ตอนที่แล้วตอนที่ 716 ไฟต้นกำเนิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 718 วิคเตอร์กับโรแลนด์ ซู

ตอนที่ 717 พี่น้องตระกูลสวี่


การต่อสู้ส่งผลยิ่งกว่าครั้งก่อน

พายุดาบสลาตันที่น่าตื่นตะลึงของเบนสันแสดงออกมาต่อหน้าทุกคนให้ประจักษ์ถึงพลังของมัน  ทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างตั้งใจมีผู้ชมจำนวนมากมายยิ่งกว่าการต่อสู้ครั้งก่อนมาก และคำพูดของจอมเสเพลอย่างวิคเตอร์ที่พูดถึงบุรุษหน้ากากผีจุดไฟต้นกำเนิดทำให้เกิดการพูดคุยสนทนาตื่นเต้นกับคนอื่น

ดาบพายุสลาตันคือวิชาที่มีชื่อเสียงและเป้าหมายสูงสุดสำหรับนักสู้ทุกคนผู้ฝึกฝนดาบลมสำหรับวิชาสังหารสุดยอดนั้นทำให้จะไม่ทำให้เกิดความโกลาหลในเมืองจื่อจวนได้อย่างไร

ครั้งสุดท้ายที่เบนสันเปิดเผยพลังของเขาทำให้คนนับไม่ถ้วนร้องด้วยความตกใจ และหลังจากแสดงพายุดาบสลาตันก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเบนสันขึ้นไปอีกระดับ

พลังของบุรุษหน้าผีทุกคนต้องประเมินใหม่กันอีกครั้ง  ภายใต้พลังพายุดาบสลาตันสำหรับเขายังฝืนเดินหน้า ความแข็งแรงของบุรุษหน้ากากผีนั้นเด็ดขาดมีอิทธิพลในตนเองไม่มีใครเห็นว่าบุรุษหน้ากากผีสู้กับพายุดาบสลาตันได้ยังไงขณะที่ความสนใจของทุกคนอยู่ที่ไฟต้นกำเนิด

ความยากลำบากของการจุดไฟต้นกำเนิดไม่ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับเรียนรู้พายุดาบสลาตัน  จำเป็นต้องปรับตัวครั้งแล้วครั้งเล่า และระยะเวลาในการปรับสภาพร่างกายก็ไม่อาจมองข้ามได้ วิคเตอร์พูดถูกเรื่องคนโง่สามารถจุดไฟต้นกำเนิดได้   เนื่องจากพวกที่สามารถทำเช่นนั้นได้จะต้องรู้ว่าพรสวรรค์ของพวกเขานั้นธรรมดา  แต่สามารถทนต่อความน่าเบื่อในการปรับสภาพร่างกายได้

เพราะเหตุนั้นจึงมีคนน้อยมากที่สามารถจุดไฟต้นกำเนิดได้

ไม่มีข้อสงสัยแล้วทุกคนรู้ว่าบุรุษหน้ากากผีเป็นยอดฝีมือแน่ แค่จุดที่เขาสามารถจุดไฟต้นกำเนิดได้ ก็เพียงพอแล้ว

การรู้แจ้งกฎทำให้ง่ายต่อการใช้กฎธรรมชาติ  แต่การใช้งานกฎธรรมชาติจำเป็นต้องมีพลังภายนอก การรู้แจ้งกฎของบุรุษหน้ากากผียังติ้นเขินอยู่  แต่พลังร่างกายที่น่าประหลาดใจของเขาทำให้พลังโจมตีของเขาสามารถผ่านจุดอ่อนได้

แน่นอนว่ายอดฝีมือแบบนั้นไม่ได้ทำให้คนอย่างวิคเตอร์ตกใจนักสู้ที่ทรงพลังอย่างวิคเตอร์และคนอื่น ความเข้าใจและการใช้กฎธรรมชาติถึงระดับที่คนอื่นเรียกว่าสุดยอด

ผู้คนที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์มักจะมีรัศมีเจิดจ้าอยู่เสมอใช้พลังของพวกเขาวิ่งขึ้นสู่จุดสุดยอด

แต่สิ่งทุกคนชอบจะคุยกันก็คือผู้ชนะในท้ายที่สุดของการต่อสู้ทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกันไปโดยไม่พูดอะไรสักคำและยากจะตัดสินผู้ชนะ

“บุรุษหน้ากากผีชนะ”  สวี่อันจงแน่ใจ แม้แต่ที่บ้านเขาไม่เคยอยู่ห่างจากกระบี่เลย

เขามักรู้สึกเชื่อมั่นอย่างมากต่อพี่ชายที่อยู่ต่อหน้าเขา  สวี่เย่มีผิวสีขาวซีด  ตาของเขาดำสนิทมองดูเหมือนกับว่าเขาป่วยและอ่อนแอมาก แต่ทุกคนที่ดูถูกเขามีแต่จะตายอย่างอนาถ

สองพี่น้องนั่งอยู่ตรงข้ามกันมีความเด่นชัดมาก ร่างของสวี่อันจงสูงใหญ่และล่ำสัน สวมเสื้อผ้าธรรมดารองเท้าแตะฟางและผิวของเขาหยาบกร้าน สวี่เย่กลับตรงกันข้ามมองดูเหมือนคุณชายสูงส่งอาภรณ์หรูงดงามทุกอิริยาบถดูสง่างาม

“โอว,ทำไมเป็นเช่นนั้น?”  สวี่เย่ยิ้มและถาม

“ทันทีที่ดาบพายุสลาตันถูกทำลายเบนสันก็แพ้แล้ว”  สวี่อันจงกล่าว

สวี่เย่“เจ้าทำลายดาบพายุสลาตันได้ไหม?”

คำถามนี้ทำให้สวี่อันจงยังคังเงียบครู่หนึ่งก่อนจะตอบ  “เป็นเรื่องยากมาก”

สวี่เย่หัวเราะ  ‘อันจงบอกยากและมิใช่เป็นไปไม่ได้  ดูเหมือนว่าพลังของอันจงจะเหนือกว่าที่ข้าคิด’  เขาล่ะ?  เขามีความสุขเกี่ยวกับเรื่องนี้  มีนักสู้ที่แข็งแกร่งอีกคนหนึ่งในตระกูล  นั่นช่วยได้มากในเวลาอย่างนั้น

“เจ้าคิดว่าบุรุษหน้ากากผีไปหาเบนสันทำไม?”สวี่เย่ถาม

สวี่อันจงส่ายศีรษะ“ข้าไม่รู้เรื่องนั้น

เขาไม่เข้าใจจริงๆไม่ว่าเขาจะมองดูอย่างไร ก็ไม่มีเหตุผลที่บุรุษหน้ากากผีจะต้องตามหาเบนสันแม้แต่น้อย  เว้นแต่ เป็นเหมือนกับที่บุรุษหน้ากากผีกล่าวเพื่อเอาชนะเขา แต่เหตุผลนี้สำหรับสวี่อันจงเหมือนกับเหตุผลเด็กๆ  เขาไม่เชื่อว่าผู้นำจะเล่นเกมอย่างนี้

‘บุรุษหน้ากากผีต้องมีแผนบางอย่าง’

สวี่อันจงรู้ตัวเองว่าเขาไม่ใช่คนฉลาดและไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้มากเกินไป ขณะที่เขามองดูสวี่เย่ที่มีจิตใจแข็งแกร่งกว่าเขาร้อยเท่า

“ข้าไม่สามารถเข้าใจได้เลย”สวี่เย่หัวเราะ  “เมื่อคิดดูแล้วเป้าหมายสุดท้ายของเขาก็คือช่วยนักโทษหน่วยสุญญตาแน่นอน”

“เราก็มีนักโทษหน่วยสุญญตาด้วยเช่นกัน”  สวี่อันจงเตือนสวี่เย่

สวี่เย่หัวเราะ  “อย่าห่วงเรื่องนี้เกินไปเลย  ตอนนี้คนที่ควรเป็นห่วงไม่ใช่พวกเรา  แต่เป็นตระกูลฉิน”

“ตระกูลฉิน?”  สวี่อันจงประหลาดใจ

“ตระกูลฉินใช้ตระกูลเซวียแลกนักโทษ200 คนกับตระกูลหลู”  รอยยิ้มของสวี่เย่เหมือนกับดวงอาทิตย์ไม่มีอะไรปิดบัง  “นับดูสิ จำนวนของนักโทษที่ตระกูลฉินจะมีประมาณ400 – 500 เจ้าต้องรู้ จำนวนนักโทษน้อยกว่า 5000 สำหรับตระกูลฉินได้รับหนึ่งในสิบเจ้าจะคิดยังไง  พวกเขายินดีจะยกให้หรือ?”

“ไม่, พวกเขาคงไม่”  สวี่อันจงส่ายศีรษะ  เขาเคยเห็นนักโทษมาก่อน  แต่ละคนนั้นมีร่างกายพิเศษโดดเด่น

ทุกคนดูเหมือนจะเดินเส้นทางเดียวกับบุรุษหน้ากากผีและผ่านการฝึกปรับเปลี่ยนร่างกายมาเป็นอย่างดี  สำหรับตระกูลหนึ่ง  การเพิ่มกำลังมาขนาดนั้นถือว่าได้ผลรับมหาศาล  แม้ว่าการรับรู้ของพวกเขาไม่ดี แต่ด้วยพลังร่างกายอย่างนั้นและตกอยู่ในความควบคุมของพวกเขาก็เพียงพอจะแสดงศักยภาพความเป็นไปได้

ถ้าพวกเขามีเพียง 200 คนบางทีตระกูลฉินอาจยินดีจะยกพวกเขาให้ แต่นี่เกือบ 500 คนและตระกูลฉินคงจะไม่ยอมยกให้แน่นอนแต่กลับคิดหาวิธีซื้อหาเพิ่มขึ้น ตราบใดที่พวกเขาแยกย่อยนักโทษ 500 คนนี้ได้ ความแข็งแกร่งของตระกูลฉิลจะเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง  และถ้าพวกเขามีนักโทษเพิ่มขึ้นถึง 1000  อย่างนั้นตระกูลฉินจะมีคุณสมบัติกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในแดนบาป

เป็นพลังดึงดูดใจที่ตระกูลฉินไม่สามารถปฏิเสธได้

“งั้นบอกข้าทีตอนนี้ตระกูลฉินจะทำยังไง?”  สวี่เย่ถาม

สวี่อันจงเข้าใจทันที  “พวกเขาจะตามหาเขา”

“ถูกต้อง”สวี่เย่หัวเราะ “บุรุษหน้ากากผีสามารถเอาชนะเบนสันได้ นั่นกลายเป็นเรื่องคุกคามใหญ่ไปแล้ว และบุรุษหน้ากากผีก็คือผู้นำหน่วยสุญญตา ตราบใดที่เขายังมีชีวิต นักโทษทุกคนจะไม่ยอมรับ ถ้านักโทษกลับถูกเขาช่วยออกไป อย่างนั้นกำลังของบุรุษหน้ากากผีจะเพิ่มขึ้นอีกมาก  เมื่อบทเป็นอย่างนั้นเจ้าคิดว่าตระกูลฉินจะปล่อยให้เขามีชีวิตหรือ?”

“ไม่”  สวี่อันจงส่ายศีรษะ เบาะแสทั้งหมดเหล่านี้เริ่มเชื่อมโยงกันในใจของเขา  และชัดเจนขึ้น “อย่างนั้นตอนนี้เราจะทำยังไง?”

“เราจะทำยังไง?”  สวี่เย่หัวเราะ  “แน่นอน เราจะสนุกกับการดูการแสดงต่อไป”

“สนุกกับการดู?  ถ้าบุรุษหน้ากากผีตายอย่างนั้นเมื่อตระกูลฉินปราบนักโทษได้ทั้งหมด เราจะตกอยู่ในความยุ่งยาก” สวี่อันจงขมวดคิ้ว  สำหรับเขาควรจะเป็นเวลาลอบช่วยบุรุษหน้ากากผีมากกว่า

“สบายใจได้,เขาจะตายง่ายๆ ได้ยังไง?” สวี่เย่กล่าวอย่างสบายใจ “เขาสามารถเอาชนะเบนสันและพายุดาบสลาตันได้  ต่อให้สี่ขุนพลลงมือเอง  พวกเขาอาจจะเอาชนะเขาไม่ได้  ตราบใดที่เขาได้บริวารกลับคืน  พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า”

“นักโทษเหล่านั้นมีพลังทั่วไปเท่านั้น”  สวี่อันจงกล่ว แม้ว่าพวกเขาจะมีร่างกายโดดเด่น แต่พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกฎธรรมชาติ วิทยายุทธของพวกเขาดูเหมือนทรงพลัง แต่ไม่มีพลังกฎธรรมชาติสนับสนุนพวกเขา พลังของพวกเขาก็อ่อนแอ

“พวกเขาคือกองทัพ”  สวี่เย่เตือน และจากนั้นถอนหายใจ  “ในแดนบาปเคยมีกองทัพนานมากแล้ว  ทุกคนลืมเรื่องพลังของกองทัพไปแล้ว  บอกตามตรง ข้าค่อนข้างตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่ากองทัพของบุรุษหน้ากากผีแข็งแกร่งเพียงไหน”

“อย่างนั้นก็ให้นักโทษเรากับเขาเป็นของขวัญ”  สวี่อันจงกล่าว

“ใจเย็นก่อน  จะต้องมีคนที่ให้นักโทษเป็นของขวัญกับเขา”  สวี่เย่หัวเราะ

หมิงจูกลับไปที่บ้านตระกูลเซวีย  สีหน้าของนางซึมเศร้าหลังจากเห็นการต่อสู้อย่างดุเดือดที่บ้านตระกูลมัวร์  สภาพใจของนางสั่นสะท้าน ในที่สุดนางก็ตระหนักได้ว่าในสายตาของนักสู้ที่ทรงพลังความคงอยู่ของตระกูลเซวียของนางเป็นเหมือนมด

การปฏิเสธจากตระกูลใหญ่ทำให้นางไร้เรี่ยวแรงมากยิ่งขึ้น

แต่ผลกระทบที่ใหญ่ที่สุดที่นางได้รับคือจากบุรุษหน้ากากผี เขายังคงหยิ่งและแข็งแกร่งทั้งที่เลือดท่วมตัว แต่ความมั่นใจที่เงียบและอธิบายไม่ได้ยังสามารถรู้สึกได้แม้เมื่อเขาพาสหายหญิงมาด้วย

เพราะเหตุผลบางอย่างนางคิดถึงถังเทียนทันที

ร่างของพวกเขาคล้ายกันมาก  แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาต่างกันคนละโลก  ‘ถ้าเพียงแต่บุรุษหน้ากากผีจะช่วยเหลือตระกูลเซวีย..’

หมิงจูฝืนหัวเราะ  เมื่อคิดว่านางไร้สาระเกินไป ถึงอย่างนั้นนางก็สามารถเห็นได้ว่าบุรุษหน้ากากผีจะเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของมหาชน  นางอดสมเพชเขาไม่ได้  ‘ตระกูลเซวียก็ถูกศัตรูรายล้อมด้วยไม่ใช่หรือ?’

เมื่อนางรั้งความคิดกลับมาได้ นางตระหนักได้ว่านางเดินไปทางคลังสินค้าโดยไม่รู้ตัว

หมิงจูพูดไม่ออก  ‘ช่างเถอะ,  คนแซ่ถังกำลังหลับอีกแล้ว’

นางเดินตรงไปที่คลังสินค้า

ข้างนอกประตูใหญ่นางได้ยินเสียงหอบและทุบหิน นางคุ้นเคยกับเสียงนั้นแล้ว นั่นคือเสียงทุบหินเหล็กดำ

‘ในที่สุดเขาก็ไม่หลับอีกต่อไป ดูเหมือนว่าข้าใช้กรวดเหล็กทองล่อเขาได้”

หมิงจูปลอบใจตนเอง  แต่เพราะเหตุผลบางอย่างแววผิดหวังปรากฏในใจนาง  ‘ถ้าเป็นบุรุษหน้ากากผี เขาคงไม่ถูกล่อด้วยของเล็กน้อยอย่างนั้น’

หมิงจูฝืนหัวเราะอีกครั้ง  นับเป็นวันแย่สำหรับนาง  นางรู้ว่าผลพวงของเหตุการณ์ทำให้เกิดความบกพร่องในจิตใจที่มั่นคงของนาง

ดวงตาของนางกลับมาแสดงความมุ่งมั่นอีกครั้ง  นางไม่รบกวนถังเทียนและหมุนตัวเดินออกมา

ภายในคลังสินค้าเถี่ยเซียหอบหายใจ  เขาทุ่มเทแรงใช้ค้อนบดย่อยหินเหล็กดำ  ‘ข้าคือคนโฉดชั้นสองนะเฮ้ย..ตอนนี้ตกต่ำกลายเป็นจับกังไปเสียแล้ว...’  เขาอยากจะร้องไห้

“ต่อไป”

หานปิงหนิงพูดอย่างเย็นชาทำให้เขาสั่น  จากนั้นเขาเงื้อค้อนและบดกระแทกอีกครั้ง

หานปิงหนิงปกป้องถังเทียนอยู่ข้างๆเขา มือของนางยังคงกำด้ามกระบี่ขณะที่นางระมัดระวังต่อเนื่อง ตราบใดที่เถี่ยเซียมีท่าทีน่าสงสัยแม้แต่น้อย  นางจะฆ่าเขา

หลังจากกลับมาที่คลังสินค้าแล้วหลังจากที่หานปิงหนิงฟื้นและเห็นสภาพถังเทียนเลือดท่วมตัว  นางเกือบจะชักกระบี่ฆ่าเถี่ยเซียแล้วแต่โชคดีถังเทียนห้ามนางไว้

ตัวของถังเทียนมีชั้นเพลิงสุญญตาโปร่งแสงโคจรรอบและแผลก็เริ่มสมานตัวระดับที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า รอบตัวเขากรวดเหล็กทองลอยอยู่ในอากาศ

ทันใดนั้นถังเทียนลืมตาและและกระดิกนิ้วทั้งสิบ

ซี่...!

สายใยกฎธรรมชาติอวกาศสิบสายเหมือนรัศมีมีดที่อ่อนตัดเม็ดกรวดเหล็กทองพร้อมกัน

พลังกายปัจจุบันของเขาผ่านการเปลี่ยนแปลงอยู่ในคุณภาพที่ดีมานานแล้ว และการใช้สายใยกฎอวกาศเป็นจำนวนมากเหมือนแต่ก่อน  ไม่เป็นปัญหากับเขาต่อไปแล้ว

เป๊าะ เป๊าะ เป๊าะ

กรวดเหล็กทองเริ่มระเบิดออกเม็ดแล้วเม็ดเล่า และแก่นต้นกำเนิดชีวิตเปลี่ยนเป็นรัศมีสีเงินและเข้าไปในร่างของถังเทียน

ในพริบตาเดียว กรวดเหล็กทองทั้งหมดถูกถังเทียนทำลายหมดและแก่นต้นกำเนิดชีวิตคุณภาพเยี่ยมเข้าไปในร่างของเขาทำให้ถังเทียนมีรูปลักษณ์ที่น่าทึ่ง

ทะเลเพลิงสุญญตาลุกโพลงอย่างเงียบๆ แก่นต้นกำเนิดชีวิตเป็นเหมือนหินแตกร่วงกราวลงมาจากฟ้าและกระแทกใส่เปลวเพลิงสุญญตา  รัศมีของแก่นต้นกำเนิดชีวิตดูเหมือนเป็นตัวกระตุ้นทำให้เพลิงสุญญตาในร่างของเขารุนแรงมากขึ้น

ถังเทียนไม่เคยคิดว่าการดูดซับแก่นต้นกำเนิดชีวิตจะแตกต่างออกไปมากมาย  ครั้งแรกยังสงบ  แต่ตอนนี้ มันกลายเป็นรุนแรงมาก

แต่ขณะนั้นเขาไม่มีเวลาคิด สมาธิของเขาทั้งหมดจดจ่ออยู่กับเพลิงสุญญตาที่พยายามย่อยแก่นต้นกำเนิดชีวิต

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด