ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 161 บังคับให้ยายประจิมล่าถอย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 163 พยัคฆ์มัจจุราช

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 162 ของขวัญวันเกิด


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 162 ของขวัญวันเกิด

แปลโดย iPAT  

ในที่สุดวีรบุรุษอวี๋ก็ได้ดื่มสุราในโรงเตี้ยมที่เมืองริมทะเลสาบจนพอใจ เขายังรวบรวมความกล้าดื่มอวยพรให้กับหลี่ฉิงซาน หลังจากนั้นคนอื่นๆก็เริ่มเลียนแบบและประจบประแจงหลี่ฉิงซานอย่างเต็มที่

“ท่านหลี่ ท่านมีอีกฉายาว่าเสือดำใช่หรือไม่?” บางคนจำหลี่ฉิงซานได้รวมถึงฉายาของเขา

หลี่ฉิงซานรับมือกับคำชมและคำถามมากมายอย่างรวดเร็วและยังคีบเนื้อปลาให้เสี่ยวอัน “ลองสิ่งนี้ มันอร่อยมาก” เสี่ยวอันพึ่งได้รับความสามารถในการรับรู้รสชาติกลับมา ดังนั้นนางจึงต้องได้รับการชดเชยสิ่งที่นางพลาดไปในช่วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา

เสี่ยวอันก้มศีรษะลงและกินอย่างเชื่อฟัง แม้นางจะไม่แสดงออกแต่ใบหน้าของนางยังเป็นสีแดงระเรื่อราวกับนางกำลังเมาสุราตลอดเวลา

นักบวชชราเดินเข้ามากล่าว “ท่านหลี่ สหายตัวน้อยของท่านมีกลิ่นอายแห่งพุทธะที่แข็งแกร่งมาก!”

หลี่ฉิงซานกล่าวอย่างอารมณ์ดี “เสี่ยวอันของข้าจะกลายเป็นพระโพธิสัตว์ในอนาคต!”

นักบวชชราผงะก่อนจะพนมมือกล่าว “อมิตาภพุทธ! บาปกรรม บาปกรรม! โปรดอย่าล้อเล่นเช่นนั้น!”

หลี่ฉิงซานหัวเราะ “คนธรรมดาจะเข้าใจความทะเยอทะยานของผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร? ถูกต้องหรือไม่ เสี่ยวอัน”

เมื่อฮัวเฉิงลู่ที่ถูกผู้คนรุมล้อมได้ยินเช่นนั้น นางก็มองไปที่หลี่ฉิงซานและส่ายศีรษะ นางไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้กล้าหาญหรือโง่เขลา เขาไม่รู้จริงๆหรือว่าจอมยุทธ์ขั้นเก้ากำลังรอโอกาสโจมตีเขาอยู่ หากไม่ใช่เพราะนาง เขาคงกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว แต่ตอนนี้เขายังหัวเราะและทำตัวราวกับผู้ยิ่งใหญ่ที่นี่

ทันใดนั้นชายรูปงามผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาหานางและกระซิบบางอย่างด้วยท่าทางเสน่หา

รอยยิ้มของฮัวเฉิงลู่หายไป นางตอบเขาด้วยคำถาม “เจ้าคิดว่าตนเองคู่ควรงั้นหรือ?”

นางไม่ได้กล่าวเสียงดังแต่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างหูดี พวกเขาหันไปมองชายหนุ่มและรู้ว่าเขาพยายามทำสิ่งใด หลายคนลอบเย้ยหยันอยู่ภายใน ‘เจ้าต้องการสานความสัมพันธ์กับตระกูลฮัวงั้นหรือ? เหตุใดไม่ส่องกระจกดูตัวเองก่อน?’ หลังจากนั้นพวกเขาก็รู้สึกดีใจที่ไม่ได้พยายามทำสิ่งเดียวกัน

หลี่ฉิงซานคิด ‘สารเลว เจ้าไม่หื่นเกินไปหน่อยงั้นหรือ? แม้แต่เด็กผู้หญิงอายุสิบสาม เจ้าก็ไม่เว้น! หากเจ้าเป็นข้าในชาติก่อน เจ้าคงถูกยิงไปแล้ว!’ อย่างไรก็ตามเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนสาวน้อยในนิทานที่จะถูกล่อลวงโดยคำหวานและลงเอยด้วยการหนีตามผู้ชาย

ใบหน้าของชายหนุ่มกลายเป็นสีแดงและต้องจากไปด้วยความลำบากใจ

อวี๋จื่อเจี้ยนถาม “เจ้าต้องใจร้ายกับเขาถึงเพียงนี้เลยงั้นหรือ?”

ฮัวเฉิงลู่ตอบ “เขาไม่เคยจริงใจกับข้าตั้งแต่แรก แล้วเหตุใดข้าต้องสุภาพกับเขา? ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีความกล้าแม้แต่จะบอกว่าตนเองคู่ควร เขาขาดความมั่นใจและมีปมด้อย คนเช่นนี้น่ารำคาญมาก” ในตอนท้ายดูเหมือนนางจะจำบางสิ่งขึ้นมาได้ นั่นทำให้ใบหน้าของนางดูค่อนข้างขุนเคือง

แต่ถึงกระนั้นเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆเช่นนี้ก็ไม่สามารถส่งอิทธิพลต่อบรรยากาศโดยรวมของงานเลี้ยง

ในช่วงท้ายของงานเลี้ยง ทุกคนกล่าวอำลา พวกเขาบอกว่าจะกลับมารวมตัวกันเพื่อกำจัดกองกำลังนอกรีตอีกครั้งในอนาคตแม้ในความเป็นจริงพวกเขาจะทำเพื่อผลประโยชน์ก็ตาม ท่ามกลางพวกเขามีชายหนุ่มสองสามคนที่หล่อเหลาไม่แพ้ชายหนุ่มที่ถูกฮัวเฉิงลู่ปฏิเสธไม่ยินดีแยกทางกับนาง

หลี่ฉิงซานเดินเข้ามาหาฮัวเฉิงลู่และกระซิบบางอย่างที่ข้างหูนาง

เดิมทีนางคิดว่าเขาจะทำเหมือนคนอื่น นั่นทำให้นางไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อนางได้ยินคำกล่าวของเขา นางกลับรู้สึกประหลาดใจ นางชำเลืองมองเสี่ยวอันก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม

ชายหนุ่มทุกคนต่างอิจฉาเขา เด็กคนนี้รู้วิธีปีนขึ้นที่สูงจริงๆ! หากเขากลายเป็นลูกเขยตระกูลฮัว ทั้งสถานะ ความมั่งคั่ง และทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไป ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีหลายคนที่พยายามทำสิ่งเดียวกันนี้แต่ฮัวเฉิงลู่ปฏิเสธพวกเขาทั้งหมดด้วยความหยิ่งยโส เป็นเรื่องยากที่จะเห็นนางยิ้มหลังจากได้ยินถ้อยคำบางอย่างจากชายหนุ่ม

หลี่ฉิงซานต้องการมอบบางสิ่งให้ฮัวเฉิงลู่แต่นางรีบโบกมือปฏิเสธและหลี่ฉิงซานก็ไม่ดึงดัน เขามองเข้าไปดวงตาของฮัวเฉิงลู่ นั่นทำให้นางรู้สึกเขินอายและต้องหลบสายตาของเขา สุดท้ายนางก็วางบางสิ่งไว้ในกระเป๋าร้อยสมบัติของเขาและกล่าวบางอย่างอีกครั้งด้วยสีหน้าค่อนข้างกังวลขณะที่หลี่ฉิงซานเพียงเผยรอยยิ้มและส่ายศีรษะ

เมื่องานเลี้ยงจบลง ทุกคนออกจากโรงเตี้ยมและขึ้นรถม้าหรือม้าของตน

เมื่อฮัวเฉิงลู่เดินออกจากโรงเตี้ยม อวี๋จื่อเจี้ยนก็เปิดปากถาม “ก่อนหน้านี้เจ้ากล่าวสิ่งใดกับเขา?” นางคิดว่าหลี่ฉิงซานเป็นเหมือนชายหนุ่มคนอื่นๆ

ฮัวเฉิงลู่กล่าว “ไม่มีสิ่งใดพิเศษ”

อวี๋จื่อเจี้ยนกล่าว “ไม่มีสิ่งใดพิเศษ? พวกเจ้าสองคนเข้ากันได้ดี เขาอาจดูไม่เลวแต่เขาหยาบคายเกินไป เขาไม่เหมาะกับเจ้า!”

ในที่สุดฮัวเฉิงลู่ก็เข้าใจความหมายของนาง นางตบหัวสหายผู้นี้เบาๆ “เจ้าช่างเด็กนัก เหตุใดจึงคิดแต่เรื่องเช่นนี้? เขาไม่เหมาะกับข้า ดังนั้นเขาจึงเหมาะกับเจ้างั้นหรือ? เป็นเจ้าที่สนใจเขา ไม่ใช่ข้า! เขาเพียงต้องการซื้อของขวัญวันเกิดให้เด็กคนนั้น หลังจากงานเลี้ยงจบลง ข้าเกรงว่ายายแก่นั่นจะมาจับเขา ข้าจึงเกลี้ยกล่อมให้เขาไปกับข้าแต่เขาปฏิเสธ”

อวี๋จื่อเจี้ยนกุมหัวของนางและมองกลับไปที่โรงเตี้ยมด้วยความกังวล “เขาจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

ภายใต้สายฝนและความมืดในยามค่ำคืน ยายประจิมจอดรถม้าของนางไว้ในตรอกที่มืดมิดและเฝ้ามองหลี่ฉิงซานที่อยู่ในโรงเตี้ยม นางไม่อยากเชื่อว่าองค์หญิงตัวน้อยของตระกูลฮัวจะใช้เวลาอยู่กับเด็กหนุ่มผู้นี้จริงๆ อย่างไรก็ตามนางยังรอคอยโอกาสอันน้อยนิด หากโอกาสมาถึง นางจะโจมตีทันทีและนำเทพธิดาน้อยกลับนิกาย

นางเฝ้ามองผู้คนแยกย้ายกันไปแต่ทันใดนั้นกลิ่นอายของหลีฉิงซานกลับหายไปอย่างกะทันหัน นางไม่สามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของเขา มันเหมือนกับเขาหายตัวไปในอากาศ นางรีบลงมาจากรถม้าและทะยานร่างข้ามผ่านม่านฝนไปราวกับภูตผี นางเดินวนไปมาอยู่รอบๆโรงเตี้ยมหลายรอบแต่นางยังไม่พบหลี่ฉิงซาน

นางร่อนลงบนหลังคาโรงเตี้ยมและกรีดร้อง “เป็นไปไม่ได้!” จอมยุทธ์ขั้นสองจะสามารถซ่อนกลิ่นอายของเขาและหลบหนีจากการตรวจสอบของนางได้อย่างไร “หลี่ฉิงซาน ออกมา!”

เสียงของนางดังไปทั่วเมือง ผู้คนต่างตื่นตระหนก แต่เห็นได้ชัดว่าหลี่ฉิงซานจะไม่ตอบนาง

ฮัวเฉิงลู่เผยรอยยิ้มกว้างและตะโกนขึ้นไปบนหลังคา “เป็นอะไร ยายแก่ หาเขาไม่เจองั้นหรือ?”

อวี๋จื่อเจี้ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะกล่าวกับฮัวเฉิงลู่ “เหตุใดจึงตีข้า?”

ยายประจิมมองฮัวเฉิงลู่ด้วยสายตาชั่วร้ายก่อนจะบินจากไป นางขยายขอบเขตการค้นหาแต่ท่ามกลางถนนที่ซับซ้อนเหมือนเขาวงกต หลี่ฉิงซานเหมือนปลาที่ถูกปล่อยลงไปในน้ำ เขาว่ายน้ำและหายตัวไปอย่างสมบูรณ์

ฮัวเฉิงลู่กรอกตาใส่อวี๋จื่อเจี้ยนก่อนจะนำรถม้าขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าร้อยสมบัติและโยนมันลงบนพื้น เช่นเดียวกับเรือรบคลื่นทำลายล้าง รถม้าขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วแต่มันถูกลากโดยม้าไม้สองตัว

ล้อหมุนและนำรถม้าเคลื่อนออกไปในคืนฝนพรำ

บนรถม้า อวี๋จื่อเจี้ยนเอนกายนอนบนหมอนสีทองและผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนล้า

ฮัวเฉิงลู่พึงขอบหน้าต่างและนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ตั้งแต่การระเบิดเกาะบุปผาไปถึงงานเลี้ยงฉลอง ‘ไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าข้าไร้ประโยชน์! ข้าได้ทำสิ่งสำคัญสองสิ่ง!’ หลังจากนั้นนางก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจ ตอนนี้นางดูเหมือนเด็กน้อยมาก

จากนั้นนางก็นึกถึงสิ่งที่หลี่ฉิงซานกล่าวกับนางในโรงเตี้ยมก่อนหน้านี้

“เจ้าขายหุ่นมนุษย์ให้ข้าสักตัวได้หรือไม่?”

“ข้ามีหลายสิ่งที่สามารถนำเสนอ ข้ามีหินวิญญาณหลายก้อนและมียันต์หลายสิบใบ พวกมันเพียงพอหรือไม่?”

เมื่อเด็กหนุ่มที่ไม่เกรงกลัวแม้แต่จอมยุทธ์ขั้นเก้ากล่าวถ้อยคำที่เหมือนกับการอ้อนวอนเช่นนี้ออกมา มันจึงดูน่าค่อนข้างน่าสนใจ

เขาทำให้นางนึกถึงบางคน เขาเป็นคนที่ยอมลดทิฐิลงเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งและสามารถทำทุกอย่างเพื่อให้นางมีความสุข นั่นทำให้นางเลิกแสดงตัวเป็นผู้ใหญ่ชั่วคราวและถอนหายใจพึมพำ “พี่ใหญ่เฉิงซาน”

นอกหน้าต่าง หลี่ฉิงซานยืนอยู่ในตรอกมืดภายใต้เสื้อคลุมกันฝนโดยมีเสี่ยวอันยืนอยู่ข้างๆ นางสวมชุดคลุมกันฝนขนาดเล็กเช่นกัน เขาจับมือนางไว้ขณะเผยรอยยิ้มให้ฮัวเฉิงลู่

ดวงตาของฮัวเฉิงลู่ส่องประกายขึ้น  นางยืดตัวและพยักหน้าตอบรับคำทักทายของเขา รถม้าเคลื่อนที่ผ่านเขาไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ตรงหน้านางคือกำแพงที่เปียกโชกไปด้วยน้ำฝน อย่างไรก็ตามภาพที่นางเห็นยังติดอยู่ในความคิดของนาง

ชายหนุ่มยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนในความมืดแต่เขากลับส่องประกายเจิดจ้าและปลดปล่อยพลังงานด้านบวกออกมา เขาเหมือนหินก้อนใหญ่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากพายุฝน แม้เขาจะยังอ่อนแอมากแต่เขาทำให้นางรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าพี่ใหญ่ของนางหรืออาจกระทั่งเหนือกว่าในบางแง่มุม

นางตัดสินใจในวินาทีนี้ ‘ข้าจะช่วยท่าน พี่ใหญ่’

หลี่ฉิงซานลดหมวกไม้ไผ่ลงขณะจับมือเสี่ยวอัน “ไปกันเถอะ เจ้าต้องการให้ข้าแบกเจ้าไว้บนหลังหรือไม่?”

เสี่ยวอันส่ายศีรษะ

ทั้งสองจูงมือกันหายไปในม่านฝนสีดำ

…..

ห้ากิโลเมตรจากเมืองริมทะเลสาบ เสื้อคลุมกันฝนสองผืน หนึ่งใหญ่และหนึ่งเล็กแขวนอยู่หน้าวัดร้าง

ไฟลุกโชนขึ้นในวัด มันขับไล่ความชื้นและความมืดออกไป เงาสองเงา หนึ่งใหญ่และหนึ่งเล็กฉายลงบนกำแพงดิน

หลี่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้มลึกลับ “หลับตา”

เสี่ยวอันปิดเปลือกตาลงอย่างเชื่อฟัง

“เปิดได้ ทาดา! นี่คือสิ่งใด?”

เสี่ยวอันเห็นหลี่ฉิงซานอุ้มตุ๊กตามนุษย์ตัวเล็กที่ทำจากไม้ไว้ในอุ้มมือ มันคือหุ่นมนุษย์ตัวเดียวกับที่นางเห็นบนเรือ นั่นทำให้ดวงตาของนางส่องประกายขึ้นด้วยความประหลาดใจและความสุข

หลี่ฉิงซานวางหุ่นไม้ลงบนพื้น มันขยายใหญ่ขึ้นทันที ภายใต้คำสั่งของเขา มันส่งเสียงดังและเดินไปรอบๆ

“นี่คือของขวัญวันเกิดสำหรับเจ้า! ถูกต้อง วันนี้เป็นวันที่เจ้าเกิดใหม่ วันที่แปดเดือนแปด นั่นเป็นตัวเลขที่ดี ข้าได้สิ่งนี้มาจากคุณหนูฮัว แม้นางจะดูค่อนข้างเด็ก แต่นางก็ไม่ใช่คนเลว ข้าจะตอบแทนบุญคุณของนางในอนาคตอย่างแน่นอน เจ้าคิดอย่างไรกับมัน?”

เสี่ยวอันกระพริบตาขณะที่แพขนตายาวของนางขยับอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางกลายเป็นเปียกชื้น นางอ้าปากและพยายามกล่าวบางคำแต่นางก็ชะงักและไม่สามารถพูดสิ่งใดออกมา

“ยังพูดไม่ได้งั้นหรือ?” หลี่ฉิงซานรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ตอนนี้เขายิ่งเกลียดหมอผีเฒ่ามากขึ้นไปอีก

เสี่ยวอันส่ายศีรษะอย่างเศร้าสร้อย

หลี่ฉิงซานลูบหัวของนางและให้กำลังใจด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองมากเกินไป เจ้าสามารถเรียนรู้ไปอย่างช้าๆ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการกล่าวสิ่งใดแม้เจ้าจะไม่พูดมันออกมาก็ตาม”

เสี่ยวอันยืนขึ้นและเริ่มเล่นกับหุ่นไม้ นางควบคุมหุ่นไม้และทำให้มันเคลื่อนที่ไปรอบๆอย่างมีความสุขและลืมความกังวลทั้งหมดไปอย่างสิ้นเชิง