ตอนที่แล้วตอนที่ 682 อย่างนั้นก็มาเลย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 684 ราคา  

ตอนที่ 683 กลุ่มดาวหมิงกวง


เซียนชั้นทอง  ชื่อนี้มีแรงกดดันระดับภูเขาไท่ซานทำให้ทุกคนสะอึกจนหายใจไม่ออก

บรรยากาศในดาวอู่อันหนักเหมือนตะกั่ว การโอนย้ายหน่วยเซียนอยู่ในระหว่างการจัดเตรียม  แม้แต่ถังโฉ่วผู้ผ่อนคลายตามปกติก็ยังมีสีหน้าเคร่งเครียด  ถ้าการคาดเดาของถังเทียนถูกต้องจริง  ก็หมายความว่าพวกเขาต้องทุ่มเทจัดการทั้งหมด

ไม่มีใครรู้ว่าเซียนชั้นทองแข็งแกร่งมากเพียงไหน  ดังนั้นความกดดันจึงมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน  ถังเทียนมีความรู้สึกแตกต่างจากคนอื่น  เขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณต้องการต่อสู้  เหมือนกับสัตว์ป่ากระหายการต่อสู้เพื่ออวดโอ่กำลังของมัน

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับรายงานใดๆ ก็ตาม  แต่ถังเทียนมั่นใจว่าเซียนระดับทองจะต้องหาพวกเขา  เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

เขารอการมาถึงของศัตรูของเขาอย่างอดทน

ขณะที่สวรรค์วิถีโจษขานเรื่องการประมูลในกลุ่มดาวหมีใหญ่  ราชากลุ่มดาวกุมภ์ก็เป็นกังวล

เขาลูบกระหม่อมของเขา  “พวกเจ้าสืบดูหรือยัง?”

หัวหน้าองครักษ์ยิ้มอย่างจนใจ  “ไม่เลย เมื่อเป้าหมายตาย ก็ไม่มีความเคลื่อนไหว  เขาถูกฆ่าจากอาวุธประเภทมีด  และเมื่อเขาถูกฆ่า ก็ไม่มีใครรู้สึกได้เลย”

“เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นฝีมือของสมาพันธ์ชาวยุทธ?”  กษัตริย์กลุ่มดาวกุมภ์ผู้สูงอายุพูดอย่างจนใจ

ผู้อาวุโสสำนักของสมาพันธ์ชาวยุทธที่เข้าร่วมงานเลี้ยงในวังอควาเรียสถูกฆาตกรรม  และเมื่อตรวจพบ เขาก็ตายไปนานแล้ว

ราชาดาวกุมภ์ยินดีที่สายตาทุกคนจับจ้องไปที่กลุ่มดาวหมีใหญ่  ถ้าไม่อย่างนั้น เรื่องนี้จะต้องเขย่าไปทั้งสวรรค์วิถีและกลุ่มดาวกุมภ์จะต้องแปดเปื้อน

หัวหน้าราชองครักษ์ลังเลใจ  “เราสงสัยว่าฆาตกรอาจเป็นคนคุ้นเคยกับเป้าหมาย  ถ้าไม่อย่างนั้น ด้วยพลังที่แข็งแกร่งของเป้าหมาย  คงไม่มีใครสามารถฆ่าเขาได้อย่างเงียบงันแน่  หรือว่าเป็นความขัดแย้งกันภายในสมาพันธ์ชาวยุทธ?”

“เจ้าคิดหรือว่าเหตุผลสามารถโน้มน้าวสมาพันธ์ชาวยุทธได้?”  น้ำเสียงของราชาดาวกุมภ์ไม่สบายใจ

สมาพันธ์ชาวยุทธได้ทุ่มกำลังกดดันเขาอย่างหนัก  และยังส่งกองทัพของพวกเขาออกมา  และถ้ากลุ่มดาวกุมภ์ไม่สามารถหาฆาตกรได้  พวกเขาจะลงมือ  ราชาดาวกุมภ์เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายหนึ่งแสดงท่าทีเช่นไร  ในประวัติศาสตร์ มีการขัดแย้งกันระหว่างสมาพันธ์ชาวยุทธกับสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาเกิดขึ้นหลายครั้ง  แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่พวกเขาจะลงมือโจมตีก่อน  นอกจากกลุ่มดาวราชสีห์

สำหรับคนภายนอกหลายคนเชื่อว่าราชสีห์เลโอนเป็นคนเจ้าอารมณ์เป็นฝ่ายเริ่มสงครามก่อนและจะต้องรับผิดชอบต่อสงครามระหว่างกลุ่มดาวราชสีห์และสมาพันธ์ชาวยุทธ

หัวหน้าราชองครักษ์รู้ว่า สมาพันธ์ชาวยุทธจะไม่ยอมรับคำแนะนำของเขา จึงกล่าว  “ข้าพระบาทคิดว่าสมาพันธ์ชาวยุทธแค่หาทางออกจากสถานการณ์  ทำไมเราไม่มองหานักโทษที่จะรับภาระแทน จากนั้นก็ชดเชยให้พวกเขามากขึ้น”

วิธีแก้ปัญหาอย่างนี้ทำให้ราชาดาวกุมภ์พอใจ  ความคิดของพวกเขาเหมือนกัน  กลุ่มดาวกุมภ์และสมาพันธ์ชาวยุทธไม่มีความเคืองแค้นต่อกัน  และพวกเขาร่วมงานกันมาหลายครั้ง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับธุรกิจการค้า

ราชาดาวกุมภ์มีบัญชา  “ไปบอกพวกเขา  ไม่ว่าต้องชดใช้เท่าใด ก็ให้จ่ายไป  อย่าทำปัญหาให้ซับซ้อน

***********************

การจราจรของมนุษย์มีความเจริญรุ่งเรืองมาก  อาคารสูงเทียมเมฆมีอยู่ทุกที่ หนึ่งในอาคารเหล่านั้น มีบุรุษอายุราว 30 ปีมองฝูงผู้คนข้างล่างขวักไขว่เหมือนกับมด  ถ้าจิ่งหาวอยู่ที่นี่  เขาคงจะจำบุรุษผู้นี้ได้  ผู้อาวุโสอัน คนที่ขอให้รับจิ่งหาวเข้ามาในสมาพันธ์ชาวยุทธในอดีต

“นายท่าน!  นี่คือคำตอบของกลุ่มดาวกุมภ์  พวกเขาบอกว่า…”

บริวารของเขาหยุดรายงานทันที  เมื่อเห็นว่าเจ้านายยกมือข้างหนึ่ง  เขากลืนน้ำลายทันที

“ไม่สำคัญว่ากลุ่มดาวกุมภ์จะตอบว่ายังไง”  เขาไม่ได้หันหลังกลับมา  และพึมพำ “เลโอนและพวกที่เหลือเชื่อว่าเราจะโจมตีกลุ่มดาวหมีใหญ่แน่นอน”

ผู้อาวุโสอันยิ้มเล็กน้อย  แต่รอยยิ้มนี้ไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย  แต่กลับเป็นแรงกดดันไรสภาพที่อาจกดไหล่ผู้คนจนทรุดลงได้

สมาพันธ์ชาวยุทธในปัจจุบันไม่ได้มีกำลังและศักดิ์ศรีเหมือนในอดีตอีกต่อไป

ทันทีที่วิหารเซียนออกหน้า นั่นหมายความว่าสมาพันธ์ชาวยุทธสูญเสียการควบคุมสถานการณ์ไปแล้ว  วิหารเซียนมีพลานุภาพที่แข็งแกร่งกว่ามาก ทำให้อำนาจของสมาพันธ์ชาวยุทธตกลงไปอย่างมากมาย  เหตุผลที่แท้จริงเป็นเพราะความสูญเสียหนักจากการพ่ายแพ้กลุ่มดาวหมีใหญ่อย่างต่อเนื่อง

สมาพันธ์ชาวยุทธที่ครั้งหนึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจ  กลับเสื่อมเบาบางลง

อำนาจของผู้อาวุโสสำนักลดลงอย่างมาก  แต่ผู้อาวุโสอันยังได้รับการยอมรับ  ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้อาวุโสอันต่อสู้ต่อต้านกับกลุ่มคนมีพรสวรรค์อย่างเงียบๆ ทำให้ตำแหน่งของเขาสูงส่งขึ้นในสมาพันธ์ชาวยุทธ  และเขากลายเป็นบุคคลชั้นสูงของสมาพันธ์ชาวยุทธไปแล้ว

“วิหารเซียนกำลังคิดอย่างนั้นเช่นกัน  แต่ข้ากำลังแนะนำพวกเขาให้ค้านความคิดนั้น”

คำพูดของผู้อาวุโสอันทำให้บริวารของเขามีท่าทีเคารพ  วิหารเซียนมีตำแหน่งสูงสุดยอด  และเซียนทุกคนที่อยู่ในนั้นจะดูถูกคนที่เหลือ ไม่เห็นสมาพันธ์ชาวยุทธอยู่ในสายตา  จะโน้มน้าววิหารเซียนได้ มีแต่นายท่านที่มีอิทธิพลเช่นนั้น

เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์อย่างสงบ  เขาคิดถึงจุดวิกฤติที่สุดได้โดยไม่รู้ตัว  และหลังจากร่วมประชุมเสนอความคิดอย่างไม่เห็นแก่ตัว ความโปรดปรานก็พัดโหมใส่เขา

‘หลังจากวางแผนอย่างขื่นขมมาเกินสิบปี  แผนของข้าก็บรรลุผลได้ในที่สุด’

เขาไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าตนเองอย่างไรดี  ‘คาดหวัง? กระตือรือร้น?  แต่ทำไมถึงยังมีความกลัวปนอยู่?’

‘ข้ากลัวอะไรอยู่กันแน่?’

หลังจากเขาสงบใจตนเองได้  เขาพูดต่อ

“ข้าบอกนายท่านอื่นไปแล้ว  ทำไมจำเป็นต้องโจมตีและยึดกลุ่มดาวหมีใหญ่ไว้เล่า?  แค่เพื่อทางน้ำสายหนึ่งเท่านั้นหรือ?  เรามีสายหนึ่งอยู่แล้ว  เราแค่ต้องการเวลาสิบปี  และความประสงค์ของเราจะเปิดออกเองโดยธรรมชาติ  ถ้าเราสู้กับกลุ่มดาวหมีใหญ่และยึดทางน้ำ  อย่างนั้นเราก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหยุดกองทัพใหญ่ให้เข้ามาได้”

บริวารของเขาทุกคนมีสีหน้าสงสัย  เพราะในดวงตาของพวกเขา  ภารกิจของสมาพันธ์ชาวยุทธและวิหารเซียนก็คือต้อนรับกองทัพใหญ่  ด้วยเหตุผลนี้พวกเขาจะโน้มน้าววิหารเซียนและคนสำคัญอื่นๆ ได้อย่างไร?

แต่แม้ว่าผู้อาวุโสอันจะมีอายุน้อย  แต่เขาก็มีอำนาจสูง  และแม้พวกเขาจะตั้งข้อสงสัย  แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

พวกเขากำจัดความคิดและสงบจิตใจรอให้เจ้านายคลี่คลายปริศนาข้อสงสัยเอง

“ตราบใดที่เราพยายามอย่างเต็มที่  เราสามารถยึดทางน้ำของพวกเขาได้แน่นอน  แต่ถ้ากองทัพใหญ่มา  อย่างนั้นเราจะทำอะไรได้?  ตอนนั้น เรายังไม่ได้โค่นล้มพวกกลุ่มดาวใดๆ เลย  นอกจากความมั่งคั่งทั่วสวรรค์วิถีแล้ว เรามีสมบัติน้อยนิดอยู่ในมือของเรา แล้วเราจะทำอะไรได้?  ไม่มีเลย  เราได้แต่ถูกลืม  ระดับสูงก็แค่แบ่งส่วนบุญน้อยนิดให้เรา แล้วปล่อยเราไว้ตามลำพัง”

บริวารทุกคนถึงตระหนักได้ว่าเขาหมายถึงอะไร  และเริ่มผงกหัวเห็นด้วย

‘ถูกแล้ว! นายท่านพูดถูก!  ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเขาสามารถเข้าใจอนาคตของพวกเขาได้ อาจกล่าวได้ว่าทุกคนในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เป็นเซียนกันทั้งนั้น แค่เพียงจุดนั้นก็ทำให้ทุกคนรู้สึกกดดันมากมายแล้ว

“นั่นคือเหตุผลที่เรามาที่นี่!”  ผู้อาวุโสอันหันไปมองบริวารของเขา ท่าทีเยาะเย้ยและบ้าคลั่งปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา  “ดูพื้นใต้เท้าของพวกเจ้าสิ!  นี่คือกลุ่มดาวที่มั่งคั่งที่สุดของทั่วทั้งสวรรค์วิถี  ว่ากันว่าพวกเขาถือครองสมบัติแปดส่วนของทั่วสวรรค์วิถี  เราสามารถสร้างกองทัพที่แข็งแกร่ง  เราสามารถผลิตนักสู้ระดับทองให้มากขึ้น  และเราสามารถทำอะไรเพิ่มขึ้นได้หลายอย่าง”

บริวารทั้งหมดของเขาติดเชื้อคลั่งไปด้วย  พวกเขาเริ่มหายใจถี่ขึ้น  ตาของพวกเขาเริ่มปรากฏแววกระหายเลือดและรังสีฆ่าฟันพุ่งขึ้นจนถึงท้องฟ้า

“เงินจะต้องถูกควบคุมโดยสมาพันธ์ชาวยุทธ  สิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาโบราณกำลังเหี่ยวเฉา  เราต้องนำคำสั่งใหม่เข้าสู่สวรรค์วิถี  คำสั่งที่ครอบคลุมไปทั้งสมาพันธ์ชาวยุทธ

ผู้อาวุโสอันพูดช้าๆ

“เริ่มกันเถอะ”

บริวารของเขาทุกคนคำนับและออกจากห้องอย่างเงียบงัน

ผู้อาวุโสอันยืนอยู่ที่หน้าต่าง  มองออกมาข้างนอกอย่างมึนงง  ในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งที่เขากลัว สร้างกันมาหลายร้อยปี จะต้องถูกทำลายในไม่ช้า และทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะเขา   ความกลัวเกิดมาจากแผนการอันยิ่งใหญ่ของเขา และเหมือนกับการเปิดกล่องแพนโดรา แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ปรากฏออกมาจะเป็นอะไร

คนมักจะกลัวสิ่งที่ไม่รู้

ขณะที่ความสับสนวุ่นวายปรากฏขึ้นมา เสียงตะโกนเข่นฆ่าก็ดังขึ้น  พลเมืองทั้งหมดโดยรอบเต็มไปด้วยความกลัวและความตื่นเต้น  ทหารรักษาเมืองทั้งหมดถูกจับยังไม่ทันตั้งตัวและสับสนเมื่ออยู่ต่อหน้านักสู้ฝีมือดีของสมาพันธ์ชาวยุทธ พวกเขามีแต่พ่ายแพ้ทันที

เซียนในเมืองบินขึ้นมาในท้องฟ้า พวกเขาโกรธ รังสีฆ่าฟันของพวกเขาพลุ่งขึ้น  แต่พวกเขาหายโกรธในเวลาอันรวดเร็ว  กลับกลายเป็นหน้าซีดขาว

มีร่างแล้วร่างเล่าค่อยๆ ปรากฏอยู่ในท้องฟ้า มาจากทุกตำแหน่ง พวกเขาล้อมเซียนไว้

ความจริงเซียนฝ่ายศัตรูมีมากกว่าพวกเขาถึงสองเท่า

ผู้อาวุโสอันอยู่บนตึกสูงมองดูภาพที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยไม่รู้สึกอะไร  ใบหน้าของเขาไม่มีความสุขใจหรือรอยยิ้ม  เปลวเพลิงลุกขึ้นต่อหน้าเขา ฉายให้เห็นใบหน้าที่เหมือนรูปปั้นของเขา

มีรายงานอย่างกระตือรือร้นค่อยๆ ทะยอยเข้ามา

“ขอรายงาน!  ทหารรักษาการณ์พ่ายแพ้แล้ว  นายกองและนายทหารชั้นสูงถูกฆ่าตายทั้งหมด”

“รายงานขอรับ!  เราควบคุมคลังสมบัติไว้ได้แล้ว!”

“รายงานขอรับ!  ตระกูลใหญ่ของดาวกุมภ์ทั้งแปดถูกเราควบคุมไว้หมดแล้ว!”

“รายงานขอรับ! วังอควาเรียสถูกเราล้อมไว้แล้ว  เรากำลังจัดการพวกที่ต่อต้านที่ยังเหลือทั้งหมด!”

……

ผู้อาวุโสอันยังคงสงบ  ความวุ่นวายภายนอกไม่ทำให้เกิดระลอกความวุ่นวายในใจเขาได้เลย  แผนการทั้งหมดสำเร็จได้โดยเขา  แผนการเพื่อขับเคลื่อนวิหารเซียน

ความจริง เมื่อดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ขอร้องให้พวกเขาสืบสวนเป้าหมายที่น่าสงสัย  ผู้อาวุโสอันคาดเดาว่าเป็นถังเทียนกับพวก  หลังจากนั้น เมื่อกลุ่มดาวหมีใหญ่ประกาศถึงความคงอยู่ของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  เป็นการยืนยันข้อสันนิษฐานของเขา  หลังจากนั้นผู้อาวุโสอันตัดสินใจว่าทางผ่านที่พวกเขาใช้ ยังไม่ผ่านไปได้จริง

เพราะถังเทียนยังไม่มีการรวบรวมทหารได้สำเร็จ

ถังเทียนในฐานะเป็นพญาหมี มีอนาคตอย่างไม่เคยมีมาก่อน  ดังนั้นเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะไม่มีกองทหารคอยปกป้องเขา?   นั่นไม่สมเหตุผล  เว้นแต่ทางน้ำที่พวกเขามียังไม่ใหญ่เพียงพอให้กลุ่มผ่านเข้าไป  และในสถานการณ์นั้นเป็นไปได้สำหรับเขาที่จะไม่มีกองทหารคอยปกป้องเขา

เมื่อทั่วทั้งสมาพันธ์ชาวยุทธและระดับสูงของวิหารเซียนตัดสินใจส่งเซียนชั้นทองไปโจมตีกลุ่มดาวหมีใหญ่  ผู้อาวุโสอันยืนขึ้นและโน้มน้าววิหารเซียน  แม้รู้ดีตั้งแต่ต้นว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่มีทีท่าคุกคามมากกว่ากลุ่มดาวราชสีห์  เขาก็ยังอดทน

เพราะเขาเห็นถึงความกังวลของวิหารเซียน

วิหารเซียนเกิดขึ้นมาจากทวีปกวงหมิง  แต่หลังจาก 500 ปี ผู้ก่อตั้งของพวกเขาจากโลกไปนานแล้ว  ในทั่วทั้งวิหารเซียน  ทุกคนเป็นคนของสวรรค์วิถี  และสำหรับทวีปกวงหมิงแห่งดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่ลึกลับ  ต่างแดน  พวกเขากลายเป็นยิ่งนับถือมากขึ้น  ความรู้สึกนี้ผ่านกาลเวลามานาน จากผู้ก่อตั้งแต่แรกเริ่ม  ดังนั้นสมาพันธ์ชาวยุทธจึงกลายเป็นแนวหน้าของกองทัพที่ยิ่งใหญ่ของทวีปกวงหมิง  และพวกเขารุ่นแล้วรุ่นเล่าจะรับภารกิจด้วยหัวใจของพวกขา

แต่เมื่อวันเวลาใกล้เข้ามาจริงๆ  ทุกคนในวิหารเซียนตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวเลย  ทวีปกวงหมิงปฏิบัติกับเขาเช่นไร?  พวกเขาจะปฏิบัติต่อพวกเขาที่นี่ยังไง? พวกเขาจะปฏิบัติต่อสวรรค์วิถียังไง?

ในใจของพวกเขา ทวีปกวงหมิงเป็นสัญลักษณ์ให้พวกเขาแสดงความภักดี  พวกเขาไม่มีหลักฐานว่าทวีปกวงหมิงที่แท้จริงเป็นอย่างไร  เนื่องจากไม่มีใครไปที่นั่นมาก่อน

เมื่อเขาเห็นตรงจุดนั้น  เขาไม่พบว่าคนใหญ่โตของวิหารเซียนไม่รู้สึกว่าง่ายเลย

เขาเริ่มยุยงวิหารเซียน ผลักดันแผนการของเขามาเป็นเวลานาน

และแทนที่จะมอบหมายให้มีการเดินทางไปทวีปกวงหมิง  ทำไมไม่ลงมือด้วยตนเอง  แทนที่จะส่งมอบสวรรค์วิถีให้กับทวีปกวงหมิง มันเป็นเรื่องเหมาะสมมากกว่าที่ให้คนสวรรค์วิถีปกครองสวรรค์วิถี  ไม่ว่าพวกเขาจะต้องโอนอ่อนผ่อนตามในที่สุด  พวกเขาก็ยังได้ส่วนหนึ่งไว้สำหรับตัวพวกเขาเอง  ถ้ามันยังไม่พอ  ก็ยังมีพื้นที่ให้พวกเขาโจมตีมากขึ้น  ยิ่งมีความสำเร็จมากพวกเขาก็จะได้รับมากขึ้นเมื่อเพิจารณาถึงความดีความชอบแล้ว

คนในวิหารเซียนส่วนใหญ่ถูกโน้มน้าวโดยผู้อาวุโสอัน และพวกเขาเคยอยู่ในระดับสูงในองค์กร และมีคำพูดสรุป  ลึกลงในหัวใจพวกเขา  พวกเขายังหวังว่าทวีปกวงหมิงจะยังไม่มาถึง  พวกเขาสามารถจินตนาการได้ถึงชีวิตในอนาคต  และตำแหน่งที่พวกเขาเพลิดเพลินอยู่จะถูกพรากไป  เนื่องจากพวกเขาเป็นเพียงตัวประกอบในทั่วทวีปกวงหมิง

เพราะความไม่สบายใจอย่างมากกับพลังของพวกเขา  วิหารเซียนถึงกับเงียบไปช่วงเวลาหนึ่งและในเวลาเดียวกันพวกเขาเห็นด้วยกับแผนของผู้อาวุโสอันสำหรับกลุ่มดาวกวงหมิง

ผู้อาวุโสอันซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวิหารเซียน กลายเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสของสมาพันธ์ชาวยุทธ  และเป็นผู้นำสมาพันธ์ชาวยุทธใช้แผนจัดตั้งกลุ่มดาวกวงหมิง  ดังนั้นผู้อาวุโสอันจึงกลายเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสสมาพันธ์ชาวยุทธที่มีอำนาจและชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์

สามารถขับเคลื่อนวิหารเซียน ผู้อาวุโสอันจึงต้องทำงานเพื่อจัดตั้งกลุ่มดาวกวงหมิงเป็นธรรมดา

สำหรับเขาแล้ว นอกจากกลุ่มดาวราชสีห์และกลุ่มดาวคนธนูแล้ว กลุ่มดาวอื่นล้วนอ่อนแอและเสื่อมถอย ความคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตที่ง่ายและสบาย  ทำให้พวกตระกูลสูงส่งแห่ง 12 ตำหนักระนาบสุริยุปราคาสูญเสียความระมัดระวังและความรู้สึกถึงอันตราย  พวกเขากลายเป็นแกะและหมูเชื่อง มีความยินดีพอใจกับความสุขสบาย  พฤติกรรมที่ไม่ดีเช่นนี้ดำเนินไปเป็นเวลานานสะสมเพิ่มพูน กลายเป็นปัญหาหยั่งรากลึก  สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือชนชั้นสูงได้แบ่งทรัพยากรไว้ทั้งหมด  พวกเขาใช้ประโยชน์จากอำนาจและกอบโกยให้มากเท่าที่ทำได้ ทำให้สังคมระดับกลางและชั้นล่างถูกขูดรีดเอาเปรียบ

ภายใต้ชุดที่สวยงาม  แต่ร่างกายพวกเขาเริ่มเสื่อมโทรม

ผู้อาวุโสอันเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าเพียงแต่โจมตีเบาๆ รูปร่างที่งดงามของสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาจะต้องแตกเหมือนฟองน้ำสูญสลายกระจายไปในเปลวไฟและเถ้าถ่าน

เมื่อโค่นล้มกลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคา  สมาพันธ์ชาวยุทธจะทำลายความเสื่อมโทรมทั้งหมดและส่งเสริมผู้มีพรสวรรค์ของพวกเขาเองให้รุ่งเรือง  จับพวกกลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคาให้ตกอยู่ในเงื้อมมือพวกเขาเอง  ดังนั้นเมื่องทวีปกวงหมิงมาถึง ก็คงไม่ง่ายที่จะหยิบชิงเอาผลของแรงงานพวกเขาไป

และเป้าหมายสูงสุดของกลุ่มดาวกวงหมิงก็คือปราบปรามสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา และก่อตั้งเป็นองค์กรเดียวกันจัดตั้งกลุ่มดาวที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน!

กลุ่มดาวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ซึ่งตั้งชื่อเป็นกวงหมิงจะมีความเข้มข้นของพลังลึกซึ้งกว่าที่ใครๆ จะรู้  น่าจะพอเทียบได้กับดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์!

วิหารเซียนถูกขับเคลื่อนด้วยแผนการที่ทะเยอทะยานเพื่อสร้างกลุ่มดาวที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์นับเป็นแผนการที่ดึงดูดใจอย่างมาก  ถ้าสามารถทำได้สำเร็จ  อย่างนั้นกลุ่มดาวกวงหมิงก็สามารถต่อต้านดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้  และพวกเขาไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้พวกเขา!

ทั่วทั้งวิหารเซียน  พวกเขาเริ่มวางกลยุทธ์ตามแผนกลุ่มดาวกวงหมิง  พวกเขายังมีเวลาสิบปี

ดาบแรกของผู้อาวุโสอันเล็งไปที่กลุ่มดาวกุมภ์

กลุ่มดาวที่ร่ำรวยและมั่งคั่งที่สุดของสวรรค์วิถี ถือครองสมบัติจนกลุ่มดาวอื่นๆ อิจฉา  แต่กิจการทหารของพวกเขาผ่อนคลาย  ทหารดาวกุมภ์มีเครื่องไม้เครื่องมือฟุ่มเฟือยมาก  แต่พวกเขาขาดพลังใจในการต่อสู้  เรื่องที่น่าขันที่สุดก็คือในกองทหารพวกเขาล้วนแต่มีธุรกิจเป็นของตนเองทั้งนั้น  แต่ละกองทัพมีการทำธุรกิจและอุตสาหกรรมกันทั้งนั้น

เพราะการกระทำของตนเองส่อให้เห็นเจตนาของพวกเขาเอง จึงเป็นการยืนยันคำพูดที่กล่าวกันในสวรรค์วิถีว่า ‘นักสู้กลุ่มดาวกุมภ์รู้แต่เพียงวิธีใช้เงินเอาชนะศัตรู

การอดทนต่อคำพูดที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ ทำให้กองทัพดาวกุมภ์เครียดและสลายตัวไปเมื่อเวลาผ่านไปนาน  แม้แต่ระดับสูงของกลุ่มดาวกุมภ์ก็ไม่ยินดีจะพูดถึงกองทัพในตำนานของพวกเขาที่ประสบความสำเร็จรุ่งเรืองมาก่อน  เพราะเป็นเรื่องขื่นขมเกินกว่าจะคิด  พวกชายชราอ้วนที่สวมชุดหรูหราฟุ่มเฟือยรังเกียจแม้แต่จะคิด

ในสายตาของผู้อาวุโสอัน กลุ่มดาวกุมภ์เป็นเหมือนหมูอ้วนที่ถูกขุนไว้แล้ว

ตราบใดที่เขาล้มกลุ่มดาวนี้ได้  พวกเขาจะยึดความมั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในสวรรค์วิถีได้  ใครจะหยุดเขา?

เมื่อหันหน้าเข้าหาเปลวเพลิง ผู้อาวุโสอันหัวเราะอย่างเงียบงัน เหมือนกับว่าเขาเสียสติอยู่เหนือเพลิงนั้น

‘กล่องแพนโดรา (หายนะ) ถูกเปิดขึ้นแล้ว  และด้วยสิ่งนี้จะทำให้เกิดคลื่นลมบนสวรรค์วิถี  จะมีสักกี่คนที่สร้างผลงานอันโดดเด่นได้อย่างนั้น?  นี่ช่างน่าตื่นเต้น  มีหลายคนมากกระตือรือร้นเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น  จะมีกี่คนที่มีชีวิตอยู่ในเงื้อมมือของข้า’

‘หึหึ รสชาติของอำนาจและโลหิตช่างงดงามเสียจริง!’

หายนะในกลุ่มดาวกุมภ์สั่นสะเทือนไปทั่วสวรรค์วิถี

สมาพันธ์ชาวยุทธและสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา อดทนต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี  แม้ว่าสมาพันธ์ชาวยุทธจะเข้ามาแทรกแทรงกิจการของพวกเขาบ่อยครั้ง  แต่ดูผิวเผินแล้ว พวกเขายังเห็นแก่หน้ากันเสมอ

แต่เมื่อสันติภาพถูกทำลาย  เมื่อสมาพันธ์ชาวยุทธฉีกข้ออ้างทั้งปวง ทั่วทั้งสวรรค์วิถีต่างพูดไม่ออก

หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วคราว  ตำหนักระนาบสุริยุปราคาที่ยังเหลือแตกตื่นขึ้นมาทันที  พวกเขาทั้งหมดประณามการกระทำของสมาพันธ์ชาวยุทธ  ตรงกันข้ามกลุ่มดาวราชสีห์ที่เป็นศัตรูใหญ่ของพวกเขายังคงเงียบ

ทั่วทั้งสวรรค์วิถีพูดคุยกันถึงการกระทำของสมาพันธ์ชาวยุทธ

สมาพันธ์ชาวยุทธระบุว่าพวกเขาไม่มีความตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของสวรรค์วิถี  เหตุผลที่พวกเขายกขึ้นอ้างในการโจมตีกลุ่มดาวกุมภ์ก็คือผู้อาวุโสของพวกเขาถูกฆาตกรรมในกลุ่มดาวกุมภ์  พวกเขาขอให้กลุ่มดาวกุมภ์สืบสวนหาสาเหตุและฆาตกร  แต่กลับถูกปฏิเสธ

กลุ่มดาวกุมภ์ถูกย่ำยีจนเลือดไหลนองเป็นธารโลหิต  และในทุกวันจะมีการตัดศีรษะตระกูลคนชั้นสูง  ที่ข้างหน้าวังอควาเรียส จะมีแผงเปื้อนโลหิตสีแดง

แต่การกระทำของของผู้อาวุโสอันพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาไม่ใช่แค่สังหารคนไร้สมองเพียงคนเดียวเท่านั้น

เขาอ้างว่าสมาพันธ์ชาวยุทธไม่มีความตั้งใจในการเปลี่ยนแปลงประเพณีของกลุ่มดาวกุมภ์  หลังจากที่พวกเขาจัดการออกคำสั่งในกลุ่มดาวกุมภ์แล้ว  สมาพันธ์ชาวยุทธก็จะถอนกำลังออกจากกลุ่มดาวกุมภ์ และส่งมอบกลุ่มดาวกุมภ์ให้กษัตริย์ดาวกุมภ์คนใหม่ทันที

ชะตากรรมของกลุ่มดาวกุมภ์จะถูกตัดสินโดยพลเมืองของพวกเขาเอง  ประสงค์เดิมของกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคาเสียหายไปอย่างสิ้นเชิง  เขาต้องการสร้างเป้าหมายใหม่ เป้าหมายเป็นกลุ่มดาวกวงหมิงในระนาบสุริยุปราคา

เขาให้ความสำคัญกับเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่มีความทะเยอทะยาน ให้พวกเขาเลื่อนตำแหน่งที่สูงและมีความรับผิดชอบและให้การสนับสนุนนับไม่ถ้วน  หลังจากนั้น เขาจัดตั้งกลุ่มดาวกุมภ์เพื่อเริ่มเลือกกษัตริย์ดาวกุมภ์คนใหม่  และประกาศว่าได้เวลาที่พวกเขาจะถอยหลังแล้ว

การกระทำทั้งหมดทำให้กลุ่มดาวอื่นเชื่ออย่างแน่วแน่ว่า สมาพันธ์ชาวยุทธแค่ฉวยโอกาสปล้นพวกเขา

ดังนั้นนักยุทธศาสตร์ไม่กี่คนคาดการณ์ว่าการสู้รบระหว่างสมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาวราชสีห์ทำให้พวกเขาสูญเสียเงินทุนไป  และต้องการแหล่งสมบัติอย่างเร่งด่วน และกลุ่มดาวกุมภ์เป็นสถานที่ทำให้พวกเขาพอใจ

การปล้นครั้งนี้ทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธอิ่ม  สัตว์ป่าที่อิ่มแล้ว ก่อนที่มันจะย่อยอาหารหมดไป จะไม่สนใจเหยื่ออื่น

ตามเป้าหมาย แม้ว่าการสังหารของสมาพันธ์ชาวยุทธดูเหมือนจะไม่น่าดู  แต่พวกเขาก็ไม่มีความตั้งใจจะกลายเป็นศัตรูกับสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา  เพราะเมื่อสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาก่อตั้งความเป็นพันธมิตร  นั่นเพียงพอจะทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธต้องกลัวได้

คนส่วนใหญ่เชื่อเช่นนั้น และผ่อนคลายความตึงเครียดในใจ  นอกจากนี้สมาพันธ์ชาวยุทธได้ส่งนักการทูตออกไปเป็นจำนวนมาก  เป็นการพิสูจน์มากยิ่งขึ้นว่าสมาพันธ์ชาวยุทธไม่ต้องการเป็นศัตรูกับสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา

*********************

วังราชา กลุ่มดาวราชสีห์

ราชสีห์เลโอนอ่านรายงานจบก็แค่นเสียง  “เจ้าพวกกลุ่มคนโง่ที่ไม่ยอมแม้แต่จะเข้าใจการหันเหที่สมาพันธ์ชาวยุทธกำลังแสดงอยู่  ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของสมาพันธ์ชาวยุทธแปลกประหลาดจริงๆ  ทำไมพวกเขาจึงไม่สนใจทางน้ำ?  อังเดรเตือนเขา ”หรือว่าพวกเขาเพียงสร้างเรื่องหันเหความสนใจ?”  สายตาของเลโอนมองดูต้วนชิง  ผู้บัญชาการกองพลที่ 36 เพราะต้วนชิงนำกองพลที่ 36 ซุ่มจู่โจมกองกำลังสาขาทองที่เก้าของสมาพันธ์ชาวยุทธซึ่งนำไปสู่การทำลายและบาดเจ็บสาหัสของกองกำลังสาขาทองที่เจ็ดที่ต้องการล้างแค้น จนทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้น

แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักเบื้องหลังครอบครัวของต้วนชิง  บิดาของเขา ก่อนที่เลโอนจะกลายเป็นราชาราชสีห์ เขามีองครักษ์ประจำตัวแล้ว และพวกเขาต่อสู้รว่มกันในสงครามรุนแรง

เลโอนเป็นคนที่จดจำสหายร่วมงานได้  และคอยดูแลลูกชายของสหาย  ต้วนชิงมีบุคลิกที่กล้าหาญและป้องกันระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้รับความรักและความเชื่อใจจากเลโอน

“ไม่น่าเป็นไปได้”  ต้วนชิงกล่าว  “พวกเขาเลือกกลุ่มดาวกุมภ์ซึ่งมักจะเข้าข้างพวกเขาอยู่เสมอ  ถ้าพวกเขาต้องการสร้างเรื่องหันเหความสนใจ  พวกเขาควรโจมตีเราหรือพันธมิตรของเรา”  แม่ทัพอีกคนหนึ่งพยักหน้า

“ข้าสงสัยว่าเป้าหมายของพวกเขาน่าจะเป็นกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคา”  ตาของต้วนชิงเป็นประกายกังวล  “พวกเขาต้องมีแผน”

“เราจำเป็นต้องสนับสนุนกลุ่มดาวอื่นด้วยหรือเปล่า?”  ออกุสท์ผู้บัญชาการกองพลที่สี่พูดขณะดัดข้อมือมีท่าทางกระตือรือร้น

“ทำไมเราต้องทำด้วย?”  ราชาเลโอนแค่นเสียง  ท่าทีเยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้าของเขา  “พวกที่ไม่สามารถทำอะไรได้ทุกคน มีแต่จะทำลายหลายอย่างมากขึ้น  ถูกสมาพันธ์ชาวยุทธฆ่าหมดก็ดีแล้ว แม้ว่าเราจะไม่รู้เหตุผลที่สมาพันธ์ชาวยุทธเริ่มเคลื่อนไหวกับสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา  แต่ถ้าร้านค้าใหญ่เกินไป  พวกเขาก็ไม่สามารถดูแลได้

แม่ทัพสองสามคนผู้ชำนาญกลยุทธ พอได้ฟังคำพูดของราชาเลโอน  ตาพวกเขาเป็นประกาย

‘ใช่แล้ว  ยิ่งสมาพันธ์ชาวยุทธโจมตีกลุ่มดาวมากขึ้น ก็ยิ่งกระจัดกระจายกำลังมากขึ้น  สำหรับกลุ่มดาวราชสีห์แล้ว นับเป็นเรื่องดี

******************

ดาวอู่อัน

ถังเทียนมองดูข่าวการทำลายกลุ่มดาวกุมภ์อย่างตกใจ  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมสมาพันธ์ชาวยุทธถึงไม่โจมตีดาวอู่อัน  แต่กลับไปโจมตีกลุ่มดาวกุมภ์?

‘ไม่มีเหตุผล!  ไร้เหตุผลเกินไป!’

“ทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจเคลื่อนไหวกับกลุ่มดาวกุมภ์?”  ซือหม่าเซี่ยเผยรอยยิ้มที่ไม่เป็นพิษภัย  “ง่ายมาก, เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง  พวกเขารู้สึกว่าการมาถึงสวรรค์วิถีของทวีปกวงหมิงจะต้องเกิดในที่สุด  และพวกเขาไม่ได้เป็นลูกหลานโดยตรงของทวีปกวงหมิง  อะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเขาเล่า?  ประการแรกกอบโกยเท่าที่พวกเขาทำได้  ดังนั้นการพูดถึงในอนาคต  พวกเขาจะได้มีไพ่ต่อรอง  ตราบใดที่สามในห้าของกลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคาตกอยู่ในเงื้อมมือพวกเขา  พวกเขาก็มีราคาเอาไว้ต่อรอง”

ไม่มีใครคุ้นเคยกับด้านมืดของหัวใจมนุษย์มากกว่าซือหม่าเซี่ยว  หลังจากมองรายงาน เขาก็สามารถคาดเดาได้ทุกอย่าง

“พวกเขาจะไม่กระจายกองทัพของเขาอย่างนั้นหรอกหรือ?”  ถังเทียนชี้ไปที่รายงาน

ซือหม่าเซี่ยวเหลือกตา  ‘หลอกลวง, หลอกลวงอย่างแท้จริง!  เจ้าวางแผนเสียน่ากลัวเหลือเกิน พอทำงานกลับทำหน้าซื่อและงี่เง่า เจ้าคิดว่าข้าเป็นไอ้งั่งหรือไง?  เจ้าพยายามจะหลอกข้าหรือ?  ได้โปรด  ต่อให้ต้องการหลอกข้า ก็น่าจะเลือกคำที่ฉลาดกว่านี้’

“น่าเสียดาย เซียนชั้นทองไม่มาอีกต่อไป”  ถังเทียนรู้สึกเศร้า

เขาเตรียมตัวสู้กับเซียนระดับทอง  แต่พวกเขาไม่มา  เหมือนกับการชกลม ทำให้ทั่วทั้งร่างของถังเทียนรู้สึกแย่มาก

‘ข้าควรจะหาใครสู้ด้วย?’

ซือหม่าเซี่ยวเห็นรังสีอำมหิตของถังเทียน และรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ   สองสามวันที่ผ่านมา เขาชักจะเข้าใจนิสัยของถังเทียน

เขาตัดสินใจเริ่มเปลี่ยนเป้าหมาย

“ถ้าเซียนระดับทองไม่มาหาเรา  เราก็สามารถไปหาพวกเขาได้!” น้ำเสียงของซือหม่าเซี่ยวเต็มไปด้วยแววล่อลวง  “ข้ารู้ว่าเซียนระดับทองคุ้มกันอยู่ที่ไหน  เป็นยังไง?  เจ้าต้องการจับเขาไหม?  สวรรค์ประทานโอกาสแล้ว!”

ถังเทียนตาเป็นประกายทันที  “อยู่ไหน, อยู่ไหน?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด