ตอนที่แล้วตอนที่ 720 เสวี่ยทันหลาง ทักษะแฝงเร้นปลดปล่อยพลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 722 อาหง

ตอนที่ 721 อยากเป็นมนุษย์


ทุกคนมีนิสัยที่แตกต่างกัน  เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้กับการคาดหวังให้เสวี่ยทันหลางกลายเป็นคนพูดมากเหมือนกับเจ้าอ้วนไห่

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของเย่ว์หยางสร้างแรงกดดันให้กับเสวี่ยทันหลาง

ในอดีตที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เสวี่ยทันหลางยอมท่องบันทึกเหตุการณ์ลึกลับแดนสวรรค์ต่อหน้าธารกำนัล นั่นไม่ต่างกับการฆ่าเขาเลย  อย่างไรก็ตามเมื่อเย่ว์หยางมอบหมายให้เขาทำในครั้งนี้  เสวี่ยทันหลางยอมรับทำ แม้ว่าหน้าของเขาจะซีดด้วยความกลัว  แต่เสวี่ยทันหลางตื่นตระหนกกับสงครามรุนแรงที่เขาได้ประสบมา  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางเข้าแดนสวรรค์  ถ้าเขาไม่แข็งแกร่งในเร็ววัน  อาจจะมีอันตรายซ่อนเร้นรอเขาและกลุ่มของเขาทุกคนก็ได้

ในฐานะเป็นบุคคลสำคัญที่ได้รับการฝึกฝนในกลุ่มของเขา เสวี่ยทันหลางมีภาระผูกพันจะต้องรับผิดชอบมากขึ้น

หลังจากช่วยเหลือคนอื่นๆ ในกลุ่มให้พัฒนาพลังก้าวหน้า  เย่ว์หยางหันเหความสนใจมาอยู่ที่อสูรศึกของเขา  เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวพาอี้หนาน เย่ว์ปิงและคนอื่นๆ ไปฝึกฝนที่ประตูเป็นและประตูตาย  ขณะที่หัวหน้าลี่เยี่ยนและสาวขี้เมาก็ตื่นตัวกับการฝึกฝนเช่นกัน  เหลือแต่เพียงเย่ว์หวี่กับอู๋เหินที่อยู่เป็นเพื่อนเย่ว์หยาง

ทั้งเย่ว์หวี่และอู๋เหินปฏิเสธไม่ยอมรับเลือดเทพที่เย่ว์หยางดึงออกมาจากพญากุญชร

พวกนางปฏิเสธเลือดเทพเพราะพวกนางไม่ใช่กองกำลังต่อสู้หลัก แม้ว่าเลือดเทพนั้นจะช่วยให้ร่างกายของพวกนางมีพัฒนาการก้าวหน้าได้อย่างมากมาย

เย่ว์หยางลอบถอนหายใจกับทัศนคติของพวกนาง  ถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาก็แค่ใช้เลือดตัวเองพัฒนาโครงสร้างร่างกายเขา  ปัจจุบันนี้เย่ว์หยางมั่นใจว่าเลือดของเขามีศักยภาพคล้ายกับเลือดของเทพ  เป็นโครงสร้างหลักของนักท่องเที่ยวกาลเวลาที่ไม่มีใครอื่นในทวีปมังกรทะยานมี  อาจเป็นผลมาจากกลอุบายของนักพรตเฒ่าหรือการจากการฝึกฝนลมปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขา หรืออาจเป็นการหลอมรวมกับมิติจักรวาล  หรืออาจเป็นทั้งสามปัจจัยรวมกันเพื่อสนับสนุนศักยภาพเลือดที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา

อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางรู้ว่าเลือดของเขามีความพิเศษเฉพาะ

และยิ่งเขาทรงพลังมาก เลือดของเขาก็จะยิ่งมีศักยภาพมากขึ้น

เลือดของเขาอาจมีพลังที่ไร้เทียมทานเช่นเดียวกับเลือดของเทพเมื่อเขาเลื่อนระดับเป็นนักสู้ปราณราชันย์

“อาหง! เลือดเทพครั้งนี้จะใช้ยกระดับพลังให้เจ้า!” เย่ว์หยางคิดว่าจะใช้หยดเลือดเทพนี้ยังไงมานานแล้ว  ควรจะใช้กับตั่วตั่วนางพญาดอกหนามมงกุฎทองผู้มีคุณค่าที่สุดและมีศักยภาพสูงที่สุดหรือ?  หรือว่าควรจะใช้กับสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงผู้รับมรดกพลังจากเทพมังกรทอง?  ถ้าใช้กับคนใดคนหนึ่ง ก็จะเลื่อนระดับพลังได้มากมายแน่นอน  อย่างไรก็ตาม ทั้งสองนางต่างอยู่ในช่วงจำศีลวิวัฒนาการ  ตั่วตั่วก็น่าจะดีเพราะนางสามารถป้องกันตัวได้ถ้าอันตรายเกิดขึ้น  แต่เจี้ยงอิงสภาพใจยังปั่นป่วน ขณะหลอมรวมกับพลังของเทพมังกรทอง

ในความเป็นจริงจะดีที่สุดถ้าใช้ยกระดับให้เสี่ยวเหวินหลี

แต่แม่หนูอสรพิษน้อยเคยมองข้ามเลือดเทพมาก่อน  บิดามารดาของเธอก็คือเย่ว์หยางและนางพญาเฟ่ยเหวินหลี ดังนั้นเลือดเทพที่ล้ำค่าเป็นความฝันของทุกคน จึงไม่สำคัญต่อเธอ

ถัดจากเสี่ยวเหวินหลีไม่ว่าจะเป็นอาหงนางพญากระหายเลือด หรือโคเงาอาหมัน ในสายตาของเย่ว์หยางทั้งสองอยู่ในระดับเท่ากัน

ภูตเพลิงฟ้าและตั๊กแตนมัจจุราชยังเร็วเกินไปเล็กน้อยถ้าจะใช้เลือดเทพเลื่อนระดับพวกเขา

สำหรับอิคคา ครั้งล่าสุดเย่ว์หยางใช้สมบัติที่ดีที่สุดของเขาไปแล้ว  เลือดของเขาและเลือดเทพใช้สร้างนางฟ้าศึกที่แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่แน่ใจว่าจะมีพลังเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน  นางถือกำเนิดมาพร้อมกับคัมภีร์อัญเชิญซึ่งด้อยกว่าเสี่ยวเหวินหลีที่เกิดมาพร้อมกับคัมภีร์เพชรและสี่อสูรพิทักษ์เพียงเล็กน้อย พูดให้ถูกในเวลานี้ก็คือยังไม่จำเป็นต้องเลื่อนระดับให้อิคคา  ถ้าเป็นไปได้เย่ว์หยางสามารถใช้เลือดของเขาช่วยให้นางเติบโตได้หลังจากเขามีพัฒนาการก้าวหน้า

สำหรับสองพี่น้องเทพธิดาศึกอาหยูอาเหยามีวิธีการฝึกที่แตกต่างไม่ธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่จะแบ่งเลือดเทพออกจากกันได้

ดังนั้นในที่สุด

เย่ว์หยางตัดสินใจยกระดับให้อาหงและอาหมันในท้ายที่สุด

เมื่อพูดถึงการสู้รบ นอกจากเสี่ยวเหวินหลี อาหงและอาหมันที่มีประสบการณ์มากที่สุด  จนถึงตอนนี้พวกนางมีผลการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมและมีส่วนร่วมในการต่อสู้เกือบทั้งหมดและพวกนางได้สร้างความดีความชอบที่น่าทึ่ง

ดังนั้นหนึ่งในพวกนางมีคุณสมบัติจะได้รับเลือดเทพ

เย่ว์หยางทำใจเป็นกลางอย่างเงียบๆ  ในที่สุดเขาตัดสินใจยกระดับให้นางพญากระหายเลือดอาหงด้วยเลือดเทพ  ที่สำคัญอาหมันเป็นเจ้าของพลังของไตตันและหัวใจธรณีสารแล้ว  ตราบใดที่นางยังคงยืนอยู่บนพื้น  นางจะเป็นนักรบสตรีที่ไร้เทียมทานเสมอ!  ถ้าเย่ว์หยางอยู่ในหอทงเทียน  อาหงก็แทบจะต่อต้านศัตรูได้ทั้งหมด  แต่เมื่อมายังแดนสวรรค์ นางพญากระหายเลือดยังแข็งแกร่งไม่พอ และนางต้องออกแรงต่อสู้อย่างหนัก  นี่ยังคงเป็นกรณีที่พบศัตรูแข็งแกร่งมากขึ้นกว่า  ถ้าพวกนางพบเจอศัตรูปราณฟ้าระดับหกหรือสูงกว่านั้น อาหงจะพบกับความยากลำบากยิ่งขึ้น

“อ๊า? จริงหรือ?”  นางพญากระหายเลือดอาหงยังไม่อยากเชื่อหูตนเอง ใบหน้าของนางมีแววประหลาดใจ

“แน่นอน”  เย่ว์หยางยืนยัน

“ว้าย..ว้าว..” นางพญากระหายเลือดอาหงบินขึ้นไปในอากาศร่าเริงเหมือนกับเด็กๆ นางบินไปวนมาเป็นเวลานาน  จากนั้นโฉบลงมากอดเย่ว์หยางและจูบเขาด้วยความตื่นเต้น  หลังจากนางทำเช่นนั้น นางบอกอาหมัน  “อาหมัน!  นายท่านบอกว่าครั้งนี้เขาจะใช้เลือดเทพช่วยให้ข้ายกระดับ  ฮะฮะ.. ต่อไปข้าจะแซงเจ้าได้แล้ว!”

“นั่นเยี่ยมไปเลย!”  โชคดีที่อาหมันไม่รู้สึกอิจฉาเหมือนที่สตรีชาวมนุษย์ทำกัน  มิฉะนั้นนางคงต้องโกรธว่า แค่ได้เลือดเทพแค่นี้ยังต้องเอามาอวดด้วยหรือ?

ความจริงนางพญากระหายเลือดไม่ตั้งใจจะอวดแต่อย่างใด  นางแค่ต้องการแบ่งปันความสุขความดีใจกับสหายของนาง

นางพญากระหายเลือดร่วมงานมากับอาหมันบ่อยที่สุด  ดังนั้นพวกนางจึงสนิทเข้ากันได้ดี  ถ้ามีข่าวดีอะไร อาหงมักจะบอกนางก่อนเสมอ

อาหมันก็โลดเต้นด้วยความดีใจและมีความสุขกับนาง

ถ้าเปลี่ยนเป็นหญิงมนุษย์ก็คงมีการทะเลาะด่าทอกันแน่ นี่เป็นเรื่องที่ต้องเอามาอวดกันด้วยหรือ? กะอีแค่หยดเลือดเทพ

สติปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์ของอสูรศึกยากจะซับซ้อนเท่ากับมนุษย์  และนิสัยของพวกเขาได้รับอิทธิพลสภาพแวดล้อมจากเจ้าของด้วย  ถ้าสตรีที่แวดล้อมเย่ว์หยาง อย่างเช่นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียมักจะมีส่วนร่วมในการวางแผนและพยายามชิงดีชิงเด่นกันทุกวัน อย่างนั้นอาหง อาหมันและตั่วตั่วก็ได้รับอิทธิพลมาอย่างแน่นอน  แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน และเสวี่ยอู๋เสียมีความสามัคคีกลมเกลียวกันทำให้ส่งผลต่อนิสัยของอสูรศึกไปด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงงามอู๋เหินจะมีนิสัยที่ไม่บกพร่อง นางมักทำตัวเองให้เป็นตัวอย่างบ่อยๆ

บางครั้งนางก็ปรุงอาหารหรือไม่ก็ตัดเย็บชุดเอง  และบางครั้งนางก็ขอให้อาหงและอาหมันมาช่วยนาง  ในชีวิตของพวกนาง  นางได้รับการสอนจนสติปัญญาและความเป็นมนุษย์ของพวกนางเติบโตขึ้น พอเวลาผ่านไปพวกนางก็มีความก้าวหน้า

สำหรับอาหง อาหมันและคนอื่น อู๋เหินเป็นยิ่งกว่าผู้ดูแลพวกนาง  เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้เวลาส่วนใหญ่กับการฝึกฝน  ดังนั้นอู๋เหินที่อยู่กับเย่ว์หยางเป็นส่วนใหญ่จะใช้เวลากับพวกนางมากที่สุด  สตรีตัวเล็กที่มีนิสัยอ่อนโยนเป็นตัวอย่างให้พวกนางเรียนรู้ได้ดีที่สุด  แม้ว่าพวกนางจะไม่เคยพูดเช่นนั้น  แต่อาหงและอาหมันต้องการเป็นสตรีแท้เหมือนกับอู๋เหินแน่นอน

หลังจากค้นคว้าอักษรรูนอู๋เหินมักจะเตรียมอาหารให้เย่ว์หยาง  ทุกครั้งหลังจากนางนำอาหารมาให้เย่ว์หยาง เมื่อเห็นเย่ว์หยางกินอาหารมากมายด้วยความร่อย....

จากนั้นอู๋เหินจะนำอ่างน้ำมาเช็ดตัวเช็ดเท้าให้เย่ว์หยาง มองดูเย่ว์หยางหลับหลังจากนั้น...

ทุกครั้งก่อนที่เย่ว์หยางจะออกไป อู๋เหินจะช่วยแต่งตัวให้เขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า...

ทุกครั้งที่ใช้ผ้าเช็ดหน้า อู๋เหินจะเช็ดเหงื่อจากหน้าผากของเย่ว์หยางอย่างนุ่มนวล

การกระทำทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของอาหงและอาหมัน และพวกนางจดจำเอาไว้ในใจ  อาจกล่าวได้ว่าคนที่มีอิทธิพลต่ออาหง อาหมันและตั่วตั่วก็คืออู๋เหินซึ่งทำทุกอย่างด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล

“ดูเจ้าสิ มีความสุขมากเลยสินะ!”  อู๋เหินลูบหลังอาหงที่โถมเข้ามาในอ้อมกอดนางอย่างใจดี  นางเหมือนกับแม่ตัวน้อยๆ แม้ว่าอาหงและอาหมันจะตัวสูงกว่านางมากก็ตาม แต่พวกนางบางครั้งก็ทำตัวเหมือนเป็นลูกสาวของนาง  ถ้าไม่ใช่การต่อสู้และการเปลี่ยนแปลงบ่อยซึ่งเย่ว์หยางจำเป็นต้องมุ่งเน้นให้มากขึ้น  พวกเขาอาจจะมีลูกไปแล้ว  ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนคิดว่าคงจะดีกว่าถ้ายังไม่มีลูกในตอนนี้  และบางทีทารกที่ถือกำเนิดตอนสงครามจบหลังจากเย่ว์หยางย่างเท้าเข้าสู่ระดับขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ของนักสู้ปราราชันย์ก็จะยิ่งมีศักยภาพมาก  หญิงงามอู๋เหินเองก็อยากมีลูกจริงๆ  อย่างไรก็ตามความปรารถนาของนางยังเป็นไปไม่ได้ชั่วคราว  อู๋เหินคอยรักและเอาใจใส่ทุกคนรอบตัวนางที่จำเป็นต้องดูแล รวมทั้งสาวน้อยอย่างปิงเอ๋อ ซวงเอ๋อและเสี่ยวเหวินหลี, และสาวใหญ่อย่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัว สาวๆ ที่เป็นอสูรพิทักษ์อย่างเช่นอาหง อาหมัน

“เจ้าก็ต้องการได้เลือดเทพด้วยหรือ? ไม่มีทาง”  ตอนนี้แมงป่องดาวพบว่าการติดตามเย่ว์หยางจะมีอนาคตที่สดใสและมันค่อนข้างเต็มใจจะทำเช่นนั้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากซิมบาเข้ามาร่วมกลุ่มซึ่งทำให้มันคลายความกังวลไปมาก

“คริก!”  แมงป่องดาวมีปัญญาฉลาด แต่พูดแสดงอารมณ์ในใจซึ่งมันเก็บกดไว้ไม่ได้

การกักเก็บพวกเขาไว้เป็นเหมือนสมบัติหายากที่รอการเสนอราคาสูงสุดที่จะขาย  เย่ว์หยางไม่กังวลเรื่องทำสัญญาและไม่พูดเรื่องการหลอมรวมระหว่างแมงป่องดาวกับถุงมือราศีแมงป่องเพื่อสร้างทหารร่างอสูรศักดิ์สิทธิ์”

โชคดีที่เย่ว์หยางไม่ทำให้แมงป่องดาวรู้สึกผิดหวัง

เขาให้แมงมุมทรายฟันเหล็กทองซึ่งถูกพิษของแมงป่อง และขาที่กลายเป็นทองของกู่เติ้งเพื่อให้มันดูดซับพลังงานได้

ในอดีตแมงป่องดาวไม่กล้ารับอาหารจากเย่ว์หยางง่ายๆ  แต่ตอนนี้มันกระตือรือร้นจะสร้างมิตรภาพที่ดีกับเย่ว์หยาง  แมงป่องดาวรับแมงมุมทรายฟันเหล็กทองและขาที่กลายเป็นทองของกู่เติ้งอย่างมีความสุข  นอกจากนี้ของทั้งสองสิ่งนี้เป็นประโยชน์ในการสร้างพลังความก้าวหน้าให้กับมัน  คงเป็นเรื่องโง่ถ้ามันลังเลจะยอมรับเอาไว้

นางพญากระหายเลือดตื่นเต้นทั้งวันและแทบอดใจรอเวลาเริ่มต้นหลอมรวมในตอนกลางคืนไม่ไหว

ถึงเวลากลางคืนพิธีการหลอมรวมจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ

เย่ว์หยางชำระเลือดเทพด้วยเพลิงอมฤตซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเปลี่ยนทำให้เลือดเทพมีความบริสุทธิ์โดยไม่รู้สึกถึงอะไรอย่างอื่นยกเว้นพลังงานที่ศักดิ์สิทธิ์

ตอนแรกเย่ว์หยางเขียนอักษรรูนสวรรค์บนร่างเปลือยขาวปานเย้ยหิมะของอาหงเพื่อช่วยให้นางดูดซับเลือดเทพได้ดี  จากนั้นเย่ว์หยางใช้เลือดตนเองบวกกับใช้วิชาลี้ลับของอักษรรูนโลหิตเพื่อเขียนอักษรรูนโบราณที่สะดือนาง บนหัวใจและระหว่างคิ้วไปตามลำดับ ความสามารถในการเขียนวงเวทอักษรรูนโบราณทั้งสามเป็นเครื่องหมายถึง ภูมิปัญญาเทพ, แหล่งพลังงาน,และรากฐานวิญญาณ

ใช้เลือดเทพเพื่อสร้างพลังรบให้กับอาหงไม่ใช่สิ่งที่เย่ว์หยางหวังที่สุด

แต่เขาต้องการให้อาหงเกิดใหม่ในฐานะมนุษย์ด้วยความช่วยเหลือของเลือดเทพ

เขาหวังว่านางจะสามารถมีคัมภีร์อัญเชิญเหมือนกับเสี่ยวเหวินหลี อิคคา เจี้ยงอิงและฮุยไท่หลางและกลายเป็นอสูรในตำนานสำหรับมนุษย์

แม้ว่านางจะมีแต่เพียงคัมภีร์อัญเชิญทองแดง แต่อนาคตเส้นทางการเติบโตของนางจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง  ภูมิปัญญาจะทำให้อาหงมีสติปัญญาสูงส่ง  แหล่งพลังจะทำให้อาหงมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ  รากฐานวิญญาณจะเป็นพื้นฐานของทุกสิ่งซึ่งสามารถยกระดับศักยภาพและพัฒนาความสามารถทำให้สามารถทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้จะทำให้นางกลายเป็นอสูรในตำนาน

“เจ้าพร้อมหรือยัง?”  เย่ว์หยางถามอาหงที่กระวนกระวายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เลือดเทพลอยอยู่เหนือฝ่ามือของเขา

“ข้าพร้อมแล้ว!”  แม้ว่าใจของอาหงจะเต้นรัวเป็นกลอง  แต่นางก็ยังพยักหน้ายืนยัน

ความประหม่าของนางไม่ใช่เป็นเพราะนางเขินอาย  การเปลือยกายต่อหน้าเจ้านายของนางทำให้นางอายเพียงเล็กน้อย  ความกระวนกระวายของนางไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความตื่นเต้น - นางไม่สามารถสงบใจได้หลังจากหลอมรวมกับเลือดเทพเพื่อจุติใหม่จะทำให้ชีวิตนางเปลี่ยนไป  อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้นางกังวลที่สุดก็คือการเปลี่ยนแปลงในอนาคต  นางกังวลว่านางจะไม่สามารถทำตามความคาดหวังของเจ้านายนางได้  กลัวว่านางจะไม่สามารถทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้  ซึ่งนั่นจะไม่ทำให้นางกลายเป็นอสูรในตำนาน และนางคงจะทำให้เจ้านายนางผิดหวัง

อย่างไรก็ตาม นางไม่อาจหนีได้

นางยอมรับของขวัญของเจ้านายนางและยอมท้าทายโชคชะตาของนาง

เมื่อเย่ว์หยางหยดเลือดเทพสีทองลงในปากของนาง อาหงหลับตาและประสานมืออยู่ที่หน้าอก  ขณะนั้นนางเพียงแต่สวดภาวนา  ข้าแต่เทพเจ้า!  โปรดช่วยข้าให้มีชีวิตตามที่นายท่านคาดหวังด้วยเถิด  ข้าอยากเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่เหมือนกับนายหญิงอู๋เหิน  ข้าอยากอยู่กับนายท่านและนายหญิงอู๋เหินตลอดไป....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด