ตอนที่แล้วตอนที่ 677 ราชสีห์เลโอน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 679 เนี่ยชิวจงหลีไป๋และหน่วยสุญญตา

ตอนที่ 678 สัตว์ประหลาดอัปลักษณ์!


โคลินมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าตนเองมีพรสวรรค์น้อย

พิสูจน์ได้จากการฝึกฝน  ผลการฝึกของเขามักจะคาบเส้น  ถ้าไม่ใช่เพราะความอดทนของตวนมู่แล้วเขาคงโดนไล่ออกไปนานแล้ว

โคลินรู้ตัวเองดี นั่นเป็นเหตุผลให้เขาฝึกฝนอย่างหนักหวังจะใช้การฝึกฝนอย่างหนักของตนชดเชยพรสวรรค์ที่ขาดหาย  เขาเป็นนักเรียนที่ฝึกฝนหนักที่สุดในค่ายฝึกฝนซึ่งเป็นเหตุผลให้อาจารย์อย่างตวนมู่ไม่เคยทอดทิ้งเขา  แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย  ไม่ว่าเขาจะฝึกหนักเพียงไหน  ผลสอบของเขามักจะวนเวียนคาบเส้นอยู่เสมอ

‘นักเรียนที่มีคุณสมบัติหรือ?’

โคลินมักจะหัวเราะเยาะอย่างขมขื่นกับผลการฝึกของตนเอง การฝึกฝนในค่ายฝึกมีความรุนแรงมากกว่าที่คนภายนอกจะคิดได้ หลายปีของการตกต่ำซึ่งนักสู้สายจักรกลต้องอดทน  ความปรารถนาของพวกเขากลายเป็นเหมือนภูเขาไฟที่พ่นพลังออกมาอย่ารุนแรง  นักสู้สายจักรกลทุกคนจากกลุ่มดาวต่างๆในสวรรค์วิถี ตราบเท่าที่พวกเขามีความทะเยอทะยานเพียงเล็กน้อย พวกเขาจะเดินทางกว้างไกลผ่านความยากลำบากเพื่อมาให้ถึงเมืองสามวิญญาณ ด้วยหวังจะบรรลุผลสำเร็จของความฝันในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

ค่ายฝึกฝนหมายเลขหนึ่งสำหรับนักสู้สายจักรกล!

ไม่มีแห่งที่สอง

ไม่มีแม้แต่การพูดถึงว่าจะมีที่เสมอเหมือน ไม่มีสถานที่ฝึกฝนอื่นที่มีความสามารถใกล้เคียงกับเมืองสามวิญญาณ  เมื่อกลุ่มดาวอื่นๆ ทั้งหมดยังคงคิดว่าไม่ว่าจะเป็นเวลาที่วิชาจักรกลตกต่ำหรือไม่ก็ตามแต่กองทัพจักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ เข่นฆ่าไปได้ทุกคนจนถึงจุดที่พวกเขาสามารถนับได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกริเริ่มวิชาจักรกล

ด้วยอาจารย์ที่ดีที่สุดและกลยุทธที่ทันสมัยที่สุดสำหรับอาวุธจักรกลวิญญาณ นักสู้จักรกลทุกคนต่างเชื่ออย่างหนักแน่นว่านักสู้สายจักรกลที่เดินออกมาจากค่ายฝึกเมืองสามวิญญาณจะเป็นนักสู้สายจักรกลที่โดดเด่นที่สุด!

ความจริงโคลินไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางไป เขาสามารถจบการศึกษาจากการฝึกฝนในค่ายฝึกได้อย่างสบาย เมื่อเขาเดินออกมาจากประตูบรอนซ์อย่างสง่างาม  พวกเขาก็กลายเป็นนักสู้สายจักรกลที่ร้อนแรงที่สุดในตลาด  มีคนนับไม่ถ้วนต้องการใช้เงินจำนวนมากมายเพื่อจ้างพวกเขา และเงินเดือนพวกเขาก็แทบจะเทียบเท่ากับนักสู้ระดับทอง มีบางกลุ่มดาวยินดีจะหยิบยื่นตำแหน่งแม่ทัพเพื่อดึงดูดพวกเขาด้วยซ้ำ

ลาภ ยศ สรรเสริญ พวกเขาไม่ขาดแคลนสิ่งเหล่านี้เลย

แต่สมาชิกทุกคนในค่ายฝึกมีเพียงเป้าหมายเดียวคือเข้าร่วมกองทัพจักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่!

กองทัพจักรกลที่มีชื่อเสียงและแข็งแกร่งที่สุด

มีแต่เข้าร่วมเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกองทัพจักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่พวกเขาจึงจะได้ควบคุมอาวุธจักรกลวิญญาณที่ก้าวหน้าที่สุด  อาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์เซรีน! อาวุธยุทโธปกรณ์ที่เยือกเย็นและอำมหิต มีระดับที่แตกต่างจากที่มีการซื้อขายกันในตลาด

ขอเพียงแต่ควบคุมอาวุธจักรกลวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดจึงจะคุ้มค่ากับการประสบผลสำเร็จทางทหารมากที่สุด!

ไม่รู้ว่าใครพูดวางยาไว้แบบนั้นจึงทำให้ความกระตือรือร้นกระจายไปทั่วค่ายฝึกฝน

โคลินก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากคำพูดเช่นนั้น

แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาหดหู่ใจอย่างแท้จริง  ทุกครั้งที่เขาฝึกเขาจะรู้สึกเหนื่อยล้า และรู้สึกหดหู่มากยิ่งขึ้น ปัญหาใหญ่ที่สุดของเขาก็คือเขาไม่สามารถประสานกับจิตวิญญาณยุทธในอาวุธจักรกลได้ดี อาวุธจักรกลวิญญาณทั้งหมดจะมีจิตวิญญาณยุทธอยู่หนึ่ง  และอาวุธจักรกลวิญญาณยิ่งแข็งแกร่ง  จิตวิญญาณยุทธย่อมมีระดับสูง  จุดแข็งของอาวุธจักรกลวิญญาณก็คือไม่จำเป็นต้องให้นักสู้ควบคุมอาวุธจักรกลวิญญาณโดยตรง

จิตวิญญาณยุทธมีสติปัญญาเป็นของตนเอง  และจำเป็นที่นักสู้ต้องใช้ความพยายามมากมายเพื่อฝึกมันให้เชื่องและให้มันเชื่อฟังเขา  ในสนามรบ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้และนักสู้จำเป็นต้องมีปฏิกิริยาในระยะสั้นที่สุดและนี่ยังจำเป็นต้องมีความเข้าใจโดยปริยายระหว่างนักสู้และจิตวิญญาณยุทธ

การประสานงานนี้เป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดสำหรับนักสู้สายจักรกล

แต่โคลินมีปัญหาในเรื่องนี้ เขาไม่สามารถควบคุมจิตวิญญาณยุทธภายในอาวุธจักรกลวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นในการต่อสู้เขามักจะช้ากว่าเพื่อนหนึ่งจังหวะ  แม้ว่าเขาจะตัดสินใจได้ถูกและการโต้ตอบของเขาจะง่ายและตรงไปตรงมา แต่แค่เพียงเล็กน้อยนี้ทำให้จังหวะผิดพลาดทุกอย่าง  เขารู้สึกว่าในสนามรบเขาเป็นเหมือนเต่างุ่มง่าม

แต่.. เขากับถูกลั่วซือเลือก

ลั่วซือ ใช่แล้ว เป็นชื่อที่แปลกมาก  โคลินได้ยินมาจากคนอื่น กล่าวกันว่าลั่วซือเป็นนายทหารซ่อมบำรุงของกองทัพดาวกางเขนใต้  โคลินสืบดูมากยิ่งขึ้น  และกล่าวได้ว่าในยุคกองทัพดาวกางเขนใต้ ต้องเป็นวิศวกรจักรกลจึงจะเป็นนายทหารที่รับผิดชอบงานซ่อมบำรุง

นี่ทำให้โคลินตื่นเต้นมาก

อาวุธจักรกลวิญญาณที่เซรีนสร้างขึ้นมีความคล้ายคลึงกับอาวุธจักรกลของกองทัพดาวกางเขนใต้ และทุกคนคาดเดาว่าปรมาจารย์เซรีนสามารถสร้างอาวุธจักรกลวิญญาณสายเลือดใหม่ได้เป็นเพราะได้รับมรดกของกองทัพกางเขนใต้

ยุคของสามกองทัพใหญ่เป็นยุคที่วิชาจักรกลรุ่งเรืองที่สุด

‘ลั่วซือต้องทรงพลังอำนาจในยุคนั้น’  เมื่อคิดเรื่องนั้นแล้ว  โคลินยิ่งตื่นเต้นมาก  ‘บางทีลั่วซืออาจแก้ปัญหาที่ข้ามีอยู่ได้’  แต่หลังจากนั้นเมื่อได้ยินว่าลั่วซือสูญเสียความทรงจำ ทำให้ความคาดหวังระดับสูงของเขาสูญสลายไป

‘ขุนพลวิญญาณที่สูญเสียความทรงจำจะใช้ประโยชน์อะไรได้?’

การกระทำของลั่วซือหลังจากนั้นทำให้เขารู้สึกย่ำแย่ ลั่วซือเอาชิ้นส่วนจากกองขยะและเริ่มเปลี่ยนอาวุธจักรกลวิญญาณของเขา

ไม่ใช่ของที่อยู่ในห้องวิจัยค้นคว้า  แต่กองเศษวัสดุ

ไม่ใช่ปรมาจารย์ในตำนาน  แต่เป็นขุนพลวิญญาณผู้สูญเสียความทรงจำ

ไม่ว่ามองยังไงก็ไร้สาระชัดๆ

โคลินพยายามถามลั่วซือ  แต่ลั่วซือไม่ยอมพูดอะไรสักคำ  และไม่สนใจเขาโดยสิ้นเชิง  แต่โคลินไม่กล้าเดินออกมา  เพราะลั่วซือไม่ได้สั่งให้เขาออกมา  ตำแหน่งของลั่วซือยังสูงกว่าอาจารย์ตวนมู่  ดังนั้นโคลินไม่กล้าฝ่าฝืนแค่เพียงเพราะลั่วซือเป็นขุนพลวิญญาณ

กลุ่มดาวหมีใหญ่จะแตกต่างจากที่อื่น  ในบุคคลวงในของกลุ่มดาวหมีใหญ่ขุนพลวิญญาณจะเป็นคนสำคัญ  และทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องการทหารจะดำเนินการสั่งการโดยขุนพลวิญญาณ  และพวกเขาก็ทำเช่นนั้นมานานแล้ว

เมื่อโคลินคิดว่าลั่วซือคงลืมเรื่องเขาไปนานแล้ว  ลั่วซือจัดการออกอาวุธจักรกลวิญญาณใหม่ได้สำเร็จอีกครั้ง

โคลินมองดูอาวุธจักรกลวิญญาณที่แสนสุดจะน่าเกลียดอย่างตะลึง  หัวใจของเขาเจ็บปวดราวกับมีเลือดหยาดหยด

‘น่าเกลียดโคตร!”

หลายจุดใหญ่ทำจนดูเหมือนอาวุธจักรกลวิญญาณของพวกยาจก  ความเพรียวบางที่งดงามถูกแทนที่ด้วยรอยโป่งพองหนา  ข้อต่อที่งดงามทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยข้อต่อที่บวมปูดราวกับลูกซาลาเปา

เมื่ออาวุธจักรวิญญาณของเขาปรากฏอยู่ในสนามฝึก สายตาของทุกคนที่มองมาที่โคลินปรากฏแววสงสารและเห็นอกเห็นใจ  แม้แต่ตวนมู่ที่เมตตาต่อเขาก็ยังเอามือปิดตา  เขาไม่อาจทนดูได้ เขารู้สึกว่าความอิจฉาที่มีต่อโคลินก่อนหน้านั้น ‘เฮ้อ.. ข้าอุตส่าห์นักว่าเป็นพรฟ้าประทาน... เด็กที่น่าสงสาร!’

ภายในอาวุธจักรกลวิญญาณ  โคลินต้องการแทรกแผ่นดินหนีไปซ่อนตัวจริงๆ!

แต่ลั่วซือยังคงปราศจากอารมณ์รอให้เขาทดสอบอาวุธจักรกลวิญญาณ

ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยโคลิน

โคลินทำได้แต่ทำมึนขณะควบคุมเจ้าอาวุธจักรกลวิญญาณสัตว์ประหลาดและเคลื่อนที่ไปยังสนามฝึกฝน หลังจากเดินไปได้หกเจ็ดก้าว ความสนใจของเขาก็อยู่ที่อาวุธจักรกลวิญญาณใหม่เต็มที่

เพราะเขาตระหนักว่าอาวุธจักรกลวิญญาณดูเหมือนจะไม่ยุ่งยากเท่าที่เขาคิดไว้แม้ว่ามันจะไม่งามสง่า  แต่ว่ามันไม่ยุ่งยากเลยแม้แต่น้อย

จากนั้นโคลินดูเหมือนจะเข้าใจเหตุผล  เพราะจิตวิญญาณยุทธอ่อนแอลง  เดิมทีมีจิตวิญญาณยุทธระดับงิน  กลายเป็นจิตวิญญาณยุทธระดับบรอนซ์  จิตวิญญาณยุทธที่อ่อนแม้ว่าจะไม่มีความฉลาดเท่าที่ควร แต่ในขณะเดียวกันความต้องการที่มันจำเป็นต้องได้จากนักสู้ ก็อ่อนลงไปด้วย

‘เพียงแค่นั้น...’

‘ถ้าจิตวิญญาณยุทธอ่อนแอลง ไม่ได้หมายความว่าอาวุธจักรกลวิญญาณอ่อนแอด้วยหรือ?’

‘อย่างนั้นข้าก็แค่เหมาะกับจิตวิญญาณยุทธที่อ่อน...’

เขาหยุดที่เส้นขาวข้างสนามฝึกซ้อมและเขายังคงอยู่ในความมึนงงชั่วขณะ

สนามฝึกที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นที่คุ้นเคยที่สุดสำหรับเขา  มันคือสถานที่ให้เขาได้อาบเหงื่อภายใต้แสงอาทิตย์ล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้ง ล้มเหลวก็หลายครั้ง และยังเป็นที่ซึ่งเขาใช้ฝึกฝนตอนกลางคืนอีกด้วย

บุรุษคนหนึ่งไม่มีปีก  แต่โหยหาต้องการบินขึ้นไปในท้องฟ้า  ตั้งใจก้มหน้าขนานกับพื้น

แม้ว่าเขาจะต้องดิ้นรนต่อสู้ให้เป็นอิสระจากแรงโน้มถ่วง  แต่จะเป็นเพียงไม่กี่วินาที

โคลินสงบใจและสูดหายใจลึก เขาคุ้นเคยกับจิตวิญญาณยุทธระดับบรอนซ์ในอาวุธจักรกลวิญญาณ  มันคืออาวุธจักรกลวิญญาณระดับบรอนซ์ที่ใช้ในการฝึกฝน

แก็ก แก็ก แก็ก!

สัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดและบวมครึ่งตัวส่งเสียงตอนเดิน

เรื่องนี้จะต้องสิ้นสุด

วลีนี้ผ่านเข้ามาในใจของโคลินรอยยิ้มเยาะเย้ยตัวเองปรากฏที่ริมฝีปากเขาซึ่งหายไปในเวลาไม่นาน  อย่างน้อยเขาก็ไม่เสียใจแม้แต่น้อย เขาเก็บงำความฝันและเข้าดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์  และด้วยพลังทั้งหมดของเขา  เขายังคงฝึกทุกวันไม่มีย่อหย่อน ไม่เคยยอมแพ้นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่เสียใจเลย

‘มาเถอะ  เจ้าตัวประหลาดอัปลักษณ์!’

โคลินคำราม ทันในนั้นเขาใช้แรง และวิ่งเข้าไปในสนามฝึกทันที

บึ้ม!

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้นด้านหลังของเขา  แต่โคลินไม่ทันรู้สึก  สีหน้าเขาชะงักค้างไปชั่วขณะ  ตาของเขาเบิกโพลง  ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น

กระบังกันลมของหมวกหน้ากลายเป็นสีแดงโดยไม่รู้ตัวประกายไฟฟ้าพุ่งใส่กระบังหมวกเหมือนเหล็กหลอมละลายที่พุ่งออกจากเตาหลอม กระเซ็นไปทุกที่

‘ประกาย..  ประกาย..เหล่านี้เกิดจากแรงเสียดทานในอากาศ...’

อาวุธจักรกลวิญญาณความเร็วสูงมากร่วงลงมาจากฟ้าเหมือนกับก้อนหินพร้อมกับเกิดเปลวไฟรอบๆ

พลังงานที่หนาแน่นทำให้เขาสูญเสียการควบคุมอาวุธจักรกลวิญญาณ

ทันในนั้นเขาสังเกตเห็นบางอย่างที่เป็นบรอนซ์กำลังเข้ามาใกล้  เขาสั่นสะท้าน ‘นั่นคือกำแพงบรอนซ์... เป็นไปได้ยังไง... ความกว้างของสนามฝึก...’

‘เดี๋ยวก่อน  กำแพงบรอนซ์

‘ซวยแล้ว!’

หน้าของโคลินซีดขาว  ถ้าเขาปะทะเข้ากับกำแพงบรอนซ์  เขาคงกลายเป็นกองเนื้อเหลวกองหนึ่งแน่

เขาบังคับตนเองให้เลี้ยว  การถ่ายพลังของเขาเข้าไปในอาวุธจักรกลวิญญาณพลังหลายเท่าทะลักออกมาเหมือนคลื่น ในทันใดนั้นก็กลืนเขาไปทั้งตัว

เขาสูญเสียการควบคุมตัวอีกครั้ง!”

เจ้าร่างที่น่าเกลียดและใหญ่นี้พุ่งไปรอบๆพลางส่งเสียงแสบแก้วหู  ขณะที่วิ่งไปเกิดประกายแสงรูปโค้งและกระแทกกับพื้นสนามฝึกอย่างรวดเร็ว

บึ้ม!

ระลอกสายหนึ่งเกิดจากแรงปะทะ ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทุกแห่งและมีประกายแสงวูบวาบอยู่ในกลางอากาศ

นักเรียนทุกคนในสนามฝึกพากันตกตะลึง  พวกเขาถูกความตกใจครอบงำ  สีหน้าของตวนมู่กลายเป็นเซื่องซึม  ดวงตาของเขาแสดงอาการตกใจ

สีหน้าเฉยเมยของราชสีห์เลโอนเต็มไปด้วยความตกใจเหลือเชื่อ เขาเหมือนกับเป็นรูปปั้นยืนอยู่กับที่

ระลอกพลังกวาดไปทั่วสนามฝึก  และเม็ดกรวดร่วงกราวตกใส่ร่างทุกคนราวกับสายฝนเปลวเพลิงในอากาศไม่ทันจางหายไป

ในสนามฝึกอาวุธจักรกลวิญญาณที่คล้ายกับสัตว์ประหลาดที่ร้ายกาจยืนอยู่กับที่อย่างไม่สนใจอะไร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด