ตอนที่แล้วบทที่ 29 - หน่วยลาดตระเวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31 - ไม่ลดมากไปกว่านี้

บทที่ 30 - มือสังหารฉินหยู


3/6

บทที่ 30 - มือสังหารฉินหยู

“เจ้ามีหลักฐานอะไร?” สีหน้าของหยางซือเล่ยขรึมลงเล็กน้อย แม้ชายผู้นี้จะสุ่มถามแบบส่งๆ แต่ดูจากท่าทางแล้ว ชัดเจนว่าต้องการหาแพะรับบาป

“หลักฐานไม่มี แต่เดี๋ยวทำให้มีก็ได้ เจ้าสองคน มาค้นตัวเขา!” หัวหน้ายามหันไปเรียกลูกน้อง

“รับทราบท่านหัวหน้า!”

ทหารยามสองคนก้าวออกมาพร้อมกัน ตรงเข้าหาหยางซือเล่ย

“พวกเจ้ากล้า!”

เฉินซีย่อมได้ยินประโยคเมื่อครู่เช่นกัน เขาตวาดเสียงเย็น ก้าวออกมาจากข้างหลังหยางซือเล่ย ปลดปล่อยคลื่นพลังวิญญาณออกไปทันใด และเหนือศีรษะเขา เงาร่างของจิตวรยุทธหนูเนตรทองคำปรากฏขึ้น

“นี่พวกเจ้าคิดขัดขืน?” สองทหารยามตกใจ วางฝ่ามือลงบนด้ามกระบี่อย่างรวดเร็ว

“ช้าก่อน! ... นั่นมันท่านเฉินซี ผู้ประเมินสมบัติแห่งสภาหอการค้าจินไห่มิใช่หรือ?”

หัวหน้ายามเพิ่งสังเกตเห็นเฉินซี สำหรับบุคคลเช่นเขา ไม่ถือเป็นคนแปลกหน้า เป็นคนที่มีคุณสมบัติสามารถเข้าพบเจ้าเมือง และเข้าออกคฤหาสน์เจ้าเมืองได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องถูกตรวจสอบ

“ข้ากับนายน้อยหยาง เมื่อวานเราดื่มด้วยกันทั้งคืน แล้วจะไปเกี่ยวข้องกับคดีได้อย่างไร?” ใบหน้าของเฉินซีเย็นชา เอ่ยเสียงทุ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น เย่หานเป็นศิษย์จากทำเนียบยุทธชางเฉียง เขาใช่ใครที่คนธรมดาอย่างพวกเราจะสังหารได้หรือ?”

“หากข้ารายงานเรื่องนี้แก่ท่านเจ้าเมือง เกรงว่าหัวเจ้าจะหลุดจากบ่า!”

เฉินซีดูก้าวร้าวมาก ราวกับเป็นคนละคนเวลาอยู่กับหยางซือเล่ย

สีหน้าของหัวหน้ายามลาดตระเวนแปรเปลี่ยนไป “พวกเราแค่ต้องการหาตัวผู้ต้องสงสัย แต่ในเมื่ออาจารย์เฉินยืนยันกับปากตัวเอง เช่นนั้นคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด”

ท่าทีของหัวหน้ายามดูสุภาพขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กล่าวด้วยท่าทีขอโทษขอโพย

เขาไม่นึกเลย ว่าผู้ประเมินสมบัติอันดับต้นๆอย่างเฉินซีแห่งสภาหอการค้าจินไห่จะช่วยหยางซือเล่ยผู้ฉาวโฉ่คนนี้

แล้วอีกอย่าง เมื่อครู่เหมือนจะได้ยินเขาเรียกหยางซือเล่ยแบบให้เกียรติว่านายน้อยหยาง!?

แม้ในใจยังสงสัย แต่หัวหน้ายามไม่รั้งอยู่ต่อ นำกลุ่มลูกน้องหัวจากไป ไม่กล้ายั่วยุอีก

“นายน้อยหยาง ฝีมือข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

หลังจากยามลาดตระเวนจากไป เฉินซียิ้มประจบสอพลอ พยายามขอคำชม

“ทำได้ไม่เลว” หยางซือเล่ยพยักหน้ายิ้มตอบ จากนั้นพาบุตรสาวเดินเข้าประตูของฝูจิงเสวียน

ข้างหลังเขา เฉินซีรีบตามมาติดๆ ดูเหมือนการสามารถแก้ปัญหาให้หยางซือเล่ยได้ มันจะเป็นเกียรติกับเขามาก

และฉากที่เกิดขึ้นนี้ ทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของชายชุดนำที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างชั้นสองตลอดเวลา

“หยางซือเล่ย ...” ชายลึกลับในชุดดำวางจอกเหล้าลง พึมพำชื่อนี้ ไม่ทราบในใจคิดอะไรอยู่

บนชั้นสองของร้านอาหาร เพียงก้าวขึ้นมา หยางซือเล่ยก็สังเกตเห็นชายลึกลับในชุดดำทันที โต๊ะอีกฝ่ายตั้งอยู่ตรงหน้าต่างพอดี ดูท่าชายผู้นี้จะเห็นทุกอย่างแล้ว

แล้วอีกอย่าง ชั้นสองทั้งชั้นไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่เลย กระทั่งบริกรก็ไม่มี คาดว่าคงถูกชายลึกลับจองไว้ทั้งชั้น

“นายน้อยหยาง เป็นชายผู้นั้น” เฉินซีเตือนเขาด้วยเสียงต่ำ

หยางซือเล่ยพยักหน้า จูงมือบุตรสาวเดินเข้าไป

“เชิญนั่ง” มองตามหยางซือเล่ยเดินเข้ามา ชายลึกลับในชุดดำกล่าวอย่างเฉยเมย

หยางซือเล่ยไม่สุภาพ นั่งตรงข้ามชายชุดดำ ใช้สายตาสำรวจมอง

หมวกเสื้อคลุมสีดำของชายลึกลับกว้างมาก มันยาวลงมาจนปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง เห็นแค่เพียงริมฝีปากบางๆ ให้ความรู้สึกเย็นชานิดๆ

ตามปกติแล้ว ในฐานะนักฆ่า พวกเขาพยายามที่จะไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง

ดังนั้นการแต่งตัวแบบนี้ หยางซือเล่ยเข้าใจได้

หลังจากสังเกตซักพัก หยางซือเล่ยก็เอ่ยก่อน “ข้าชื่อหยางซือเล่ย ส่วนเจ้าเรียกว่าอะไร?”

ชายในชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉินหยู”

ฟังจากเสียง คาดว่าอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่ม

ระหว่างทางมาที่นี่ หยางซือเล่ยได้รู้ข้อมูลจากเฉินซี ว่ากลุ่มจันทร์สีเลือดคือกลุ่มนักฆ่าใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าในกลุ่มจะมีสมาชิกไม่มากนัก แต่ทั้งหมดล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์รุ่นเยาว์ มีประสิทธิภาพในการทำงานมาก

เมื่อได้รับค่าจ้าง วันรุ่งขึ้นก็เตรียมฟังข่าวดีได้เลย เพียงแต่ค่าจ้างค่อนข้างสูง