ตอนที่แล้วตอนที่ 705 กฎปรับสภาพร่างกาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 707 เหตุการณ์ลุกลามเกิดเงาครอบคลุมทั้งเมือง

ตอนที่ 706 ห้าตระกูลใหญ่เมืองจื่อจวน


เมื่อเห็นผิงเสี่ยวซานถูกมัดทั้งตัวและมีอะไรบางอย่างยัดใส่ปาก  ถังเทียนตกใจ

“เขาแอบเข้ามา  ข้าก็เลยมัดเขาไว้”  หานปิงหนิงอธิบายทุกอย่างในประโยคเดียว

ถังเทียนรู้สึกมึนงง เขาเดินขึ้นไปและเอาผ้าที่ยัดอยู่ในปากผิงเสี่ยวซานออกและถาม  “ข้าบอกเจ้าว่าอย่ากลับมาขโมยไม่ใช่หรือ?  ทำไมเจ้ามาที่นี่อีก?”

ผิงเสี่ยวซานก้มหัวและพูดด้วยความเคารพ  “ผู้น้อยอยากจะรับใช้นายท่าน”

“รับใช้ข้า?”  ถังเทียนตกใจอีกครั้งเขามองดูผิงเสี่ยวซานอย่างสงสัยและถามขึ้นทันที “เจ้าเป็นหนี้เงินใครอยู่ข้างนอกหรือเปล่า?”

ผิงเสี่ยวซานมองดูสับสน  ‘ก็ได้,ใครดันให้ข้าทำตัวเป็นขโมยในการพบกันครั้งแรกเล่า’  เขากัดฟันกล่าว  “การต่อสู้ของนายท่านก่อนนั้นสร้างความตื่นตกใจไปทั้งเมือง สถานะนายท่านย่อมมีเกียรติและทรงพลังอย่างมากมายแน่นอน  แต่ผู้น้อยมีทักษะที่ต่ำต้อย  แต่ข้าเติบโตในเมืองจื่อจวนถ้านายท่านต้องการข้อมูลใดๆ ข้าน้อยสามารถหามาให้ท่านได้”

ถังเทียนตาสว่างโพลง  ความจริงเขาต้องการได้คนท้องถิ่นมาช่วยเขา เขาเหมือนคนตาบอดต่อเรื่องราวของเมืองจื่อจวน แม้แต่หานปิงหนิงก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการเก็บรวบรวมข้อมูล  ถ้าพวกเขาได้คนท้องถิ่นช่วยเหลืออย่างลับๆก็จะทำให้ประหยัดพลังไปมาก

“เนื่องจากเจ้าคุ้นเคยกับเมืองจื่อจวนใช่ไหม? งั้นบอกข้าได้ไหมตระกูลใดได้สหายของข้าไป?”  ถังเทียนถาม

ผิงเสี่ยวซานได้พิจารณาด้วยตนเองอย่างรอบคอบก่อนจะมาแล้วและได้เตรียมการหลายอย่างไว้เป็นธรรมดา ถังเทียนไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองตั้งความหวังจะช่วยคนของเขานั่นก็คือหมายความว่ากำลังคิดช่วยพวกที่เหลือแน่นอน  เรื่องตระกูลต่างๆเลือกเอาคนที่มาจากคลื่นซัดไม่ใช่ความลับในเมืองจื่อจวน ผิงเสี่ยวซานไปสืบดูและในเวลาอันรวดเร็วก็ได้รับข้อมูลที่เขาต้องการ

คำถามของถังเทียนบังเอิญตรงกับข้อมูลที่เขาเตรียมไว้พอดี เขาผ่อนคลายและใช้น้ำเสียงพูดด้วยความมั่นใจมากขึ้น  “ก่อนที่จะมานี้ผู้น้อยได้ตรวจสอบดูแล้วจากพลังคลื่นที่ซัดมาครั้งล่าสุด เมืองนี้จับคนได้รวม 468 คนตระกูลฉินได้คนไปมากที่สุด 227 คน นอกจากนั้นเป็นตระกูลสวี่ 92 คน  ตระกูลโรแลนด์ 65 คน  ตระกูลโซเบท 42 คน ตระกูลอวี่ 40 คนที่เหลือก็เป็นนายท่านกับแม่นางหาน”

ตัวเลขที่ถูกต้องนี้ทำให้ถังเทียนเชื่อใจผิงเสี่ยวซานมากขึ้น

‘เขามีมาตรฐานอยู่บ้างจริงๆ’

จากนั้นถังเทียนถาม  “ตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงบ้าง?”

ผิงเสี่ยวซานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง  “ก็ไม่ดีเท่าใดนัก  ตอนนี้ตระกูลต่างๆกำลังแบ่งแยกกลุ่มคนของท่านที่ฝึกไม่ได้ และมีนิสัยหยิ่งผยอง  พวกเขาจะต้องได้รับการขัดเกลาเพื่อให้เข้ากับตระกูลของพวกเขาให้ได้  ดังนั้นหลายคนถูกทรมานอยู่ในเรือนจำ  ตระกูลต่างๆหวังว่าจะสามารถขัดเกลานิสัยของพวกเขาจนเข้ากับพวกเขาได้”

หน้าของถังเทียนหมองทันที และเขากำหมัดแน่น

เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขากลายเป็นมัจจุราชทันทีเปล่งรังสีฆ่าฟันที่น่ากลัว เขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจ้องมองสัตว์ร้ายที่อันตรายและทำให้เขาหายใจไม่ออก

หานปิงหนิงอดมองดูถังเทียนไม่ได้  นางรู้สึกว่าถังเทียนแข็งแกร่งขึ้น

ทันใดนั้น รังสีอำมหิตหายไป  ถังเทียนคิดว่าโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์

“ตระกูลใดเป็นเป้าหมายที่ง่ายที่สุด?”  ถังเทียนไม่ปิดบังความคิดและถาม

แม้ว่าผิงเสี่ยวซานจะตัดสินใจเข้าร่วมมือกับถังเทียน  แต่เขาไม่เคยคิดว่าถังเทียนจะเป็นคนตรงนักเขาสะดุ้ง หลังจากนั้นชั่วครู่เขาฝืนหัวเราะ “ไม่มีตระกูลใดที่เป็นเป้าหมายง่ายเลย”

เมื่อเห็นว่าถังเทียนไม่โกรธ  เขาลอบสบายใจและรวบรวมความคิดของเขาจากนั้นเพิ่มเติม “เมืองจื่อจวนมีห้าตระกูลใหญ่ก็คือ ดุเหว่าม่วงตระกูลฉินตราประทับตระกูลสวี่  วารีไหลรินตระกูลโรแลนด์ฟีนิกซ์เพลิงตระกูลโซเบ็ท และองครักษ์เหล็กตระกูลมัวร์  ดุเหว่าม่วงตระกูลฉินแข็งแกร่งที่สุด  บรรพบุรุษของพวกเขาคือพวกที่สร้างเมืองนี้ดังนั้นราชาเมืองจื่อจวนฉินเจิ้นก็คือบุคคลหมายเลขหนึ่งในเมืองจื่อจวนอย่างมิต้องสงสัย  ไม่มีใครรู้จักพลังของฉินเจิ้นทั้งชีวิตของเขาแทบไม่ต้องทำงานใดๆ และยากที่ใครจะรู้เรื่องของเขา แต่เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว นอกจากฉินเจิ้นแล้ว ตระกูลฉินมีสี่ขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดมีความสำเร็จยิ่งใหญ่  ไม่ว่าจะเป็นคนใดในสี่คนก็สามารถสนับสนุนตระกูลหนึ่งได้ เรื่องส่วนใหญ่ของตระกูลฉินจะถูกจัดการโดยสี่ขุนพลผู้ยิ่งใหญ่นี้”

ถังเทียนฟังอย่างตั้งใจและอดทนอย่างมาก  เขาไม่เคยดูเบาศัตรูของเขา

“ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสองก็คือตราประทับตระกูลสวี่ กฎธรรมชาติเป็นตายของตระกูลสวี่ได้ฝึกหนึ่งในสามกฎใหญ่นั่นคือกฎธรรมชาติเป็นตาย ทุกรุ่นของตระกูลสวี่จะมีอัจฉริยะพิเศษประมุขตระกูลสวี่รุ่นปัจจุบัน สวี่เย่อายุเพียง 24 ปี แต่พลังของเขายากจะหยั่งแต่ตระกูลสวี่ไม่ยุ่งกับกิจกรรมทางโลกมากนัก และไม่มีใครรู้ว่าเป็นผลมาจากการฝึกเคล็ดวิชากฎเป็นตาย แต่ประมุขตระกูลสวี่ทุกรุ่นจะไม่มีชีวิตยืนยาว  และประมุขตระกูลที่แก่ที่สุดก็คือ 45 ปี  แต่ตระกูลสวี่มีอัจฉริยะน่ากลัวหลายคน  และเคล็ดวิชากฎเป็นตายมักจะมีผู้สืบทอดเสมอ”

“ในลำดับที่สามก็คือวารีไหลรินตระกูลโรแลนด์ ตระกูลโรแลนด์เป็นตระกูลที่ทรงเกียรติอย่างปฏิเสธไม่ได้  แต่แน่นอนพวกเขายังคงทำได้ดีกว่าตระกูลเซวียแขนเสื้อวารีของตระกูลโรแลนด์ขับเคลื่อนจากกฎธรรมชาติน้ำมีรูปแบบที่ยากจะรู้ได้เอาชนะความแข็งด้วยความอ่อนคนของตระกูลโรแลนด์เป็นศัตรูที่ทำให้คนอื่นปวดหัวได้มากที่สุด ความสามารถในการป้องกันของพวกเขาแข็งแกร่งมากจนกลายเป็นเรื่องน่ากลัวและแม้ว่าพลังของท่านจะเหนือกว่าพวกเขา ถ้าท่านต้องการเอาชนะพวกเขา จะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ประมุขคนปัจจุบันของตระกูลโรแลนด์ก็คือโรแลนด์ ซู  ในช่วงหลายปีมานี้ซาคงเลี่ยถูกแขนเสื้อน้ำของนางตัดขาด และเขากลายเป็นคนพิการไปในที่สุดและไม่กล้าย่างเท้าเข้ามาในเมืองจื่อจวนอีกเลย”

“อันดับที่สี่ก็มีตระกูลโซเบทกล่าวกันว่าฟีนิกซ์เพลิงของพวกเขาเกิดจากการรู้แจ้งของบรรพบุรุษของพวกเขาในกฎธรรมชาติของเพลิงห้าร้อยรูปแบบและได้ 13 รูปแบบที่แข็งแกร่งที่สุด หลังจากผสานกับเพลิงสิบสามแบบนี้ทำให้พลังของมันไร้เทียมทาน  ความสัมพันธ์ของพวกมันกับตระกูลโรแลนด์ไม่ค่อยดีนักเหมือนน้ำกับไฟ  นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลโซเบทชื่อว่าวิคเตอร์  เขามีบุคลิกที่ชอบปล่อยตัววนเวียนเที่ยวซ่องนางโลม  เขามีคุณสมบัติได้รับตำแหน่งประมุขตระกูล  แต่การกระทำของเขามักชอบทำตามใจตัวเองทำให้ผู้อาวุโสตระกูลไม่พอใจเขา เขาไม่สนใจในเรื่องอำนาจ และชอบหาความเพลิดเพลินใจให้ตัวเอง  ครั้งนี้เมื่อเบนสันแสดงพลังของเขา  เขาคาดว่าวิคเตอร์จะตกไปอยู่อันดับที่ห้า”

“และอันดับที่ห้าก็คือตระกูลมัวร์”

เมื่อฟังมาถึงจุดนี้  หน้าของถังเทียนเปลี่ยนไปในที่สุด  ก่อนนั้นเมื่อเขาคุยเกี่ยวกับพลังของพวกเขา แม้ว่าผิงเสี่ยวซานจะพูดว่าพวกเขามีพลังขนาดไหน  แต่ว่าถังเทียนไม่รู้วิธีประเมิน  จนกระทั่งเมื่อเขาพูดว่าตระกูลมัวร์อยู่อันดับที่ห้าทำให้เขาเปรียบเทียบได้ชัดเจนที่สุด

“องครักษ์เหล็กตระกูลมัวร์สืบทอดกันในตระกูลมัวร์ตามลำดับ มักจะมีกลุ่มคนผู้จงรักภักดีและองครักษ์เหล็กผู้มีจิตใจแน่วแน่คอยปกป้องตระกูลมัวร์อยู่เสมอ  แต่ตระกูลมัวร์ในปัจจุบันตกต่ำมายาวนานมาก  และองครักษ์เหล็กรุ่นปัจจุบันมีแต่เพียงเบนสัน  ตระกูลมัวร์มีการสืบทอดมรดกที่ซับซ้อน แต่องครักษ์เหล็กมีข้อปฏิบัติที่แตกต่างออกไป  ตั้งแต่ยังเยาว์วัยเบนสันได้เดินทางผจญภัยไปกว้างไกลและจากนั้นจึงค่อยกลับมาตระกูลมัวร์  เมื่อกลับมาเขาช่วยให้สถานะและอำนาจของตระกูลมัวร์มั่นคง องครักษ์เหล็กตระกูลมัวร์ภักดีและเสียสละกันทุกคนทำให้เป็นที่อิจฉาของตระกูลอื่น เบนสันฝึกวิชาดาบสายลม แต่ข้าไม่คาดเลยว่าเขาจะแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าคาดว่าสถานการณ์โดยรวมจะเปลี่ยนไปในไม่ช้า”

“เบนสันหน้าดำถูกจัดเป็นอันดับที่ห้าเองหรือ?”  หน้าของถังเทียนดูไม่ค่อยดี

ผิงเสี่ยวซานพูดจนกระทั่งคอแห้ง  เขาผงกศีรษะ “ถูกแล้ว ลำดับนี้ถูกจัดลงตัวมานานแล้ว เป็นบางอย่างที่ทุกคนเห็นด้วย”

ถังเทียนรู้จักพลังบุรุษผิวเข้ม  แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จชิงตัวหานปิงหนิงมาได้แต่นั่นเป็นอุบัติเหตุล้วนๆ ถ้าเป็นการต่อสู้เดิมพันชีวิต  ด้วยความสามารถปัจจุบันของถังเทียนเขาไม่มีโอกาสชนะ

‘บุรุษที่แข็งแกร่งขนาดนั้นเป็นอันดับที่ห้าในเมืองจื่อจวนเอง!’

‘และหน่วยสุญญตาบังเอิญต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือของสี่ตระกูลนี้จะช่วยพวกเขาได้ทั้งหมด ขาต้องสู้ผ่านนักสู้ที่แข็งแกร่งทั้งสี่ไปให้ได้’

ถังเทียนสูดหายใจลึกและจิตใจของเขาสงบลงอีกครั้ง  และตาของเขาเป็นประกายมุ่งมั่น

‘จะยอมสูญเสียปณิธานเพียงเพราะพวกเขาแกร่งกว่าเจ้าน่ะหรือ?  ตลกสิ้นดี,เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับหนุ่มชาวฟ้าด้วยหรือ? ทุกคนบอกว่าจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว แค่มีความคิดยอมแพ้ก็ถือเป็นความขี้ขลาดแล้ว!’

‘เจ้าสามารถทำได้ เจ้าสามารถช่วยทุกคนได้แน่!’

‘และด้วยฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่งมากมาย นั่นยิ่งน่าตื่นเต้นใหญ่  แค่คิดถึงพวกเขาก็ยิ่งทำให้ข้าเลือดลมเดือดพล่านแล้ว’

‘ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้น!’

‘มีแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ข้าจึงจะช่วยคนอื่นได้!’

ผิงเสี่ยวซานสังเกตว่าถังเทียนไม่ได้ท้อแท้แม้แต่น้อย  แต่กลับกระตือรือร้นมากขึ้น  เขารู้สึกชื่นชม  แม้ว่าถังเทียนจะค่อนข้างแปลกเป็นบางครั้ง แต่พลังใจของเขาเป็นสิ่งที่เขาไม่แพ้ใคร  พลังใจอาจดูเหมือนไม่มีอะไรสำหรับหลายๆ คน แต่ในสภาพแวดล้อมที่อันตรายและโหดร้ายของแดนบาป  ผู้ที่ขาดแคลนพลังใจไม่มีทางเอาตัวรอดได้  และนั่นคือเหตุผลที่ประเมินวิคเตอร์ไว้ต่ำ

“เจ้าต้องการสิ่งใด?” ตาของถังเทียนแวววาวขณะที่เขาจ้องมองผิงเสี่ยวซาน  ‘เขารู้ว่าข้ากำลังทำเรื่องอันตรายมาก  แต่ก็ยังต้องการร่วมมือกับข้า  ดังนั้นเขาต้องการบางอย่าง’

ผิงเสี่ยวซานพูดความจริง “ข้าต้องการเรียนรู้วิธีที่นายท่านใช้กฎธรรมชาติอวกาศเพื่อโจมตีและป้องกัน”

ถังเทียนประหลาดใจ, เขาลูบศีรษะ  “การสอนเจ้าเป็นเรื่องง่าย  แต่ข้าทำความเข้าใจและหยิบมาใช้ขณะต่อสู้กับเบนสัน หลังจากข้าค้นคว้าและศึกษาให้ดีก่อนสักสองสามวันหลังจากนั้นจึงค่อยสอนให้เจ้า”

ถังเทียนเป็นคนตรงและเปิดเผย  เขาไม่ชอบเอาเปรียบผู้คน  ผิงเสี่ยวซานช่วยเขาดังนั้นเขาไม่ต้องการจะหลอกเขา

ผิงเสี่ยวซานซาบซึ้งดีใจ  “ขอบคุณนายท่าน!”

“อย่าเปิดเผยสถานะของตัวเจ้า”  ถังเทียนเตือนเขา  “ดังนั้นเราจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า”

ผิงเสี่ยวซานตกใจ  เขาไม่เคยคิดว่าถังเทียนจะพูดคำพูดอย่างนั้นออกมา

เมื่อเห็นว่าผิงเสี่ยวซานตกใจ  ถังเทียนคิดว่าเขาไม่เข้าใจ จึงรีบอธิบาย  “เผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา  พวกเขาจะได้ไม่ทำอะไรเจ้า”  จากนั้นเขานึกอะไรบางอย่างได้  “เอ เอ่อ .. ข้าพูดอะไรไปล่ะนี่..ปากไม่ดีเลย  ไม่ ไม่  พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้ข้าทั้งหมด! หนุ่มชาวฟ้าจะเอาชนะพวกเขาให้ได้ทั้งหมดและช่วยทุกคนออกมา!’

ผิงเสี่ยวซานรู้สึกชื่นใจ  เขามักจะอยู่ในสภาพระมัดระวังตัวเสมอ  และเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้มันเตือนให้เขานึกถึงโลกที่มีความเมตตา แต่โลกก็ไม่เปลี่ยนไปเลย

เขาคิดเล็กน้อย  “ถ้านายท่านต้องการลงมือ  ทำไมไม่เริ่มจากวิคเตอร์  วิคเตอร์คือคนที่รักสนุกและผิดธรรมดา  เขามักจะเอาแต่สนุกสนานหาความเพลิดเพลินไปวันๆ ถ้าเราโค่นล้มเขาได้และใช้เขาเป็นตัวประกันบังคับให้ตระกูลโซเบทตกลงยินยอมปล่อยตัวคนของท่าน”

“ไม่!”  ถังเทียนส่ายศีรษะ  “ข้าพบเป้าหมายของข้าแล้ว”

ผิงเสี่ยวซานตกใจอยู่ชั่วครู่  “นายท่าน ท่านพูดถึงใคร?”

หานปิงหนิงอดมองมาไม่ได้

“เบนสัน!”  ถังเทียนยิ้มจนเห็นฟัน

“แต่ตระกูลมัวร์ไม่ได้มีสหายของท่านอยู่อีกแล้ว...”  ผิงเสี่ยวซานไม่เข้าใจ

“เจ้าต้องการเหตุผลในการต่อสู้ด้วยหรือ?”ดวงตาของถังเทียนเป็นประกายแสงเจิดจ้า ปัจจุบันเขาเป็นเหมือนกองไฟที่ลุกโหม “ใครจะเป็นคู่หูฝึกฝนได้ดีไปกว่าเบนสันเล่า? ข้าได้รับประโยชน์มากมายจากการต่อสู้ครั้งล่าสุด  ข้าต้องการท้าเบนสัน!”

“ข้าต้องการดึงเอาทุกอย่างออกมาจากเขา!”  ถังเทียนพูดอย่างห้าวหาญ

หานปิงหนิงตาเป็นประกายเจิดจ้าและโพล่งออกมา  “เติบโตผ่านการสู้รบ!”

ผิงเสี่ยวซานตะลึง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด