ตอนที่แล้วตอนที่ 737 ตัวต่อตัว สู้จนเฮือกสุดท้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 739 อสูรบดกระดูก

ตอนที่ 738 เด็กอ่อนหัด! ข้าไม่เล่นกับเจ้า


หุบเขาแม่น้ำขาว แท่นบูชายัญ

การต่อสู้ระหว่างศัตรูที่ทรงพลังทั้งสองฝ่าย คือเย่ว์หยางและจ้าวปีศาจโบราณ เริ่มตึงเครียดระดับร้อนแรง นี่เป็นการสู้เดิมพันชีวิต

“เจ้าเรียกว่าสนามพลังหรือนั่น?  ธรรมดาเหลือเกิน!”  จ้าวปีศาจโบราณปลดปล่อยสนามพลังตนเอง เมื่อเย่ว์หยางถูกสนามพลังของเขาครอบงำ  เขาเริ่มเร่งเร้าพลังปราณของเขาทันที   ขณะที่พลังปราณเพิ่มขึ้นทุกระดับ พลังของเขายิ่งเพิ่มขยายมากขึ้น  เมื่อพลังเพิ่มขึ้นจนถึงปราณฟ้าระดับหนึ่ง เกิดแรงระเบิดกวาดไปทั่วพื้นขณะที่เสียงลมดังหวีดหวิว  ในขณะนั้นแผ่นฟ้าและพื้นดินตกอยู่ในความมืด ก้อนหินนับไม่ถ้วนปะทะชนกันเองอยู่ในพายุจากแรงระเบิดพลังปราณ  เมื่อพลังเพิ่มจนถึงปราณฟ้าระดับสองพลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า ทำให้พื้นฟ้าเสมือนมีกรงเล็บปีศาจที่มองไม่เห็นครอบคลุม  หลังจากเพิ่มพลังครั้งที่สามจนถึงพลังปราณฟ้าระดับสาม ฟ้าก็แตกแยกเปิดออก พื้นดินสั่นสะเทือน พื้นหินพื้นดินแตกแยก มีแต่แท่นบูชายัญที่ยังคงรักษาสภาพไว้ได้ ทั่วทั้งหุบเขาแม่น้ำขาว หินขนาดยักษ์หนักเป็นตันๆ ลอยขึ้นไปในท้องฟ้ารวดเร็วเหมือนดาวตกกระเด็นออกไปสองสามกิโลเมตร

จ้าวปีศาจโบราณเพิ่มระดับพลังเป็นปราณฟ้าระดับสี่ และกลุ่มของเขา เย่เซียวและจื่อกวง เป่ยและบริวารของเขาทั้หมดไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้ ทั้งหมดต้องถอยร่นออกไปสิบกิโลเมตรเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะ

แม่ของอาหงซึ่งอ่อนแอที่สุดในพื้นที่นั้นอาศัยปัญญานางซ่อนตัวอยู่ที่ทางเดินใต้แท่นบูชายัญ  นับเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่น่าประหลาดใจก็คือไม่ว่าด้านนอกฟ้าจะถล่มดินจะทลายยังไงก็ตาม แต่ทางเข้าหรือแม้แต่ศพของเย่ว์ชิวซึ่งค้ำยันประตูหินไว้ ไม่ได้รับผลจากแรงระเบิด พลังของผนึกที่ไร้เทียมทานปกป้องแท่นบูชายัญจากพลังทำลายภายนอก

ในทางตรงกันข้าม พลังที่สามารถสร้างรอยแตกร้าวให้กับแท่นบูชายัญได้และทำลายศีรษะและแขนของรูปสลักหินเทพพิทักษ์ยิ่งไม่อาจคาดคิดได้  ในที่สุดแล้วต้องมีพลังมากระดับไหนจึงจะสร้างความเสียหายให้กับแท่นบูชายัญนี้ได้?

จ้าวปีศาจโบราณเพิ่มพลังขึ้นได้อย่างน่าทึ่ง แต่ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับที่นี่ได้  สรุปว่าความเสียหายที่เกิดกับแท่นบูชายัญนั้นยิ่งใหญ่กว่าและเชื่อได้ว่าแทบทัดเทียมเทพเจ้าแล้ว!

“ระเบิดพลังครั้งที่ห้า!” เจ้าปีศาจโบราณเพิ่มระดับพลังจนถึงปราณฟ้าระดับห้าแล้ว  แต่นี่ยังไม่จบ  “ระเบิดพลังครั้งที่หก...”  หลังจากผ่านไปสิบวินาทีจ้าวปีศาจโบราณก็ยกระดับพลังจนถึงปราณฟ้าระดับหก  ไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่รายรอบในบริเวณนั้น  แม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังที่ไร้ผู้ต่อต้านนี้

พลังปราณฟ้าระดับหก ไม่ใช่ขีดจำกัดสุดท้ายของพลังจ้าวปีศาจโบราณ  น่าเสียดายที่ร่างหลักของเขาถูกผนึกไว้ และร่างที่ถูกจับไปถูกจักรพรรดิอวี้และนักรบอื่นทำลาย  ร่างที่ได้มาล่าสุดใช้เวลาฟื้นฟูสั้นเกินไป และยังห่างไกลจากการฟื้นฟู สำหรับระดับสูงสุดที่ทำได้ก็คือปราณฟ้าระดับหกเป็นระดับที่เขาสามารถทนอยู่ได้ในตอนนี้  แต่เขามั่นใจว่าเพียงพอจัดการกับเย่ว์หยางที่เป็นแค่เพียงระดับเตรียมปราณฟ้าเท่านั้น  ไม่ว่าเย่ว์หยางจะมีทักษะต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาเพียงไหน  แต่ปราณฟ้าระดับหกเป็นขีดจำกัดที่เขาไม่อาจก้าวล่วงได้

จ้าวปีศาจโบราณไม่เพียงแต่มีพลังปราณฟ้าระดับหกเท่านั้น แต่ยังมีอาวุธสมบัติ, อสูรศึกและบริวารที่แข็งแกร่งยอดเยี่ยม ไม่นานหลังจากแผนการที่ดำเนินมาอย่างยาวนานต้องล้มเหลวเขาตัดสินใจกำจัดศัตรูที่มีศักยภาพนี้  ขณะที่เขายังไม่สามารถได้รับร่างเทพภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ

แต่เดิมทีเขาไม่ต้องการเปิดเผยพลังต่อหน้าจักรพรรดิชื่อตี้และราชาเผ่าเก้าแสงและคนอื่นๆ มากเกินไป  อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาคิดในตอนนี้  ตราบใดที่เขาสามารถฆ่าเย่ว์หยางได้  เขาไม่สนใจทุกสิ่ง

“เจ้ารู้สึกว่าเจ้าโชคดีหรือ?  เจ้าคิดว่าจะหลบหนีพ้นเงื้อมมือข้าหรือ?  ข้าบอกเจ้าได้เลยว่าเจ้าคิดผิด  ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางช่วยเจ้าได้”  จ้าวปีศาจโบราณกวาดตามองและยังคงอยู่แท่นบูชาด้วยความลำพอง  จื้อจุนผู้ดูเย็นชาเหมือนน้ำแข็งกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น   จ้าวปีศาจโบราณลำพองใจอัญเชิญคัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีแสงรัศมีถึงหมื่นฟุตและใช้มือแตะคัมภีร์อย่างแผ่วเบาบนรูปที่ดูเหมือนกับปากปีศาจและอ่าน “แยกร่าง”

คัมภีร์อัญเชิญของจ้าวปีศาจโบราณเปล่งแสงเจิดจ้าจนครอบคลุมตัวเขา พอแสงจางลงไปตอนนี้มีจ้าวปีศาจโบราณถึงสองตน

มีร่างจ้าวปีศาจสองร่าง!  แน่นอนว่าร่างทั้งสองไม่ว่าจะเป็นร่างแยกมายา หรือร่างจริง ระดับพลังลักษณะเสื้อผ้าเหมือนกันทั้งหมด  สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดก็คือไม่ว่าร่างจริงหรือร่างแยก ล้วนมีคัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์  ร่างใดจริง ร่างใดปลอมแม้แต่สุดยอดนักสู้อย่างจักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟยก็ยังยากจะแยกแยะ

“???”  เย่เซียวมองดูอาเป่ยสหายศึกที่ลึกลับที่สุด อาเป่ยไม่เคยเปิดเผยสถานะและพลังที่แท้จริงก็ยังส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา

“เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์สองเล่มได้”  จักรพรรดิชื่อตี้ตั้งข้อสังเกต เขารู้ว่าคัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถจำลองได้  ต้องเป็นมีเล่มหนึ่งที่เป็นของปลอม  ปัญหาก็คือพัฒนาการสนามพลังของจ้าวปีศาจโบราณ เป็นภาพลวงตาที่เหมือนจริงเกินไป แม้แต่เขาก็ยังดูไม่ออกว่าภาพใดจริง ภาพใดเท็จ จักรพรรดิชื่อตี้เห็นจ้าวปีศาจโบราณสร้างร่างลวงตาได้อย่างนั้น  ใจของเขารู้สึกชื่นชม และคิดว่าถ้าเป็นเขา ก็คงยากที่จะเอาชนะได้

“แยกร่าง”  ขณะจักรพรรดิชื่อตี้จ้องมองตกตะลึง  ร่างทั้งสองของจ้าวปีศาจโบราณแต่ละร่างทาบมือบนคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และแยกออกเป็นสี่ร่างทันที  สามร่างแยกกับอีกหนึ่งร่างจริง  ที่น่าแปลกก็คือไม่มีแม้แต่คนเดียวที่มองออกว่าร่างใดจริง ร่างใดปลอม

แต่ราชาเผ่าเก้าแสงไม่กังวลเรื่องการต่อสู้แม้แต่น้อย เขายังคงมองดูอย่างจริงจัง  เขาพบว่าเขาไม่สามารถรู้สึกถึงร่างจริงของจ้าวปีศาจโบราณได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ  แต่เขาไม่สามารถรู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ได้  นั่นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง  ราชาเผ่าเก้าแสงรู้ว่าจ้าวปีศาจโบราณไม่สามารถมีคัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงสี่คัมภีร์ และไม่มีทางที่ร่างเงาสี่ร่างจะกลายเป็นร่างจริงได้  ต้องมีร่างจริงเพียงหนึ่งเดียว และอีกสามร่างเป็นร่างลวง  แต่ปัญหาก็คือร่างแยกเงาทั้งสามเหมือนจริงเกินไป ในเมื่อไม่มีใครสามารถบอกได้ก็อาจเข้าใจผิดว่าร่างทั้งสี่นั้นก็คือจ้าวปีศาจโบราณ

จ้าวปีศาจโบราณยังไม่เสร็จสิ้นการแยกร่าง ร่างทั้งสี่แยกออกเป็นแปดร่างอีกครั้ง ผู้คนก็ยังไม่สามารถแยกแยะออก จักรพรรดิชื่อตี้ตกตะลึงอีกครั้ง แบบนี้จะวางแผนสู้ได้ยังไง?  ร่างจริงหนึ่งร่างกับร่างแยกทั้งเจ็ดร่างมีพลังพอกัน ทุกคนที่ต้องสู้กับจ้าวปีศาจโบราณคนเดียวก็เท่าว่าเย่ว์หยางต้องสู้กับศัตรูแปดคนมิใช่หรือ?

มิน่าเล่า จ้าวปีศาจโบราณถึงอยู่รอดมาได้ตลอดหลายหมื่นปีโดยไม่มีใครกำจัดเขาได้ เป็นเพราะเขามีทักษะเป็นเลิศอย่างแท้จริง จักรพรรดิชื่อตี้ลอบกลืนน้ำลายสะดุ้งกลัวอยู่ในใจเงียบๆ ต่อให้เขาฟื้นฟูพลังจนอยู่ในสภาพสูงสุดก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะจ้าวปีศาจโบราณในสภาพพลังปัจจุบัน  ถ้าปล่อยให้จ้าวปีศาจโบราณได้ร่างศักดิ์สิทธิ์เดิม หรือร่างเทพที่ทรงพลังภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ  ใครจะเอาชนะเขาได้?

เมื่อจักรพรรดิชื่อตี้มองดูเย่ว์หยางอีกครั้ง เขาตกอยู่ในความพิศวงงงงวยอีกครั้ง  เวลานี้เย่ว์หยางเพิ่มระดับพลังจนอยู่ในจุดสูงสุดอยู่แล้ว  ต่างจากจ้าวปีศาจโบราณตรงที่ เย่ว์หยางไม่ได้แยกร่างเป็นแปดร่าง หลังจากเพิ่มระดับพลัง  ตรงกันข้ามเขากับล่องหนหายไป

ด้วยการใช้พลังของเขา จักรพรรดิชื่อตี้รู้สึกได้ชัดถึงความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยาง   เขาตกใจเมื่อพบกับเรื่องที่เกินคาดไปมากมาย บางอย่างไม่สมเหตุสมผลสำหรับเขา  เย่ว์หยางที่ตอนแรกมีพลังระดับเตรียมปราณฟ้า  เวลานี้มีพลังปราณฟ้าระดับห้า  ไม่เพียงแต่จักรพรรดิชื่อตี้เท่านั้น  แม้แต่ราชาเผ่าเก้าแสงด้วย

“เป็นเด็กที่แปลก และน่ากลัวมาก”  ราชาเผ่าเก้าแสงรำพึง

ในแดนสวรรค์ตะวันตก จะมีนักสู้ปราณฟ้าสักกี่คนที่ราชาเผ่าเก้าแสงชื่นชมโดยไม่รู้ตัว ในสายตาจักรพรรดิชื่อตี้ถ้าเปรียบเทียบจ้าวปีศาจโบราณกับเย่ว์หยาง  ถ้าตอนนี้จ้าวปีศาจโบราณเป็นค้อนสายฟ้าที่ทำลายล้างสรรพสิ่งได้  อย่างนั้นเย่ว์หยางก็เปรียบเหมือนกับมีดอาบยาพิษที่สังหารเป้าหมายได้อย่างเงียบกริบ  ไม่ว่าฝ่ายไหนพลาดท่าแม้แต่เล็กน้อย ก็คงตายอย่างน่าอนาถ

เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิชื่อตี้หวังว่าเย่ว์หยางจะพินาศย่อยยับไปพร้อมกับจ้าวปีศาจโบราณ  ทั้งสองฝ่ายร้ายกาจไม่ธรรมดา ถ้าตายทั้งคู่คงเป็นเรื่องดีที่สุด  มิฉะนั้นหอทงเทียนและแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ คงไม่กลายเป็นหนึ่งหนึ่งเดียวได้

“ทั้งแปดร่าง..บุก”  ร่างแยกทั้งแปดส่งเสียงและใช้พลังพร้อมกันโจมตีใส่เย่ว์หยางด้วยท่าที่แตกต่าง  ขณะนั้นจักรพรรดิชื่อตี้ยังสงสัย  ถ้าเป็นเขาเผชิญกับการโจมตีแบบนี้เขาคงเลือกใช้สมบัติศักดิ์สิทธิ์ป้องกันตัวแน่นอน ภายใต้การล้อมเช่นนี้ ความพยายามโจมตีตอบโต้เป็นเรื่องไร้ประโยชน์  ต่อให้พบร่างจริงในระหว่างโจมตี ก็ไม่สามารถตอบโต้กลับขณะตกอยู่ในวงล้อมของร่างแยกทั้งแปด

ตอนนี้จักรพรรดิชื่อตี้มีความหวังเล็กๆ อย่างหนึ่ง  ถ้าร่างแยกที่จ้าวปีศาจโบราณสร้างขึ้นถูกโจมตีแล้วหายไป นั่นจะเป็นเรื่องง่ายกว่า

เย่ว์หยางที่อยู่ในสภาพล่องหนพรางตัวยิงปราณกระบี่ออกจากนิ้วเป็นพันสายเพื่อตรึงร่างจ้าวปีศาจโบราณทั้งแปดให้อยู่กับที่ มีประกายปราณกระบี่เงินพุ่งใส่ร่างของจ้าวปีศาจโบราณทั้งแปด และลูกศรแต่ละลูกเล็งที่หัวใจของเขาจ้าวปีศาจโบราณทั้งนั้น

อย่างไรก็ตามหลังจากโจมตีแล้ว ร่างทั้งแปดของจ้าวปีศาจโบราณลงมือเคลื่อนไหวทำให้ทุกคนตระหนกกันหมด  ร่างทั้งหมดของเขาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ  เขาใช้ฝ่ามือ หมัดและเท้าทำลายปราณกระบี่จนแตกสลาย และจากนั้นสร้างลูกบอลพลังงาน และยิงธนูพลังงานใส่เย่ว์หยางที่ยังอยู่ในสภาพที่มองไม่เห็น  แม้ว่าไม่อาจมองเห็นเย่ว์หยางด้วยตาเปล่า  แต่ในการตรวจสอบของจ้าวปีศาจโบราณ เย่ว์หยางยังล่องหนพรางตัวได้ไม่สมบูรณ์

ร่างแยกทั้งแปดของจ้าวปีศาจโบราณในทิศตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงใต้ ตะวันตก ตะวันตกเฉียงเหนือ เหนือและตะวันออกเฉียงเหนือผนึกพลังโจมตีใส่เย่ว์หยาง  ภายใต้การรายล้อมโจมตีเช่นนั้น เชื่อได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในจุดศูนย์กลางคงจะถูกบดขยี้เป็นผุยผงทันที  จักรพรรดิชื่อตี้ไม่จำเป็นต้องดูปฏิกิริยาของเย่ว์หยาง เพราะตอนนี้เย่ว์หยางไม่สามารถทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้แม้แต่น้อย  การโจมตีตอบโต้เป็นไปไม่ได้ ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือหนี  ในการผนึกพลังของร่างแยกจ้าวปีศาจโบราณ ยอดนักสู้ในหอทงเทียนเท่าที่จักรพรรดิชื่อตี้รู้จัก มีแต่จักรพรรดิอวี้ที่สามารถทำลายได้

เขาจงใจมองดูจื้อจุนเป็นพิเศษ  ถ้าจื้อจุนไม่ลงมือเอง เชื่อได้ว่าเย่ว์หยางจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย  นางรอได้จริงๆ โดยไม่ช่วยหรือ?  สิ่งที่ทำให้จักรพรรดิชื่อตี้ผิดหวังอย่างมากก็คือ จื้อจุนไม่เคลื่อนไหวจริงๆ นางเหมือนคนตาบอดที่มองดูการต่อสู้

“ตายซะเถอะ!”  ตอนแรกจ้าวปีศาจโบราณเริ่มระวังการลอบโจมตีของจื้อจุน เขาไม่เคยคาดเลยว่าจื้อจุนจะแค่ยืนอยู่เฉยๆ ดูสถานการณ์ของเย่ว์หยาง  แม้ว่าเขาจะโจมตีเย่ว์หยางแต่นางก็ไม่ทำอะไร

ตายซะเถอะ” เสียงจ้าวปีศาจโบราณตวาดดังขึ้น

เมื่อเวลาที่ร่างทั้งแปดผนึกพลังโจมตีเย่ว์หยางที่ล่องหนให้สลายเป็นผุยผง มีเสียงเย็นชาดังขึ้น “ไสหัวไปจากที่นี่!”

ร่างทั้งแปดของจ้าวปีศาจโบราณเงยหน้ามองพร้อมกัน ไม่ทราบว่าเย่ว์หยางไปอยู่บนท้องฟ้าเมื่อไหร่

เย่ว์หยางเหยียดมือขวาออกมาข้างหน้า และคว้าคอร่างจ้าวปีศาจโบราณที่อยู่ในตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

จักรพรรดิชื่อตี้และคนอื่นมองดูอย่างตกตะลึง  เย่ว์หยางรู้ว่าร่างใดเป็นร่างจริงอย่างนั้นหรือ?

เย่ว์หยางไม่สนใจร่างของจ้าวปีศาจโบราณอีกเจ็ดร่างที่เหลือซึ่งกำลังโจมตีใส่แท่นบูชายัญโดยตรง  เสี่ยวเหวินหลีออกมาจากคัมภีร์โผล่จากด้านหลังเย่ว์หยางและจ้องมองร่างจริงของจ้าวปีศาจโบราณ

ร่างจริงนั้นมีพลังความแข็งแกร่งที่ปราณฟ้าระดับหก  ไม่สามารถขยับและได้แต่มองเย่ว์หยางยันเท้าใส่เขาจนปลิวกระเด็นอย่างช่วยตัวเองไม่ได้

ในที่สุดพลังโจมตีของร่างแยกทั้งเจ็ดของจ้าวปีศาจโบราณก็ได้รับผล ความจริงร่างแยกแต่ละร่างของจ้าวปีศาจโบราณมีพลังครึ่งหนึ่งของร่างจริงและคงอยู่ได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง  ในทันทีที่ร่างเหล่านั้นโจมตีใส่เย่ว์หยาง  เย่ว์หยางก็หายตัวไปปรากฏอยู่บนเหนือศีรษะของจ้าวปีศาจโบราณร่างจริง

จ้าวปีศาจโบราณรู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก  เขาคาดไม่ถึงว่าเย่ว์หยางจะสามารถมองเห็นร่างจริงของเขาได้ง่าย นึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากโดนหมัดของเย่ว์หยางไปแล้ว กลับถูกเล่นงานอีกหนึ่งเท้ากลายเป็นตัวตลกต่อหน้าทุกคน เย่ว์หยางสามารถทำร้ายเขาได้อย่างง่ายดายและสามารถค้นพบจุดอ่อนของเขาได้อย่างรวดเร็วจากนั้นฉวยโอกาสเล่นงานเขา

นี่ทำให้จ้าวปีศาจโบราณโกรธมาก หมัดที่คล้ายกับลาวาระเบิดพุ่งตรงมาที่หน้าอกตำแหน่งหัวใจของเย่ว์หยางกระเด็นไปไกลกว่าหมื่นเมตร

แม้ว่าจะยิงพลังหมัดปืนใหญ่นรกใส่เย่ว์หยางไปแล้ว เขาก็ยังไม่รู้สึกพอใจ  จ้าวปีศาจโบราณเรียกพญาแร้งมังกร อสูรปราณฟ้าระดับสี่ออกมาตัวหนึ่ง พญาแร้งมังกรพ่นพายุหมุนใส่เย่ว์หยางที่อยู่ในท้องฟ้า ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น เย่ว์หยางจะโดนพายุหมุนเล่นงานจนอยู่ในสภาพทรงตัวไม่ได้ในท้องฟ้านานสามนาที และร่วงลงมาตามคาด

ต่อจากนั้น จ้าวปีศาจโบราณใช้นิ้วต่างกระบี่ขีดวาดวงกลมบนแท่นบูชายัญ กล่าวอย่างเย็นชา  “เจ้าจะต้องถูกฝังอยู่ที่นี่!”  หลังจากปล่อยให้พญาแร้งมังกรยิงพายุหมุนใส่ศัตรูจนควบคุมความเคลื่อนไหวไม่ได้ และภายใต้การโจมตีอย่างหนักของจ้าวปีศาจโบราณไม่มีทางที่ศัตรูจะรอดชีวิตได้ แม้แต่จักรพรรดิอวี้ในปีนั้นก็ยังไม่กล้าปล่อยให้พายุหมุนนี้โจมตีใส่ แต่เขากลับโจมตีใส่พญาแร้งมังกรจนมันบาดเจ็บหนักก่อนจะพ่นพายุหมุนออกมาโจมตีได้

“จริงเหรอ?”

เสียงคำถามดังขึ้นด้านหลังของจ้าวปีศาจโบราณ  จ้าวปีศาจโบราณหันควับมาด้านหลังด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อและพบว่ามีเย่ว์หยางอีกคนหนึ่งอยู่ที่ด้านหลังของเขา นอกจากเย่ว์หยางที่อยู่บนท้องฟ้าหมื่นเมตรเหนือตัวเขา

“เราผู้นี้ไม่ชอบเล่นเป็นเด็กกับเจ้าเลย เจ้าเอาแต่ร่ำร้องอยู่ในวงกลมที่ตัวเองขีดเขียนขึ้น!”  เย่ว์หยางยื่นมือออกเป็นครั้งที่สองและจ้าวปีศาจโบราณพบว่าเขาที่มีพลังปราณฟ้าระดับหกไม่สามารถขยับร่างได้  นอกจากนี้ นี่ไม่ใช่พลังพันธนาการลับของปีศาจอสรพิษน้อย

“พลังกฎสวรรค์!”  จักรพรรดิชื่อตี้หน้าซีดเผือด

“หา?”  ราชาเผ่าเก้าแสงอุทานด้วยความตื่นตระหนก และเขามองเห็นเย่ว์หยางใช้พลังกฎสวรรค์แม้จะเล็กน้อย แต่ก็เป็นพลังกฎสวรรค์แน่นอน

พลังกฎสวรรค์ใช้จัดการจ้าวปีศาจโบราณ  แต่ไม่ได้ทำร้ายเขา

อย่างไรก็ตามตอนนี้เสี่ยวเหวินหลีโอบแขนกอดเย่ว์หยางจากด้านหลัง และร่างของเธอเริ่มขยายขนาดเกินกว่าร้อยเมตร ความสูงขนาดนี้ทำให้จักรพรรดิชื่อตี้และคนอื่นถึงกับต้องแหงนหน้ามอง ฝ่ามือยักษ์สีทองทั้งหกไล่ตบใส่ร่างแยกทั้งเจ็ดของจ้าวปีศาจโบราณบนแท่นบูชายัญราวกับตบแมลงวัน จ้าวปีศาจโบราณไม่สามารถขยับได้ถูกปีศาจอสรพิษทองระดมพลังไล่ตบราวกับสายฝน

ถ้าไม่ใช่เพราะพญาแร้งมังกรเสี่ยงชีวิตใช้ไหล่ของมันรับพลังโจมตีแทน  น่ากลัวว่าจ้าวปีศาจโบราณคงจะพ่ายแพ้ในที่นี้เป็นแน่

มือยักษ์ทั้งหกบีบคอพญาแร้งมังกรอสูรปราณฟ้าระดับสี่จนตาย และระดมโจมตีใส่จ้าวปีศาจโบราณอย่างดุเดือด  โชคดีที่เย่ว์หยางคงพลังกฎสวรรค์ไว้ได้ไม่ถึงนาที

ปีศาจอสรพิษทองจึงสลายหายไปในท้องฟ้า ทำให้จ้าวปีศาจโบราณหนีรอดได้อย่างโชคดี

จักรพรรดิชื่อตี้และราชาเผ่าเก้าแสงลอบเบาใจทั้งคู่  โชคดีที่เจ้าเด็กนี่ยังไม่เชี่ยวชาญเรื่องกฎสวรรค์  ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงจ้าวปีศาจโบราณเท่านั้น ต้องผนึกกำลังรุมเขาเท่านั้น

“ข้าทำผิดพลาดไปครั้งหนึ่ง แต่ข้าจะไม่มีทางผิดพลาดเป็นครั้งที่สองอีกแน่”  จ้าวปีศาจโบราณลงมายืนที่พื้น  เขาไม่มีความโกรธอีกต่อไป  แต่ยืนมองเย่ว์หยางอย่างสงบ  “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้นับเป็นความผิดพลาดยิ่งใหญ่ เมื่อครู่นี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า  เจ้าพลาดโอกาสดีไปตลอดชีวิตแล้ว ข้ากล้าพูดได้ว่าเจ้าจะต้องเสียใจ เพราะการโจมตีของเจ้าทำให้ข้าตัดสินใจใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุด”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด