ตอนที่แล้วตอนที่ 19-53 พลังจิต!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 19-55 เหล่ายอดฝีมือที่ริมฝั่งแม่น้ำดวงดาว

ตอนที่ 19-54 หายไปในพริบตา


สมรภูมิมหาพิภพ  ภายในห้องศิลาในถ้ำที่พัก  ลินลี่ย์นั่งเงียบอยู่ในท่าขัดสมาธิ

ลินลี่ย์กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการฝึกฝน  ต้องการจะหลอมรวมเคล็ดลึกลับของสี่กฎธาตุ  ร่างหลักของเขามีร่างแยกศักดิ์สามร่างอยู่ด้วยทั้งหมดเพ่งสมาธิกับการนี้  ขณะที่ร่างแยกธาตุไฟของเขายังคงเพ่งสมาธิกับกฎธรรมชาติธาตุไฟ

ทันใดนั้นลินลี่ย์ลืมตาขึ้น

“แปลกจริงๆ”  ลินลี่ย์มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า  แต่เขาไม่เข้าใจ  “วิญญาณของร่างหลักของข้าและร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามผ่านการกลายสภาพวิญญาณทั้งหมดแล้ว  ทำไมวิญญาณของร่างแยกศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นจึงไม่แข็งแกร่งเท่ากับร่างหลักของข้า?  นอกจากนี้ ยิ่งส่งพลังปณิธานข้าเข้าไปเสริม พลังปณิธานของร่างหลักของข้ายังแข็งแกร่งที่สุด”

วิญญาณของร่างหลักแข็งแกร่งกว่ารู้แจ้งได้ไวกว่าและฝึกได้เร็วเช่นกัน

หลังจากดำเนินการกลายสภาพวิญญาณ  เขาสามารถรู้สึกถึงธาตุทั้งสี่ได้หมด  ดังนั้นลินลี่ย์มีร่างหลักและวิญญาณร่างแยกศักดิ์สิทธิ์อีกสามจึงเพ่งสมาธิกับธาตุทั้งสี่  แต่เห็นได้ชัดว่าร่างหลักของเขามีความเร็วเหนือกว่าร่างแยกทั้งสาม

“พวกเขาผ่านการกลายสภาพวิญญาณมาเหมือนกัน แล้วทำไมถึงมีความต่างกัน?”  ลินลี่ย์คิดเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่เข้าใจ  เขาส่ายศีรษะและหลับตาต่อ  เพ่งสมาธิกับการฝึกฝนอีกครั้ง

สิ่งที่ลินลี่ย์ไม่ทราบก็คือว่า เหตุผลที่การกลายสภาพของวิญญาณเกิดขึ้นได้หลังจากที่คนๆ หนึ่งได้รับบาดเจ็บจนอยู่ในอาการขั้นวิกฤติ ในระหว่างช่วงเวลาที่หมดสติวิญญาณที่อ่อนแอจะอาศัยการดูดซับแก่นธาตุต่างๆ ที่อยู่ใกล้  เมื่อร่างหลักของลินลี่ย์และร่างแยกทั้งสามอยู่ในอาการขั้นวิกฤติ  ร่างแยกที่อยู่ในอาการวิกฤติทั้งสามสามารถรู้สึกถึงแก่นธาตุที่ใกล้เคียงองค์ประกอบธาตุของตน  ขณะที่ร่างหลักจะดูดซับแก่นธาตุทั้งสี่ได้

ดังนั้นวิญญาณของร่างหลักจึงเริ่มกลายสภาพเป็นอันดับแรก

เพราะวิญญาณของร่างหลักกลายสภาพ และเพราะมีความเกี่ยวข้องกันกับวิญญาณของร่างแยกอื่น  วิญญาณของร่างหลักจำทำให้วิญญาณของร่างแยกอีกสามนั้นกลายสภาพอย่างช้าๆ เช่นกัน  แต่ร่างหลักยังคงเป็นร่างเคลื่อนไหวหลัก  เป็นธรรมดาที่จะต้องแข็งแกร่งที่สุดหลังจากกลายสภาพ!  วิญญาณอีกสามของร่างแยกจะอ่อนแอกว่าเล็กน้อย

นั่นคือหลักการเดียวกันทั้งหมด

ตัวอย่างเช่นมหาเทพ ปณิธานของมหาเทพจะทรงพลังมหาศาล  แต่มหาเทพโดยทั่วไปแล้วก็มีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน  ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของมหาเทพต้องขอบคุณร่างหลักที่ยังคงแฝงไปด้วยพลังปณิธาน  แต่ปณิธานของร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของมหาเทพยังอ่อนแอกว่าปณิธานของร่างหลักห่างไกล  นี่เป็นปัญหาหลักที่สอง

ร่างหลักของมหาเทพก็คือร่างแยกของพวกเขาที่กลายเป็นมหาเทพ  ส่วนร่างอื่นๆ เป็นรองลงไป

สำหรับลินลี่ย์ ร่างเดิมของเขาเป็นร่างหลัก  ขณะที่ร่างอื่นเป็นร่างลำดับรอง

มีเวลาเกือบสามร้อยปีที่ยังเหลือก่อนทำศึกสุดท้าย  กลุ่มของลินลี่ย์สี่คนใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ฝึกบ้าง สนทนาพูดคุยบ้างเป็นครั้งคราว

หนึ่งร้อยปี ใช้เวลาฝึกอย่างสบายๆ เช่นนี้

ลินลี่ย์และพวกนั่งอยู่ด้วยกัน  รีสเจมถามอย่างกระตือรือร้น  “ลินลี่ย์  ดูจากรอยยิ้มมีความสุขของเจ้า  เจ้าต้องมีความก้าวหน้าในการหลอมรวมกฎต่างๆ ได้แน่ใช่ไหม?”

“ข้ายังต้องฝึกอีกยาวนาน”  ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น

“ลินลี่ย์ถ่อมตัวมากเกินไป”  เสียงทุ้มดังขึ้น  คนพูดคือเรย์โฮมที่อยู่ใกล้ๆ

“เขาเริ่มรู้จักซ่อนพลังของเขาแล้ว มีแต่คนที่ทรงพลังมากจะเลือกซ่อนพลังของเขาไว้ ฮึ่ม... สำหรับคนอ่อนแออย่างเรา เราต้องการจะขู่คนอื่น วิญญาณกลายสภาพสี่สายธาตุ โอว โอว ข้ารู้ว่าการหลอมรวมกฎธาตุต่างๆ จะส่งผลให้พลังเพิ่มขึ้นมากมายมหาศาล  การหลอมรวมเคล็ดลึกลับสองเคล็ดต่างกฎสายธาตุเทียบได้กับการหลอมรวมสามเคล็ดของสายธาตุเดียวกัน การหลอมรวมสามเคล็ดความรู้จากสามสายธาตุต่างกันเทียบได้กับการหลอมรวมห้าเคล็ดลึกลับในสายธาตุเดียวกัน  การหลอมรวมสี่เคล็ดลึกลับจากสี่สายธาตุ.. นั่นเท่ากับหลอมรวมเจ็ดเคล็ดลึกลับของสายธาตุเดียวกัน  นี่ยังเป็นระดับที่ทรงพลังมากกว่าพารากอนเสียอีก!”  รีสเจมถอนหายใจ

ศักยภาพของวิญญาณกลายสภาพของสี่ร่างแยกสูงมากกว่าพารากอนเสียอีก

“ถ้าพี่ใหญ่ข้าไม่น่ากลัว  ใครเล่าจะน่ากลัว?”  บีบีคุยฟุ้ง  เขาไม่รู้ว่าความถ่อมตัวหมายถึงอะไร

“พลังของกฎธาตุที่หลอมรวมกันนั้นยิ่งใหญ่  แต่ก็ทำได้ยากมากเช่นกัน”  ลินลี่ย์ส่ายศีรษะและหัวเราะ  “ข้ารู้จักคนผู้หนึ่ง ข้าพบเขาเมื่อข้ายังผจญภัยอยู่ในทวีปเรดบุด เขาชื่อแลร์มองต์  เขาเป็นคนที่ฆ่าเอลควิน เจ้านายเก่าของฟูโซ่  แม้แต่พรสวรรค์ของแลร์มองต์ เขาก็เพียงบรรลุระดับใหม่ได้ในช่วงที่สู้กับเอลควินจนถึงระดับที่อันตราย เขาเป็นพวกวิญญาณกลายสภาพที่มีร่างแยกสองร่าง!  เป็นเรื่องยากมากที่เขาจะหลอมรวมกฎธาตุที่ต่างกันสองกฎ”

บีบีแค่หัวเราะเบาๆ  “พี่ใหญ่, ไม่ต้องถ่อมตัวนักหรอก   ท่านสามารถประสบความสำเร็จโดยผ่านการกลายสภาพวิญญาณจากร่างแยกสี่ร่าง  ถ้าท่านทำเรื่องขนาดนั้นได้  ยังมีอะไรที่ท่านทำไม่ได้อีก?”

ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ จากนั้นดื่มเหล้าในแก้ว

“ว่าแต่พี่ใหญ่, วิญญาณของท่านตอนนี้กลายสภาพไปแล้ว  ความเร็วในการฝึกของท่านก็ควรจะเพิ่มขึ้นมากด้วยเช่นกัน  ท่านมั่นใจไหมว่าจะสามารถช่วยให้ร่างแยกธาตุไฟให้ฝึกได้เร็วขึ้นและบรรลุระดับเทพชั้นสูงได้เร็วขึ้นบ้างไหม?”  บีบีถาม  “ตอนนั้นเนื่องจากพลังเทพสี่สายธาตุของท่านหลอมรวมด้วยกันพลังของท่านยังเหนือกว่าตอนที่ท่านใช้พลังของมหาเทพ”

วิญญาณของร่างหลักของลินลี่ย์ตอนนี้มีพลังมากกว่าตอนก่อนที่เขาจะกลายสภาพวิญญาณ

ระดับที่เขาเข้าใจและการสร้างภาพในใจรวดเร็วขึ้น  ถ้าวิญญาณในร่างหลักของเขาเพ่งกับการวิเคราะห์กฎธาตุไฟ  ระดับที่ร่างแยกธาตุไฟจะเพิ่มพลังขึ้นจะมีสูงมาก  เมื่อสงครามมหาพิภพได้ผลสรุป  เขาจะถึงระดับเทพชั้นสูง

“ไม่ต้องรีบร้อน”  ลินลี่ย์ส่ายหน้าและหัวเราะ  “สำหรับตอนนี้  ข้าไม่ต้องการเปิดเผยว่าข้าเป็นเทพวิญญาณกลายสภาพ  ดังนั้นข้าจะไม่รีบให้ร่างแยกธาตุไฟของข้าบรรลุระดับเทพชั้นสูง  ตอนนี้สิ่งที่ข้าจำเป็นต้องทำก็คือหลอมรวมกฎธาตุต่างๆ นั่นสำคัญกว่า  ข้าจะทุ่มเทสมาธิไปในทางนั้น”  ลินลี่ย์รู้ดี

ร่างแยกธาตุไฟของเขามีอัตราการฝึกได้ช้าจริงๆ!

แต่เขายังใช้เวลาเกือบเจ็ดร้อยปีในสมรภูมิมหาพิภพ  ช่วงเกินกว่าเจ็ดร้อยปีนี้ร่างแยกธาตุไฟของเขาเกือบจะเชี่ยวชาญเคล็ดที่ห้าแล้ว  แม้ว่าจะช้าเมื่อเทียบกับร่างแยกศักดิ์สิทธิ์อื่น  แต่ลินลี่ย์ไม่รีบ

อย่างไรก็ตาม รีสเจมคาดการณ์ได้ถูก  ในช่วงร้อยปีหลังจากวิญญาณลินลี่ย์กลายสภาพ ลินลี่ย์ก็เชื่อมเคล็ดชีพจรโลกของกฎธาตุดิน เข้ากับเคล็ดวังวนอ่อนหยุ่นของกฎธาตุน้ำ  แต่แน่นอนว่านี่เป็นแค่การเชื่อมโยง

ขณะที่เวลาผ่านไป ศึกสุดท้ายใกล้เข้ามาทุกที

ภายในห้องศิลา

ลินลี่ย์นั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิเงียบๆ  วิญญาณทั้งสี่ของเขากำลังจินตนาการและทำความเข้าใจ

ภายในใจของเขา มีภาพของโลกจินตนาการกว้างขวางไร้ขอบเขต  ชีพจรของแผ่นดินนี้ยังคงปล่อยพลังต่อเนื่อง  แต่สายพลังงานพันกันไปมาและพันรอบกันเอง เหมือนกับสายพลังงานที่พระยายมราชใช้ในโรงแรมสิ้นหวัง  สายพลังถักทอผ่านระลอกพลังชีพจรโลกส่งอิทธิพลต่อชีพจรโลก

พลังชีพจรโลกค่อยๆ เริ่มมีอิทธิพลร่วมกันและได้รับผลกระทบไม่สิ้นสุด กระแสพลังงานวังวนอ่อนหยุ่น  ทั้งสองเชื่อมโยงกันและกัน..

“พี่ใหญ่, พี่ใหญ่!”  มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

ภายในห้องศิลา ลินลี่ย์ลืมตาขึ้นและเห็นบีบี  “มีอะไรหรือ บีบี?”  ลินลี่ย์หัวเราะ

“พี่ใหญ่, ท่านฝึกหนักจนเอ๋อไปแล้วหรือ?  ท่านลืมไปแล้วหรือนี่เวลาอะไร?  นี่คือปีที่หนึ่งพัน และเป็นปีสุดท้ายของสงครามมหาพิภพ  ข้าได้ยินจากรีสเจมว่ามีความเป็นไปได้ว่าอีกเดือนหรือสองเดือนศึกสุดท้ายจะเริ่มขึ้น  เราจะไม่ไปดูศึกสุดท้ายกันบ้างหรือ?”  บีบีถาม

“ศึกสุดท้าย?”

ลินลี่ย์ลุกขึ้นยืนและหัวเราะทันที  “แน่นอนเราจะไปดูกัน!  ข้าฝึกมานานแล้ว  ได้เวลาพักบ้างเหมือนกัน”

เคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดวังวนอ่อนหยุ่น... วิญญาณทั้งสี่ของลินลี่ย์ฝึกมาสามร้อยปีหลังจากวิญญาณของเขากลายสภาพ  แต่เขายังไม่สามารถหลอมรวมกันได้สำเร็จ  เขายังติดอยู่ในสภาพคอขวด  มิน่าเล่าการหลอมรวมกฎธาตุได้จึงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่  ความยากลำบากอยู่ในระดับสูงมากเช่นกัน

เขาออกจากห้องศิลาและมาถึงในห้องศิลาใหญ่

รีสเจมและเรย์โฮมยืนอยู่ที่ห้องโถงใหญ่อยู่แล้ว  รีสเจมหัวเราะร่าเริง  “ลินลี่ย์!  ข้ากังวลว่าเจ้าจะไม่ไปเสียอีก  ข้ารู้ว่าเจ้ามีป้ายผู้บัญชาการเพียงพอแล้ว  แต่ข้ายังมีไม่พอ”

“เราเป็นกลุ่มเดียวกัน  ถ้าท่านจะไป  แล้วข้าจะไม่ไปได้ยังไง?”  ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ

“งั้นไปกันเถอะ เดินทางกันเดี๋ยวนี้เลย!”  รีสเจมและบีบีอยู่ข้างหน้า  ขณะที่ลินลี่ย์และเรย์โฮมตามมาด้านหลัง  ทั้งสี่คนออกจากถ้ำที่พัก

แม้ว่าสามร้อยปีผ่านไป แต่สมรภูมิมหาพิภพก็ยังเย็นยะเยือกและรกร้างเหมือนเคย  เมื่อเดินออกมาจากถ้ำ ลมหนาวเย็นเหมือนใบมีดปะทะใบหน้าของพวกเขา  มีแต่จะทำให้พลังลินลี่ย์ปั่นป่วน อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขาจ้องมองดูพื้นที่รกร้างกว้างใหญ่ “การเดินทางมาสมรภูมิมหาพิภพครั้งนี้ใกล้จะสิ้นสุดเต็มที!  ศึกสุดท้าย... ก็คืองานเลี้ยงของเหตุการณ์นี้นั่นเอง!”

การเดินทางมาสมรภูมิมหาพิภพสำหรับลินลี่ย์ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเดินทางที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

กลุ่มของลินลี่ย์ทั้งสี่คนมุ่งหน้าตรงไปที่แม่น้ำดวงดาว

ในดินแดนกันดารรกร้าง  มีหญ้าป่างอกงามอยู่ทุกที่

มีคนผู้หนึ่งนอนทอดกายอยู่บนพื้น  หากชำเลืองมองผิวเผินอาจเข้าใจว่าเขาเป็นศพที่ถูกทิ้งไว้หลังจากสู้รบ  คนผู้นี้มีผมเหมือนกับหญ้ารก และดวงตาสีทองคู่โตราวกับมนุษย์กินคน  เขาคือแฮมเมอร์!

“ข้าต้องการป้ายผู้บัญชาการอีกหนึ่งป้าย!  ตั้งสองร้อยปีแล้ว ที่ข้าไม่พบเจอใครสักคนเดียว”  แฮมเมอร์นอนนิ่งกับที่อยู่บนพื้นบ่นพึมพำคนเดียว  “ทุกคนล้วนแต่อาศัยความเร็วของพวกเขาทั้งนั้น  ถ้าพวกเขาเอาชนะข้าไม่ได้  พวกเขาก็หนีกันหมด  ฮึ่ม  โดยเฉพาะเจ้าเด็กเผ่ามังกรฟ้านั่น  ข้าเจอเขาตั้งสองครั้งสองครา  แต่เขาอาศัยสนามพลังโน้มถ่วง”

แฮมเมอร์เต็มไปด้วยความโกรธ  แต่ไม่มีที่ให้ระบาย

“ศึกสุดท้ายกำลังจะมาถึงแล้ว”  แฮมเมอร์พึมพำ

“ดูเหมือนว่าข้าต้องเข้าร่วมศึกสุดท้ายเพื่อให้ได้ป้ายผู้บัญชาการสักป้าย  หลังจากได้ป้ายสุดท้ายแล้ว ข้าจะขอให้มหาเทพสร้างหอกให้ข้า!  ข้าจะใช้มันเป็นอาวุธรบระยะห่างหรือสู้ระยะประชิดก็ได้  ฮึ่ม เนื่องจากข้ามีพลังโจมตีวัตถุอยู่แล้ว  ข้าจะได้ใช้หอกได้ในระยะไกล  ถึงตอนนี้ ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้าบัดซบพวกนั้นจะมีปัญญาหนีได้อีกหรือเปล่า!”

ความจริงพลังโจมตีวัตถุของเขาเทียบได้กับพารากอนเลยทีเดียว  เมื่อผสานเข้ากับอาวุธมหาเทพก็จะทำให้แฮมเมอร์คุกคามพารากอนได้

“หึหึ ข้าหวังว่าเจ้าเด็กเผ่ามังกรฟ้าจะเข้าร่วมสงครามมหาพิภพในครั้งต่อไป  ถึงตอนนี้ข้างจะมีอาวุธมหาเทพ  ข้าจะต้องสั่งสอนเขาอย่างแน่นอน”  แฮมเมอร์ไม่เคยลืมว่าใครสามารถหลบหนีพ้นเงื้อมมือเขาได้ถึงสองครั้ง

ทันใดนั้น...

“หือ?”  แฮมเมอร์ที่กำลังนอนอยู่บนพื้นขมวดคิ้ว  “มีคนกำลังมา  ห่างออกไปหมื่นเมตร!”

แฮมเมอร์เองถือกำเนิดจากการเป็นส่วนหนึ่งของโลกธาตุดินศักดิ์สิทธิ์  เขาเป็นภูเขาทองอยู่ก่อนและถูกโลกธาตุหล่อเลี้ยงมานานนับปีไม่ถ้วน  เขาเกิดมาพร้อมกับการเชื่อมต่อกับดินและพื้นดินได้ตามธรรมชาติ  เมื่อนอนอยู่กับที่บนพื้น  เขาสามารถรู้สึกถึงพื้นได้ชัดเจนภายในพื้นที่แน่นอนระดับหนึ่ง  ถ้ามีคนก้าวเข้ามาในพื้นที่ของเขา

“ฮ่าฮ่า”  แฮมเมอร์ลุกขึ้นนั่งจ้องมองดูทิศทางนั้น  ดวงตาสีทองของเขาเป็นประกาย  “บางทีนี่อาจเป็นผลงานทางทหารล่าสุดของข้า  ข้าไม่ต้องเข้าร่วมศึกสุดท้ายแล้ว”

และจากนั้นแฮมเมอร์ผสานเข้ากับพื้นดินทันที  และใช้เคล็ดเดินดิน!

บนพื้นที่รกร้าง ลินลี่ย์และพวกอีกสามคนกำลังเดินเรียงหน้าพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน  เนื่องจากพลังของกลุ่มสี่คนนี้ ไม่มีใครที่พวกเขาต้องกลัวในสมรภูมิมหาพิภพแห่งนี้  ใครก็ตามที่หาเรื่องพวกเขา ก็เท่ากับหาที่ตาย

สายตาของลินลี่ย์คมกริบ และเขาหัวเราะอย่างเยือกเย็น  “มีคนกำลังเข้ามา ระวังตัวด้วย ทุกคน”

“มีคนกำลังมา?”

รีสเจม บีบี และเรย์โฮมตกใจ  พวกเขาไม่รู้สึกอะไร  แต่ลินลี่ย์หลังจากมีวิญญาณกลายสภาพก็มีพลังควบคุมจักรวาลได้อย่างแข็งแกร่ง ทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ ลินลี่ย์ก็สังเกตได้ง่าย

“ยอดฝีมือธาตุดินกำลังใช้เคล็ดเดินดิน”  ลินลี่ย์กล่าวพลางขยายสำนึกเทพ

“โอว, เขาเองหรือ?”  ลินลี่ย์มีท่าทีขำขันอยู่บนใบหน้า

แฮมเมอร์คิดว่าเขากำลังพรางตัว  กล่าวโดยทั่วไปคนที่ใช้เคล็ดเดินดินจะถูกตรวจสอบได้เมื่อเข้ามาถึงระยะราวๆ ร้อยเมตร  นี่เป็นความรู้ทั่วไป  แต่สำหรับเทพพารากอนและคนอย่างลินลี่ย์ เรื่องนี้ไม่จริง  แฮมเมอร์ใช้เคล็ดเดินดินลินลี่ย์ก็สามารถตรวจสอบได้แต่ไกล

“ครืนน...”  ทันใดนั้นห่างออกไปร้อยเมตรร่างขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากพื้นดินพุ่งเข้าหาลินลี่ย์ราวกับประกายไฟ

“เป็นเจ้าเอง เจ้าเด็กเผ่ามังกรฟ้า!”  แฮมเมอร์ตระหนักได้ว่าลินลี่ย์เป็นใคร  “เจ้าเด็กเผ่ามังกรฟ้าสามารถแปลงร่างได้ และใช้สนามพลังโน้มถ่วงได้  การฆ่าเขาเป็นเรื่องค่อนข้างยาก!”

เขาพุ่งเข้าหาพวกเขาราวกับสายฟ้า

“เอ๊ะ, เขาไม่แปลงร่างหรือใช้สนามพลังโน้มถ่วงเหรือ?”  แฮมเมอร์สงสัย  เมื่อสู้กับลินลี่ย์มาหลายครั้งเขารู้ว่าลินลี่ย์แข็งแกร่งเพียงไหน  ทำไมเมื่อเขาพุ่งโจมตีต่อหน้าพวกเขา ลินลี่ย์ถึงไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย?

แฮมเมอร์ที่เตรียมตัวโจมตีเรย์โฮม เลือกโจมตีลินลี่ย์แทน!

“เจ้าหาเรื่องตายเองนะ  อย่ามาโทษว่าข้า”  แฮมเมอร์กระแทกหมัดมีเสียงราวสายฟ้าทึบและรอยแตกมิติปรากฏให้เห็น

รีสเจม บีบีและเรย์โฮมแค่มองดูและหัวเราะ  ลินลี่ย์ปล่อยหมัดออกไปบ้าง และทันใดนั้นรังสีธาตุดิน 108 สายแผ่ออกกลาเป็นสนามพลังบีบอัดแฮมเมอร์ไว้ภายใน  ลินลี่ย์ปล่อยหมัดที่ทำให้มิติแตกทำลายของเขาทันที

ไม้ตายย่อโลก!

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”  แฮมเมอร์รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นที่รอบตัวบีบอัดอยู่รอบตัวเขาอย่างทรงพลัง  ทำให้เขาช้าลงและรู้สึกทรมาน เขาเคยลิ้มรสชาติวิชานี้มาก่อน  แต่พลังช่างห่างไกล  ห่างไกลกันมากกับครั้งก่อน!

หมัดของเขาช้ามาก ไม่สามารถป้องกันหมัดของลินลี่ย์ได้แม้แต่น้อย

“ปัง!”  หมัดเสยขึ้นปะทะกับปลายคางล่างส่งผลให้แฮมเมอร์ปลิวขึ้นไปในอากาศ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด