ตอนที่แล้วตอนที่ 690 อูหม่าเทียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 692 รู้ไหมว่าทำไม?

ตอนที่ 691 แส้นางแอ่นจันทรา


ในระหว่างศึกษาเจ้าสัตว์ประหลาดนี้จากระยะไกล  เซรีนยังคงเงียบ

อาวุธจักรกลวิญญาณที่น่าเกลียดมากสมกับชื่อดูน่าเกลียดยิ่งกว่าสิ่งที่มนุษย์จะสามารถจินตนาการออก ทำให้เซรีนรู้สึกตกใจ

เจ้าสัตว์ประหลาดโค่นล้มองค์ความรู้ของเซรีนไปอย่างสิ้นเชิง ทุกองค์ประกอบเต็มไปด้วยกลิ่นอายของกองทัพดาวกางเขนใต้ ไม่มีความเพรียวบางไม่มีปีก แต่มีการป้องกันหนาแน่นอย่างจินตนาการไม่ถึงและแข็งแรงอย่างน่าประหลาด จิตวิญญาณยุทธที่อ่อนแอจำเป็นต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อแสดงการกระทำที่ซับซ้อน แต่ขณะเดียวกันก็ลดความต้องการของนักสู้สายจักรกลลงมากคงไว้แต่การเคลื่อนไหวที่เรียบง่าย และวิทยายุทธก็คือพลังที่ระเบิดออกมา

เรื่องนี้ทำให้เซรีนตกใจแต่ก็แจ่มแจ้งในทันที นางตระหนักได้ทันทีว่าความเข้าใจการรบของนางอาจคลาดเคลื่อน

เนื่องจากอาวุธจักรกลวิญญาณของนางกลายเป็นเรื่องซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ  มาตรฐานของจิตวิญญาณยุทธก็ต้องการสูงขึ้นมากเรื่อยๆ

แต่เจ้าสัตว์ประหลาดนี่กลับมีลักษณะที่ตรงกันข้ามดิบ เรียบง่ายต่อการใช้งาน ความงามห่างไกลกับเกราะภูผาน้ำแข็งลิบ และมันยังน่าเกลียดมาก แต่ลั่วซือมีความเข้าใจวิทยาการจักรกลอย่างลึกล้ำสังเกตได้จากการเติมเต็มให้เจ้าสัตว์ประหลาด ไม่มีข้อต่อที่งดงามหลากหลาย แต่กลับมั่นคงมากและแข็งแรงเป็นพิเศษ  เทียบกันแล้ว ข้อต่อของเกราะภูผาน้ำแข็งเป็นงานศิลปะทั้งหมด

แขนขาที่หนาใหญ่ให้ความเสถียรอย่างมากและมีพลังมหาศาลมันยืนกับที่อย่างเงียบๆ และสมกับชื่อของมัน ทั้งความโหดเถื่อนของมัน

ไม่ใช่ว่าสัตว์ประหลาดจะไม่มีจุดอ่อนความจริงจุดอ่อนของมันชัดเจนมาก มันไม่สามารถบินได้ และมันหนักมากผู้ใช้จำเป็นต้องสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นมาตรฐานจิตวิญญาณยุทธของมันไม่สูงมาก ดังนั้นมันจึงไม่มีสติปัญญาเท่ากับภูผาน้ำแข็ง  นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดในการสวมใส่คือจะต้องมีร่างกายที่แข็งแรงและไม่ใช่ในแง่การสื่อสารของจิตวิญญาณยุทธเมื่อเผชิญสถานการณ์เดียวกัน มาตรฐานของเจ้าสัตว์ประหลาดไม่ด้อยไปกว่าภูผาน้ำแข็งเลย  แต่การทำงานของมันมีน้อยกว่าภูผาน้ำแข็ง

แต่แม้จะมีจุดอ่อนรวมทั้งหมด แต่พวกเขาก็ไม่สามารถซ่อนคุณค่าของเจ้าสัตว์ประหลาดได้  เพราะต้นทุนการสร้างเจ้าสัตว์ประหลาดถูกมากและเทียบกับภูผาน้ำแข็งที่ฟุ่มเฟือยแล้ว นับว่ามีอัตราความคุ้มค่ามากคือราคาภูผาน้ำแข็งหนึ่งชุดสามารถสร้างเจ้าสัตว์ประหลาดได้ถึงยี่สิบตัว

ความได้เปรียบในตัวเองนั่นสามารถส่งให้ถังโฉ่วได้

กลุ่มดาวหมีใหญ่เดินตามเส้นทางของทหารระดับสูง  จึงไม่มีทหารมากนัก  กองทัพจักรกลนั้นถูกแบ่งออกไป  กองพลหมาป่าของถังอี้  กองพลพรานข่ายของคุณชายขลุ่ยวิเศษ  และกองพลทหารราบของทาร์ตันนี่คือสี่กองทัพใหญ่ของกลุ่มดาวหมีใหญ่ แต่ในบรรทัดฐานที่จะพบเหตุวุ่นวายในอนาคต ถังโฉ่วคิดว่าจำนวนกองทัพยังคงน้อยเกินไป

กลุ่มดาวหมีใหญ่จำเป็นต้องได้อาวุธจักรกลวิญญาณที่มีสมรรถนะทั่วไปและต้นทุนต่ำ  เพราะอาวุธจักรกลเช่นนั้นพวกเขาจึงจะสามารถแสดงความได้เปรียบของกำลังคนจากกลุ่มดาวหมาป่า

สงครามในอนาคตในสวรรค์วิถีจะต้องมีขนาดใหญ่

ดังนั้นการสร้างกองพลสัตว์ประหลาดจึงเกิดขึ้นเงียบๆ

******************

ลึกเข้าไปในทะเลพลังงาน

กลุ่มแสงมากมายลอยอยู่ในทะเลพลังงานเหมือนกับหิ่งห้อย พวกมันเรียงตัวอย่างเรียบร้อยกระพริบวาบอย่างต่อเนื่องราวกับว่าพวกมันกำลังหายใจการกระพริบตามจังหวะดูเหมือนหายใจ พลังงานโดยรอบถูกดูดกลืนเข้าไปในการก่อตัวและสร้างรอยวังวนในบริเวณรอบ

เซี่ยอวี่อันยืนอยู่ใจกลางกระบวนรบด้วยสีหน้าที่เคร่งครัดนางแอ่นน้อย 108 ตัวบินอยู่โดยรอบ และบินวนรอบกระบวนศึก  นางแอ่นเหล่านี้มีร่างขนาดเล็กด้วยขนาดที่เล็กเหมือนปลายเหล็กพวกมันปล่อยรัศมีได้เหมือนกับแสงจันทร์เหมือนกับกลุ่มภูตพราย

รอบตัวเขาต่อหน้าของทหารทุกคนมีอาวุธเงินลอยอยู่ มันปลดปล่อยแสงสีเงินแน่นหนา ทหารทุกคนหลั่งเหงื่อชุ่มโชก พวกเขาไม่กล้าผ่อนคลายและฝึกฝนหนักเพื่อควบคุมสมบัติที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา

สว่างไปมืดตามลมหายใจเข้าออก พลังงานทะลักเข้ามากระบวนศึกตามจังหวะและเมื่อพลังเข้ามาข้างในกระบวนศึกแล้ว นางแอ่นที่บินอยู่รอบๆ จะทำลายพลังงานเปลี่ยนเป็นเส้นสายเล็กๆ นับพันเข้าไปในสมบัติทุกชิ้น  คลื่นพลังงานคลื่นแล้วคลื่นเล่า   และแสงบนสมบัติมากขึ้นหนาแน่นขึ้น

หลังจากคงอยู่หกชั่วโมงหน้าผากของเซี่ยวอวี่อันมีเหงื่อไหลหยด

พลังงานที่พลุกพล่านเริ่มช้าลงเรื่อยๆ  เซี่ยอวี่อันรู้ว่าทุกคนถึงขีดจำกัดแล้ว  เขาสูดหายใจลึกและตะโกน  “พักกันก่อน”

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยนกนางแอ่นพุ่งเข้ามาอยู่ในมือเขาจากทุกทิศทาง  เผียะ เผียะ เผียะเสียงที่เกิดจากระเบิดดังตามมา และสายยาวสีเหมือนแสงจันทร์งอกขึ้นมากอยู่ในมือของเซี่ยอวี่อันแส้ยาวมีข้อต่อร้อยแปดข้อคล้ายกับกระดูกงูสีแสงดวงจันทร์ค่อยๆ สะบัด

นี่คืออาวุธวิญญาณที่ปรับสร้างให้เขาเป็นพิเศษโดยเสี่ยวเอ้อ  แส้นางแอ่นจันทรา, ทะเลหิมะยามเย็นในมือของสือเซินทำให้ทหารและแม่ทัพทุกคนอิจฉามานานแล้ว  เซี่ยอวี่อันไม่กล้าคิดปรารถนาอะไร เขารู้ว่ากองทัพนางแอ่นของเขาเองเป็นทหารที่ถูกซื้อ ความจริงเจ้านายก็ใจกว้างกับพวกเขามากอยู่แล้วและทั้งกองพลนางแอ่นและหน่วยกะโหลกก็พอใจกับสิ่งที่เจ้านายปฏิบัติต่อพวกเขา

กล่าวกันว่าอายะก็ยังได้รับดาบยักษ์ซึ่งเป็นอาวุธวิญญาณเช่นกัน

ลำแสงที่หนาแน่นสลัวลงอย่างรวดเร็ว

ทหารทุกคนนั่งลงกับพื้น  พวกเขาเหงื่อโชกตั้งแต่หัวยันเท้า ดวงตาของพวกเขาเหนื่อยล้าและพวกเขาอ้าปากหอบหายใจ  ไม่มีใครพูด พวกเขาไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแม้แต่จะกระดิกนิ้วและใช้ทุกวินาทีที่มีค่าไปกับการพัก

ถ้าพวกเขาไม่พักให้พอ พวกเขาจะไม่สามารถผ่านการฝึกในรอบต่อไปได้และพวกเขาจะเป็นตัวถ่วงกองพล

สถานการณ์ของเซี่ยอวี่อันดีขึ้นมาก เขารีบฟื้นความแข็งแรงของร่างกายทันทีและยืนขึ้นตรวจดูทุกคน  เมื่อเห็นว่าปลอดภัยกันทุกคน  เขาระบายลมหายใจโล่งอกและสงบจิตใจได้  ทหารแม้เมื่อพักก็ยังกอดสมบัติอย่างสุดกำลัง

เซี่ยอวี่อันอดยิ้มไม่ได้

เมื่อท่านปิงโยนสมบัติดวงดาวให้กับพวกเขา  พวกเขามีความสุขดีใจกันมาก และแม้แต่เซี่ยวอวี่อันก็มีความสุข สมบัติดวงดาวเป็นวัตถุที่มีราคามากมูลค่าสูงส่ง  ทุกๆคนในห้าตระกูลเกาะใต้มีสมบัติดวงดาวชิ้นหนึ่งทำให้เซี่ยอวี่อันรู้สึกอิจฉานานแล้ว แต่เขาไม่ใช่แม่ทัพที่ชอบสร้างปัญหาและยังคงนิ่งเงียบอยู่ตลอดเวลา

เมื่อนายท่านนำสมบัติดวงดาวจริงๆมาให้ทั่วทั้งกองพลนางแอ่น  ทุกคนในหน่วยมีความสุขพวกเขาดีใจแทบเป็นบ้า  แต่เมื่อเซี่ยอวี่อันได้รับคำแนะนำจากปิงถึงวิธีการฝึกกับสมบัติดวงดาวและต้องการกลยุทธประสานงานสำหรับการฝึก  เขาไม่เคยคาดเลยว่าท่านปิงจะพูดขึ้นง่ายๆ ว่า ‘ค้นหาด้วยตัวเจ้าเอง’ และจากไป

เซี่ยอวี่อันตะลึง ท่านถังโฉ่วเป็นนักวิชาการที่เข้าร่วมทุกเรื่องด้วยตนเอง  เขาจะเตรียมโครงสร้างการฝึกฝนเอาไว้ทุกขั้นตอน

ยังดีที่เซี่ยอวี่อันมักจะดำเนินการตามคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเต็มร้อย เขาไม่เคยถามหาสาเหตุและเนื่องจากท่านปิงบอกให้เขาค้นหาด้วยตนเอง  อย่างนั้นเขาก็จะทำและนั่นอาจเป็นความต้องการจะทดสอบเขาจากเจ้านาย นอกจากนี้การให้สมบัติดวงดาวพวกเขาทั้งหน่วยก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าขอบคุณมากอยู่แล้ว  ถ้าเขาต้องค้นหากลยุทธด้วยตนเองไม่ว่าจะยากเย็นแสนเข็นเพียงใด เขาจะไม่ขมวดคิ้วและทำให้ได้

เซี่ยอวี่อันเป็นคนที่มีนิสัยรอบคอบและกระทำหลายอย่างเป็นระบบ ตอนแรกเขาไปหาห้าตระกูลเกาะใต้และปรึกษาถามตารางฝึกประจำวันของพวกเขา เนื่องจากพวกเขาได้รับสมบัติดวงดาวมาก่อนและมีประสบการณ์ในการใช้ประโยชน์  หลังจากนั้นก็ไปหาจิ่งหาว,อาเฮ่อและหลิงซิ่วขอคำแนะนำจากพวกเขาเพื่อชี้แจงข้อสงสัยของเขา

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็มีโครงร่างวิธีใช้สมบัติดวงดาวไว้ในกองพลของเขา

จากนั้นเขานำกองพลนางแอ่นไปทดสอบในการฝึกฝน เนื่องจากห้าตระกูลเกาะใต้เดินตามเส้นทางสายนักสู้ส่วนบุคคล  พวกเขาจึงไม่เข้ากับการใช้ในกองทัพและพวกเขาไม่ได้ฝึกอีกต่อไป  เซี่ยวอวี่อันเป็นคนพิถีพิถัน เขาคิดและทบทวนการฝึกฝนบ่อยๆ และทำความคุ้นเคยกับทหารทุกคนและสมบัติของพวกเขา

เซี่ยวอวี่อันค่อยๆประสบความสำเร็จในกลยุทธด้วยตนเอง สามารถเข้าใจความสามารถของสมบัติดวงดาวได้  และพบวิธีเฉพาะสำหรับการฝึกกองทัพของเขาเอง

วิธีการควงแส้นางแอ่นจันทราในมือของเขา การใช้ร้อยแปดแส้นางแอ่นจันทราช่วยให้เซี่ยอวี่อันควบคุมกองพลของเขาจนเข้าสู่ระดับใหม่ทั้งหมด ปัจจุบันนี้การผสานพลังของกองพลนางแอ่นมากถึงระดับ 98% แล้วและนั่นถือว่าเป็นค่าพลังที่น่ากลัว  การเพิ่มค่าพลังความถี่ในการผสานพลังหลังจากถึงระดับ90% ขึ้นไป ในแต่ละเปอร์เซนต์นั้นทำได้ยาก

ความถี่ในการผสานพลังระดับ98%เป็นค่าพลังที่ก่อนนี้เซี่ยอวี่อันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ใครจะรู้พวกเขาสามารถทำได้

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแส้นางแอ่นจันทราในมือของเขา  นกนางแอ่นน้อยมีชื่อเรียกราวกับตำนานเรียกว่านางแอ่นจันทรา รูปร่างของพวกเขามันคล้ายกับการเปลี่ยนแปลงของพระจันทร์เสี้ยวเสี้ยวหนึ่งของพระจันทร์เต็มดวง ทุกการเปลี่ยนแปลงทำให้มันมีความสามารถที่แตกต่าง

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานของแส้นางแอ่นจันทราก็คือความสามารถของมันสามารถกรองสิ่งสกปรกออกจากพลังงานได้เหลือไว้แต่พลังงานที่คล้ายแสงจันทร์ อาวุธสมบัติของทั้งกองทัพจะดูดซับพลังงานพร้อมกัน  และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ความถี่ในการผสานพลังอยู่ในระดับสูง

เซี่ยอวี่อันลูบแส้นางแอ่นจันทราในมือของเขาอย่างทนุถนอมในระหว่างนี้ทุกคนกำลังก้าวหน้าเร็วอย่างน่าประหลาด  อาวุธสมบัติของพวกเขาทุกคนดูดซับพลังงานมากมายอย่างน่าทึ่ง   แต่ในบรรดาพลังงานที่กองทัพสูบเข้ามาครึ่งหนึ่งจะถูกสูบกลืนโดยแส้นางแอ่นจันทรา

ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าแม้ว่าจะสูบกลืนพลังงานจำนวนมหาศาล แต่แส้นางแอ่นจันทราไม่แสดงสัญญาณว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทำให้เขากระตือรือร้นให้มันมีการเปลี่ยนแปลง

จุดที่พวกเขาฝึกค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากทวีปซางโจวและไกลจากทางน้ำ ไม่มีทวีปอื่นในบริเวณใกล้เคียง พวกเขาอยู่กันตามลำพลัง การฝึกของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวมากเกินไปมีกระแสพลังไหลมาบรรจบ พลังมีการเปลี่ยนแปลงมาก

เพื่อไม่ให้เป็นที่ดึงดูดความสนใจ  พวกเขาเลือกที่นี่เป็นพิเศษ

เซี่ยอวี่อันจะตัดการติดต่อกับทวีปซางโจวและรายงานความก้าวหน้ากลับไปที่ท่านปิงทุกสามวัน เขายังคงได้ยินเรื่องโจรสลัดโจมตี ทำให้เซี่ยอวี่อันตระหนักถึงความชำนาญของฝ่ายตรงข้าม

แต่เมื่อเขาจะขอเคลื่อนกำลังออกไป  ท่านปิงปฏิเสธโดยไม่ลังเล

คำขอของพวกเขามีเพียงเรื่องเดียวใช้เวลาทุกวินาทีสำหรับฝึกฝน

เซี่ยอวี่อันต้องข่มความต้องการต่อสู้ในใจลง  เขาไม่สามารถปกปิดความกังวลไว้ได้  ทวีปซางโจวกำลังเดินไต่ราว  ถ้าพวกเขาไม่ระมัดระวัง  พวกเขาจะดิ่งลงสู่หุบเหว เขาไม่รู้ว่านายท่านปิงจะรับมือสถานการณ์ที่จะมาถึงในไม่ช้าได้ยังไง

เขาหัวเราขำตัวเองทันที  ‘นี่ข้าทำอะไร, ข้าเห็นตัวเองเป็นผู่ช่วยโลกแล้วหรือนี่’

‘ท่านปิงจะต้องมีความคิดเป็นของตนเองแน่นอน!’

‘งานของเราก็คือเพิ่มความแข็งแกร่งของเราเองภายในช่วงเวลาที่สั้นที่สุด’

ด้วยแส้นางแอ่นจันทราและสมบัติดวงดาวตราบใดที่พวกเขามีเวลาพอ  เซี่ยอวี่อันมั่นใจว่าจะยกระดับจากกองทัพระดับเงินเป็นกองทัพระดับทองได้ นั่นเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยกล้าคิดมาก่อนในอดีต  มันคือความฝันของผู้บัญชาการที่มีชื่อเสียง  โอกาสที่แม่ทัพคนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกับไม่เคยได้รับ

แต่มันอยู่ในมือของเขา

เซี่ยอวี่อันนึกถึงประโยคหนึ่งได้ว่า

ถ้าทวีปของข้าทำกับข้าอย่างยิ่งใหญ่   ข้าจะตอบแทนทวีปของข้าด้วยทุกอย่างที่ข้ามี

หัวใจของเซี่ยอวี่อันผู้กำลังครุ่นคิดกำลังปั่นป่วนเหมือนมีพายุในใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด