลนด์ ซูและวิคเตอร์ ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับนายท่าน ใครจะแบกรับผลที่ตามมา?

สวี่เย่ยังคงเงียบ

ตาของถังเทียนเป็นประกาย แม้ว่าหมอกน้ำเงินเป็นเหมือนพิษสำหรับคนอื่น  แต่มันคือสิ่งบำรุงเลี้ยงสำหรับเขา  เพลิงน้ำเงินและหมอกเสียงบนมือรูปเทพอสูรนั้นเล็กน้อยมาก

เขาเดินไปที่เตียงรูปเทพอสูรปรากฏชัดในใจเขา และขณะเดียวกันเขาตั้งท่าปางมือด้วยมุทราหัตถ์เด็ดบุปผา

ทุกคนเป็นยอดฝีมือ พวกเขารู้สึกได้ว่ารัศมีรอบตัวถังเทียนเปลี่ยนไปทันที  ความสมบูรณ์ของท่าปางมืออบอุ่นนุ่มนวลและยังมีรัศมีเปล่งออกมาจากถังเทียน ทำให้ดูราวกับว่าเขาเป็นคนแตกต่างไปอีกคนหนึ่งไม่มีรังสีฆ่าฟันเลย

‘นั่นคือวิชาอะไร?’  ทุกคนพูด  พวกเขาไม่รู้สึกถึงความปั่นป่วนของกฎธรรมชาติ  ‘ไม่มีความปั่นป่วนของกฎธรรมชาติแล้วรัศมีของเขาเปลี่ยนแปลงได้ยังไง?’ และพวกเขาไม่เคยเห็นรัศมีที่อบอุ่นนุ่มนวลแบบนั้นมาก่อน  ทันใดนั้นพวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาอาบอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์อบอุ่น  พวกเขาเป็นผู้อาวุโสมีพลังใจแข็งแกร่งทุกคน  ก็ยังตกใจก่อนจะตั้งสติได้ แต่หัวใจของพวกเขายังถูกความตกใจครอบงำคิดว่าถังเทียนผู้นี้ลึกล้ำสุดหยั่งคาด

สวี่เย่ถอนหายใจโล่งอก แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าถังเทียนได้รับตกทอดวิชาอะไรมา แต่ในเมื่อสามารถคลี่คลายหมอกน้ำเงินข้างหน้าพวกเขาได้  อย่างนั้นนั่นเป็นเรื่องดี

ชี่...!

มีเสียงดังออกมา ทุกคนมองดูขณะที่เกลียวหมอกน้ำเงินถูกอะไรบางอย่างดึงดูด และกลายเป็นควันธนูเบาบางที่เข้าไปสู่ปลายนิ้วของถังเทียน

ถังเทียนยังคงอยู่ในท่าปางมือหัตถ์เด็ดบุปผาสีหน้าของเขาอ่อนโยน หน้าของเขามีรอยยิ้ม

ในใจของเขามีภาพเทพอสูรปรากฏอยู่ด้านหลังของเขาอยู่ในท่าปางมือเดียวกัน หมอกน้ำเงินเข้าไปในร่างของเขาและลอยเข้าไปในปลายนิ้วท่ามุทราหัตถ์เด็ดบุปผาของภาพเทพอสูร เพลิงน้ำเงินลุกโชนมากขึ้นและขนาดเพลิงน้ำเงินที่เล็กค่อยๆมีขนาดเท่าแสงเทียนลอยเงียบๆ อยู่บนนิ้วของภาพ หมอกเสียงในอีกมือหนึ่งขยายขนาดอย่างรวดเร็วมีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าและสายเสียงดนตรีเริ่มดังมากขึ้น

เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงที่ถังเทียนนั่งอยู่กับที่ไม่ขยับเหมือนกับตุ๊กตา

หมอกน้ำเงินที่ลอยม้วนค่อยลดขนาดลงเรื่อยๆ  และร่างของสตรีที่อยู่บนเตียงชัดเจนขึ้นหน้ากากเงินสวมปิดหน้านาง

เมื่อหมอกน้ำเงินสายสุดท้ายเข้าไปในปลายนิ้วของถังเทียนเขาลืมตาขึ้น มีแววพอใจฉายผ่านวูบหนึ่ง เปลวไฟน้ำเงินบนฝ่ามือเทพอสูรเกือบมีขนาดเท่ากำปั้น ขณะที่หมอกเสียงในมืออีกข้างหนึ่งคลุมรอบนิ้วหนานิ้วหนึ่ง

แม้ถังเทียนจะโง่แต่เขาก็รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อรูปเทพอสูร

หลังจากสลายมุทราหัตถ์เด็ดบุปผาแล้วเขามีความรู้สึกแปลกในใจ และสายตาของเขามองดูสตรีบนเตียง  ‘หน้ากาก?’ เมื่อคิดว่าตัวเขาเองก็มีหน้ากากผี ถังเทียนดีใจ  ‘ตอนนี้ดูเหมือนทุกคนชอบใส่หน้าเหมือนกัน’

แต่เพราะนางเป็นเชลย  ถังเทียนจึงไม่ต้องสุภาพแม้แต่น้อย  โดยไม่พูดอะไรเขาถอดหน้ากากของนางออกเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงาม

ถังเทียนตกใจแต่วินาทีต่อมาก็โพล่งคำออกมา  “กู้เสวี่ย!”

สวี่เย่และคนที่เหลือตกตะลึง  แต่ครู่ต่อมาทุกคนได้แต่มองหน้ากันเองอย่างช่วยไม่ได้ มีแววหวาดหวั่นในดวงตาพวกเขา ‘นายท่านรู้จัก… นายท่านรู้จักสุภาพสตรีคนนี้จริงๆ!’

สวี่เย่ปาดเหงื่อที่หน้าผากโดยไม่รู้ตัว และยังมีเหงื่อหยดออกมาโดยไม่รู้ตัว  ใจของเขาเต้นแรง  ‘ข้ายังโชคดีที่ไม่ขัดขวางพวกเขา  ถ้าข้าฆ่านางลงไป...’

เมื่อคิดถึงผลที่ตามมา ใจเขาสั่นสะท้าน

สุภาพสตรีสาวบนเตียงได้ยินเลือนรางว่ามีบางคนตะโกนเรียกนาง  นางค่อยๆ ลืมตาและสิ่งที่ปรากฏในสายตานางคือใบหน้าที่นางคิดถึงอยู่ทุกวันทุกคืน

‘ข้ากำลังฝันอีกแล้ว’

นางหัวเราะคิกคัก จากนั้นหลับต่อ

“เฮ่ยเฮ่ย เฮ่ย, กู้เสวี่ย ตื่นเดี๋ยวนี้เลย!”

จากนั้นนางรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนฉุดให้นางลุกขึ้นและเขย่าตัวนางรุนแรง

‘ฝันนี้เป็นจริงเป็นจังเกินไปแล้ว’

กู้เสวี่ยยิ้มต่อและยังคงดื่มด่ำกับการหลับใหลของนาง นางต้องการหลับต่อ

ถังเทียนเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของกู้เสวี่ยและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ  ‘หรือว่ากู้เสวี่ยได้รับบาดเจ็บตรงที่ใด? หรือว่าข้าไม่ได้กำจัดประทับกฎอย่างเหมาะสมหรือเปล่า’  ในท่ามกลางความกระวนกระวายตาของถังเทียนกลายเป็นโกรธ เขาตวาดลั่น  “กู้เสวี่ย!”

เขาระเบิดความโกรธอีกครั้งทำให้ภายในห้องมีกระแสปั่นป่วนไม่มีสุดสิ้น

สวี่เย่และพวกที่เหลือรู้สึกหูอื้อสมองลั่นอึงอล

กู้เสวี่ยตื่นขึ้นเพราะเสียงตวาดด้วยความโกรธทันที  นางลืมตาอย่างงุนงง  แต่ใบหน้าที่อยู่ต่อหน้านางไม่ได้หายไป  แต่ยังดูห่วงใยกังวลถึงนาง นางตะลึงและหลังจากนั้นชั่วครู่นางพึมพำไม่แน่ใจ “ถังเทียนหรือ?”

ถังเทียนดีใจทันทีและหัวเราะลั่น  “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า, กู้เสวี่ย, ข้าเองไงเล่า!  ตัวจริงเสียงจริง ในที่สุดเจ้าก็จำข้าได้! เยี่ยมมาก!”

‘ข้าจะจำเจ้าไม่ได้ยังไง... ต่อให้เจ้าเหลือแต่เถ้าถ่านข้าก็ยังจำเจ้าได้...’

หน้าของกู้เสวี่ยมียิ้มเปี่ยมเสน่ห์แจ่มใสทันที  และดวงตานางเป็นประกายระยิบระยับเหมือนวังวนสายรุ้งทันใดนั้นห้องเต็มไปด้วยสายรุ้งและกู้เสวี่ยที่ยังอยู่บนเตียงลอยตัวขึ้นในกลางอากาศ

ทุกคนตะลึงกับภาพที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา  โรแลนด์ซูยื่นมือไปคว้าสายรุ้งโดยไม่รู้ตัวแต่ไม่มีอะไรติดมาขึ้นมา

“เราถอยกันเถอะ”

ถังเทียนยังคงยิ้มน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดีใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะสามารถพบกับกู้เสวี่ยได้  และนอกจากนี้ หลังจากช่วยนางแล้วเขาไม่คาดเลยว่านางจะก้าวหน้าสู่ระดับใหม่ในเวลาเช่นนี้

หน้าของสวี่อันจงถูกความตกใจครอบงำ  สำนึกกระบี่!

‘ภายในสายรุ้งนี้ มีสำนึกกระบี่อยู่จริงๆ!’

‘ไม่มีความเย็นยะเยือก แต่เป็นภาพลวงตาและอบอุ่นนี่คือสำนึกวิชากระบี่แบบไหนกัน?’

หลังจากออกจากห้องถังเทียนสังเกตเห็นสายรุ้งขนาดมหึมาปรากฏอยู่เหนือท้องฟ้าเมืองจื่อจวนสร้างความประหลาดใจให้คนนับไม่ถ้วน แดนบาปไม่มีดวงอาทิตย์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยเห็นสายรุ้ง และเพียงแต่ได้ยินจากบรรพบุรุษพวกเขาเกี่ยวกับความงดงามของสายรุ้ง

พลเมืองชาวเมืองจื่อจวนทุกคนเดินออกมาที่ถนนและแหงนหน้ามองเห็นสายรุ้งที่งดงามเกินจะบรรยาย

ถังเทียนมองดูสายรุ้งเหนือศีรษะเขา  สำนึกกระบี่ที่อบอุ่นและลวงตาทำให้เขานึกถึง

กระบี่ราชันย์ถวิลรัก!

กู้เสวี่ยมองดูเหมือนกับว่านางกำลังอาบแสงอาทิตย์  และถูกชำระโดยท้องฟ้าสีน้ำเงิน  สายรุ้งสายแล้วสายเล่าปรากฏในท้องฟ้า  หน้าของนางมีรอยยิ้มพอใจ

‘ราชันย์ถวิลหารัก,ความถวิลหาของข้าจะไม่มีทางถูกทำลาย’

‘สายรุ้งคือความถวิลหาของข้า’

ภายในหมอกน้ำเงินจองจำที่ทำให้สภาพใจนางสับสน  นางอยู่ในสภาพกึ่งฝันกึ่งลวงตา  แต่นางไม่เคยยอมแพ้ นางประสบกับการทำลายล้างตระกูลของนางมาแล้ว  และต้องกอบกู้ตระกูลของนางกลับมา  ดังนั้นนางจึงไม่ใช่คนมีอัธยาศัยอ่อนแอ

นางรู้ว่านางยังตามหลังถังเทียนห่างไกล  นางรู้ว่านางคงสามารถช่วยเขาได้เล็กน้อย เขาเป็นเหมือนวีรบุรุษที่สามารถปราบไปทั่วสวรรค์วิถี  และนางเป็นเพียงส่วนหนึ่งของตระกูลเล็กในดวงดาวเล็ก

‘แต่เหมือนกับสิ่งที่ถังเทียนพูด  แล้วไงเล่า?’

‘ถ้าข้าเป็นคนอ่อนแอ อย่างนั้นข้าก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งพอจะช่วยเขาได้ ก็เหมือนกับที่เขาช่วยข้า’  นางจัดการทุกอย่างในตระกูลของนางจนกระทั่งพวกเขามั่นคงและปลอดภัย  ก่อนที่จะออกเดินทางโดยไม่ลังเล

นางเดินทางมาแดนบาปโดยไม่ได้ตั้งใจ  และถูกฉินเจิ้นใช้หมอกน้ำเงินควบคุม  แต่สภาพใจนางที่ถูกคุมขังไม่มีทางยอมแพ้  เพื่อตัวนางเอง เพื่อคนที่นางตามหาเพื่อสายรุ้งและเพื่อหลายสิ่งหลายอย่าง

‘ถ้าเป็นเขา  เขาจะไม่ยอมแพ้แน่นอน’

นั่นคือวิธีที่นางให้กำลังใจตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน

การต่อต้านในจิตใจนางยากลำบากมาก  เพราะในใจของคนผู้หนึ่ง  ไม่มีอะไรสามารถซ่อนอยู่ได้ไม่มีอะไรสามารถปิดบังได้ ไม่มีอะไรหลีกเลี่ยงได้ เหมือนกับศัสตราวุธที่เรียกเลือดได้ง่ายๆ นางกระทบกระเทือนบอบช้ำ แต่นางไม่ยอมแพ้ และไม่เคยอ่อนข้อให้

‘ข้าคือสตรีสายรุ้ง  ข้าจะยอมจำนนต่อพวกเขาได้ยังไง?  ข้าจะยอมแพ้ได้ยังไง?’

ภาพลวงตาจากหมอกน้ำเงินและความสับสนจากเสียงเพลงทำให้กู้เสวี่ยรู้สึกเจ็บปวดมาก แต่ขณะเดียวกันก็ยังเป็นประโยชน์ต่อนาง

พลังกระบี่ราชันย์ถวิลรักเป็นวิทยายุทธเฉพาะแบบ  แฝงไปด้วยความคิด อารมณ์ ความมั่นใจความเชื่อถือและสภาพใจของนางมีความชัดเจนขึ้นทำให้การรู้แจ้งและความเข้าใจกระบี่ราชันย์ถวิลรักของนางลึกซึ้งยากหยั่งถึง

นางเหนือกว่านักฆ่าปีศาจหวังหย่ง(เจ้าของวิชา) มานานโดยไม่รู้ตัว

จนกระทั่งในที่สุด เมื่อนางลืมตาและเห็นถังเทียนทุกสิ่งทุกอย่างที่สั่งสมมาจากความรู้แจ้งประกอบกับบาดแผลทั้งหมดในใจนางและสายรุ้งทั้งหมดที่ไม่เคยจางหายไป ในที่สุดก็พบจุดบรรจบที่สมบูรณ์แบบหล่อหลอมรวมกันทำให้นางเข้าสู่ระดับฝีมือใหม่

‘สายรุ้งคือความถวิลหาของข้า’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด