ตอนที่แล้วบทที่ 13 - หงสาเยือกแข็ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15 - โยนมันออกไป

บทที่ 14 - เข้างานประมูล


บทที่ 14 - เข้างานประมูล

ร่องรอยของความสงสัยและความกังวลปรากฏขึ้นในดวงตาของหยางซือเล่ย

“นายน้อยหยางโปรดวางใจ อาจเพราะบุตรสาวท่านยังเด็ก การปลุกจิตวรยุทธจึงเปลืองแรงมากไป บางทีอาจต้องพักผ่อนสักหนึ่งหรือสองชั่วยาม”

เฉินซีอธิบายด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อพูดจบ เขาก็ฉุกคิดได้ว่าคำพูดของเขาอาจไม่จำเป็น เพราะด้วยความสามารถของหยางซือเล่ย อีกฝ่ายจะไม่รู้หลักการง่ายๆเช่นนี้ได้อย่างไร

เอาจริงๆหยางซือเล่ยไม่รู้ เพราะเขาเพิ่งเข้ามาในโลกนี้ได้ไม่ถึงหนึ่งวัน นอกจากเรื่องที่ว่าเจ้าของร่างเดิมเป็นขยะแล้ว สามัญสำนึกเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ เขามีความรู้แค่หางอึ่งเท่านั้น

ต่อมา ระหว่างรอเวลา หยางซือเล่ยใช้โอกาสนี้สนทนากับเฉินซี รวบรวมข้อมูลทั่วไป

ในทวีปนี้ ปราศจากสิ่งที่เรียกว่าอำนาจรัฐคอยควบคุม แต่จะแบ่งออกเป็นสี่ภูมิภาค : ตะวันออก, ตะวันตก, เหนือ, ใต้

แต่ละภูมิภาคมีราชวงศ์และกองกำลังตระกูลน้อยใหญ่นับไม่ถ้วน พวกที่มีพลังรบอ่อนแอ หรือกองกำลังขนาดเล็กที่ได้รับการสนับสนุนเพียงเล็กน้อย จะเหมือนกับถูกขังไว้ในเล้าหมู พอขุนให้อ้วนก็โดนเชือด

สามารถพูดได้ว่า นี่คือยุคแห่งความสับสนวุ่นวาย เป็นดินแดนแห่งการต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลก!

และเมืองชิงหยางที่เขาอยู่ตอนนี้ เป็นดินแดนของราชวงศ์หยานอันเกรียงไกรทางภาคเหนือ ระดับของราชวงศ์ถือว่านำหน้าราชวงศ์อื่นๆอยู่หลายก้าว

เหตุที่นำอยู่หลายก้าวก็เพราะภูมิภาคนี้มีสถาบันสอนศิลปการต่อสู้ระดับสูงที่เรียกว่าทำเนียบยุทธชางเฉียง ที่นั่นสามารถสร้างทรัพยากรนักบู๊ที่ทรงพลังได้มากมายจากการฝึกฝน

“ทำเนียบยุทธชางเฉียง?”

ได้ยินคำนี้จากเฉินซี หัวใจของหยางซือเล่ยกระตุกเล็กน้อย ย้อนนึกถึงคำพูดของชายแผลเป็นที่ถูกเขาฆ่าในห้องใต้ดิน

ก่อนที่ชายคนนั้นจะเสียชีวิต มันได้บอกว่าตัวเองมีน้องชายที่มาจากทำเนียบยุทธชางเฉียง

สำหรับเรื่องนี้ หยางซือเล่ยคงต้องให้ความสนใจ

และจากการสนทนาหัวข้อต่อมา หยางซือเล่ยได้รับทราบถึงรายการสินค้าประมูลของสภาหอการค้าจินไห่ ส่วนใหญ่เป็นของมีค่าและหายาก เช่น เครื่องประดับ เม็ดโอสถ วิชายุทธ และอาวุธ

ระหว่างสนทนา ในที่สุดเวลาเริ่มงานประมูลก็ใกล้มาถึง ในฐานะผู้ประเมิน เฉินซีต้องไปตรวจสอบความถูกต้องของรายการประมูลทั้งหมดอีกครั้ง ว่ามีโอกาสถูกขโมยหรือโดนสับเปลี่ยนไปหรือไม่ เขาจึงขอออกไปก่อน

ด้วยประการฉะนี้ หยางซือเล่ยเลยต้องอุ้มบุตรสาวของเขาซึ่งยังคงนอนหลับอยู่ไปยังพื้นที่ประมูล

เมื่อใกล้ถึงเวลาเริ่มประมูล ผู้คนในสภาหอการค้าจินไห่เริ่มหนาแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ และแต่ละคนที่มา ล้วนเป็นคนร่ำรวยหรือมีชื่อเสียงในเมืองชิงหยาง

พวกเขาทั้งหมดแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรา สีหน้าเย่อหยิ่งและยโสไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป

พื้นที่ประมูลเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม ที่นั่งจัดเรียงเป็นรูปแบบทรงพัด  โดยข้างหน้าสุดคือเวทีประมูล

ที่นั่งกิตติมศักดิ์อยู่แถวหน้า มีเบาะนั่งที่ใหญ่และสบายกว่าอย่างเห็นได้ชัด คล้ายๆกับโซฟาหนังดูหรูหรามีระดับ สามารถบ่งบอกถึงสถานะของผู้ที่ได้นั่งมันอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ทั่วทุกมุมของโถงประมูลมียามเฝ้าอยู่ การรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก

“เหอ? นี่ไม่ใช่ผู้ฉาวโฉ่วแห่งเมืองชิงหยาง นายน้อยหยางของพวกเราหรอกหรือ? เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

ในตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นข้างหลังหยางซือเล่ย

“สภาหอการค้าจินไห่ไม่ใช่บ่อนพนัน เจ้าอยู่ผิดที่แล้ว ฮ่า ฮ๋า ฮ่า”

ทันทีหลังจากนั้น ชายร่างอ้วนตัวสูงเดินเข้ามา

หยางซือเล่ยกวาดสายตามองอีกฝ่าย เค้นความทรงจำของบุคคลนี้อย่างรวดเร็ว

เป็นจูต้าซิน

บิดาเขาคือเจ้าของร้านทองในเมือง ใช้ชีวิตหรูหรา โปรยทองคำเหมือนเศษกระดาษทุกวัน เจ้าของร่างเดิมเคยเจอกับชายผู้นี้หลายเกมบนโต๊ะพนัน

กระนั้น เจ้าของร่างเดิมมักพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชเสมอ เคยกระทั่งติดหนี้พนันอีกฝ่าย สร้างความอัปยศแก่ตนเอง

หยางซือเล่ยกวาดมองจูต้าซินอย่างไม่แยแส เขาไม่อยากพูดกับเจ้าหมูตัวนี้ หันหลังและเตรียมจากไป