ตอนที่แล้วตอนที่ 690 ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 692 เก็บไปเลย เจ้าขอทาน

ตอนที่ 691 ศัตรู? ก็แค่หินลับมีด!


เมื่อเปากู่ตื่นขึ้นเขาพบว่าเขาไม่ได้ถูกหินทับกระแทกจนตาย แต่อยู่ในสถานที่ก่อสร้างพิเศษแห่งหนึ่ง

แม้แต่ในแดนสวรรค์ก็ยากจะพบเจอโครงการก่อสร้างใหญ่โตขนาดนี้

เขาไม่รู้ว่าคนเหล่านี้กำลังทำอะไร แต่เขาแน่ใจว่าคนเกือบล้านคนเหล่านี้กำลังทำบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาเป็นคนที่สังเกตสีหน้าคนได้เป็นอย่างอย่างดี  แค่เพียงชำเลืองมองกรรมกรรอบตัวเขา เขาสามารถบอกได้ว่าโครงงานขนาดยักษ์นี้สำคัญมากขนาดไหนเพราะพวกเขามีความภูมิใจปรากฏอยู่บนใบหน้า แม้ว่าจะกลายเป็นหนึ่งในล้านที่มีส่วนร่วมด้วยกับความรุ่งเรืองนี้

มีเผ่าพันธุ์ต่างๆอยู่ที่นี่

แต่แทบทุกคนกระทำงานเหมือนกัน

นักรบมีพลังต่างระดับไม่แบ่งแยกชั้นกัน หัวกลมเปากู่สามารถเห็นสตรีมังกรปราณดินระดับหกแบกก้อนหินขนาดมหึมา

ว่ากันในแง่พลังนางควรจะยืนอยู่ชั้นบนและคอยควบคุมคนอ่อนแอให้ทำงาน  เพราะเทียบกับนางแล้ว คนงานหลายคนอ่อนแอเหมือนมด

เป็นสิ่งหนึ่งสำหรับสตรีมังกร  ในแดนสวรรค์ สถานะของพวกนางจะไม่สูงนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าบุรุษ  พวกนางเป็นเหมือนทาส

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นพะยูนนรกปราณฟ้าระดับสองสองตัวและมนุษย์ปลากลายพันธุ์ขุดบ่อน้ำ ปากของเขาอ้าค้างจนแทบจะยัดกบเข้าไปได้ทั้งตัว  นี่มันตลกอะไรกัน พะยูนนรกอสูรปราณฟ้าก็เป็นกรรมกรกับเขาด้วยหรือ?ใครที่มีอำนาจสั่งการพวกเขา?

“เจ้ายังไม่ตายอีกหรือ?  เมื่อข้าเห็นเจ้าตอนแรกลักษณะของเจ้าแทบจะคล้ายปลาเค็มตากแห้ง นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกลับมามีชีวิตได้!”  หัวกลมเปากู่พบว่ามีมนุษย์กลายพันธุ์คนหนึ่งใกล้ๆเขาซึ่งมีลักษณะแปลกประหลาดมาก แน่นอนว่าถ้ามองในด้านสุนทรียศาสตร์ตามมุมมองของหัวกลมเปากู่ในเมืองลมดำมนุษย์กลายพันธุ์ประหลาดนี้ก็ยังถือว่ามีลักษณะเฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าปากของเขาไม่พูดแต่เรื่องไร้สาระ   ก็เหมือนกับมนุษย์ปลาดาบอีกคนซึ่งสีหน้าของเขาจริงจังเหมือนกับจะคิดว่าคงจะได้คะแนนพิเศษมากมาย

“ขอถาม..ท่านเป็นใคร?”  เขาพบว่ามนุษย์ปลากลายพันธุ์ไม่ใช่อ่อนแอเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ปลาดาบผู้เยือกเย็นเป็นนักสู้ปราณดินระดับแปด

“จี๋ฟง!”มนุษย์ปลาดาบผู้เยือกเย็นเพียงแต่มองเปากู่ก่อนหันหน้าและเดินออกมา

มนุษย์ปลากลายพันธุ์ช่างพูดอีกคนหนึ่งแนะนำตัวเองไม่หยุด  “ข้าคือมนุษย์ปลาชื่อว่าสุ่ยจุ้ย  ข้าจะอธิบายทุกอย่างให้เจ้าฟังถ้ามีอะไรที่เจ้าไม่เข้าใจ เจ้าถามข้าได้ ถ้าไม่มีอะไรที่เจ้าไม่รู้  เจ้าถามข้าได้ ข้ารู้ทุกอย่าง อา..ความสามารถแกล้งตายของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ ข้ายังไม่อยากจะเชื่อเลยเมื่อพวกเขาพูดดังนั้นข้าลองใช้หินยักษ์ที่กดทับเจ้าสามวัน ลำไส้ของเจ้าแทบทะลักออกมา ข้าไม่คาดเลยว่าเมื่อเจ้าเลื่อนหินยักษ์ออกไป  เจ้าจะฟื้นเต็มที่ได้ภายในวันเดียว....เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์ไหน? ปิงทะเล หรือพวกไฮดรา? หรือว่าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ฮืม...ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน, ถ้าเป็นพอสซัม ข้าเคยได้ยินมาบ้าง! แน่นอนว่านี่ไม่ใช่แดนสวรรค์ใต้ เจ้ารู้สึกได้ว่าสภาพแวดล้อมและแรงโน้มถ่วงต่างออกไปไม่ใช่หรือ?  นี่คือพื้นที่ระดับต่ำที่สุดของหอทงเทียนทวีปมังกรทะยาน  ปราสาทที่เห็นไกลๆนั่นคือปราสาทตระกูลเย่ว์... ถ้าเจ้าไม่เข้าใจก็ลืมไปซะ เรื่องนี้ซับซ้อนมาก ข้าจะค่อยๆ อธิบายให้เจ้าฟังในอนาคต!”

หัวกลมเปากู่สับสนจริงๆเมื่อเขาได้ยินคำอธิบายจากคนที่เรียกตัวเองว่าสุ่ยจุ้ยทันทีนั้นเขาเห็นว่าเขาควรหนีออกมา

เขาวิ่งออกไปและแสดงความเคารพสตรีชาวมังกรระดับปราณฟ้าอีกคนหนึ่ง

นางราชินีซิก

ขณะที่สตรีอีกนางหนึ่งซึ่งอยู่ในเครื่องแบบเป็นสหายที่ราชินีซิกให้ความเคารพโดยเรียกนางว่าฝ่าบาทเซี่ยอี

ฝ่าบาท?

เมื่อได้ยินคำนำหน้าเช่นนี้หัวกลมเปากู่ถึงกับตกใจ

เมื่อราชินีซิกดำเนินมาพร้อมกับฝ่าบาทเซี่ยอี  เขาคำนับทักทายนางด้วยความเคารพ  ในแดนสวรรค์ถ้าระดับต่ำกว่าเมื่อเห็นผู้มีระดับสูงกว่าพวกเขาจะแสดงความเคารพ ถ้าไม่อย่างนั้นก็เท่ากับดูหมิ่นผู้มีอำนาจระดับสูง

“เขาบอกว่าเจ้าเป็นคนที่ดีมากและเก่งในด้านรวบรวมข่าวกรองดังนั้นข้าจะให้เจ้าทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลของแดนสวรรค์ในอนาคต  แน่นอนว่าตั้งแต่สงครามยังดำเนินต่อไป  สถานการณ์ทั้งหมดไม่แน่นอนเจ้าควรจะอยู่ที่นี่ไปสักระยะหนึ่งก่อน!”  คำพูดของฝ่าบาทเซี่ยอีทำให้เปากู่สับสน  เขาไม่รู้จักใครที่นี่หรือว่าคนเหล่านี้เข้าใจผิด?

“อ่า, จวินอู๋เย่ สหายของข้าอยู่ที่ไหน?”  เขาต้องการพบเขาถ้าพวกเขาสองคนได้รับการช่วยเหลือ บางทีมีเพียงเขาที่มีพลังทักษะแกล้งตาย

“เขาไม่เป็นไร เพียงแต่เขากำลังยุ่งมาก  เขาจะมาที่นี่เมื่อมีเวลาว่าง”ฝ่าบาทเซี่ยอีไม่พูดอะไรต่อไป นางออกไปอย่างรวดเร็ว

เขาไม่กล้ามองหน้านาง  ไม่อย่างนั้นเขาคงเห็นนางพยายามกลั้นหัวเราะ

เมื่อเซี่ยอีและคนอื่นเดินห่างออกไปแล้วสุ่ยจุ้ยตบไหล่เปากู่ “ที่นี่เป็นสถานที่ดีมาก เดิมทีข้าอยู่ที่ชั้นหก แต่ข้าพบว่าไม่มีที่ไหนดีกว่านี้อีกแล้ว  ดังนั้นข้าเลยตัดสินใจย้ายมาที่นี่”

คำพูดของเขาทำให้เปากู่เหงื่อตก

เจ้าอยากอยู่ที่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับข้า!

อย่างไรก็ตามเขาไม่พูดคำเหล่านี้ออกมาดังๆนอกจากนี้ เนื่องจากจวินอู๋เย่ไม่ตายเขาก็เบาใจในที่สุด  จวินอู๋เย่ยังมีชีวิตและทำงานอยู่ที่นี่  ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาว่าง  ไม่มีผลรับอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว แม้ว่าเขาจะหาเหตุไม่เจอว่าทั้งที่ก้อนหินใหญ่กดทับลงมาเขาอยู่รอดปลอดภัยมาได้ยังไง เดิมทีเขาคิดว่าต่อให้เขามีทักษะหลอกแกล้งตายเขาก็ยังไม่สามารถหลบพ้นจากหินมหึมาขนาดนั้น...แต่ว่ากลับอยู่รอดปลอดภัยทั้งสองคน ช่างโชคดีจริงๆ!

“เจ้าต้องทำงานด้วยหรือ?”  หัวกลมเปากู่รู้สึกว่าเขาถูกนำมาที่นี่เขาจะไถ่ตัวเองได้ก็โดยใช้แรงงานแลก

“แน่นอน มันคงน่าเบื่อถ้าเจ้าไม่ทำงานอะไร  ข้าเองยังเบื่อจะนั่งเฉยๆที่นี่และดูพวกเขาทำงานกัน แต่หลายวันมานี้มันช่างเหลือทน นอกจากนี้เจ้าอาจจะพบว่าเจ้ายิ่งใหญ่แค่ไหนเมื่อเจ้ายกก้อนหินใหญ่ต่อหน้าพลเมืองผู้ให้กำลังใจเจ้าและมองดูเจ้าด้วยสายตาเทิดทูนบูชา  อา..ท่านรองประธานอยู่ที่นี่แล้วข้าต้องคุยกับเขาหน่อย!” พอเสียงดังขวับดังขึ้นซุ่ยจุ่ยก็บินออกไปอีกครั้งและทำความเคารพชายชราคนหนึ่งจากนั้นก็คุยกับเขาอย่างมีความสุข ไม่ต้องพูดถึงซุ่ยจุ่ยผู้นี้ แม้แต่พะยูนนรกทั้งสองเมื่อเห็นชายชราผู้ผู้นี้ซึ่งเป็นระดับนักสู้ปราณดินเท่านั้นก็ยังเคารพทำให้หัวกลมเปากู่เหม่อมอง ไม่รู้จะทำยังไง

“...อา ที่นี่มันยังไงกันแน่?”  หัวกลมเปากู่ตอนนี้สับสนมาก

สวนน้อยปราสาทสายรุ้ง

เป็นเวลาสองวันที่เย่ว์หยางพยายามควบพลังสร้างกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียน

กระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนต่างจากกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัวทรงพลังมากกว่าและมีพลังหยางรุนแรง ขนาดบัวเพลิงสวรรค์และเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ของเย่ว์หยางในปัจจุบันนี้ยังไม่อาจเทียบได้แม้แต่น้อยหากเทียบกับบัวเพลิงสวรรค์เป็นเหมือนคบเพลิงอย่างนั้นกระบี่ชี่เสี่ยวเหลียนก็เป็นเหมือนภูเขาไฟ

แน่นอนว่านี้ยังเป็นพลังที่เย่ว์หยางควบคุมได้

ถ้าเทพธิดากระบี่ฟ้าใช้พลังนี้เองอย่างนั้นพลังกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนก็เป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์

กระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนไม่มีเปลว  เป็นพลังงานแบบใหม่ในตนเองที่รวบรวมขึ้นจากสุดยอดพลังหยาง  ต่างจากกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัว  แต่ในตอนนี้แม้ว่าเย่ว์หยางจะใช้พลังทั้งหมดของเขา เขาควบพลังกระบี่ชี่เสี่ยวเหลียนออกมาได้แค่เพียงเท่าไม้ตะเกียบ

“โอว โอ้ว..” เมื่อพลังปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางเกือบหมดในที่สุดเขาต้องหยุดควบแน่นพลังกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียน  ร่างของเขาโชคไปด้วยเหงื่ออาบชุดจนชุ่มไปหมด

“พักสักหน่อยเถอะ!” เย่ว์หวี่เรียกบอลพลังน้ำบำบัดเพื่อช่วยให้เย่ว์หยางฟื้นฟูจากความอ่อนล้า จากนั้นนางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขาความเคลื่อนไหวของนางนุ่มนวลเหมือนสายลม

“นี่มันวิทยายุทธแบบไหนกัน?  ดูแปลกจริงๆ...”   “แปลกมาก...” ลี่เยี่ยนโยนชิ้นแอปเปิลเข้าปากนางเองและเคี้ยวกินแอปเปิลอย่างที่สตรีปกติไม่ทำกัน  ข้างๆ นางเป็นสาวขี้เมาที่ยังตกตะลึงอยู่และหนูแพนด้าหนิวหนิวที่กำลังใช้มีดปอกแอปเปิลให้มารดาของเธอขณะกระพริบตากลมโตสงสัยประมาณว่า “กินด้วยท่าทางแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?”

“รบกวนขอให้เปลี่ยนจากคำว่าแปลก ไปเป็นน่าทึ่งดีกว่าไหม?”  เย่ว์หยางยื่นมือมาทางหนิวหนิว หนูน้อยแพนด้ามองมารดานางและเห็นว่ามารดาไม่คัดค้านอะไร  เธอจึงยื่นแอปเปิลที่ปอกแล้วให้เขาจากนั้นหยิบลูกใหม่มาปอกเปลือกให้มารดา

“เจ้าอายุกี่ขวบแล้ว?ยังจะแย่งอาหารจากเด็ก” สาวขี้เมาอดหาเรื่องทะเลาะกับเย่ว์หยางไม่ได้

“หนิวหนิวไปล้างจานองุ่นให้เราอีกจานหนึ่งนะ โอวจริงสิ เราต้องให้องุ่นเย็นก่อนแล้วค่อยกิน!” เย่ว์หยางชอบใช้หนิวหนิวให้ทำงานบ่อย แต่หนูน้อยแพนด้ามีความสุขมาก

“ฮะฮะ”เย่ว์หวี่เห็นภาพน่าขันแล้วนางรู้สึกอบอุ่นใจ

ช่วงระหว่างที่พักนี้เองจักรพรรดินีราตรีมาถึงที่นี่

นางพรางตัวล่องหนมาตามปกติแต่เนื่องจากเย่ว์หยางยกระดับพลังขึ้นมากจึงรู้สึกถึงนางได้ตั้งแต่ไกล

เมื่อจักรพรรดินีราตรีเห็นเย่ว์หยางลุกขึ้นยืนและรอนาง  นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย  “งั้นเจ้าก็ยกระดับพลังแล้วใช่ไหม?  ข้ากำลังจะมารับเจ้าไปดูอยู่แล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าปล่อยให้เจ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ตามลำพังดีกว่า!”

เย่ว์หยางประหลาดใจ  เกิดอะไรขึ้น?

เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดินีราตรีแม้แต่เย่ว์หวี่และสาวขี้เมาก็กระวนกระวาย

เสียงของจักรพรรดินีราตรีไพเราะและเยือกเย็นขณะที่นางอธิบายให้เย่ว์หยาง “กลุ่มทหารรับจ้างที่จ้าวปีศาจโบราณพามาจากแดนสวรรค์พวกเขาอาจจะมาถึงหอทงเทียนก่อนแล้ว  พวกเขายังได้รับข่าวกรองดูเหมือนว่าจะมีการลอบเข้าไปที่รอบนอกแดนล่มสลายแห่งทวยเทพโดยจ้าวปีศาจโบราณไม่รู้  พวกนี้คิดไม่ซื่อหลังจากผ่านไปสองสามวัน  พวกเขาไปวนสำรวจรอบแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ  แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อะไร  แต่พฤติกรรมยโสเกินไปนี้น่าหงุดหงิด  ดังนั้นข้าตัดสินใจสั่งสอนพวกเขา”

“อะไรนะ?” เย่ว์หยางก็โกรธเช่นกัน สำหรับเขาแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเป็นเหมือนสมบัติตระกูลของเขาคนพวกนี้บังอาจคิดเลาะเล็มแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ?

“สองวันที่แล้วจื้อจุนและข้าขังตัวเองฝึกฝน  ข้าไม่คาดเลยว่าคนพวกนี้จะเหิมเกริมเกินไป” เสียงไพเราะของจักรพรรดินีราตรีเปลี่ยนเป็นจริงจัง  “ดังนั้นข้าต้องไปกับเจ้า  แต่ตอนนี้เจ้าบรรลุระดับใหม่แล้ว  ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้ทำการลับฝีมือ และปล่อยคนพวกนั้นให้เจ้าจัดการ  เป็นไปได้ว่าพวกที่อยู่ด้านนอกจะหลบหนี  แต่สองคนที่อยู่ข้างใน อย่าปล่อยพวกเขาออกไปแดนล่มสลายแห่งทวยเทพไม่ใช่ที่ให้หมาแมวมาแสดงความโลภได้  เราต้องสั่งสอนพวกเขา”

“เข้าใจแล้ว!” เย่ว์หยางคันไม้คันมืออยากลองพลังของกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนคนพวกนี้วิ่งเข้ามาเองแท้ๆ นับว่าเป็นวันดี

“ข้าจะไปด้วย...”  เมื่อสาวยักษ์ลี่เยี่ยนได้ยินว่าจะมีการสู้นางรีบโดดเข้ามาอาสาต่อสู้ทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด