ตอนที่แล้วตอนที่ 697 การยอมแพ้ที่รับไม่ได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 698 โอกาสอยู่ตรงหน้า

ตอนที่ 701 การรู้แจ้งที่ถนนตะวันตก


ด้านบนของป้อมปราการ ในที่สุดใบหน้าสงบของดารินเปลี่ยนไปเป็นครั้งแรก

หัวหน้าฮั่วและองครักษ์คนอื่นนางพามาด้วยตนเอง นางรู้ความแข็งแกร่งของพวกเขาราวกับหลังมือของนางเอง  และยังคิดว่าการประสานพลังของพวกเขาทรงพลัง  และพลังความแข็งแกร่งของพวกเขาโดดเด่น  ดังนั้นจึงไว้ใจให้พวกเขารับหน้าที่สำคัญ แต่ทั้งห้าคนทั้งที่ร่วมมือโจมตีกันก็ยังไม่สามารถรับการโจมตีจากอีกฝ่ายได้แม้แต่ครั้งเดียว....

นักสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นไม่ใช่คนที่ไร้ชื่อเสียงเป็นแน่!

‘หน่วยสุญญตาหมีใหญ่ ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อพวกเขามาก่อน?  พวกเขามาจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หรือ?’  หน้าของดารินเปลี่ยน  นางลอบส่ายศีรษะ  เซียนทองของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ พลังจะสูญสลายไปในแดนบาป

แดนบาปคือสถานที่เนรเทศอย่างแท้จริง

‘อย่างนั้นพวกเขาเป็นใคร?’

นางมองดูหานปิงหนิงอีกครั้งหนึ่ง  หานปิงหนิงยังคงมีสีหน้าสงบ  แต่ตาของนางไม่เคยละไปจากหน้ากากผีแม้แต่วินาทีเดียว  เมื่อสายตาดารินมองดูแววตาของหานปิงหนิง  สภาพจิตใจของนางสั่นสะท้าน  ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหานปิงหนิงดูเฉยเมยเป็นเหมือนภูเขาน้ำแข็งโดยเฉพาะตาของนางเหมือนน้ำแข็งแก้วผลึกที่ไม่เผยความภูมิใจหรืออารมณ์ใดๆ  ตอนนี้เหมือนกระจกสะท้อนแสงอาทิตย์ที่เจิดจ้าและอบอุ่น

‘พวกเขาเข้ากันได้ขนาดนี้หรือนี่’  ดารินขบริมฝีปาก  นางไม่ยอมรับสถานการณ์ที่เป็นไป

ตระกูลของนางเคยมีสายโยงใยกับขุนนาง  และไม่ว่าพวกเขาจะตกต่ำมากเพียงไหน  ความหยิ่งในสายเลือดและกระดูกไม่เคยจางหายไป

‘พวกเจ้าต้องการให้ข้าส่งมอบนางให้ใช่ไหม,  ไม่ง่ายนักหรอก!’

ดารินหันหน้ากลับ  นางมองไปที่บุรุษร่างใหญ่หน้าคล้ำ  เขาพยักหน้าและออกไปเงียบๆ

*************

เนื่องจากเขาต้องลงมือ  ถังเทียนไม่เคยคิดจะผ่อนออมแรงเลย

ขณะเดินไปตามถนนสายตะวันตกเขาไม่สนใจเสียงครวญครางที่อยู่ด้านหลังของเขาลมที่พัดหวิวเหมือนกับเสียงเป่าแตรเบาๆ ไม้ดอกหวายสีม่วงตามรายทางพัดเอนเหมือนกับธงศึกโบกสะบัด

นั่นคือสนามรบของเขา

ไม่มีความขลาดกลัว ไม่มีถอยไม่มีเสียสมาธิ ถังเทียนมองอยู่แต่เพียงธงดำโบกสะบัดอยู่ในสายตาเขา  ราวกับว่าความต้องการสู้เผาไหม้ผสมผสานอยู่ในเลือดของเขา  ร่างของเขากระสับกระส่ายอย่างมาก

ความเร็วของเขาไม่เร็วไม่ช้าเหมือนกับจังหวะเต้นของหัวใจเขา มั่นคงแข็งแรงเหมือนกลองศึกก่อนเริ่มสงคราม  ไม่รีบร้อนหรืออ่อนโยน  แต่รอบคอบและทรงพลัง  เส้นเลือดของเขาเริ่มขยายและเลือดของเขาเริ่มเดือด

เป็นความเข้มข้นที่ไม่เคยมีมาก่อนทำให้สัญชาตญาณของถังเทียนทะยานคมชัดมากเป็นประวัติการณ์ ความรู้สึกที่เฉียบพลันนี้ทำให้เขาจมอยู่ในโลกที่ลึกลับ

ใช่แล้วสำหรับคนอื่นแดนบาปคือแผ่นดินแห่งการเนรเทศ แต่ในสายตาของเขา มันคือแผ่นดินสมบัติ

สวรรค์วิถีคือสถานที่ทำให้เกิดความรู้และความเข้าใจกฎธรรมชาติได้ง่ายกว่าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  และมีพลังงานเบาบางกว่ามาก ดังนั้นกฎธรรมชาติจึงผุดรู้ขึ้นมาได้ง่ายมาก แต่ในแดนบาปซึ่งเป็นสถานที่ไม่มีพลังที่อยู่ต่อหน้าเขา  พลเมืองส่วนใหญ่ในแดนบาปรู้แจ้งกฎธรรมชาติได้ง่าย เพราะเข้าใจกฎธรรมชาติได้ง่ายมากเมื่อเทียบกับที่อื่น

แผ่นดินที่เต็มไปด้วยกฎธรรมชาติซึ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากทะเลกฎธรรมชาติในลูกปัดข่มพลัง กฎธรรมชาติเหล่านี้จริงจังและไม่สม่ำเสมอและวุ่นวายมาก  แต่ขณะเดียวกันกลับมั่นคงและมีสมดุลมากกว่า

‘ผู้อาวุโสกุ่ยอู๋ต้องไม่คาดคิดเป็นแน่ว่าจะมีสถานที่อย่างแดนบาป’

ถังเทียนจมอยู่กับสภาวะลึกลับที่อธิบายไม่ได้  ร่างของเขากำลังเดือดความคิดจะต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นจนร่างกายสั่น แต่สภาพใจเช่นนี้ของเขาถูกปล่อยวาง เขาเข้าใจและสะท้อนถึงทะเลกฎธรรมชาติแท้จริง เขาเป็นเหมือนปลากำลังแหวกว่ายในมหาสมุทรด้วยความยินดีอย่างอธิบายไม่ถูก

ดูเหมือนมีบางอย่างที่กระสับกระส่ายอยู่ในตัวของเขา

ถังเทียนลืมทุกอย่าง  เขาจมอยู่ในทะเลกฎธรรมชาตินี้  กฎธรรมชาติทั้งหมดอยู่ในสภาพดั้งเดิม  แก่นที่สำคัญที่สุดปรากฏออกมาต่อหน้าเขา

ทุกๆ ย่างก้าวของเขา  เขาจะรู้แจ้งบางอย่าง

ทุกๆ ย่างก้าวของเขาเขาจะได้รับบางสิ่งบางอย่าง

ถังเทียนจมอยู่ในโลกของกฎธรรมชาติและลืมสถานการณ์ด้านนอกไปอย่างสิ้นเชิง  และลืมการเปลี่ยนแปลงที่กำลังดำเนินอยู่นี้ด้วย

อารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง

เขาจะรู้สึกได้อย่างเลือนรางทันทีสร้างอิทธิพลได้ทันที เป็นเหมือนสายลมได้ฉับพลัน เขากลายเป็นเหมือนไอน้ำที่หนาแน่นกลายเป็นเยือกเย็นชา เป็นเหมือนหอกที่แหลมคม

ทุกย่างก้าวของเขามีการเปลี่ยนแปลง

ทุกย่างก้าวจะทำให้ทุกคนมองเขาด้วยความรู้สึกผิดปกติ  บุรุษหน้ากากผีที่เดินหน้าช้าๆกลายเป็นคนได้หลายรูปแบบ

ทุกคนเคยเห็นภาพประหลาดแบบนี้มาแต่เมื่อใดกัน?  ในถนนที่กว้างใหญ่นั้นเงียบกริบแม้แต่เข็มหล่นก็ยังได้ยิน

ผิงเสี่ยวซานอ้าปากกว้างโดยไม่มียั้ง

การอาศัยอยู่ในแดนบาปไม่ใช่เรื่องง่าย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสังคมระดับล่าง  พวกเขาต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้มีคุณสมบัติเพื่อมีชีวิตรอด  เขาเองได้ผ่านมาแล้วทั้งหมดและได้เห็นโลกตามความเป็นจริงมานานแล้ว เขาไม่ได้เหลวไหลและเป็นผู้มีความรู้ แต่ทุกอย่างที่เขาเห็นประจักษ์อยู่นี้กำลังทลายสามัญสำนึกทั้งหมดของเขา

เมื่อถังเทียนคว้าหอกเพลิงแดงก่อนนั้น  เขาสามารถเห็นได้ชัดว่าฝ่ามือถังเทียนนั้นพร่าเลือน

ถ้าเราบอกว่าการซัดวัตถุของถังเทียนทำให้ผิงเสี่ยวซานตะลึง อย่างนั้นการคว้าจับของถังเทียนถึงกับทำให้เขาปัญญาอ่อนไปเลย

อากาศและอวกาศไม่เพียงแต่ใช้หลบหนีได้แต่สามารถใช้โจมตีและป้องกันได้ หอกเพลิงแดงที่สามารถเผาผลาญอะไรก็ได้ แต่กลับไม่สามารถเผาไหม้ผ่านอากาศได้ อวกาศที่พร่าเลือนรอบมือของถังเทียนที่ใช้คว้าจับตัวหอกมีชั้นอากาศเบาบาง

‘อัจฉริยะ,เขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง!’

หลังจากคืนที่เรียนรู้วิชาพรางตัวตระกูลผิงแล้ว ความจริงการปลดปล่อยกฎธรรมมชาติอวกาศจนถึงระดับเหลือเชื่อ  ยิ่งทำให้ผิงเสี่ยวซานตกใจมากยิ่งกว่า  ผิงเสี่ยวซานตื่นเต้นและปลาบปลื้ม  แค่เพียงการซัดวัตถุและคว้าจับ แต่ก็ทำให้ผิงเสี่ยวซานสามารถเห็นศักยภาพที่แท้จริงของวิชาพรางตัวของตระกูลผิงของเขา

แต่ความเปลี่ยนแปลงต่อไปของถังเทียนทำให้ผิงเสี่ยวซานตะลึงอย่างสิ้นเชิง

‘เกิด...กะ..เกิดอะไรขึ้น...’

‘คนผู้หนึ่งเปลี่ยนแปลงได้มากมายหลายครั้งขนาดนั้นได้ยังไง?’

บุรุษผิวดำร่างใหญ่ที่เดินออกมาจากป้อมปราการชะงักอยู่ในท่าก้าวประกายเหลือเชื่อและตกใจวูบผ่านในดวงตาเขา ‘เขากำลังรู้แจ้งขณะก้าวเดินจริงๆ!’

‘ห้าวหาญนัก!’

เขาหายใจลึก แววตกใจในดวงตาของเขาหายไป และความมุ่งมั่นดุร้ายเข้ามาแทนที่ เขาพบอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์มามาก  ขณะเดียวกันก็รู้ว่านักสู้ฝึกฝนมาอย่างหนัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับจิตวิญญาณที่กล้าหาญที่รู้แจ้งกฎธรรมชาติขณะอยู่ในระหว่างสู้รบ

เพราะเหตุผลบางอย่างอารมณ์และกลิ่นอายที่บุรุษหน้ากากผีเปล่งออกมายังคงเปลี่ยนและหายไป

สิ่งที่เข้ามาแทนคือความรู้สึกไม่ไม่ถอดถอยความสิ้นหวังที่จะชนะหรือตาย ทนต่อการพ่ายแพ้ไม่ได้ ยอมตายดีกว่ายอมแพ้

‘เขาอยู่ในสถานะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหรือ?’

บุรุษหน้าดำพลันสงบลง  แต่ใจของเขายังเต็มไปด้วยความตื่นตัว

‘ข้าไม่เคยเห็นคนดุร้ายอย่างเจ้ามาก่อนเลย  คนที่ไม่มีถอย บุรุษที่เชื่อมั่นขนาดนั้น  บุรุษที่แสวงหาชัยชนะอย่างกระตือรือร้น...’

‘คนบ้าระห่ำอย่างแท้จริง!”

‘ถ้าบุรุษผู้นี้ไม่ตาย ข้าไม่สามารถเป็นศัตรูของเขาได้แน่’

ทันใดนั้ ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจของเขา

เขาสูดหายใจลึก ข่มความคิดไว้ในหัว  สายตาของเขากลับคืนสู่ความสงบ ความบ้าระห่ำและจิตตานุภาพที่สูงล้ำทำให้เขารู้สึกนับถือเขาลึกๆ

แต่ไม่ว่ายังไงเขาไม่ยอมให้ศักดิ์ศรีแม่นางดารินถูกย่ำยี

นี่คือความมุ่งมั่นของเขา!

เขากระโจนลงมายืนอยู่ต่อหน้าของถังเทียน

เมื่อบุรุษหน้าดำร่างใหญ่ปรากฏอยู่บนถนน  สร้างเสียงฮือฮาตื่นเต้นตามมา

ตระกูลของแม่นางดารินก็คือตระกูลมัวร์ และบรรพบุรุษของพวกเขาเป็นราชตระกูลทวีปฟาร์  พวกเขาถูกเนรเทศเข้ามาในแดนบาป  และองครักษ์เหล็กที่ปกป้องราชตระกูลปฏิเสธการเข้าร่วมกับทวีปกวงหมิง และเลือกจะเข้าแดนบาปเพื่อปกป้องตระกูลมัวร์ต่อไปทั้งที่ไม่ได้เป็นราชตระกูลต่อไปแล้ว

เบนสันคือองครักษ์เหล็กรุ่นปัจจุบันที่คอยปกป้องดาริน

องครักษ์เหล็กของตระกูลมัวร์มีชื่อเสียง  หลังจากเข้าสู่แดนบาป  ตระกูลมัวร์ไม่ได้มีชีวิตที่ดีนัก  พวกเขาต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนและองครักษ์เหล็กจะคอยสู้เบิกทางให้พวกเขา  กลุ่มของราชตระกูลและองครักษ์เหล็กผู้ไม่หวั่นไหวค่อยๆทรุดโทรมเหี่ยวแห้งและทั้งหมดที่เหลือก็คือเบนสัน

แต่ไม่มีใครเคยมีความคิดจะต่อสู้กับตระกูลมัวร์

เบนสันได้รับการจัดอันดับว่าเป็นตำนานตั้งแต่อายุน้อย  เขาได้รับการตัดสินอย่างหนักหน่วง  ตอนอายุสิบสี่ปี  เขาเที่ยวไปตามลำพังเพื่อต่อสู้ในหลายเมืองของแดนบาปบุกตะลุยไปตลอดเส้นทางจนได้รับขนานนามว่าเบนสันหน้าดำ  เขากลับมาที่ตระกูลมัวร์ตอนอายุยี่สิบสองปีและรับตำแหน่งองครักษ์เหล็ก

ในเวลานั้นตระกูลมัวร์ไม่ค่อยมั่นคง และเมื่อพวกเขาประกาศว่าเบนสันจะเข้าร่วมกับตระกูลและรับตำแหน่งองครักษ์เหล็ก  ทำให้พวกเขามั่นคงทันที

พอเวลานั้นดารินก็ถือกำเนิด  เขาดูดารินเติบโตและปกป้องนางมาตลอด

หลังจากนั้น ตระกูลมัวร์ก็ไม่มีการสู้รบใดๆอีกเลยและหยุดความตกต่ำไว้ได้ กลายเป็นตระกูลรุ่งเรืองเช่นคืนวันที่ผ่านมา

เมื่อยอดฝีมือหมายเลขหนึ่งของตระกูลมัวร์ปรากฏตัวจึงทำให้ทุกคนตื่นเต้นทันที เบนสันผู้ลือชื่อมีชื่อเสียงเมื่อ 24 ปีที่แล้วตลอดยี่สิบสี่ปีก็ปิดประตูฝึกฝนฝีมือตลอด ดังนั้นไม่มีใครกล้ายืนยันพลังแข็งแกร่งปัจจุบันของเขา  ในช่วง 24 ปีที่ผ่านมาไม่มีใครเห็นเบนสันเคลื่อนไหว เนื่องจากเขายืนอยู่เคียงข้างดารินตลอดไปในฐานะเงาที่ไม่หวั่นไหว

ตระกูลต่างๆในเมืองจื่อจวนมียอดฝีมือมากมาย  แต่พวกเขาไม่มีทางกล้าดูถูกเบนสัน

“เอ๋,รัศมีนั่น! เป็นเบนสันหน้าดำนี่!”

ในมุมหนึ่งของเมืองจื่อจวน ภายในห้องมืด  บุรุษคนหนึ่งสวมชุดหรูหราอุทานสีหน้าเขาเปลี่ยนเล็กน้อย  และเขาหายไปทันที

“เอ๋?  ตระกูลมัวร์? เขาลงมือจนได้หรือนี่?

ในกระท่อมฟาง บุรุษผมยาวยืนขึ้นและหงายฝ่ามือเผียะ กระบี่เล่มหนึ่งลอยวืดเข้ามาในฝ่ามือของเขาก่อนที่เขาจะทะยานออกไป

เมื่อมองดูจากท้องฟ้า  ทุกคนสามารถเห็นร่างต่างๆ บินมาจากตำแหน่งต่างๆของเมืองจื่อจวนด้วยความเร็วน่าประหลาดใจมุ่งสู่ป้อมมัวร์

ต่างจากคนที่เหลือผิงเสี่ยวซานหน้าซีดขาว  เบนสันหน้าดำยอดฝีมือที่ไม่เคยปรากฏตัวเกินกว่ายี่สิบปีถึงกลับเคลื่อนไหวจริงๆ!

‘หนีเร็ว...’

‘จบกัน.. มันจบแล้ว, วิชาพรางตัวของตระกูลผิงของข้า...’

มือเท้าของเขาเย็นเฉียบ  หน้าของเขาขาวซีด

ถังเทียนรู้สึกว่ามีใครบางคนอยู่ข้างหน้าเขาเขาตื่นตัวทันที และออกจากสภาวะลึกลับ  เขาลังเลและต้องการจะฝึกต่อสามารถอยู่ในสภาวะรู้แจ้งที่ลึกลับนั้นได้ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายหลังจากนั้น  ถ้าเขาสามารถคงอยู่ได้ต่อไปประโยชน์ที่ตามมาจะมีมาก

แต่เขารู้ว่ามันคือสนามรบ  และไม่ใช่สถานที่เหมาะสมกับการรับประโยชน์

สายตาของเขามองไปที่เบนสัน  ความตั้งใจสู้ที่เดือดอยู่ในร่างของเขาแต่ข่มเอาไว้ระหว่างที่ใจอยู่ในสภาพรู้แจ้งสูญเสียการควบคุมทันทีและระเบิดออกเหมือนภูเขาไฟ  ตาของถังเทียนแดงทันที  เจตนาต้องการสู้พลุ่งพล่านกลบกลืนความสงบเพียงส่วนเสี้ยวของเขาทันที

“ถ้าเจ้าสามารถทำได้....”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ  รัศมีของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป

‘ถ้าข้าไม่สามารถรู้แจ้งได้ต่อไป  อย่างนั้นข้าจะรับเอาไว้ผ่านการต่อสู้!’

‘ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการปล่อยสหายของข้า, ข้าจะซัดพวกเจ้าจนกว่าพวกเจ้าจะยอมคืน!’

ม่านตาของถังเทียนขยายตัว  ขาซ้ายของเขาเตะออกทันที  และอากาศข้างหน้าเขาระเบิดออก

ในระลอกระเบิดของอากาศ  ร่างของถังเทียนหายไปทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด