ตอนที่แล้วตอนที่ 722 อาหง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 724 อาคันตุกะผู้มีเกียรติและลึกลับ  

ตอนที่ 723 แมงป่องดาว


หลังจากเลื่อนเป็นอสูรในตำนาน พลังอาหงจากเมื่อก่อนต่างกันกับเดี๋ยวนี้ราวฟ้ากับดิน

นางตระหนักว่าตัวนางเองมีคัมภีร์อัญเชิญชั้นเงินเล่มหนึ่ง เมื่อนางอัญเชิญคัมภีร์ออกมา

เมื่ออู๋เหินและเย่ว์หวี่ตรวจดูทักษะแฝงเร้นและอสูรพิทักษ์ที่อาหงได้มาด้วยความสงสัย  อาหมันชื่นชมยินดีกับอาหงที่สุด ทั้งยังหวังว่าจะได้เลื่อนเป็นอสูรในตำนานอย่างอาหงให้ได้สักวัน และจะช่วยเจ้านายเอาชนะศัตรูที่ทรงพลังได้ในการต่อสู้ที่จะมีมาในอนาคต  แม้ว่าพลังของนางเองจะเอาชนะอสูรปราณฟ้าได้แล้วก็ตาม

ทักษะแฝงเร้น – ปีกศึก เปลี่ยนปีกศึกให้อยู่ในสภาพพร้อมรบ ขนปีกจะปล่อยพลังที่มีคุณสมบัติต่างๆ กัน  อย่างสั้นที่สุดอยู่ได้หนึ่งชั่วโมง  นานที่สุดอยู่ได้หนึ่งวัน  ระดับทักษะแฝงเร้นในปัจจุบันนี้อยู่ที่ระดับหนึ่ง

“ปีกของข้าเล่า?”  อาหงพบว่าปีกของนางหายไป

“นี่เจ้าเพิ่งมารู้เอาป่านนี้หรือ?”  อู๋เหินและเย่ว์หวี่หยอกล้อกับความไร้เดียงสาของนาง

“เพ่งสมาธิ”  เย่ว์หยางให้คำแนะนำอาหง

เมื่ออาหงตั้งสติได้ตามปกติ  ปรากฏมีประกายแสงสดใสอยู่รอบตัวนางและพลังงานหนาแน่นอยู่ภายในร่างกายนางก่อตัวเป็นปีกนกพลังงานสีขาวบริสุทธิ์อยู่ที่หลังของนาง ภายในขนปีกพลังงานสีขาวนั้น มีขนปีกเงินนุ่มนวลอยู่ที่ปีกซ้าย และขนปีกทองอยู่ที่ปีกขวา

ปีกนกทั้งสองควรจะเป็นรูปแบบของขนปีกศึกที่นางสามารถแปลงพลังได้ตอนนี้

แม้ว่าอาหงจะยังไม่รู้วิธีสลับปีกศึกสำหรับใช้งานในตอนนี้ แต่ญาณทิพย์ของเย่ว์หยางมองเห็นความจริงนี้ได้

พลังปีกขาวบริสุทธิ์มีคุณลักษณะของแสง  มันช่วยให้นางสามารถต่อต้านคำสาปชั่วร้ายและบินได้เร็ว

ขนปีกพลังงานสีเงินเพิ่มความสามารถทางจิตให้นาง  ถ้าพลังงานขนนกเปลี่ยนเป็นขนนกศึกสีเงิน  อาหงจะมีพลังคลื่นเสียงหวีด แส้ลงทัณฑ์และคำสาปเป็นแพะเพิ่มมากขึ้น  อย่างไรก็ตามความปรับปรุงก้าวหน้าเฉพาะเป็นการประเมินสำหรับเย่ว์หยางเท่านั้น  เพราะขนปีกศึกสีเงินสามารถเปลี่ยนไปได้หนึ่งชั่วโมง  และจะสามารถเลื่อนระดับไปเป็นเทวทูตได้  และพลังคลื่นเสียงกรีด แส้ลงทัณฑ์และพลังสาปเปลี่ยนเป็นแพะก็จะถูกเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

ขนปีกสีทองจะช่วยส่งเสริมความสามารถของนางได้โดยตรง

มันช่วยปรับปรุงพัฒนาความสามารถในการต่อสู้ของนางได้อย่างครอบคลุม

ข้อมูลภาพอาหงในคัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับในอดีต อาหงเคยเป็นเป็นนางพญากระหายเลือด บัดนี้กลายเป็นเทพธิดาโลหิต (ครึ่งตื่น)

นอกจากคลื่นเสียงกรีด แส้ลงทัณฑ์และคำสาปเปลี่ยนเป็นแพะแล้ว

อาหงพัฒนาความสามารถพิเศษของนางสองอย่างคือ สุดยอดความเร็ว และ ปีกสวรรค์

สุดยอดความเร็ว ตามความหมายของชื่อก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าความเร็วในการบินของอาหงเพิ่มขึ้นมากมายเพียงไหน  ขณะที่ปีกสวรรค์ อาหงสามารถเปลี่ยนเป็นขนปีกศึกสำหรับใช้ต่อสู้ได้  นี่เป็นทักษะพิเศษที่สอดคล้องกับความสามารถโดยธรรมชาติของนาง  ส่วนที่ลึกลับที่สุดของปีกสวรรค์ก็คือ อาหงสามารถแบ่งปันสถานะเปลี่ยนแปลงของปีกศึกกับเย่ว์หยางได้  ในทักษะพิเศษทั้งหมดของนางในอดีตนั้น อาหงสามารถแค่แบ่งทักษะแส้ลงทัณฑ์ให้เย่ว์หยางเท่านั้น  แต่บัดนี้นางมีทักษะที่แบ่งปันกันใช้กับเขามากขึ้น  ความแตกต่างอย่างเดียวระหว่างผลของแส้ลงทัณฑ์และปีกสวรรค์ก็คือ เย่ว์หยางไม่สามารถแปลงพลังงานเข้าไปในปีกรบอย่างอาหงได้

การอยู่ในสภาพเทพธิดาครึ่งตื่นทำให้อาหงทรงพลังมากจนทันและแซงอาหมันที่ฝีมือนำหน้าคนอื่นหลายปีแสงไปแล้ว แม้ว่านางจะไม่มีพลังเทพธิดาที่แท้จริง

ทักษะแฝงเร้นพิเศษของนางอย่างเช่นคลื่นเสียงกรีด และแส้ลงทัณฑ์ถึงระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำร้ายวิญญาณได้

ถ้าอาหงมีพลังตื่นเต็มที่และกลายเป็นเทพธิดาเต็มที่ พวกนักสู้ระดับปราณฟ้ายกเว้นแต่พวกสุดยอดฝีมือ จะพากันตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อเห็นนาง

“อสูรพิทักษ์ของเจ้าคืออะไร?”  อู๋เหินและเย่ว์หวี่ถามด้วยความสงสัย  อย่าว่าแต่คนอื่นๆ เลย อาหงเองที่กลายเป็นเทพธิดาก็ยังรู้สึกปรารถนาแรงกล้าต้องการดูว่าอสูรพิทักษ์ของนางเป็นยังไง นางเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมา  หลังจากพลิกดูคัมภีร์อัญเชิญ  ทั้งสามสาวตะลึงกับอสูรพิทักษ์ของอาหง

“อะไรกันนั่น” เย่ว์หยางถามพร้อมกับยิ้ม

“เอ่อ..ดูเหมือนจะไม่ใช่อสูรพิทักษ์ประเภทใช้รบ..”  อาหงค่อนข้างอาย  นางพบว่าอสูรพิทักษ์นี้เกินไปจากที่นางคาดว่าจะเป็นอสูรรบ

ภูตพิราบ : อสูรศึกชนิดพิเศษชั้นเงินระดับสาม เป็นคู่นกพิราบตัวผู้ตัวเมียที่มีชีวิตสงบสุข ไม่มีพลังรบ เด่นในเรื่องการบิน  มันสามารถเดินทางผ่านเวลาในเวลาที่กำหนด และบินไปยังเป้าหมายที่เป็นมิตรและไม่เป็นมิตรได้วันละครั้ง  มันมีปีกพิเศษที่มีคุณสมบัติแสง  สติปัญญายังอยู่ระดับเริ่มต้น  ทักษะ : ส่งข้อความระยะไกล  บทเพลงสันติภาพ

เมื่ออาหงเรียกอสูรพิทักษ์ของนางออกมา  เย่ว์หยางพบว่าพวกมันเป็นนกพิราบขาวสองตัวที่มีร่างกึ่งโปร่งใส

นิ้วมือสามารถผ่านร่างมันได้

อย่างไรก็ตาม  ถ้าเย่ว์หยางทำเช่นนั้นดวงตาน้อยๆ ของพวกมันจะมองดูอย่างไม่พอใจ  เหมือนกับว่าจะตำหนิเย่ว์หยางที่ทำตัวเป็นศัตรู  อย่างไรก็ตาม เมื่อนิ้วของเย่ว์หยางปล่อยปราณก่อกำเนิด  พวกมันรู้สึกได้ถึงประโยชน์ของพลังบริสุทธิ์ทันที  และบินขึ้นลงอย่างมีความสุข  พวกมันเลียนิ้วของเขาและใช้จะงอยปากสีแดงจิกอย่างมีความสุขและขันคุกคู  เสียงขันของพวกมันฟังแล้วรู้สึกสงบสุขอย่างบรรยายไม่ถูก ทำให้ผู้คนอารมณ์ดีและยกระดับอารมณ์ของวิญญาณได้

นี่ต้องเป็นเพลงสันติภาพของภูตพิราบแน่นอน

มันสามารถช่วยให้คนเอาชนะศัตรูได้

แน่นอนว่าสำหรับคนที่ตั้งใจแน่วแน่และมีความยืนกราน เพลงสันติภาพก็คงไม่ส่งผล

แต่อสูรศึกที่ไม่มีสติปัญญาจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก!

“ใช่แล้ว!  แม้ว่าภูตพิราบจะไม่ใช่อสูรประเภทรบ  แต่ก็เป็นอสูรประเภทพิเศษ  ทักษะของมันไม่เลวเลย  ในช่วงเวลาสำคัญ พวกมันจะใช้งานได้อย่างน่าทึ่ง พวกมันคือสิ่งที่ไม่ทำให้ท่านแปลกใจหากท่านเป็นเจ้าของ  แต่ถ้าท่านไม่ได้เป็นเจ้าของ นั่นจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่  นอกจากนี้พวกมันสามารถส่งข้อความจากระยะไกลได้ นั่นเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยม หลังจากต่อสู้มามากขึ้น การแลกเปลี่ยนข้อมูลกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนมากขึ้น  ข้ามีแต่เพียงแผนที่สามสีที่จำกัดข้อความได้สิบคำ!”  เย่ว์หยางไม่คิดแน่นอนว่าภูตพิราบจะแย่  ในทางตรงกันข้าม เขาคิดว่าพิราบสองตัวนี้เป็นอสูรศึกที่ใช้ในกลยุทธได้ดีที่สุด

“ไม่ใช่อสูรใช้รบอย่างนั้น แต่ก็ไม่เลวเลย ภูตพิราบยังดีกว่าอสูรพิทักษ์ประเภทเสริมพลังและสายธาตุเฉพาะทั่วไปมากมายนัก  เจ้าต้องฝึกฝนมันให้ดี บางทีในอนาคตเราจำเป็นต้องใช้ให้มันช่วยส่งข่าวสารข้อมูลสำคัญจากระยะไกลได้”  อู๋เหินให้กำลังใจอาหง

“พยายามเข้านะ!”  เย่ว์หวี่ลูบแก้มอาหงอย่างอ่อนโยน  จากนี้ไปนางจะไม่ถือว่าอาหงเป็นอสูร  แต่จะถือว่านางเป็นคน

“ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุด!”  ด้วยความรู้สึกเขินอายเล็กน้อยและมีความสุข ดวงตาอาหงมีแววมุ่งมั่น  นางกำหมัดน้อยๆ ให้กำลังใจตนเอง บัดนี้เมื่อนางมีอนาคตสดใส  นางจะต้องพยายามอย่างหนัก

“สงครามในอนาคต  เจ้าสามารถใช้มีดสังหารเทพ หรือแสงดำสังหารก็ได้”  เมื่อพูดถึงแสงสีดำ ใจของเย่ว์หยางปั่นป่ว่น

แสงดำสังหารเป็นแค่หนึ่งในแสงเทพห้าสีของปลอม

ไม่ใช่แสงเทพของแท้

แสงเทพดำที่แท้ คือหนึ่งในแสงเทพห้าสี  อาจจะถูกควบคุมโดยจิ่วเซียวก็ได้

ยกเว้นแสงเทพที่จิ่วเซียวควบคุม คงจะมีเทพแสงอีกสามสี  แต่มันอยู่ที่ใดกันแน่?  มีแต่เทพแสงสีเขียวซึ่งยังถูกผนึกเอาไว้และเย่ว์หยางยังปลดผนึกไม่ออก หรืออาจเป็นเพราะพลังในการควบคุมกฎสวรรค์อาจจะได้รับความเสียหายอย่างคาดเดาไม่ได้  ควรจะรู้ดีว่าเทพแสงสีเขียวเป็นเทพสมบัติหนึ่งในแสงห้าสีและเป็นของชำรุดอย่างหนึ่ง

เจ้าเมืองลมดำและหัวหน้าโจรเหยี่ยหนิวเป็นเจ้าของสมบัติมากมาย  แต่สำหรับเย่ว์หยางนักเดินทางท่องเที่ยวมิติเวลาอย่างเขาเชี่ยวชาญกระบี่ดำกุยเจ้าง กระบี่ขาวซวงหัว และกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนอยู่แล้ว สมบัติของคนพวกนั้นก็เท่ากับไม่มีอะไร

สิ่งที่เย่ว์หยางต้องการที่สุดก็คือสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ก็ระดับเทพ

และในสมบัติเหล่านั้น แสงเทพอีกสี่สีที่เหลือคือสิ่งที่เย่ว์หยางต้องการที่สุด  ถ้าเขาสามารถรวบรวมแสงเทพได้ครบห้าสี  เขาจะไม่กลัวว่าจะพ่ายแพ้ราชาใจสิงห์อีกเลย

“เสี่ยวซาน!  ข้าเกรงว่าสถานการณ์ในแดนสวรรค์จะเปลี่ยนไป ตั้งแต่เจ้าไม่อยู่ที่นั่นหลายวัน  เจ้าควรจะไปที่นั่นดีกว่า ที่นั่นอาจมีเหตุเปลี่ยนแปลง  คนที่รั้งอยู่ที่นั่นรวมทั้งเปากู่และนูเจนกำลังมีปัญหา”  เย่ว์หวี่เป็นคนใจดี เมื่อเห็นเย่ว์หยางมัวแต่วุ่นวายอยู่ในปราสาทสายรุ้งอยู่หลายวัน นางเตือนให้เขาใส่ใจทั้งสถานการณ์ในปราสาทสายรุ้งและในที่เมืองลมดำในแดนสวรรค์ใต้

“ข้าจะไปที่นั่นคืนนี้ แต่ข้าอยากจะสื่อสารกับแมงป่องดาวในช่วงกลางวันก่อน”  เย่ว์หยางพยักหน้า

“แมงป่องดาวนั้นฉลาดจริงๆ  ข้าเชื่อว่ามันมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดกว่าอสูรศึกธรรมดา แม้ว่ามันจะพูดไม่ได้ก็ตาม”  เย่ว์หวี่รู้ว่าน้องชายนางฉลาดในการใช้แมงป่องดาวเพื่อประโยชน์เขาเอง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เลี้ยงมันไว้

“เจ้ามั่นใจไหมว่าจะสร้างอาวุธเทพร่างอสูร?”  สาวงามอู๋เหินรู้ว่าอาวุธเทพร่างอสูรนั้นไม่สามารถผลิตได้ง่ายๆ แม้แต่ดาบเทาเถี้ยก็ต้องอาศัยโอกาสจึงจะสร้างได้

“มาช่วยข้าในตอนบ่ายก็แล้วกัน”  เย่ว์หยางพยักหน้า

เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนอสูรศึกอื่นให้เป็นอาวุธเทพร่างอสูรได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม แมงป่องดาวเป็นข้อยกเว้น

มีอสูรมากมายอยู่ในโลกที่เย่ว์หยางสามารถหลอกล่อให้มันต่อสู้เพื่อเขา  ทำไมเย่ว์หยางถึงได้ชอบแมงป่องดาวมากนักเล่า?

เป็นเพราะแมงป่องดาวมีศักยภาพที่จำเป็นโดยกำเนิดต่อการเป็นอาวุธเทพร่างอสูร ความฉลาดของมันเป็นหลัก โครงสร้างร่างกายที่เหมาะสม ความสามารถในการหลอมรวมศักยภาพของมันและข้อกำหนดที่จำเป็นอื่นๆที่ทำให้มันเป็นอาวุธเทพร่างอสูรได้  ถ้าเย่ว์หยางสามารถหลอมรวมแมงป่องดาวเข้ากับถุงมือแมงป่องฟ้าที่เย่ว์หยางได้รับจากวิหารแมงป่อง ก็มีโอกาสมากที่เขาจะสร้างอาวุธเทพร่างอสูรระดับสุดยอด

เย่ว์หยางมีอสูรพอสำหรับขับขี่  เขาถนัดในการเทเลพอร์ตและเหาะเหินอยู่แล้ว  ถ้าเขาเบื่อการขับขี่หรือบิน  เขาสามารถเปลี่ยนดาบเทาเถี้ยให้เป็นร่างอสูร ซึ่งเป็นอสูรขับขี่ของเขาที่ดีที่สุด

นอกจากนี้ เขายังมีอาวุธอีกมาก อย่างเช่นดาบจันทร์เสี้ยว ดาบเทาเถี้ย ทวนทองฆ่ามังกร มีดทองฆ่ามังกร แสงดำสังหาร และแสงเทพสีเขียว หนึ่งในแสงเทพห้าสี  เขายังมีผนึกเทพจักรพรรดิอวี้  สาวมังกรสองพี่น้อง วงจักรล้างโลก วงจักรนิรันดร์กาล  ระเบิดดารา กระบี่กุยจ้าง กระบี่ซวงหัว กระบี่ชี่เสี่ยวเหลียนและเพลิงอมฤต  เย่ว์หยางแทบจะนับอาวุธตนเองไม่หวาดไม่ไหว ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องการสร้างอาวุธเทพร่างอสูรขึ้นมาอีกหนึ่ง

แต่เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องมีถุงมือแมงป่องฟ้าในฐานะที่เป็นอาวุธเทพร่างอสูรเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากหน้ากากเจมินี่

ถ้าเขาหลอมรวมแมงป่องดาวกับถุงมือแมงป่องเข้ากัน

มันสามารถเป็นถุงมือในเวลาปกติ  และเป็นอสูรเมื่อจำเป็น

อย่างนั้นเขาคงได้รับประโยชน์เป็นสองเท่า!

“ทำสัญญาน่ะหรือ?  เจ้าสามารถมั่นใจได้ว่าคนอย่างข้าจะให้อิสรภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแก่เจ้าแน่นอน!  ก็เหมือนกับเจ้าฮุยไท่หลาง เจ้าไม่ต้องทำสัญญากับข้า และเจ้าสามารถมีเจตจำนงเป็นของตนเอง  แน่นอนว่าเจ้าไม่อาจเลือกเป็นฝ่ายมาต่อต้านข้า  สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือ เรียนรู้จากฮุยไท่หลาง  อาวุธเทพร่างอสูรคือสภาวะสุดท้ายของเจ้า  สุดยอดอาวุธเทพร่างอสูร ซึ่งยังไม่ถึงขีดจำกัดเมื่อมันถูกหลอมรวมกับเจ้า จงมั่นใจเสียเถิด เป็นเพราะประโยชน์ที่ข้าจะทำนั้นยิ่งใหญ่ นั่นเป็นเหตุให้ข้าเก็บอสูรศึกที่มีความสามารถไว้ข้างตัวข้า  ดูดาบเทาเถี้ยนี่สิ มันคืออาวุธเทพร่างอสูรที่มีศักยภาพมากที่สุด  มันสามารถเปลี่ยนร่างเป็นอสูรก็ได้ ร่างอาวุธก็ได้  เจ้ายังต้องกังวลอะไร? เจ้าคิดว่าข้าต้องการแค่อาวุธชิ้นหนึ่งหรือ?  ไม่เลย ข้าแค่ต้องการถุงมือคู่หนึ่ง  ในโลกนี้ยังจะมีอะไรที่เหมาะกับเจ้ามากไปกว่าถุงมือแมงป่องฟ้า?  ไม่อย่างแน่นอน!  หลังจากเจ้าหลอมรวมกับถุงมือแมงป่องฟ้าเป็นเวลาหลายปี ตราบใดที่เจ้าทำได้ดี ข้าจะใช้กระเช้าสมปรารถนาเพิ่มศักยภาพให้เจ้า  โอวเจ้าต้องรู้นะว่าข้ามีสมบัติมากมายทรงพลังแค่ไหน!  จงมั่นใจเถิด ติดตามข้า แล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้น!  จากนี้ไปฮุยไท่หลางจะเป็นพี่ใหญ่ของเจ้า ซิมบาจะเป็นพี่รองของเจ้า”  เย่ว์หยางเริ่มคุยอวดอีกครั้ง ครั้งนี้เขาหลอกล่อแมงป่องที่ไม่เหมือนใครที่ไหนในโลก  มันคือแมงป่องดาว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด