ตอนที่แล้วตอนที่ 739 อสูรบดกระดูก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 741 การต่อสู้ไม่เกี่ยวกับธรรมะหรืออธรรมทั้งนั้น

ตอนที่ 740 สาวยักษ์ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์


อสูรดึกดำบรรพ์

สมัยที่จักรพรรดิชื่อตี้ยังเยาว์วัยเคยได้ยินจากปากอาจารย์คนหนึ่ง

เนื่องจากยุคและประวัติศาสตร์ที่ผิดพลาด ความปั่นป่วนวุ่นวายที่เกิดจากสงครามทำให้อสูรโบราณหลากหลายสายพันธุ์ได้หายสาบสูญไปตลอดกาล  บ้างก็หนีจากไป ทิ้งไว้แต่สภาพแวดล้อมและเหตุผลต่างๆ นานา เช่นอสูรยักษ์ใหญ่อย่างวาฬภูเขา เต่าเกาะเป็นต้น   รุ่นลูกหลานของอสูรดึกดำบรรพ์ต่างๆ  พวกมันแตกต่างจากอสูรยุคใหม่และพลังของอสูรยุคใหม่ไม่อาจเทียบกับมันได้เลย

กล่าวกันว่าในยุคโบราณกาล มีอสูรหลากหลายมากมาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอสูรนักสู้โบราณชั้นพิเศษยังมีการใช้ประโยชน์ที่นึกไม่ถึงอีกมาก   ไม่เหมือนกับนักรบยุคใหม่ที่ใช้อสูรสามสายหลักคือ อสูรสายธาตุ อสูรเสริมพลัง และอสูรสัตว์ร้าย  ส่วนอสูรชั้นพิเศษจะใช้ในการช่วยเหลือ

ในบรรดาอสูรโบราณยังมีอสูรชนิดหนึ่งเรียกว่า “อสูรศักดิ์สิทธิ์ชั้นสอง”

อสูรศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง สติปัญญา การแปลงร่างเป็นมนุษย์ ฯลฯ จะต่างจากอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เคยพบเจอ เพราะชะตาของมันไม่เหมาะจะยกระดับเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้  แต่ประสิทธิภาพในการสู้รบไม่ด้อยไปกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์  ในบางกรณีก็ถือว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ยงคงกระพัน ดังนั้นคนจึงเรียกมันว่า อสูรศักดิ์สิทธิ์ชั้นสอง ลักษณะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอสูรศักดิ์สิทธิ์ชั้นสองคือมีขนาดที่พิเศษ มีความสามารถไม่เหมือนใคร เหมาะในการสู้บางด้าน  แต่พวกมันไม่อาจสู้ได้ครอบคลุมเหมือนกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อสู้ในขอบเขตของพวกมันเอง นับว่าไม่เป็นรองอสูรศักดิ์สิทธิ์

จักรพรรดิชื่อตี้มองดูอสูรบดกระดูกที่อยู่ต่อหน้าเขา  ปฏิกิริยาแรกในใจเขา

มันคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ชั้นสอง

จ้าวปีศาจโบราณคว้าอสูรบดกระดูกและกดใส่เย่ว์หยาง ความรู้สึกเหมือนยกโม่หินและกดลงบนร่าง

อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับการเสริมพลังด้วยเงาปีศาจยักษ์ เย่ว์หยางที่สามารถสั่นสะเทือนภูผาได้ แต่กลับไม่สามารถสั่นคลอนเส้นผมของอสูรรบบดกระดูกได้  หากไม่ได้สนามพลังสร้างโลกช่วย อย่างนั้นเป็นไปได้ว่าเขาคงโดนอสูรโม่หินบดจนร่างกายแหลกเหลวไปแล้ว

หินยักษ์ก้อนหนึ่งปรากฏอยู่ข้างๆ เย่ว์หยาง

และหินแต่ละก้อนหนักหลายหมื่นตัน

ในสนามพลังสร้างโลกร่างมายานับสิบของเย่ว์หยางขว้างก้อนหินยักษ์บนพื้นใส่เจ้าอสูรบดหินตั้งใจจะฆ่าอสูรบดกระดูก  และเย่ว์หยางฉวยโอกาสช่วงที่ศิลาอัดกระแทกใส่อสูรบดกระดูกหลบหลีกอันตราย  เขาต้องการจะออกห่างอสูรบดกระดูก  แต่พบว่าไม่สามารถเทเลพอร์ตออกไปได้ เหมือนกับว่ามีเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์กันไว้ทำให้ออกไปไม่ได้

อสูรบดกระดูกได้แต่ฟาดกระแทกหินยักษ์ให้ป่นเป็นผุยผง... น่าเสียดายที่อสูรศักดิ์สิทธิ์ชั้นสองนี้ไร้ประโยชน์สำหรับเย่ว์หยางผู้เจ้าเล่ห์

เศษหินศิลาตกลงพื้นใส่ร่างลวงตาของเย่ว์หยาง  ส่วนร่างจริงของเขาสามารถหลบหลีกอันตรายไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัยได้ ในตัวอสูรบดหินมักจะมีแนวพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งไม่ใช่จุดบกพร่อง เพียงแต่เย่ว์หยางสามารถหาจุดบกพร่องได้ในเสี้ยววินาทีอาศัยจังหวะเวลาที่เหมาะสมหนีไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัยได้

ไม่ว่าการหมุนของปีศาจเครื่องบดหินจะหมุนเร็วแค่ไหน แต่ก็ยังช้าเกินไปไม่สามารถฆ่าเย่ว์หยางได้

จ้าวปีศาจโบราณพ่นเลือดใส่หินเม็กม่าที่ปากทาง ทำให้มันรับรู้ว่าเย่ว์หยางเป็นศัตรูที่ต้องกำจัด

จักรพรรดิชื่อตี้หลั่งเหงื่อกาฬ

ถ้ามีคนอยู่ภายในแทนเขา  เขามีวิธีเดียวที่จะรอดนั่นคือร่างที่แข็งพอๆ กับสมบัติเทพ  นอกจากนี้แล้วไม่มีวิธีใดดีกว่า

จ้าวปีศาจโบราณทุ่มหินใส่แม็กม่า จนกลายเป็นลาวาเหลว  เย่ว์หยางตกใจแต่ไม่ถึงกับเป็นอันตราย  ทั้งสองนี้ไม่ธรรมดา ก้อนหินขนาดเท่าเนินเขาที่ถูกโยนเข้าไปในอสูรบดกระดูกถูกบดกลายเป็นผุยผง  อสูรบดกระดูกถ้าไม่ใช่พบกับคู่ต่อสู้อย่างเย่ว์หยาง มันยังไม่สามารถทำอะไรได้  จักรพรรดิชื่อตี้ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าเด็กเย่ว์หยางยังรอดเงื้อมมือของเครื่องโม่หินยักษ์นี้อยู่ได้  เขารู้แต่เพียงว่าไม่ว่าจะเป็นจ้าวปีศาจโบราณ ไม่ว่าจะเป็นเย่ว์หยางต่างก็ทุ่มเทฝีมือและกลยุทธ์เข้าต่อสู้กัน

“กรงเล็บกระดูกมรณะ” จ้าวปีศาจโบราณพบว่าอสูรบดกระดูกไม่สามารถเล่นงานให้เย่ว์หยางตายได้ ดังนั้นเขาเรียกอสูรโบราณอีกตัวหนึ่งออกมา

นี่คือปีศาจรูปกรงเล็บกระดูกขนาดมหึมาคู่หนึ่ง

ที่ด้านบนมีพลังงานคล้ายกับอสูรเทพ

เมื่อเทียบกับอสูรบดกระดูกแล้ว มันยังมีพลังมากกว่าหลายเท่า  มันนับว่าเป็นภัยคุกคามและสามารถจับเย่ว์หยางออกมาจากอสูรบดกระดูกได้ทันที  อสูรที่มีรูปเป็นกระดูกมือนี้ตรึงร่างของเย่ว์หยางไว้กับพื้นเหมือนไม้กางเขน

เย่ว์หยางดิ้นรน และใช้ดาบจันทร์เสี้ยวฟัน  แต่กรงเล็บกระดูกไม่ได้รับความเสียหาย

จุดที่ดาบฟันใส่เกิดประกายไฟรุนแรง

จื้อจุนสีหน้าเปลี่ยน หรือว่าแม้แต่เย่ว์หยางก็ยังสู้กรงเล็บกระดูกไม่ได้?  ที่น่าทึ่งที่สุดก็คือโครงกระดูกทั้งคู่นี้เป็นเพียงอสูรทองระดับสิบ ซึ่งเทียบเท่ากับพลังอสูรปราณฟ้าระดับสาม มันเปลี่ยนกับอสูรอื่นแต่เย่ว์หยางไม่สามารถสร้างความเสียหายได้  และที่ย่ำแย่ก็คืออสูรกระดูกคู่นี้สามารถจับเย่ว์หยางที่มีจุดเด่นในเรื่องการเคลื่อนไหวสู้รบ

“สุสานหมื่นคชสาร”

จ้าวปีศาจโบราณถือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และชี้มาทางเย่ว์หยาง

สิ่งนี้ไม่ได้หมายถึงพลังดรรชนีของจ้าวปีศาจ  แต่เป็นการอัญเชิญอสูรศึก  เหมือนกับว่ามีหัวช้างแมมม็อธหมื่นหัวพุ่งเข้ามาหาเย่ว์หยาง และพลังของพวกมันแต่ละตัวไม่ต่างกันเลย

ไม่ต้องพูดถึงเย่ว์หยางที่ถูกอสูรกระดูกกรงเล็บตรึงไว้เท่านั้น  แม้แต่ทุกคนที่ดูอยู่ในพื้นที่นั้นก็ยังรู้สึกกดดันราวกับมีช้างแมมมอธหมื่นตัววิ่งอยู่บนศีรษะ

โลกสั่นสะเทือนวุ่นวาย

เย่ว์หยางที่ไม่เคยปล่อยให้ศัตรูเล่นงานตนเองได้ถึงกับมึนงง สูญเสียปฏิกิริยาตอบโต้ไปชั่วเวลาหนึ่ง  เขารู้สึกเบาในหัวเหมือนกำลังจะหมดสติ

จักรพรรดิชื่อตี้คิดว่าจ้าวปีศาจโบราณจะฉวยโอกาสจับเย่ว์หยางโยนเข้าไปในอสูรบดกระดูก  อย่างไรก็ตามจ้าวปีศาจโบราณไม่ทำเช่นนั้น

เขาใช้คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และอัญเชิญอสูรศึกตัวที่ห้าหลังจากใช้พญาแร้งมังกร, อสูรบดกระดูก, กรงกระดูกมรณะและสุสานหมื่นคชสาร นาวามรณะ!  มีเรือลำหนึ่งหนึ่งปรากฏอยู่ในท้องฟ้า คนแจวเรือเป็นมนุษย์เผ่ากระดูกมีพลังปราณฟ้าระดับหนึ่ง นั่นยังไม่น่าทึ่งเท่าใดนัก ที่ไม่ธรรมดาก็คืออสูรนาวามรณะนี้คือตัวลำเรือมีพลังปราณฟ้าระดับห้า มันคืออสูรที่ทรงพลังที่สุดที่จ้าวปีศาจโบราณมีอยู่

กรงเล็บกระดูกมรณะเหวี่ยงเย่ว์หยางที่ดูเหมือนจะมึนงงเข้าไปในนาวามรณะ

มนุษย์เผ่ากระดูกนั้นใช้ถ่อกระดูกค้ำทันที

ในท้องฟ้าปรากฏหลุมดำขึ้นจุดหนึ่ง

นาวามรณะนำร่างเย่ว์หยางเลื่อนเข้าไปในหลุมดำนั้นโดยตรงเพื่อนำไปสู่ความตายนิรันดร์  ขณะที่นาวามรณะกำลังจะจมลงนั้นเอง  จู่ๆ ดวงตาของเย่ว์หยางทอประกายดุร้าย  เพลิงอมฤตนับไม่ถ้วนลุกพรึ่บทั้งร่างกลายเป็นนกหงส์เพลิง  หงส์เพลิงที่เกิดจากเพลิงอมฤตบินขึ้นสู่ท้องฟ้า  ขณะเดียวกันเย่ว์หยางก็หลุดออกมาจากนาวามรณะ

มนุษย์เผ่ากระดูกใช้ถ่อที่ทำจากกระดูกเพื่อใช้ยึดจับ  แต่หงส์เพลิงนั้นมีความเร็วมากกว่า  แม้แต่กรงเล็บกระดูกมรณะก็ถูกดึงติดมาด้วย

นาวามรณะที่ทรงพลังมากที่สุดเลื่อนเข้าไปในหลุมดำและไม่ส่งผลต่อเย่ว์หยางอีกต่อไป

“ไปลงนรกซะ!”

จ้าวปีศาจโบราณลงมือจนแม้แต่ผู้ชมดูรู้สึกอายแทน เขารีบยกแขนจ้าวปีศาจและฉีกเปิดหลุมดำที่กำลังจะปิดตัว  หลุมดำที่มีคุณสมบัติดูดกลืนสรรพสิ่งดูดกลืนพลังที่แขนของจ้าวปีศาจอย่างบ้าคลั่ง  แต่เขาเหมือนกับตาบอดไปแล้ว

เขายกเท้าขนาดใหญ่ถีบยันเย่ว์หยางที่มีร่างคลุมไปด้วยหงส์เพลิงให้กลับเข้าไปในหลุมดำ

แต่การเหยียบยันอย่างไร้ยางอายเช่นนี้กลับทำให้เย่ว์หยางฉวยโอกาสได้

เย่ว์หยางหลุดจากอสูรกรงเล็บมรณะ และจับยืดนิ้วเท้าของจ้าวปีศาจโบราณไว้

เด็กสาวยักษ์กระโดดออกมาจากคัมภีร์เพื่อช่วยเงาปีศาจยักษ์และคว้าจับเขาบนศีรษะของจ้าวปีศาจโบราณไว้แน่น ใช้หมัดอีกหนึ่งระดมทุบใส่จ้าวปีศาจโบราณไม่ยั้ง นางใช้เข่ายันหลังจ้าวปีศาจโบราณเพราะโกรธเจ้าศัตรูผู้นี้ซึ่งต้องการจะฆ่าพี่ชายนางด้วยการฉีกมิติหลุมดำ

สถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้นกะทันหัน

ตอนนี้ทุกคนตกตะลึงกันหมด

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

จ้าวปีศาจโบราณวางแผนสังหารเย่ว์หยางแต่ไม่สำเร็จ นาวามรณะและการสร้างมิติหลุมดำจะกลายเป็นที่ฝังศพของเขาอย่างนั้นหรือ?

“ข้าจะทุบๆๆๆ!”  เด็กสาวยักษ์พบว่าจ้าวปีศาจโบราณพยายามแข็งขืนยันตัวไว้อยู่ที่ปากขอบหลุมดำ  ไม่ว่ายังไงเขาไม่ยอมตกเข้าไปในหลุมดำแน่ ขณะที่เพลิงคลุมตัวเขาสั่นไหวเพราะถูกหมัดเด็กสาวยักษ์ระดมทุบใส่ไม่ยั้ง  และเพราะนางถือกำเนิดจากเผ่าพญาไตตันมีพลังเรี่ยวแรงเหนือธรรมดา  จ้าวปีศาจโบราณแม้จะพยายามรับมือนางอย่างดีที่สุด   แต่น่าเสียดายที่เขายังไม่สามารถหลบหนีได้

“กรรรร!”  จ้าวปีศาจโบราณถูกทุบถูกต่อยหลายสิบหมัด ในขณะไม่สามารถใช้แขนตอบโต้ได้  แผนการใช้นาวามรณะและหลุมดำใช้ไปได้เพียงครึ่งก็หายไปในที่สุด

“น้องพี่!”  เย่ว์หยางใช้เพลิงอมฤตเผาอสูรกรงเล็บมรณะและกลับมาสมทบผนึกพลังสู้

ฝ่ายจ้าวปีศาจโบราณกลิ้งร่างขนาดใหญ่หลบไปด้านข้างเพื่อหลบหลีกพลังโจมตีของวงจักรล้างโลกของเย่ว์หยาง เด็กสาวยักษ์ย่ำใส่หลังของเขาอีกสามครั้งสร้างความเจ็บปวดให้เขาจนแทบไม่อยากมีชีวิต จนต้องยอมรับชะตากรรมโดยปริยาย ทำให้เด็กสาวยักษ์มีความสุข ที่จะช่วยให้เย่ว์หยางใช้วงจักรล้างโลกตัดศีรษะจ้าวปีศาจโบราณได้ง่ายขึ้น  แต่จ้าวปีศาจโบราณดำดินหนีไปก่อน ปล่อยให้อสูรกรงเล็บมรณะจับเด็กสาวยักษ์ไว้  ขณะที่เขาเตรียมเรียกอสูรศึกตัวใหม่ออกมา

เพียงแต่เมื่อครู่นี้อสูรกรงเล็บกระดูกมรณะสามารถจับเย่ว์หยางได้ง่าย  แต่สำหรับเด็กสาวยักษ์ ความสามารถมันยังไม่พอ

ขีดจำกัดของมันทำได้เพียงคว้าขาของเด็กสาวยักษ์ไว้ได้ข้างเดียวเท่านั้น

พลังของไตตันโบราณนั้นเหนือกว่านั้นมาก

อสูรกรงเล็บกระดูกมรณะใหญ่พอจะพันธนาการมนุษย์  แต่สำหรับไตตันโบราณ มันแค่ใหญ่กว่ากับดักหนูเล็กน้อย

เด็กสาวยักษ์คิดว่านางเมื่อยขา จึงยื่นมือคว้าด้วยความรำคาญ และใช้มือทั้งสองฉีกอสูรรูปกรงเล็บออกทีละนิ้วๆ และใช้เข่ากระแทก ใช้แขนฟาดจนแหลก

อสูรกรงเล็บกระดูกมรณะ..อสูรศักดิ์สิทธิ์ชั้นสองถูกกระแทกทำลายเสียงดังสะเทือนไปทั้งภูเขาและแม่น้ำ

เมื่อเห็นฉากภาพเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จักรพรรดิชื่อตี้เท่านั้น  แม้แต่ราชาเผ่าเก้าแสงก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาบ้าง

ไตตันโบราณ?

นี่เป็นตระกูลพญาไตตันหรือเปล่านี่

โชคดีที่สาวน้อยนี้ยังไม่เติบโตเต็มที่ ถ้านางเป็นไตตันเต็มวัย นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่นอน

ยักษ์ภูเขาแดนสวรรค์สูงถึง 500 เมตร อสูรปราณฟ้าระดับห้าถูกจ้าวปีศาจโบราณอัญเชิญออกมา ลักษณะของมันเหมือนกับภูเขาก้อนเนื้อที่ไร้ต้นไม้  ยักษ์ปีศาจนี้พุ่งเข้าหาเด็กสาวยักษ์ แต่ละย่างก้าวของมันทำให้เกิดแผ่นดินไหว

“ตายซะเถอะเจ้ายักษ์อ้วน!”  เด็กสาวยักษ์ในวันนี้ ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนอีกต่อไป  นางได้รับการชี้แนะจากเย่ว์หยาง ทำให้พลังความแข็งแกร่งของนางก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด  นอกจากนี้เด็กสาวยักษ์ยังได้รับการส่งเสริมแบบไม่ธรรมดา  ยักษ์ภูเขาแดนสวรรค์จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควรของนาง   นางใช้ไหล่กระแทกและใช้แขนทรงพลังยกยักษ์ภูเขาขึ้นทุ่มเหวี่ยงลงพื้น

“ครืน  ครืน.. ครืน..”

ยักษ์ภูเขาถูกทุ่มเหวี่ยงไปไกลถึงสามกิโลเมตรและกระแทกกับยอดเขา

ยอดเขาพังทลายใส่มันโดยตรง

พังถล่มทลาย

ภูเขาและแม่น้ำแตกแยกเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่  พวกที่สังเกตการณ์ชมดูถึงกับเหงื่อกาฬหลั่งไหล  เด็กสาวยักษ์พลังมหาศาลจริงๆ!  บางทีนางอาจเป็นเด็กสาวยักษ์ที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์กระมัง?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด