ตอนที่แล้วตอนที่ 19-30 เอาไปทั้งกระติก?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 19-32 นี่อะไร?

ตอนที่ 19-31 ตระกูลอันดับหนึ่ง


หลังจากไบเออร์จากไปลินลี่ย์ระบายลมหายใจโล่งอก

“เทียบกับเทพพารากอนแล้วข้าน่าจะรักษาชีวิตไว้ได้ถ้าข้ามีสมบัติมหาเทพสำหรับป้องกันพลังโจมตีวัตถุและสมบัติมหาเทพสำหรับปกป้องวิญญาณ” ลินลี่ย์พูดไม่ออกเพราะพลังโจมตีของไบเออร์  และพลังหน่วงของมันทำให้ตัวมิติถึงกับบิดเบี้ยว พลังที่น่าทึ่งยังเหนือกว่าสนามพลังอะเมทิสต์ของรีสเจม

เมื่อเผชิญกับพารากอนมีเพียงคนอย่างบีบีที่มีพลังป้องกันการโจมตีวัตถุและพลังโจมตีวิญญาณที่สุดยอดทั้งสองอย่างจึงจะสามารถรอดชีวิตอยู่ได้

“เดี๋ยวก่อน ต่อให้พลังป้องกันของข้าทรงพลังไบเออร์ก็อาจจับข้าโยนเข้าไปในมิติปั่นป่วนได้” เมื่อลินลี่ย์คิดเรื่องนี้แล้ว เขารู้สึกหวาดกลัวพลังของพารากอนมากขึ้นทันที ก่อนหน้านี้ลินลี่ย์เคยเห็นยอดฝีมือไม่กี่คนที่หลอมรวมเคล็ดลึกลับห้าเคล็ด  ลินลี่ย์คิดว่าพารากอนทรงพลังแต่คงไม่มากจนเหลือเชื่อ

แต่เมื่อเผชิญกับพารากอนจริงๆ  ลินลี่ย์จึงตระหนักว่า..

พารากอนแค่เพียงโบกมือก็ทำให้มิติบิดเบี้ยวได้ และอาจฉีกมิติได้ ระหว่างหลอมรวมเคล็ดลึกลับห้าเคล็ดและการกลายเป็นพารากอน  มีพลังเพิ่มขึ้นมากมายมหาศาลอย่างชัดเจน

“ไบเออร์จะไม่มาอีกใช่ไหม?”  เสียงทุ้มดังขึ้น

ลินลี่ย์หันหน้าไปมองดู  คนพูดก็คือคนตัวใหญ่เรย์โฮม  บีบีมีใบหน้าเปรอะเปื้อนรีบพูดขึ้นทันที  “แน่นอนว่าไม่!  เขาเป็นพารากอนแน่นอน  ในเมื่อเขาไปแล้ว เขาจะกลับมาได้ยังไง?  ต่อให้เขากลับมาข้าก็ไม่กลัวเขา”  คำพูดของบีบีทำให้ลินลี่ย์รีสเจมและเรย์โฮมมองหน้าเขาทุกคน

“เจ้าไม่กลัวหรือ?”  รีสเจมถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ

ความจริงรีสเจมเองก็กลัว  ถ้าไบเออร์บ้าเลือดขึ้นมาจริงๆ  เขาอาจฆ่ารีสเจม เรย์โฮมและลินลี่ย์จากนั้นลากบีบีเข้าไปในมิติปั่นป่วน กับราคาที่ว่าเขาอาจเผชิญกับการไล่ล่าและโจมตีของมหาเทพเรดบุดและจะต้องซ่อนตัวอยู่ในแดนโลกธาตุธรรมดาตลอดไป

รีสเจมกลัวและลินลี่ย์กับเรย์โฮมก็รู้สึกอย่างเดียวกัน ต่อหน้าไบเออร์ พวกวเขาไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย

บีบีไม่กลัวหรือ?

เมื่อถูกอีกสามคนจ้องมองบีบีหัวเราะแก้เก้อ  “ก็ได้,บอกตามตรงหลายว่า ความจริงข้าก็กลัวอยู่บ้าง อยู่ต่อหน้าไบเออร์ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าข้าได้แต่ยืนอยู่กับที่และถูกทุบตี  ข้าไม่สามารถต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย  เพลงแต่แปลกประหลาดนั่นทำให้ข้าไม่ได้สติ   พอเขาจากไป เพลงนี้จึงได้จบ  ข้าหวังว่าในอนาคต  ข้าคงไม่พบเจอกับไบเออร์อีก  เว้นแต่ข้าจะมีพลังระดับปู่ข้า...”

ลินลี่ย์เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็อดขำไม่ได้  จากนั้นเขามองดูรีสเจมครั้งนี้พวกเขาต้องขอบคุณรีสเจม

“โชคดี, รีสเจมท่านใช้ชื่อมหาเทพคุกคามเขาได้” ลินลี่ย์หัวเราะถอนหายใจ

“ฮึ่ม..นั่นเป็นเรื่องที่พูด  พอเวลาที่แม่ข้ามาที่นี่จริงๆไบเออร์คงจะเผ่นหนีไปไกล” รีสเจมเม้มริมฝีปาก “โชคดีที่ไบเออร์ไม่ยอมทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่ออ็อคคลัว”

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน

ถ้าอ็อคคลัวและไบเออร์มีความสัมพันธ์ที่สนิทกันเหมือนกับลินลี่ย์และบีบีเป็นไปได้ว่าไบเออร์คงจะไม่สนใจอะไร ทุ่มเทพลังฆ่าเขาให้ได้ โชคดีทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ยังไม่ถึงระดับนั้น

“รีสเจม พลังมหาเทพนี้..” ลินลี่ย์ถึงตอนนี้ยังมีกระติกพลังมหาเทพอยู่ในมือ

โอวสวรรค์..กระติกที่บรรจุไว้เต็ม!  เป็นโชคลาภที่น่ากลัวจริงๆ!

“รีสเจม, เมื่อครู่นี้เจ้าแค่ต้องการขู่ขวัญไบเออร์และทำให้เขารู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะฆ่าบีบีได้ซึ่งเป็นสาเหตุให้ท่านต้องนำกระติกพลังมหาเทพออกมา  ตอนนี้เรื่องจบแล้วท่านเอาของคืนไปก็ได้นะ” ลินลี่ย์ส่งกระติกผลึกอเมทิสต์ให้รีสเจมทันที

ไม่ใช่ว่าลินลี่ย์ไม่ต้องการพลังมหาเทพ  ถ้าได้สักหยดหรือสองหยดลินลี่ย์ก็คงจะยอมรับไว้

แต่นี่เป็นกระติก

สิ่งนี้มีค่ามากเกินไปทำให้ลินลี่ย์รู้สึกยากจะรับเอาไว้ได้ ขณะที่ทำงานด้วยกันกับรีสเจม ลินลี่ย์ไม่ได้สร้างส่วนร่วมยิ่งใหญ่อะไร ดังนั้นเขาจะรับกระติกพลังมหาเทพไว้ได้ยังไง?  อย่างที่มีคำกล่าวไว้ว่าไม่มีผลงานย่อมไม่มีบำเหน็จรางวัลเขาจะรับสมบัติไว้โดยไม่สร้างผลสำเร็จใดๆ ไว้ได้ยังไง?  ลินลี่ย์รู้สึกไม่สบายใจ

“เอ๊ะ?” บีบีตกใจ

“เอ้า..นี่ด้วย”  บีบีทำอย่างเดียวกัน

“เฮ้ย!”รีสเจมถลึงตามองลินลี่ย์และบีบี จากนั้นพูดอย่างไม่พอใจ  “ลินลี่ย์,บีบี, พวกเจ้าสองคนทำอะไร? ฮึ..ถ้าพวกเจ้าทั้งสองคนไม่มีความจริงใจอย่างนั้นเราแยกกลุ่มกันได้ เจ้าไปตามทางของเจ้า ส่วนข้ากับเรย์โฮมจะไปตามทางของเรา เจ้าทั้งสองไม่นับถือว่าข้าเป็นพี่น้องกันเลย  กับแค่พลังมหาเทพคนละกระติกน่ะหรือ? ข้า..รีสเจมไม่เอาของที่มอบให้เป็นขวัญคืนอยู่แล้ว  ถ้าเจ้าไม่ต้องการ ก็โยนทิ้งไปเลย!”

ลินลี่ย์รู้สึกพูดไม่ออกได้แต่ถอนใจ

“ฮ่าฮ่า, พี่ใหญ่!รีสเจมไม่ใช่คนตระหนี่” บีบีหัวเราะโอบไหล่รีสเจม “งั้นขอรับไว้ก็แล้วกัน”  บีบีไม่ยินดีจะยอมสละแต่แรกแล้วเพียงแต่เขาเห็นลินลี่ย์คืน เขาก็ต้องทำอย่างเดียวกัน

“ได้ยินไหมนั่น?”  รีสเจมเลิกคิ้วดีใจ “ทำไมเจ้าไม่โยนพลังมหาเทพนี้ทิ้งและไปตามทางของเจ้าเล่าเรามีสามคนแล้วนะ  หรือว่า..จะเก็บเอาไว้”

ลินลี่ย์ไม่ได้เกรงใจมากเกินไปตั้งแต่แรก เพียงแต่พลังมหาเทพกระติกหนึ่งนี้มีคุณค่ามากเกินไป  และเขาไม่สามารถรับเอาไว้ได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาแสดงมารยาทเช่นนั้น  แต่ตอนนี้เมื่อรีสเจมแสดงออกเช่นนั้นลินลี่ย์จะทำอะไรได้? ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือเก็บกระติกพลังมหาเทพไว้ในแหวนเก็บของ

“นั่นค่อยยังชั่วหน่อย”  รีสเจมหัวเราะอารมณ์ดี  “บอกตามตรงก่อนนี้เมื่อข้าเป็นเทพชั้นสูงและยังไม่หลอมรวมเคล็ดลึกลับได้มากพอ  บางทีข้าคงไม่ทำใจกว้างแน่  ต่อให้เจ้าขอข้าก็ตาม”

“เอ๊ะ? นั่นอะไร?”  บีบีกล่าว

ลินลี่ย์แค่หัวเราะขณะฟังเฉยๆ  มีบีบีและรีสเจมยืนอยู่ด้วยกันเหมือนกับทารกใหญ่คู่หนึ่ง ตาของพวกเขาทั้งสองมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้น  พวกเขาดูเหมือนพี่น้องกัน

ทั้งสี่คนคุยไปเดินไปพลาง

“สิ่งที่แม่ข้าบอกไว้ก็คือข้าจำเป็นต้องเจ้าอารมณ์!”  รีสเจมพูดพลางหัวเราะ  “ถ้าข้ายังไม่มีพลังถึงระดับพอ  นางจึงมอบพลังมหาเทพไว้ให้ข้าเป็นจำนวนมาก ข้าไม่เคยรู้สึกเหมือนกับว่าข้าอยู่ในอันตรายแต่อย่างใดซึ่งนั่นทำให้ข้าบรรลุระดับพลังใหม่ยากขึ้น ดังนั้นหลังจากหลอมรวมพลังได้ห้าเคล็ด ดังนั้นแม่ข้าก็เลยหยุดเข้มงวดข้าดูสิพลังมหาเทพของเขามีมากเพียงไหน”

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

ไม่รู้สึกถึงอันตรายก็เป็นเรื่องยากที่จะยกระดับพลังได้ ลินลี่ย์สามารถเข้าใจการกระทำของมหาเทพเรดบุดได้

“โอว.. เจ้ามีพลังมหาเทพตั้งมากมาย ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของพี่ใหญ่ยากที่จะมอบหยดพลังมหาเทพแม้แต่หยดเดียวออกไปจริงๆ”  บีบีพูดพลางถอนหายใจ

รีสเจมหัวเราะลั่น  “ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์?  พวกเขาจะเทียบกับข้าได้ยังไง? ตระกูลมากมายที่มีผู้คนเป็นล้านอยู่กระจัดกระจายอยู่ในสี่พิภพใหญ่ สี่มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่จึงมอบพลังมหาเทพมากมายให้พวกเขา! แต่คนของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะรู้ถึงคุณค่าของมันหรือเปล่า  พวกเขาไม่รู้!  ประมุขตระกูลทั้งสี่เหล่านั้นไม่เคยคิดว่าสี่มหาเทพจะประสบเคราะห์  เมื่อสี่มหาเทพตาย..ก็เป็นเวลาที่พวกเขาไม่สามารถได้รับพลังมหาเทพอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอีกต่อไป  พวกเขาตกตะลึงกันหมด”

“เมื่อสี่มหาเทพตาย  พวกเขาก็ไม่มีแหล่งพลังมหาเทพอีกต่อไป  เป็นเรื่องยากลำบากของพวกเขาต่อไป  แน่นอนว่าพวกเขาจะมอบให้เท่าที่จำเป็นครั้งละหนึ่งหยดเท่านั้น”

ลินลี่ย์ได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า

ความตายของบรรพบุรุษทั้งสี่ส่งผลกระทบหนักหน่วงต่อตระกูลอย่างแน่นอน

“ตระกูลใหญ่อย่างนั้นชื่อเสียงของเขาสั่นสะเทือนพิภพต่างๆได้ก็ยังตกต่ำได้ในลักษณะเช่นนั้น” ลินลี่ย์ถอนหายใจ เดิมทีเมื่อลินลี่ย์เข้าเผ่ามังกรฟ้า ลินลี่ย์ถอนใจว่าตระกูลเคยมีพลังมหาเทพมากมายเพียงไหน  แต่เดี๋ยวนี้เขาเข้าใจแล้วว่าผู้อาวุโสแต่ละคนจะได้พลังกันหนึ่งหยดและใช้พลังกันอย่างประหยัด

เมื่อสี่มหาเทพยังมีชีวิตเป็นไปได้ว่าเผ่ามังกรฟ้าจะต้องมีการแบ่งพลังมหาเทพในลักษณะที่แตกต่างกว่านี้แน่นอน

“ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เดิมที่ก็มีความแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว  อย่างไรก็ตามในพิภพจักรวาลทั้งสิ้น  พวกเขายังไม่ถือว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง”  รีสเจมกล่าว

“เอ๊ะ? ยังมีตระกูลที่ทรงพลังมากกว่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อีกหรือ?”  ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ

“ตระกูลอันดับหนึ่งก็คือตระกูลออกุสตา  ตระกูลแห่งโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์”  รีสเจมพูดพลางหัวเราะ

ลินลี่ย์รู้เรื่องในแดนนรกและแดนยมโลกไม่มาก  ยิ่งดินแดนอื่นแล้วยิ่งรู้น้อย

“ตระกูลออกุสตา?”  มีสามชื่อลอยขึ้นมาในใจของลินลี่ย์  สามชื่อนี้มาจากรายงานข่าวกรองผู้บัญชาการต่างๆของเบรุต  สามผู้บัญชาการและทั้งสามคน...ทั้งหมดล้วนใช้ชื่อสกุลว่าออกุสตา  เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคนของตระกูลออกุสตา

ตอนนั้นลินลี่ย์ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ที่สำคัญมีพี่น้องอยู่มากที่เป็นผู้บัญชาการ สำหรับสามคนที่มีชื่อสกุลเดียวกันนี้จึงไม่น่าประหลาดใจ

“สมาชิกรุ่นที่หนึ่งของตระกูลออกุสตาก็คือประมุขมหาเทพแห่งแสง”  รีสเจมพูดพลางเม้มริมฝีปาก

ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจ“มิน่าเล่าตระกูลถึงได้ทรงพลังมากนัก พวกเขาเป็นลูกหลานของหัวหน้ามหาเทพแห่งแสง”  ในฐานะประมุขของมหาเทพ  ทุกคนคงคาดคิดได้ถึงสถานะที่สูงส่งและอำนาจที่ยิ่งใหญ่ซึ่งประมุขมหาเทพครอบครอง

“ประมุขมหาเทพแห่งแสงมีลูกหลานมากมาย  รุ่นที่สองของตระกูลก็มีสมาชิกถึง 182 คน”รีสเจมพูดถอนหายใจ

ลินลี่ย์และบีบีตะลึงทั้งคู่

“รีสเจมสมาชิกรุ่นที่สองทั้งชายและหญิงของประมุขมหาเทพแห่งแสงน่ะหรือ?”  ลินลี่ย์ไม่อยากเชื่อ  ในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์  มังกรฟ้ามีเพียงบุตรหนึ่งและธิดาอีกหนึ่งคน  ขณะที่พญาหงส์เพลิงมีลูกคนเดียว  พยัคฆ์ขาวมีลูกคนเดียว  ส่วนพญาเต่าดำมีลูกสองคน

แต่ออกุสตาผู้นี้เฉพาะรุ่นที่สองมีสมาชิกถึง 182 คน?

“ใช่แล้ว” รีสเจมพยักหน้า“ประมุขมหาเทพแห่งแสงเดิมทีเป็นสมาชิกของเผ่าพันธุ์ธรรมดาก่อนจะกลายเป็นประมุขมหาเทพ  ดังนั้นจึงต่างจากพวกอสูรเทพที่มีลูกเพียงไม่กี่คน  เขามีถึง 182 คน  อย่างไรก็ตามลูกทั้ง 182คนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมดเป็นเพราะประชากรของตระกูลออกุสตาขยายตัวเร็วมาก และเพราะพวกเขามีทรัพยากรอย่างเพียงพอ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะสร้างยอดฝีมือออกมาได้มาก  อย่างไรก็ตามตระกูลออกุสตาขยายตัวอยู่แต่ในโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาต่างจากตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าที่แพร่กระจายอยู่ในพิภพต่างๆ”

“คนของตระกูลออกุสตาหยิ่งยโสมาก”  เรย์โฮมที่เงียบขรึมมาตลอดจู่ๆ ก็พูดขึ้น

“เอ๋?” ลินลี่ย์มองดูเรย์โฮม เขารู้สึกได้ถึงความโกรธที่แฝงอยู่ในคำพูดของเรย์โฮม

รีสเจมถอนหายใจและกล่าว  “หนึ่งในทูตของแม่ข้าชื่อบอสลีย์  เขาเป็นสหายรักของเรย์โฮมถูกกองกำลังของตระกูลออกุสตาฆ่าตาย  ตอนนี้บอสลีย์มีแต่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่อ่อนแอเหลืออยู่เท่านั้น ข้าคิดว่าครั้งนี้คนของตระกูลออกุสตาคงจะมาร่วมในสมรภูมมหาพิภพด้วยเช่นกัน  ถ้าเราเผชิญพบเจอพวกเขาสองคน  เราจะต้องฆ่าพวกเขาบางคนเป็นการระบายความโกรธฮึ่ม.. ช่างมันเถอะ พอกันทีกับไอ้ตระกูลบัดซบนี่ พูดแล้วอารมณ์เสีย”

ขณะที่กลุ่มของลินลี่ย์ไปจากสนามรบ  พวกเขาไม่ได้วิ่งออกไป  แค่เดินไปตามปกติ  ในสมรภูมิมหาพิภพนอกจากพารากอนอย่างไบเออร์ ทีมล่าของพวกเขาไม่กลัวใคร

แต่การสู้รบนั้นดึงดูดความสนใจของคนมามากมายแน่นอน

บนพื้นที่รกร้างมีห้าคนปรากฏตัวขึ้น ผู้นำเป็นบุรุษหนุ่มสวมชุดยาวสีเงินงดงามและเขามีผมยาวแพรวพราว

“โอว, ปราการอะเมทิสต์  เฮ้, นั่นไบเออร์นี่!” บุรุษหนุ่มผมทองตาเป็นประกาย เขาเห็นจากระยะไกลว่าไบเออร์ยืนอยู่ในท้องฟ้าเหมือนกับเทพสวรรค์  พอไบเออร์ปรากฏตัวทั้งห้าคนไม่กล้าเข้าไปใกล้ แต่หลังจากมองดูไกลๆ ชั่วเวลาหนึ่ง พวกเขาเห็นไบเออร์จากไป

“คุณชายมอนเตโล!  นี่นับเป็นโอกาสที่ดี”  บุรุษหนุ่มผมเงินในชุดสีทองร้องบอก

ตาของบุรุษหนุ่มผมทองเป็นประกาย

ขณะนี้บุรุษหนุ่มผมทองหันหน้าไปมองใกล้ๆ มีบุรุษหนึ่งและสตรีอีกหนึ่งเดินเข้ามาสมทบ  “มอนเตโล!  ไม่ได้พบกันนานเลยนะ”  คนนำเป็นสตรีชุดสีเงินผมดำพูดพลางยิ้มเล็กน้อย

“ราเนซซา!”มอนเตโลหัวเราะเช่นกัน

“เจ้าเพิ่งเห็นการต่อสู้นั้นไม่ใช่หรือ?  ไบเออร์ลงมือกับกลุ่มของรีสเจม  ข้าสงสัยว่าผลของการสู้จะเป็นยังไง”  สตรีชุดสีเงินพูดพลางหัวเราะ  “แต่ข้าแน่ใจว่ารีสเจมยังมีชีวิตอยู่”

“ข้าเองก็แน่ใจเหมือนกัน”  มอนเตโลพูดและหัวเราะเยือกเย็นจากนั้นตาของเขาเป็นประกาย  “ราเนซซา!  เราจะร่วมกำลังกันไปสั่งสอนรีสเจมนั่นดีไหม?”

“สั่งสอนเขาน่ะหรือ?”  ราเนซซาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้ารู้ว่ามีความแค้นกันระหว่างตระกูลของเจ้ากับรีสเจม  แต่ว่า...” ราเนซซายังรู้สถานะของมอนเตโล มอนเตโลเป็นสมาชิกตระกูลออกุสตารุ่นที่สาม รุ่นที่สองมีสมาชิก 182 คนและรุ่นที่สามมีสมาชิกมากกว่าพันคน”

มอนเตโลอาศัยพรสวรรค์และทักษะธรรมชาติของเขาจึงมีสถานะที่สูงส่งในตระกูลของเขา  แต่เมื่อเทียบกับรีสเจม  สถานะของเขาด้อยกว่าห่างไกล  ที่สำคัญประมุขมหาเทพแห่งแสงมีลูกมากเกินไป  มอนเตโลเป็นแค่เพียงรุ่นหลาน  ขณะที่มหาเทพเรดบุดมีลูกชายเพียงคนเดียว

มีคนไม่มากนักที่กล้าคิดฆ่ารีสเจม

“ไม่ต้องห่วง เราจะไม่ฆ่ารีสเจม” มอนเตโลพูดพลางหัวเราะเบาๆ “ข้าจะรับหน้าที่รั้งรีสเจมไว้ ขณะที่พวกเจ้าอีกสามคนกับคนของข้าอีกสี่คนรวมเจ็ดจะลงมือกับสหายของรีสเจม ถ้าเจ้าสามารถฆ่าได้สักคนก็ให้ลงมือ พวกเจ้าฆ่าได้หมดย่อมดีที่สุด!  ฮึ่ม.. ถ้าเราไม่สามารถฆ่ารีสเจมได้  เราก็ฆ่าสหายของเขา”  ตาของมอนเตโลเป็นประกายเย็นชา

ราเนซซาหันไปปรึกษาบุรุษหนุ่มสองคนข้างๆนางจากนั้นก็หัวเราะ

มหาเทพเป็นบุคคลที่มีศักดิ์ศรีสูงส่ง  ตราบเท่าที่ไม่มีการลงมือล่วงเกินก็จะไม่มีปัญหาใดๆ ต่อให้พวกเขาทำร้ายรีสเจมบาดเจ็บสาหัสก็ยังไม่มีปัญหาใดๆ  มหาเทพมักจะหวังว่าลูกๆ ของพวกเขาควรจะได้รับความพ่ายแพ้บ้างขณะเติบโต ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ฆ่ารีสเจม ก็ไม่เป็นไร  สำหรับสหายของรีสเจมและชีวิตพวกเขามหาเทพไม่มีเวลามาวุ่นวายกับพวกเขา ทั้งมหาเทพจะไม่ลดตัวลงมายุ่งกับพวกเขา

โลกของเทพก็มีกฎอยู่ในตนเอง  มหาเทพโดยทั่วไปจะไม่เข้ามาก้าวก่าย

“ก็ได้ อย่างไรก็ตามป้ายที่ได้จากการฆ่าจะตกเป็นของเรา” ราเนซซากล่าว

“ตกลง” มอนเตโลเห็นด้วยทันที

“อย่างนั้นไปกันเถอะ  รีสเจมและคนอื่นดูเหมือนจะไปไกลแล้ว”  ราเนซซากล่าว

ทันใดนั้นกองกำลังทั้งสองร่วมมือกันและทั้งแปดคนลอบติดตามไปด้วยความเร็วสูง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด