ตอนที่แล้วตอนที่ 702 สนามพลัง พลังรู้แจ้งของเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 704 พิษร้าย พญาไม้โบราณ พลังของเย่ว์ปิง

ตอนที่ 703 สมบัติเทพชิ้นแรก อัญมณีสร้างโลก


ครึ่งชั่วโมงต่อมา

เย่ว์หยางเดินออกมาในสภาพทุลักทุเล มีบาดแผลเต็มไปทั้งตัว

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียรีบเข้ามาถามเขา  “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้บาดเจ็บอย่างนั้น?”

“ภาพของเสี่ยวโฉ่ว ราชาใจสิงห์ จักรพรรดิชื่อตี้และจ้าวปีศาจโบราณไม่มีอะไรเลย  แม้ว่าพวกเขาจะเป็นร่างที่เกิดจากพลังเทพและต่อให้เป็นพลังจริง ข้าก็ไม่กลัวพวกเขาแม้แต่น้อย  แต่มันอาจมีผลได้เปรียบทางจิตใจต่อข้า  จื้อจุนก็อยู่ภายในนั้น และไม่ว่ายังไง ข้าไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่สามารถจะยื้อได้ต่อไป  ข้าจึงต้องเผ่นออกมาสูดอากาศข้างนอกก่อน  ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าจักรพรรดิอวี้ไม่ธรรมดาขนาดไหนถึงอยู่ในนั้นได้หนึ่งวัน!”  เย่ว์หยางรู้สึกหดหู่ใจ  เขาคิดว่าแม้ว่าเขาจะไม่สามารถทันเสวี่ยอู๋เสียได้  แต่เขาคงไม่แย่กว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ใครจะรู้ว่าเขาต้องรีบเผ่นออกมาในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

“ครึ่งชั่วโมงก็นับว่าดีมากแล้ว  การทดสอบของข้าครั้งก่อนอยู่ได้ไม่ถึงสิบนาที  หลังจากทดสอบไปเป็นสองสามพันครั้งข้าถึงสามารถค้นพบสนามพลัง”  เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นเย่ว์หยางมีอาการหดหู่ใจ  นางถึงกับใจอ่อนและรีบปลอบโยนเขา

“พักสักครู่เถอะ จากนั้นค่อยเข้าไปทดสอบทีหลัง!”  เสวี่ยอู๋เสียรู้ว่านี่เป็นเรื่องธรรมดา  เมื่อยังไม่เคยลองดูเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวหน้าได้จริงๆ

เย่ว์หยางรวบรวมความกล้าและเข้าไปในประตูตายอีกครั้ง

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง

“ว้ากกกกกก!”  เย่ว์หยางเผ่นหนีตายออกมาในสภาพทุลักทุเล

ครั้งนี้แก้มซ้ายของเขาบวมตุ่ย เสื้อผ้าฉีกขาดเป็นริ้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเกราะเพลิงอมฤต เขาคงกลายเป็นชีเปลือยไปแล้ว  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียประคองเขาและใช้พลังรักษาเขาร่วมกันคนหนึ่งคอยนวดไหล่เหมือนกับภรรยาที่คอยปรนนิบัติสามี อีกคนหนึ่งหาน้ำให้เขาดื่ม

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองดูเวลาและชื่นชม  “รอบนี้มากกว่าเดิมห้านาที  ฝึกต่อไปจะต้องทำได้ถึงหนึ่งชั่วโมงแน่”

อย่างไรก็ตาม เสวี่ยอู๋เสียคัดค้าน  “อย่างน้อยต้องสามชั่วโมง ความจริงตราบใดที่เจ้าอดทนได้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

นางไม่ต้องการให้เย่ว์หยางอยู่ในประตูตายน้อยกว่าที่นางทำได้

นอกจากนี้ นางไม่ต้องการให้สนามพลังของเขาด้อยกว่าของตัวนาง

เมื่อเผชิญกับสองสาวผู้ตั้งความหวังไว้กับเขาอย่างแรงกล้า  เย่ว์หยางไม่กล้าแสดงความอ่อนแอ  เขาฮึดลุกขึ้นยืนและวิ่งเข้าไปในประตูตายเพื่อฝึกฝนต่อ

ครั้งหนึ่ง  สองครั้ง  สามครั้ง

เขาจำไม่ได้ว่ากี่ครั้งกันที่เขาถูกจื้อจุนไล่ทุบตีอยู่ในนั้น  แต่เขาไม่มีทางเลือกได้แต่ยอมรับ ทุกครั้งที่เขาอยู่ข้างใน  เขาจะอยู่กับที่เป็นเวลาอย่างน้อยห้านาทีขึ้นไป  ไม่มีขีดจำกัดหนึ่งชั่วโมง ไม่มีขีดจำกัดสามชั่วโมง  ความคิดของเย่ว์หยางยังคงอยู่จนกระทั่งเขาปฏิเสธความคงอยู่ของจื้อจุนที่ถูกพลังเทพกับพลังจิตที่ตกค้างสร้างขึ้นมา

ถ้าเขาไม่สามารถผ่านเกณฑ์พื้นฐานเล็กๆ อย่างนั้น  แล้วเขาจะสร้างสนามพลังสำเร็จได้ยังไง?

สิ่งที่เย่ว์หยางต้องการไม่ง่ายเหมือนการใช้เวลาชั่วโมงเดียว  ไม่พอใช้ความเข้าใจเท่านี้สร้างสนามพลังเล็กๆ ได้

สิ่งที่เขาต้องการก็คือบางอย่างเหมือนที่จื้อจุน เจตจำนงของปราณราชันย์ที่ปฏิเสธทุกอย่าง มองลงมายังสิ่งมีชีวิตทั้งหมด  และประสบผลสำเร็จได้ปณิธานสูงสุด!

บางทีอาจถูกลองไปแล้วถึงร้อยครั้ง  แต่เย่ว์หยางรู้สึกว่านี่คือครั้งที่ 101 ของเขาแล้วที่ปล่อยให้จื้อจุนเข้ามาทุบเขาคว่ำกับพื้น  ภาพลวงตาภายในทั้งหมดถูกปฏิเสธรวมทั้งภาพจื้อจุนสองสามร้อยภาพที่ถูกสร้างขึ้นมา  แม้ว่ากระแสความคิดจะไม่มีผลต่อหัวใจปราณราชันย์ของเย่ว์หยาง  เพียงแต่ร่างจื้อจุนที่ถูกสร้างร่างแรกมิอาจปฏิเสธได้

เมื่อนางยกมือขวา  นางสร้างจุดดำทำลายล้าง

เย่ว์หยางมีความรู้สึกได้ถึงความตาย... ถ้าเขาไม่หลบ เขาจะตายอยู่ที่นี่แน่นอน

เขาควรจะหลบขณะที่เขายังมีโอกาสก่อนหรือเขาควรจะอยู่ที่นี่ต่อไปและปฏิเสธความมีอยู่ของนาง?  ถ้าเขาตาย  อย่างนั้นเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเล่า?

แล้วแม่สี่, ปิงเอ๋อและซวงเอ๋อเล่า?  นอกจากนี้ยังมีความจริงที่ลึกลับของมารดาสหายผู้น่าสงสารก็ยังคลี่คลายไม่เสร็จ เขายังไม่ได้ช่วยนางพญาเฟ่ยเหวินหลีหลบหนีจากผนึกหลุมดำเลย  เขายังไม่ได้อบรมเลี้ยงดูเสี่ยวเหวินหลีให้ดี หรือตั่วตั่วเลย  เขายังจะทำให้เทพธิดากระบี่ฟ้าต้องผิดหวัง ... เขาจะตายที่นี่จริงๆ หรือ?

ที่สำคัญ เขาเป็นคนช่างหมกมุ่นจริงๆ หรือ?

แม้ว่าเขาจะบังเอิญได้พบกับนักพรตเฒ่า แม้ว่าเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากพี่น้องหงส์เพลิง

เขาไม่สามารถปฏิเสธฟ้าและสร้างชีวิตของตัวเองได้หรือ?  เป็นไปได้หรือที่ทุกอย่างจะถูกทำลายภายใต้ตะวันฉายนี้?

“....”  เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาเข้าสู่สภาวะใจที่เขาไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อน  เมื่อเผชิญกับความตาย ครั้งแรกที่เขาคิดอย่างใจเย็นก็คือเขาไม่กลัว ไม่เสียใจ  แต่อ่านประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาอีกครั้ง  ในการทบทวนลักษณะนี้  เขาได้รับผลสะท้อนและมีการค้นพบใหม่  อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าไม่ว่าเขาจะได้รับมากมายเพียงไหน  ก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะเขากำลังจะตาย หนีหรือ? ไม่ ถ้าเขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับความตายอย่างใจเย็นได้  แม้จื้อจุนที่รู้กันว่าเป็นภาพลวงตาก็ยังปฏิเสธไม่ได้  ถ้าต้องขึ้นไปยังแดนสวรรค์ บางทีเขาอาจจะถูกผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์อย่างจิ่วเซียว, ซิวคงฆ่าตายในท่าเดียวได้ และหลังจากผ่านการทดสอบความตายได้ เขาจึงจะมีอนาคต  เย่ว์หยางไม่รู้ว่าจะทำยังไง ได้แต่ตัดสินใจรั้งอยู่

“ทำไมเจ้าไม่หนี?”  จื้อจุนถามและหยุดกะทันหัน

“เจ้าพูดได้ด้วยหรือ?”  เย่ว์หยางตกใจ หรือว่าจื้อจุนที่โจมตีเขานี้เป็นตัวจริง?  ถ้านางเป็นคนจริงๆ แล้วเขาจะใช้ใจปฏิเสธได้ยังไง!

“เพราะสถานการณ์ของเจ้าพิเศษเล็กน้อย  เพื่อเป้าหมายให้เจ้ามีประสบการณ์และเผชิญกับความตายได้ดีกว่า  ข้าเลยใช้วิธีนี้”  จื้อจุนหันกายและเดินจากไป  “ไม่เพียงแต่เจ้าผ่านการทดสอบประตูตาย  แต่เจ้ายังคงผ่านการทดสอบหัวใจปราณราชันย์อีกด้วย  จงตั้งใจเรียนรู้ให้ดี เจ้าน่าจะมีการรู้แจ้งได้มากมาย!”

“โฮ่ย..จะเป็นลม!” เพียงแค่นั้นเย่ว์หยางกลับได้สติ

ก่อนหน้านี้ เมื่อนางใช้ปณิธานเหนือธรรมชาติของนางข่มปณิธานของเย่ว์หยาง จึงทำให้เขาเห็นภาพลวงตาแห่งความตาย

ตอนนี้พอเย่ว์หยางตระหนักเรื่องนี้ได้ว่า มิน่าเล่าสองพี่น้องหงส์เพลิงถึงไม่ออกมาช่วยเขาเลย เหตุผลเป็นเพราะจื้อจุนสร้างความรู้สึกนี้ซึ่งมีปณิธานไร้ต่อต้าน  แต่ในฐานะนักสู้ปราณราชันย์เขาต้องมองผ่านม่านพลังเป็นตาย และไม่สามารถสร้างปณิธานปราณราชันย์ได้

ในอนาคตหากไม่มีปณิธานปราณราชันย์ กฎสวรรค์ที่เขาควบคุมได้คงจะไม่มีผลมาก

แม้ว่าเขายังไม่กลายเป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม จื้อจุนได้เบิกทางให้เย่ว์หยางก้าวเดินไปตามเส้นทางพลังราชันย์ศักดิ์สิทธิ์...การเข้าใจสนามพลังเป็นระดับก้าวแรก มีเคล็ดหัวใจปราณราชันย์และจิตตานุภาพสูงสุดเป็นก้าวที่สอง  การเข้าใจกฎสวรรค์เป็นขั้นที่สาม

เย่ว์หยางสัมผัสรอยปูดบวมเบาๆ ใบหน้าเขาและใจของเขากระจ่างชัดเจนขึ้นทันที

ทำไมจื้อจุนถึงรออยู่ในประตูตาย? งั้นนางก็จงใจรอเขา!

หลายอย่างที่นางทำเพื่อตัวนางเองไม่เคยมีคำอธิบาย  แต่ความเพียรพยายามที่นางทำอยู่ในความเงียบ ก็ยากจะเข้าใจได้

“ข้าจะต้องเพียรพยายามอย่างหนัก  ถ้าข้าไม่สามารถรู้แจ้งสนามพลังหลัก  ข้าจะไม่ออกไป!”  เย่ว์หยางมองในตำแหน่งที่จื้อจุนหายไป  แม้ว่านางจะออกไปแล้วและไม่ได้ยินเสียงของเขาอีกต่อไป  แต่เย่ว์หยางก็พูดไม่ออก  เขารู้สึกว่าเขาเป็นตัวโง่งม  ความจริงเขาน่าจะแสดงความเพียรพยายามนี้ต่อหน้าเทพธิดากระบี่ฟ้าไปแล้ว  ทำไมต่อหน้าจื้อจุนเขาจะทำไม่ได้เล่า

ผ่านไปหนึ่งวัน

เย่ว์หยางยังไม่ออกมา

สองวัน, สามวัน, เย่ว์หยางอยู่ในโลกประตูตายเป็นเวลาสามวัน  แต่เขายังไม่ออกมา

เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต่างก็กังวล  ไม่ใช่เพราะพวกนางไม่มั่นใจในตัวเขา แต่เป็นเพราะเขาอยู่ในนั้นนานเกินไป  ในใจพวกนาง พวกนางต้องการเข้าไปดูในประตูตาย  แต่พวกนางเกรงว่าถ้าเขาอยู่ในช่วงวิกฤติของการรู้แจ้งพวกนางจะกลายเป็นผู้รบกวนการฝึกปรือของเขา

พวกนางพยายามข่มความคิดฝืนปลอบใจตนเองรอเขา

ทุกครั้งที่จักรพรรดินีราตรีมา นางจะคอยปลอบโยนพวกนางเพียงไม่กี่คำก่อนจะจากไป

ในวันที่สาม ทั้งเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตกใจเมื่อเห็นจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีมา หรือว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา?

“อย่ากังวลไปเลย  เขายังปลอดภัย  ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าเขากำลังจะทำได้สำเร็จ  ดังนั้นข้าจึงออกมาดูเป็นพิเศษ  ต้องใช้เวลาสามวันในการรู้แจ้งเชียวหรือ? เป็นสนามพลังที่เหลือเชื่อจริงๆ!”  เสียงของจักรพรรดินีราตรีเต็มไปด้วยความคาดหวัง ทำให้เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกประหลาดใจและดีใจที่ได้ยิน

“ใช่แล้ว, เขากำลังจะออกมา”  หลังจากรออยู่นาน จื้อจุนพยักหน้าและจากไป

ดูเหมือนนางรู้สถานการณ์ของเย่ว์หยาง

สิบวินาทีหลังจากจื้อจุนออกไป

พลังงานแปลกประหลาดและลึกลับค่อยๆ ไหลออกมาจากประตูตายและบ่าท่วมเข้าไปในประตูเป็นตาย

แม้แต่ลี่เยี่ยน สาวขี้เมาและคนอื่นๆ ที่ยังอยู่ที่ปะรำแท่นบูชาประตูเป็นก็ยังรู้สึกถึงพลังงานนี้ได้ชัด  พวกนางมองดูด้วยความประหลาดใจ

เดิมทีไม่มีพลังงานที่สามารถผ่านออกมาจากประตูเป็นตาย มีแต่เพียงพลังเทพและสำนึกเทพที่คงอยู่ที่นี่  ตอนนี้พลังงานลึกลับที่ด้านประตูตายไหลท่วมผ่านพื้นที่และก่อเป็นสนามพลังงานได้อย่างง่ายดาย

เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนวิ่งลงจากบันไดแท่นปะรำ

และมายืนรอรับการกลับมาของเย่ว์หยาง

บุรุษคนหนึ่งที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยรัศมีแสงสีทองค่อยๆ เดินออกมาในมือของเขามีดวงแก้ววิเศษเจ็ดสี

ก่อนจะออกจากประตูเป็นตาย แก้วมณียังคงดูดซับพลังเทพและสำนึกเทพในภายในนั้น  เพียงแต่เมื่อเย่ว์หยางก้าวออกมาก้าวแรกและอยู่ในระดับเดียวกับแท่นปะรำมันจึงค่อยๆ หยุด  สายตาที่แหลมคมของเสวี่ยอู๋เสียพบว่ามุกอัญมณีนั้นก็คือลูกปัดลึกลับที่เย่ว์หยางได้รางวัลจากการผ่านด่านวิหารสิบสองนักษัตรครบถ้วนนั่นเอง นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะสามารถดูดซับสำนึกเทพและพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ เหมือนกับคัมภีร์โบราณของนาง  แสงแปลกประหลาดส่องประกายออกจากร่างเย่ว์หยาง เป็นแสงแปลกประหลาดเหมือนตอนที่เย่ว์หยางได้รับรางวัลชัยชนะสมรภูมิมรณะจากสี่แดนสวรรค์

คราวนี้แสงศักดิ์สิทธิ์ยิงออกมาจากร่างเย่ว์หยางเข้าไปในมุกวิเศษหลากสีสันนั้น

แสงวิเศษ พลังเทพและสำนึกเทพหลอมรวมเข้าในภายในมุกนี้

กลายเป็นมุกวิเศษแพรวพราว

เย่ว์หยางกรีดนิ้วและหยดเลือดลงบนมุก

พลังงานชนิดหนึ่งที่ลึกลับและกว้างไกลยิ่งกว่าดาบเทพจักรพรรดิอวี้หรือผนึกเทพจักรพรรดิอวี้พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า  ด้วยปณิธานของเย่ว์หยาง มันคลุมรอบประตูเป็นตายไว้หมด

พลังกฎของประตูเป็นตายดูเหมือนจะถอยรั้งออกไปสามก้าว แม้แต่ลี่เยี่ยนและสาวขี้เมาก็ยังวิ่งเข้ามาดูด้วย  พวกนางไม่ได้รับผลกระทบอะไร

บางทีนี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

“นี่คือรูปแบบที่สมบัติเทพเกิดขึ้นสินะ”  การล่องหนของจักรพรรดินีราตรีในสนามพลังดาราราย ทำให้ร่างนางไม่ชัด  แต่ภายใต้การค้นพบของเย่ว์หยางทำให้สนามพลังของนางแทบสูญเสียประสิทธิภาพในการพรางตัว  จักรพรรดินีราตรีลืมเรื่องนี้ไปหมด และพึมพำด้วยความตื่นเต้น “มุกต้นกำเนิด แหล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ได้ผสานกับพลังเทพและสำนึกเทพพร้อมกับเลือดเป็นจุดเริ่มต้น เกิดเป็นอัญมณีใหม่ ใช่แล้วนี่คืออัญมณีสร้างโลกซึ่งสร้างขึ้นจากปณิธานราชันย์ และพลังเทพทั้งสองสร้างจากเนื้อธาตุเดียวกัน!”

“เฮ้อ...”  เย่ว์หยางไม่ได้ยินเสียงของจักรพรรดินีราตรี  ทั้งไม่เห็นร่างของนาง  เมื่อใจของเขารอดออกมาจากสภาวะเครื่องมือเทพที่แปลกประหลาด ขาของเขาก้าวมาถึงบันไดแท่นปะรำโดยไม่รู้ตัวว่าออกมาจากประตูตายแล้ว เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเข้าไปกอดประคองเขาไว้ทั้งคู่

ความดีใจที่ไม่อาจบรรยายแสดงออกผ่านการกอดครั้งนี้

ยากจะแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้

สมบัติเทพนี้ ในที่สุดเย่ว์หยางก็มีสมบัติเทพเป็นของตัวเองชิ้นแรก   และเป็นของเขาทั้งหมด

นี่คือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่เขาสร้างด้วยตนเอง  และเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่จะอยู่กับเขาไปทั้งชีวิต

อัญมณีสร้างโลก!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด