ตอนที่แล้วตอนที่ 699 หน้ากากผีและธงหมี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 702 การต่อสู้บนถนนตะวันตก

ตอนที่ 700 คืนสหายให้ข้า


ภายในป้อม

ดารินกล่าว “เขามีเพียงคนเดียว แต่เขาสามารถสร้างบรรยากาศที่น่ากลัวอย่างนั้นได้ ข้าไม่เคยได้ยินชื่อหน่วยสุญญตาหมีใหญ่นี้มาก่อน  แต่ข้าบอกได้เลยว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา!  เขาคือผู้บัญชาการของเจ้าใช่ไหม?”

(ขอเปลี่ยนชื่อต้าหลิน เป็น ดารินนะครับตระกูลนี้ชื่อจะออกเป็นฝรั่งหน่อย ดาริน มัวร์)

นางรูปร่างสูงใหญ่และผิวขาวตาสีฟ้าเหมือนน้ำทะเลผมสีทองเกล้ามวยมีแววหยิ่ง  นางอายุเพียง 24 ปีแต่ฉลาดมากและเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ และนางเป็นคนที่ซื้อหานปิงหนิงมา

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานางเข้าใจบุคลิกของหานปิงหนิง

หานปิงหนิงไม่พูด  แต่นางไม่ได้ฝืนบังคับและยังคงพูดต่อ  “เขารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ใช่ไหม?  อาจจะใช่ก็ได้ ข้าคิดว่าหน่วยสุญญตาหมีใหญ่ของเจ้ามีเจ้าเป็นสตรีเพียงคนเดียว ตราบใดที่เขาสืบสาวเพียงเล็กน้อยเขาจะรู้ที่ซึ่งเจ้าอยู่เป็นธรรมดา”

หานปิงหนิงยังคงเงียบ สายตาของนางพร่าเลือนขณะที่ความทรงจำทั้งหมดผุดขึ้นมาในใจนาง

นางพบถังเทียนครั้งแรกที่บึงหยกทะเลไผ่ ดวงตาที่โกรธเกรี้ยวของถังเทียนและร่างเขาที่กระโจนเล่นงานแรดเหล็กเกราะหมึกด้วยมือเปล่าเส้นเลือดของเขาขยายขณะที่เขาอยู่ในสภาวะคลั่งความรู้สึกเหมือนกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน

‘บุรุษที่ข้ามักไล่ตามเขาอยู่เสมอ  ข้ามักจะเห็นหลังเขาอยู่เสมอ’

“ท่านปล่อยข้าตอนนี้จะดีที่สุด”  ทันใดนั้นหานปิงหนิงพูดบ้างบนหลังของนางมีเข็มแสงเล่มหนึ่งปักอยู่ที่สันหลังของนาง

“เหรอ?”  ดารินมองดูหานปิงหนิงอย่างประหลาดใจ  “ดูเหมือนว่าเจ้ามั่นใจในตัวเขานะ”

“เขาไม่เคยแพ้”  หานปิงหนิงเชิดคางนาง  คำพูดของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ

เพราะเขาเป็นบุรุษที่นางติดตามอยู่เสมอ  คนนับไม่ถ้วนยินดีต่อสู้เพื่อเขาและยินดีสละเลือดเพื่อเขา ตราบใดที่เขาชูธงคนนับไม่ถ้วนจะวิ่งตะลุยไปข้างหน้ายอมสละชีวิตเพื่อเขา  ตราบเท่าที่เขาเป่าแตรศึก  วีรบุรุษจะมารวมตัวกัน

บุรุษหนุ่มผู้มีจิตวิญญาณสูงส่ง  คือราชาของพวกเขา!

หานปิงหนิงไม่เคยพูดคำเหล่านั้นมาก่อน  นางไม่ต้องการอธิบายอะไร

ดารินไม่ใช่คนโง่  แต่กลับเข้าใจแทน  นางสามารถรู้สึกได้ถึงความภาคภูมิใจในตัวหานปิงหนิง  ความภูมิใจซื่อสัตย์อย่างลึกซึ้งภายใต้บุคลิกเช่นนั้น

“ดูเหมือนนางจะถูกจับเป็นเชลย”

ถังเทียนพึมพำ  เสียงของเขาไม่ดัง  แต่คำของเขาผสานกับเสียงธงสะบัดและก้องไปทั้งซอกมุม  ความไม่แยแสต่อความไม่สงบของเขาก็เหมือนความสงบก่อนพายุจะมาแรงกดดันที่เงียบครอบคลุมไปทั้งสถานที่

หน้าของดารินขรึม  ยิ่งอีกฝ่ายไร้กังวลคำพูดก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น

บุรุษหน้ากากผีหันมาทางนาง ทำให้ดารินไม่แน่ใจว่าเป็นภาพหลอนของนางหรือไม่

ใบหน้าหลังหน้ากากของถังเทียนแค่ ไม่ต้องการจะเสียเวลาพูดต่อไป  เขายื่นมือออกและคว้าธง  นิ้วทั้งห้าของเขากำคันธงแน่น ผลัวะธงถูกถอนออกมาจากพื้น

สายตาของเขามองดูที่ป้อม  ใบหน้าเบื้องหลังหน้ากากเลียริมฝีปาก  ‘ไกลไปหน่อย  ฮึ่ม..’

สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที  เจตนาต่อสู้ที่ถูกข่มไว้ตอนเริ่มต้นประกอบความคิดแง่ร้ายพลุ่งพล่านอยู่ในใจเหมือนลาวาเดือดที่เผาผลาญหินบางชั้นสุดท้ายลาวาก็ปะทุออกมา

จู่ๆ ใจของเขาก็มีความคิดพิเรนอยู่อย่างหนึ่ง... ‘วิชาพรางตัวตระกูลผิงข้าได้เรียนมาแล้ว’

พอคิดได้เช่นนั้นร่างของถังเทียนเคลื่อนไหวทันที ร่างที่ยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมพลันเปลี่ยนเป็นเลือนราง

ไม่มีใครเห็นความเคลื่อนไหวของเขา เขากระพริบและร่างของเขาพร่าเลือนหายไปทันที เขากลับมายืนที่ตำแหน่งเดิมเหมือนว่าเขาไม่ได้เคลื่อนไหว

บึ้ม!

เสียงดังระเบิดออกมาเหมือนกับตีกลองทุ้มใบใหญ่เสียงดังมากสั่นสะท้านหัวใจทุกคน

ประตูใหญ่หน้าป้อมเริ่มมีรอยร้าวรูปใยแมงมุมตรงกลางรอยร้าวเป็นธงดำ ธงดำคลี่ออก ภาพหมีโลหิตดูน่าตลก  แต่ไม่มีใครหัวเราะการเคลื่อนไหวของถังเทียนทำให้ทุกคนตกตะลึง

ไม่มีใครเห็นความเคลื่อนไหวของถังเทียน  แต่เห็นแต่อากาศรอบตัวเขาเลือนรางเล็กน้อย

สิ่งที่น่าทึ่งมากกว่าก็คือไม่มีเสียงเคลื่อนไหวในอากาศ ไม่มีหวีดหวิวที่เกิดจากความเร็ว อากาศไม่มีอาการปั่นป่วน  ธงหมีดูเหมือนหายวับและไปปรากฏที่ประตูใหญ่แทน

ผิงเสี่ยวซานผู้ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้คนมองดูธงหมีอย่างว่างเปล่า  หน้าของเขาไม่มีสีเลือด

‘บุรุษที่สวมหน้ากากผี...’

ตอนแรกเขาสงสัยว่าจะเป็นคนเดียวกับที่สู้กับเขาในคืนก่อนเพราะลักษณะกายภาพของเขาคล้ายกันมาก แต่เมื่อถังเทียนเคลื่อนไหวพร้อมกับธง เขายืนยันความสงสัยของเขาทันที แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาไม่สบายใจ กลับทำให้เขากลัวจนบอกไม่ถูก เขาตกใจไปหมดจนจิตใจว่างเปล่า

การซัดนั่นทำโดยใช้กฎธรรมชาติอวกาศ  และมันคือกฎธรรมชาติอวกาศของวิชาพรางของตระกูลผิง

ถ้าไม่ใช่เพราะผิงเสี่ยวซานคุ้นเคยมากกับการเคลื่อนไหวที่เลือนรางนั้นเขาจะไม่เชื่อตาตัวเองเลย อีกฝ่ายได้รวมเอากฎธรรมชาติอวกาศของวิชาพรางตระกูลผิงใช้เป็นวิชาฝีมือของตนเอง

วิชาพรางตัวตระกูลผิงเปลี่ยนผ่านมาหลายชั่วคน  แต่ไม่มีใครที่รู้แจ้งกฎธรรมชาติอวกาศในวิชาที่ใช้โจมตีเลย กฎอวกาศที่ตระกูลผิงรู้แจ้งใช้แต่ลักลอบและปกปิดและนั่นคือสาเหตุที่สามชั่วคนตระกูลผิงค่อยๆ สูญหายไป  ไม่มีความสามารถต่อสู้  ก็ยากจะเอาตัวรอดในแดนบาปได้

‘อุดมคติและความหวังของตระกูลผิงได้ปรากฏอยู่ในเงื้อมมือของคนอื่นและอยู่ต่อหน้าข้า  และเขาเพิ่งจะได้เรียนรู้เมื่อคืนนี้...’

ผลกระทบที่ผิงเสี่ยวซานได้รับมันทุกข์ทนจนพูดไม่ออก

ทั้งถนนสายตะวันตกเงียบไปโดยสิ้นเชิง

ถังเทียนลบเลือนความคิดเหล่านี้ไปโดยสิ้นเชิง  การเคลื่อนไหวนั้นเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ  เขาคิดว่าระยะห่างจะป้อมปราการไกลเกินไปและการขว้างปกติยากจะถูกได้

ในท่ามกลางความเงียบเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา บุรุษหนุ่มหน้ากากผีเดินตรงไปที่ป้อมปราการ

องครักษ์ที่คุ้มกันสถานที่ถอยหลังโดยไม่รู้ตัวหัวหน้าองครักษ์เป็นคนแรกที่ตั้งตัวได้ทัน แม้ว่าเขาจะกลัว แต่เขาไม่ลืมหน้าที่ของเขา เขาข่มความกลัวในใจของเขาและก้าวออกมาหนึ่งก้าว และพูดออกมาอย่างยากลำบาก  “ท่าน....”

“มอบสหายข้ามา”

เสียงที่สงบอู้อี้ดังออกมาจากหลังหน้ากาก  ร่างกายท่อนบนของบุรุษหน้ากากผีไม่ได้ขยับ  การก้าวเท้าของเขาเป็นไปอย่างสบาย  แต่ทุกย่างก้าวทำให้หัวใจของทุกคนตึงเครียด

“พ่อหนุ่ม,เข้าใจอะไรผิดไปแล้ว..” องครักษ์มากประสบการณ์และรู้ว่าไม่ใช่เวลาที่จะยอมรับกันง่ายๆ

“คืนสหายข้ามา”

เสียงราบเรียบดังออกมาอีกครั้ง  ฝีเท้าที่หนักแน่นและช้าคือเสียงฝีเท้าแห่งความตาย รังสีเยือกเย็นที่มองไม่เห็นเหมือนกับความเหน็บหนาวในฤดูใบไม้ร่วงที่ปกคลุมไปทั่วทุกมุม

ความเคลื่อนไหวแรกขององครักษ์ห้าคนก็คือขวางหน้าถังเทียนไว้

ฝีเท้าธรรมดาที่หนักแน่นพร้อมกับบุรุษหน้ากากผียังคงเข้ามาใกล้พวกเขา และธงดำที่ผนึกอยู่ที่ประตูป้อมมีรูปหมีโลหิตดูเหมือนกำลังจ้องมองดูการเคลื่อนไหวของพวกเขาจากด้านหลัง

ระยะระหว่างของทั้งสองฝ่ายใกล้เข้ามา สภาพจิตใจของหนึ่งในองครักษ์พังทลายในที่สุด  เนื่องจากเขาตะโกนและพุ่งเข้าหาถังเทียน

การกระทำของเขาเหมือนกับจุดชนวนทำให้สถานการณ์ที่ใกล้จะวิกฤติควบคุมไม่ได้ทันที  สหายที่อยู่รอบๆ ตัวเขาทั้งหมดมีจิตใจตึงเครียดและพวกเขาวิ่งเข้ากระโจนหาถังเทียนอย่างขาดสติทันที

หน้าของหัวหน้าองครักษ์เปลี่ยน แต่ในเวลานั้นเขาไม่สามารถห้ามพวกเขาได้อีกต่อไปท่าทีในดวงตาของเขาตึงเครียด  ‘ข้าคงต้องร่วมกับพวกเขา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็มาเพียงคนเดียว!’

ห้าร่างกระโจนเข้าหาถังเทียนเหมือนสายฟ้า

หน้าของผิงเสี่ยวซานเปลี่ยน  หัวใจของเขากระดอนแทบถึงลำคอ  องครักษ์ของแม่นางดารินเป็นนักสู้ฝีมือดี  แต่ละคนแข็งแกร่งมาก  ทุกๆ ปีที่อยู่ของนางจะเสริมพวกเลือดใหม่ และผิงเสี่ยวซานก็เคยเข้าร่วมการทดสอบมาก่อน  แต่ถูกปฏิเสธ ห้าองครักษ์เป็นพวกยอดฝีมือ และหัวหน้าฮั่ว ผู้นำก็มีชื่อเสียงอยู่ก่อนแล้ว

ห้าองครักษ์เคลื่อนไหวพร้อมกันอย่างสง่างาม

กลุ่มเหมือนเม็ดฝนสีดำพุ่งเข้าหาถังเทียน  เม็ดฝนสีดำมีกลิ่นที่เหม็นสาบควรจะเรียกว่าฝนน้ำมันมากกว่าและมันมีพิษรุนแรงดาบและหอกแทงฟันใส่ถังเทียนจากด้านข้าง ดาบแสงประดังประเดเข้ามาเหมือนปลาในน้ำทำให้เกิดฟองอากาศหนาแน่น  หอกเป็นเหมือนมังกรมีเพลิงสีแดงพุ่งออกเหมือนกับมังกรแดงเชิดหัวส่งเสียงดัง  เงาดำมาปรากฏด้านหลังถังเทียนด้วยเส้นทางไม่มีใครสังเกตได้สร้างเป็นข่ายขนาดใหญ่

แต่ที่ร้ายกาจที่สุดก็คือหัวหน้าฮั่วกระบี่ของเขาหายไป  และไม่มีการร่วมโจมตี

บุรุษหนุ่มหน้ากากผีถูกกลืนไปกับการโจมตีครั้งนี้ แต่ทันใดนั้นภายใต้หน้ากากผีที่น่าเกลียดและน่ากลัว ดวงตาที่เฉยเมยและเย็นชาพลันเปล่งประกายเจิดจ้างดงาม

ความงดงามที่มิอาจบรรยายได้สงบเหมือนกับน้ำ แต่สดใสเจิดจ้าเหมือนกับมีพลังชีวิต

ถังเทียนเคลื่อนไหวและสร้างรอยแสงสองรูปแบบร่างของเขากลายเป็นดูแปลกประหลาดเหมือนกับเงาเลือนราง

สภาพแวดล้อมของแดนบาปทำให้ประชาชนรู้สึกสิ้นหวัง แต่ถังเทียนรู้สึกสะดวกสบายมากเหมือนกับปลาในน้ำ เขารู้สึกเป็นอิสระ

ไม่มีอะไรเข้ากันได้กับแดนบาปเหมือนกับร่างพลังกายเป็นศูนย์

ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์วิถีหรือดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  ที่เหล่านั้นเต็มไปด้วยพลังงาน  และรอบๆร่างพลังกายเป็นศูนย์ของถังเทียนขัดขวางและขับไล่พลังงานทำให้เขาเหมือนหยดน้ำมันในน้ำ  ไม่สามารถซึบซับเข้าไปในสภาพแวดล้อมได้  แต่ในแดนบาปสถานที่ซึ่งไม่มีพลังงานยังคงอยู่  สถานที่ไม่ขับไล่พลังงานออกไปไม่มี ร่างพลังกายเป็นศูนย์ของถังเทียนจึงเข้ากันได้กับที่นี่เป็นอย่างดี

ก่อนนี้ยังคงมีม่านพลังกั้นระหว่างทั้งสอง แต่หลังจากการรู้แจ้งกฎธรรมชาติของเขา ในที่สุดถังเทียนก็สามารถทำลายขีดคั่นรอยกั้นนี้ได้  และเกิดความรู้สึกถูกใจกับสภาพแวดล้อมเหมือนกับปลาได้น้ำ  นี่คือบางสิ่งที่ถังเทียนไม่เคยประสอบมาก่อน

นี่คือความรู้สึกที่ร่าเริงยินดี

หยดของเหลวดำ ดาบแสงรังสีหอกและตาข่ายพิษที่ยากจะป้องกันปรากฏในสายตาของเขาอย่างชัดเจน

มือขวาของเขารวบเป็นหมัดและต่อยใส่อากาศข้างหน้าเขาทำให้ระลอกกระเพื่อมกระจายออกจากตัวของเขา หยดของเหลวดำที่กำลังพุ่งเข้าหาถัเงทียนเผชิญกับร่มไร้ลักษณ์และระเบิดในอากาศ

หอกสีแดงที่รุนแรงสัมผัสกับข้อมือของถังเทียนทำให้องครักษ์ผู้นั้นลอบยินดี เพลิงแดงก็คือเพลิงบัวแดงที่เขาได้รับจากการรู้แจ้งกฎธรรมชาติ  ดูเหมือนธรรมดาแต่ทรงพลังมาก  เมื่อสัมผัสกับสิ่งใด  วัตถุนั้นจะมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน

‘ตาย!’

ตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธขณะเขาทุ่มเทพลังทั้งหมด

เผียะ!

มือข้างหนึ่งปรากฏและคว้าหอกแดงของเขาทันที

‘เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง...’

องครักษ์ที่ใช้หอกไม่อยากเชื่อตาตนเอง

ถังเทียนคว้าตัวหอกด้วยมือของเขาที่เปล่งระลอกพลังเลือนราง เปลวเพลิงแดงที่สามารถหลอมละลายได้ทุกอย่างทำอะไรระลอกพลังเลือนรางไม่ได้และพลังที่น่ากลัวจากหอกข้างหน้าองครักษ์ผู้นั้นทำให้เขาแตกตื่นก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว เขาถูกยกลอยขึ้นในอากาศ

ข้างหน้าเขาเป็นดาบแสงที่สร้างเป็นฟองน้ำนับไม่ถ้วนเข้ามาถึง

‘แย่แล้ว...’

ปัง!

องครักษ์ทั้งสองปะทะกัน เพลิงแดงรุนแรงและฟองน้ำสัมผัสกันและระเบิดทันที

ถังเทียนปล่อยหอกและผลักกลับคืนไปทันที  หอกองครักษ์ผู้นั้นและมือดาบปลิวออกไปเหมือนกระสอบทรายพุ่งเข้าหาตาข่ายไร้ลักษณ์

ตาข่ายที่อยู่ข้างเขาแตกกระจายทันทีทำให้องครักษ์กระอักโลหิต

เงาร่างหนึ่งมาถึง

ภายใต้หน้ากากผี   ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายแพรวพราวทันที  เขาแค่นเสียง

ด้วยพลังเท้าที่เหมือนกับดาบหนักหน่วงเหมือนขวาน เขาตวัดฟันใส่พื้นที่ว่างเปล่าด้านขวาเขา

หัวหน้าฮั่วรู้สึกเหมือนกับว่าเขาปะทะกับสัตว์ร้าย  และรู้สึกหวานในลำคอวูบปลิวออกไป

ถังเทียนยืนตามลำพังอีกครั้ง

บุรุษหน้ากากผีไม่มองพวกองครักษ์แม้แต่น้อย  เขาสาวเท้าเดินไปข้างหน้าป้อม

ที่อยู่ต่อหน้าเขาธงดำที่ปักลึกอยู่ที่ประตูหน้ามีรูปหมีโลหิตกำลังสะบัดอยู่ในสายลมอย่างน่ากลัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด