ตอนที่แล้วตอนที่ 688 เผชิญหน้ายอดฝีมือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 690 อูหม่าเทียน

ตอนที่ 689 เหตุเปลี่ยนแปลงใหญ่


ท่านหญิงโหรวนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งสังเกตดูเหมยเฉินซิ่วซึ่งนั่งที่ประธานของห้องประชุม

ท่านหญิงโหรวมาจากหน่วยข่าวกรองและเห็นได้ชัดว่าความสามารถของนางเองไม่สามารถทำให้เกิดความแตกต่างใหญ่ในแง่ความเคลื่อนไหวของทหาร  เหมยเฉินซิ่วเป็นคนผู้วางแผนโจมตีภูมิภาคใต้  และในฐานะตัวเลือกที่ดีที่สุด เขากลายเป็นหัวหน้าผู้บัญชาการของปฏิบัติการทั้งหมด

นี่เป็นครั้งแรกของเหมยเฉินซิ่วที่รับตำแหน่งสำคัญขนาดนั้น แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่วางกลยุทธโจมตีภูมิภาคใต้  แต่สิ่งที่เขารับทำเป็นเพียงแผนการขั้นต้นเท่านั้นพัฒนการทั้งหมดจัดทำโดยผู้บริหารระดับสูง

ในที่สุดหลังจากปล่อยให้ทำตามลำพัง  เหมยเฉินซิ่วรู้สึกตื่นเต้นมากสำหรับผู้นำทัพสู้ ความสามารถควบคุมสงครามขนาดใหญ่ได้เป็นฝันที่กลายเป็นจริง!

เหมยเฉินซิ่วรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามยากจะตอแยการผนวกและกลืนทวีปต่างๆ ในภูมิภาคตะวันตกเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สู้รบที่ยิ่งใหญ่  หลังจากผ่านการสู้รบนับไม่ถ้วน ทวีปกวงหมิงที่ไม่เป็นที่รู้จักในเรื่องการทหารก็เติบโตแข็งแกร่งขึ้นและมีผู้บัญชาการที่มีชื่อเสียงปรากฏมากขึ้นนอกจากแม่ทัพที่มีชื่อเสียงไม่กี่คนก็คือ ห้าพยัคฆ์กวงหมิง มู่จือเสีย, ม่อซินชิวซิ่วหัว โกวเฉิงเหวินเต้าและเจียหยา

แม่ทัพผู้ลือนามทั้งห้าคนนับว่ามีชื่อเสียง  แต่สำหรับแม่ทัพคนอื่นของทวีปกวงหมิงก็หมายความว่าพวกเขามีโอกาสฉายประกายน้อยลง

ไม่มีใครเกิดมาก็เป็นแม่ทัพลือชื่อทันที  แม่ทัพผู้มีชื่อเสียงล้วนผ่านการขัดเกลาโดยผ่านการเปลี่ยนแปลงที่คาดเดาไม่ได้ในสนามรบ  การสู้กับศัตรูของแม่ทัพเป็นเรื่องความฉลาดและความกล้าหาญประสบการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจำเป็น  ไม่ใช่ว่าจะได้มาด้วยการอ่านหนังสือการรบทุกศึกยากมากที่จะได้รับประสบการณ์สำหรับผู้บัญชาการทหาร  การสู้รบที่มีขนาดที่ใหญ่กว่าสถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้นมีความต้องการแม่ทัพสูง แต่ขณะเดียวกันมันคือประสบการณ์ที่ล้ำค่าสำหรับเขา

เหมยเฉินซิ่วหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้พรสวรรค์โดดเด่นของเขาเริ่มฉายแสงภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากมาก

สำหรับส่วนแรกของสงครามเขาเรียกว่า  ภาพลมกระเรียนร้อง

“ขณะนี้แผนของเราเป็นไปอย่างราบรื่นมาก  เราไม่ได้โจมตีเมืองสำคัญ  ดังนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เตรียมพร้อมนอกจากเมืองหยวนซานส่งทหารออกไล่ล่า  เมืองอื่นๆไม่มีการส่งใครมาไล่ล่า ดังนั้นเราจึงถอยได้อย่างราบรื่น”

เมื่อทหารผู้ช่วยอ่านประกาศรายงานจบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จากเท่าที่เห็นการดำเนินการค่อนข้างราบรื่น

เหมยเฉินซิ่วผงกศีรษะด้วยสีหน้าที่เฉยเมย “สถานการณ์ในการจับพวกเขาเป็นยังไง?”

“เมืองที่ถูกล้อมก็มีรางวัลเหมือนกัน  แต่เนื่องจากเป็นเมืองไม่ใหญ่นักผลตอบแทนจึงไม่มาก  สำหรับคำแนะนำของท่านเราไม่ได้โจมตีพลเมือง แต่คลังเสบียงถูกทำลายหมด”

“ทำได้ดี”เหมยเฉินซิ่วยิ้ม “ถ้าพวกเขาต้องการช่วยพลเมืองพวกเขาก็ต้องส่งอาหารและทรัพยากรและบั่นทอนกำลังใจของพวกเขา  เราเป็นโจรสลัด เกิดมาเพื่อทำลายเราจำเป็นต้องทำให้นองเลือดอย่างต่อเนื่อง ทวีปอื่นๆ มีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง?”

“ทั้งหมดเพิ่มความระวังป้องกัน”  ผู้ช่วยรายงาน “เราไม่มีกำลังคนเพียงพอ จากที่เห็นสถานการณ์ข้าคาดว่าการโจมตีเรือขนส่งของพวกเขา นี่จะทำให้พวกเขาเหนื่อยล้ามากขึ้นและสูญเสียเลือดมากขึ้น”

สำหรับโจรสลัดการโจมตีเรือขนส่งเป็นยุทธวิธีทั่วไปที่พบบ่อยที่สุด  โจรสลัดไม่ค่อยโจมตีเมืองเนื่องจากมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง

สำหรับเรือรบโจมตีป้อมพวกเขาสูญเสียความได้เปรียบในการเคลื่อนย้ายและถูกป้อมทำลาย

ดังนั้นเมื่อเหมยเฉินซิ่วประกาศแผน  หลายคนปฏิเสธแต่ด้วยการสนับสนุนของท่านหญิงโหรว แผนการนี้ได้รับการผลักดันจนสำเร็จ  ไม่มีใครคิดว่าจะดำเนินไปอย่างราบรื่น

แต่ที่สำคัญพวกเขาไม่คุ้นเคยกับภาคพื้น การใช้วิธีการที่ไม่คุ้นเคยรบโจรสลัดระดับต่ำกลัวและไม่มีความมั่นใจในการล้อมตีเมือง  ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มการป้องกัน  พวกเขากลับไปยังรูปแบบการต่อสู้เดิมที่คุ้นเคยโดยไม่รู้ตัว

“ไม่,เรือขนส่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นเหยื่อล่อ ทำตามแผน รวมตัวตามสถานที่ซึ่งจัดเอาไว้ เราต้องอดทนให้มาก”

แม้ว่าเสียงจะเป็นกันเองแต่เหมยเฉินซิ่วก็ให้ความรู้สึกมั่นใจ

ท่านหญิงโหรวมองดูเหมยเฉินซิ่วอย่างชื่นชมตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่เคยแทรกเขา เด็กหนุ่มคนนี้มั่นใจในตนเองอย่างไม่ธรรมดาและมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น  แต่ยังขาดเวทีแสดงฝีมือ

‘ไม่มีเวทีแสดงใดที่ดีไปกว่านี้แล้ว’

‘บางทีข้าจะได้เห็นกับตาตัวเองของการเกิดขึ้นของแม่ทัพที่มีชื่อเสียง’

แต่แม้ว่าเหมยเฉินซิ่วจะก่อกวนได้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆเพราะท่านหญิงโหรวได้รับคำสั่งจากเบื้องบนว่าพวกเขาได้ตัดสินใจยกพลลงภูมิภาคใต้

ยกพลเข้าภูมิภาคใต้!

คำพูดที่น่าตื่นเต้นนี้มีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา  ท่านหญิงโหรวก็ตกใจ เพราะเป็นการล้มกลยุทธเก่าอย่างสิ้นเชิง  จากทวีปธรรมดาทวีปหนึ่งทวีปกวงหมิงพัฒนาจนกลืนภูมิภาคตะวันตก อาศัยการสนับสนุนจากกลยุทธพวกเขา

ไม่ต้องคำนึงถึงการค้นคว้าวิชาจิตวิญญาณหรือระบบวิทยายุทธของสมาพันธ์ชาวยุทธหรือกลยุทธดึงดูดของพวกเขาไม่มีผลอะไรที่สามารถมองเห็นได้ในระยะเวลาสั้น ทวีปกวงหมิงสามารถพัฒนามาจนถึงจุดนี้ได้เป็นเพราะความพากเพียรและแผนการของผู้บริหารระดับเบื้องบนของทวีปกวงหมิงเมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว

ความอดทนที่ดูเหมือนจะเป็นใบ้นี้ทำให้ทวีปกวงหมิงแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และในหลายแผนกในทวีปกวงหมิงก็รู้สึกว่าพลังของพวกเขาเพียงพอจะรีบดำเนินการแล้ว

แต่ไม่มีใครเคยยกระดับขึ้นมาเพราะหลังจากเพียรพยายามาสามร้อยปีทวีปกวงหมิงก็สามารถเห็นแสงอุทัยแห่งความร่ำรวยและพลังอำนาจได้รับและผนวกรวมดินแดน พวกเขาเดินทางไปรอบดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์รอให้ประตูดวงดาวเปิดออกเพื่อเริ่มเดินทางเข้าสวรรค์วิถีเพื่อเสริมกำลังให้พวกเขาเอง  เมื่อเรื่องนั้นเกิดขึ้นการผสานทวีปกวงหมิงในโลกทั้งสองก็จะทำให้ไร้เทียมทานและนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของงานที่แท้จริง

เบื้องสูงของทวีปกวงหมิงทุกคนดำเนินตามกลยุทธนี้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์และเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการสุมไฟในทั่วภูมิภาคใต้  แผนความวุ่นวายปั่นป่วนเป็นแค่กลยุทธเล็กน้อยการดำเนินการนี้ทำให้ทั่วสวรรค์วิถีไม่สามัคคีและเห็นทวีปกวงหมิงเป็นศัตรู

สำหรับทวีปกวงหมิงก่อนที่จะพิชิตสวรรค์วิถีพวกเขาจะยังไม่เริ่มปฏิบัติการใดๆ ซึ่งเป็นกลยุทธพื้นฐาน แต่ขณะนั้นกลยุทธนี้ถูกดันหลบไปด้านข้างทำให้ผู้คนสิ้นหวัง

คำสั่งจากเบื้องบนดังกล่าวพูดถึงทวีปซางโจวและขอให้นางกำหนดแผนการยึดควบคุมทวีปซางโจว

ท่านหญิงโหรวไม่คิดเลยว่าทวีปซางโจวจะเป็นภัยคุกคามต่อทวีปกวงหมิงได้ แม้ว่าสัมพันธมิตรในปัจจุบันจะรุ่งเรืองก็ตาม  แต่เทียบกับทวีปกวงหมิงซึ่งครอบครองภูมิภาคตะวันตกและพัฒนาสู่ความเป็นยักษ์ใหญ่ สัมพันธมิตรใต้ยังคงเป็นเด็กทารกมีพลังชีวิตที่อ่อนแอ  มีการทะเลาะกันภายในมากช่วงเวลาร่วมงานกันมีน้อย การกำกับดูแลไม่เป็นระเบียบ มีความเป็นไปได้ที่จะทำลายชีวิตใหม่นี้

‘อย่างนั้นทวีปซางโจวมีอะไร? มีเพียงคำตอบเดียวก็คือประตูดวงดาวเข้าสวรรค์วิถี!’

แต่ทวีปกวงหมิงก็ยังมีประตูดวงดาวอยู่หนึ่งแห่ง  เพียงว่ายังไม่ถึงเวลาเปิดทางของทวีปซางโจวยังมีปัญหาใหญ่อย่างหนึ่ง เพราะไม่มีกองทัพสวรรค์วิถีเข้ามาในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งที่ทวีปซางโจวทำก็คืออาศัยกองทัพจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด

‘ระดับสูงจะไม่อดทนมากไปกว่านี้แล้วหรือ?’

ท่านหญิงโหรวลอบส่ายศีรษะ  คนที่ครองอำนาจของทวีปกวงหมิงปัจจุบันก็คือประธานผู้อาวุโสนามว่าออกุสติน และเขามีสายตาที่สามารถมองเห็นและเข้าใจทุกอย่างได้  เขามีความรู้สุดจะหยั่งและมีความอดทนมาก

‘ประธานผู้อาวุโสอยู่ในอำนาจมานานสี่สิบปีแล้ว  และในช่วงสี่สิบปีมานี้ทวีปกวงหมิงก็เจริญรุ่งเรือง ประธานผู้อาวุโสเป็นคนที่ระมัดระวัง และจะไม่ทำข้อผิดพลาดได้อย่างง่ายๆ’

‘ต้องมีบางอย่างที่ทำให้ประธานผู้อาวุโสตัดสินใจทำเช่นนั้น’

‘หรือว่าเป็น...’

‘มีบางอย่างเกิดขึ้นในสวรรค์วิถี?’  ตาท่านหญิงโหรวเบิกกว้างหน้าของนางเต็มไปด้วยอาการตกใจ

‘มีคนจากสมาพันธ์ชาวยุทธและวิหารเซียนหักหลัง

เพราะเหตุผลบางอย่างความคิดนั้นผุดขึ้นมาในหัวนาง นางกลัวความคิดของนางเอง แต่ในวินาทีต่อมา นางเชื่อการคาดเดานั้น นางเป็นคนจากหน่วยราชการลับพิเศษ และทำต่อทุกอย่างด้วยความสงสัย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งความภักดี นอกจากนี้ความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองฝ่ายยังเบาบางมากและดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ยังขาดความสามารถในการควบคุมสมาพันธ์ชาวยุทธและวิหารเซียน

ในขณะนั้นเองนางวางแผนการคร่าวๆ

‘ขณะที่เวลาเปิดประตูดวงดาวคืบคลานเข้ามา วิหารเซียนและสมาพันธ์ชาวยุทธคงจะกลัวและสับสนต่ออนาคตของพวกเขา  พวกเขาควรจะอยู่ในจุดสุดท้ายเช่นกันและการสื่อสารและเชื่อใจระหว่างทั้งสองฝ่ายมีน้อยลง ช่วงเวลานี้วิหารเซียนและสมาพันธ์ชาวยุทธเป็นเหมือนหญ้าแห้งแค่มีประกายไฟเล็กน้อยคงติดไฟพรึ่บ’

‘ถ้าเป็นอย่างนั้นคำอธิบายนั่นบอกถึงเหตุผลที่ทำให้เบื้องบนไม่สามารถรอคอยได้’

‘พวกเขาจำเป็นต้องได้ทางน้ำของทวีปซางโจว’

หลังจากทำความเข้าใจสถานการณ์ได้แล้ว  ท่านหญิงก็ใจเย็น  นางกุมขมับและเริ่มคิดอย่างระมัดระวัง ทำให้นางเหนื่อยเล็กน้อย

“ท่านหญิงท่านจะไม่พักเลยหรือ?”

เหมยเฉินซิ่วสังเกตว่าท่านหญิงโหรวล้าจึงถามด้วยความกังวล  สำหรับสตรีที่สนับสนุนเขาทุกอย่างเขาปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพสูงสุด

ท่านหญิงโหรวยิ้มอย่างอ่อนโยนและเป็นกันเอง  “ไม่จำเป็น, ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้แล้ว  ข้าขอมอบเรื่องตรงนี้ให้เจ้าทั้งหมด  ยังมีปัญหาอะไรอีกไหม?”

“ข้าจะรับดูแลทุกอย่าง”

เหมยเฉินซิ่วคำนับและตอบ

ท่านหญิงโหรวแจ้งข่าวลับสุดยอดให้เขาทราบ  ยศของเหมยเฉินซิ่วยังไม่สูงพอ  นางคิดเล็กน้อยและกล่าว  “เจ้ามีเวลาสามเดือนและข้าหวังว่าภายในช่วงเวลานั้นเจ้าจะคว้าชัยชนะได้สำเร็จอย่างงดงาม”

เหมยเฉินซิ่วประหลาดใจ  แต่เขามีสีหน้าครุ่นคิดทันที และคำนับอีกครั้งพูดอย่างสงบ “แม้ว่าชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ในสมรภูมิมิอาจทำนายได้  แต่ข้าเฉินซิ่วจะพยายามอย่างสุดความสามารถ  ไม่ว่าอะไรที่ท่านหญิงสนับสนุนให้ข้าทำ  ข้าจะจำไว้ในหัวใจอยู่เสมอขอรับ”

ท่านหญิงโหรวมีสีหน้าชื่นชมและหัวเราะ  “ชัยชนะของเจ้าคือผลตอบแทนที่ดีที่สุด”

“ขอรับ”เหมยเฉินซิ่วตาเป็นประกายแวววาว

ท่านหญิงโหรวหัวเราะและเดินจากไป แม้ว่าระดับสูงจะพิจารณามุ่งมั่นเดินทางในครั้งนี้แล้ว แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเรื่องซับซ้อนและต้องใช้เวลา ห้าแม่ทัพพยัคฆ์ทวีปกวงหมิงได้เกณฑ์และรวมกองกำลังของพวกเขาเตรียมสนับสนุนและเลือกเส้นทาง  ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องพูดคุยกัน

ไม่สามารถดำเนินการได้โดยไม่มีการเตรียมตัวสักสองสามเดือน

จากจุดนั้นเห็นได้ชัดว่าระดับสูงต้องจับได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในสวรรค์วิถี

‘ข้าหวังว่าก่อนที่การเดินทางลงใต้ เหมยเฉินซิ่วจะสามารถเอาชนะได้ มีเพียงจากเหตุเช่นนั้นเท่านั้นที่เขาจะไม่ถูกข่มสิ้นเชิง  เมื่อการเคลื่อนขบวนลงใต้เริ่มขึ้นห้าพยัคฆ์กวงหมิงจะต้องเดินทางมาด้วยแน่นอน และนอกจากห้าพยัคฆ์กวงหมิงแล้ว ยังจะมีอีกสองสามคนที่ร่วมศึกครั้งนี้

เมื่อเผชิญหน้ากับห้าพยัคฆ์กวงหมิงที่รุ่งเรือง่และทรงพลัง  แม่ทัพอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องอำนาจ

แต่ถ้าเหมยเฉินซิ่วสามารถโค่นล้มทวีปซางโจวได้และได้รับทางน้ำไว้สร้างความสำเร็จที่น่าทึ่งได้  เขาจะมีความสามารถทัดเทียมห้าพยัคฆ์ได้  แต่ท่านหญิงโหรวรู้ว่าเป็นไปไม่ได้   ทวีปซางโจวชนะทุกศึกที่พวกเขาต่อสู้  และนั่นไม่ใช่มือใหม่แน่นอน

‘แต่ทั้งหมดที่เขาต้องการคือชัยชนะสักครั้ง เพื่อให้ห้าพยัคฆ์ได้เห็นประจักษ์ถึงพรสวรรค์ของเขา  และจะทำเช่นนั้นได้ นั่นขึ้นอยู่กับตัวของเขา

‘ข้าจะทำทุกอย่างที่ข้าทำได้’

และก่อนที่การเคลื่อนทัพลงใต้จะเริ่ม  นางตัดสินใจสำรวจทวีปซางโจว

นางเป็นคนในหน่วยข่าวกรอง  และรู้ความสำคัญของข่าวกรองซึ่งเป็นภารกิจของนาง

‘ทวีปซางโจว ข้าสงสัยจริงว่าเจ้าเหมือนอะไร?’

ใจของนางเต็มไปด้วยความคาดหวังและอยากรู้อยากเห็น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด