ตอนที่แล้วตอนที่ 662 วายุ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 664 แผนการของถังเทียน

ตอนที่ 663 กลุ่มวังวนพลังงานซ่อนเร้น


ถังเทียนไม่มีไพ่เหลือจะเล่น

ปิงเอากองทัพฝีมือดีไปทั้งหมด  และที่เหลือไว้ก็คือศิษย์ของสามตระกูล คือกลุ่มดาวคันชั่ง,กลุ่มดาวกรกฎและกลุ่มดาวกุมภ์ กับทหารรักษาการณ์หมู่บ้านเป่ากวง ทหารรักษาการณ์หมู่บ้านเป่ากวงได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็วมาก  และการต่อสู้ที่มีความรุนแรงสูงอย่างต่อเนื่องทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับเป็นทหารฝีมือดีอยู่บ้าง  แต่เนื่องจากจุดเริ่มต้นของพวกเขาต่ำมาก พวกเขายังต้องไปอีกไกลกว่าจะได้เป็นทหารฝีมือดีจริงๆ  ดังนั้นปัจจุบันนี้พวกเขาจึงถูกใช้อย่างเดียวคือเพื่อป้องกัน

ข่าวดีที่ส่งเข้ามาก็คือป้อมปราการที่ปากอ่าวพลังงานสร้างเสร็จในระดับแรกแล้ว และสามารถใช้งานได้

ปู้จื้อเฟยมองดูถังเทียน  เขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเจ้านายใหญ่ผู้นี้และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาคุยกัน การสนทนาจะจบลงภายในไม่เกินสิบประโยค เจ้านายใหญ่ไม่ได้สอบสวนเรื่องราวของทวีป และจะฝึกฝนทุกๆ วันอย่างคลั่งไคล้ ดูเหมือนกับว่าทุกอย่างจะปล่อยเอาไว้ให้เป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการของเขาโดยตรงนั่นคือปิง

เทียบกับท่านปิงที่สามารถทำได้ทุกอย่างแล้ว  สำหรับปู้จื้อเฟย เจ้านายใหญ่เป็นภาพเลือนราง

สำหรับปู้จื้อเฟย  เขาคิดว่าท่านปิงหวังว่าเขาจะสามารถช่วยเจ้านายใหญ่ปกป้องทวีปซางโจว ดูเหมือนว่าเจ้านายใหญ่ไม่มีความสามารถในการนำทหาร

ปู้จื้อเฟยต้องการคุย  แต่เขาถูกเสียงหนึ่งดังขัดจังหวะเสียก่อน

“เจ้า, เจ้าและเจ้า พาทุกคนไป เตรียมตัวโจมตี”

ถังเทียนชี้ไปที่พวกศิษย์ประจำตระกูลและออกคำสั่ง  ลูกวัวเกิดใหม่ไม่กลัวพยัคฆ์ ไม่เพียงแต่เหล่าศิษย์ประจำตระกูลไม่แสดงความกลัวเท่านั้น พวกเขายังคงกระตือรือร้นดัดข้อนิ้วเสียงดังคร็อกแคร็ก

ปู้จื้อเฟยสะดุ้งเฮือก  มันจะยุ่งกันใหญ่  เขาแตกตื่นและห้ามพวกเขาทันที  “นายท่าน, กำลังของเรายังเสียเปรียบอยู่เราควรจะใช้ความสามารถในการป้องกันของป้อมปราการดีกว่า...”

“ก็แค่โจรสลัดกลุ่มเดียว!” ถังเทียนเหยียดมือและห้ามปู้จื้อเฟย หน้าของเขาแสดงอาการคัดค้าน

เขาไม่ให้โอกาสปู้จื้อเฟยได้พูด  เขานำศิษย์ประจำตระกูลและบินออกไป  ปู้จื้อเฟยหน้าซีด  เขาคิดว่านายใหญ่อาจจะไม่เชื่อถืออยู่บ้าง แต่เขาไม่เคยคิดว่านายใหญ่จะไม่เชื่อถืออย่างสิ้นเชิง!  ทวีปซางโจวปะทะตัวต่อตัวและชนะดังนั้นโจรสลัดธรรมดาจะกล้าหาเรื่องถึงหน้าประตูพวกเขาหรือ? ปู้จื้อเฟยรู้ว่าโจรสลัดที่กำลังมามีแนวโน้มว่าจะเป็นพวกมหาอำนาจ

ต่อให้พวกเขาอยู่ในฐานสำหรับป้องกัน  ปู้จื้อเฟยก็ไม่มีความมั่นใจมากเช่นกัน  ฝ่ายตรงข้ามเลือกเวลาดังกล่าวเพื่อโจมตี  ซึ่งก็หมายความว่าพวกเขาได้รับข่าวและไม่ประมาทพวกเขา  แต่ศิษย์ประจำตระกูลอ่อนแอ  แล้วยังจะออกไปสู้  นั่นเท่ากับฆ่าตัวตายไม่ใช่หรือ?

เขาทำได้แต่มองขณะที่ถังเทียนนำกลุ่มคนวิ่งออกไปจากฐาน

ปู้จื้อเฟยกัดฟันและตามไปด้วย  ยังไม่พอจะป้องกันฐานด้วยกองกำลังรักษาการหมู่บ้านเป่ากวง เขาไม่ใช่ผู้นำของกองกำลังรักษาการณ์หมู่บ้านเป่ากวง  ดังนั้นความสามารถในการต่อสู้ของเขาไม่สามารถแสดงออกมาได้ ความสัมพันธ์และการสื่อสารระหว่างผู้บัญชาการทหารไม่อาจละเลยได้ไม่มีผู้บัญชาการทหารที่โดดเด่น ทหารก็เป็นแค่กลุ่มคนธรรมดาเท่านั้น และถ้าพวกเขาไม่คุ้นเคยกันและกัน ทหารอาจจะทรงพลัง แต่ถ้าผู้บัญชาการไม่สามารถทำอะไรได้มาก พวกเขาก็ไร้ประโยชน์

เทียบกันเช่นนั้น  แม้ว่าการสู้รบของเซียนในแต่ละครั้งก็ยังยากที่จะสู้กับกองทัพได้  แต่ข้อจำกัดที่ต้องเผชิญนั้นน้อยลง

หลังจากที่พวกเขาวิ่งออกไปจากป้อมและเข้าไปในทะเลพลังงาน ปู้จื้อเฟยจึงค่อยรู้สึกตัว

เขาไม่มีความตั้งใจจะวิ่งออกไป  พลังส่วนตัวของเขาธรรมดา และคับขันขึ้นมาเขาไม่สามารถช่วยนายใหญ่ได้ แต่เมื่อคิดดูแล้ว การป้องกันภายในฐาน ก็เป็นแค่นั่งเฉยๆ รอความตายเท่านั้น

‘ก็ได้บางทีถ้าหลายเป็นไปทางใต้ ข้าก็คงสามารถหันกลับและหนีไปได้’

เขารู้สึกโกรธ  ความจริงเขาเชื่อมันท่านปิง ท่านปิงผู้ลึกซึ้งและลึกลับเป็นเหมือนเทพสงครามในสายตาของเขาสามารถเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่โดดเด่นอย่างนั้น รอคำสั่งเขานับเป็นวาสนาของผู้บัญชาการระดับล่างๆปู้จื้อเฟยใช้เวลาอย่างระมัดระวังและซื่อตรง และรู้สึกว่าทวีปซางโจวมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่ และเขาจะไม่ยอมให้ตัวเองพลาด

แต่เขาไม่อยากเป็นเชลยอีก

เมื่อเขาคิดถึงความไม่แน่นอนของการหลบหนีเพื่อเอาตัวรอด  ความขมขื่นทำให้เขารู้สึกผิดหวัง

ปู้จื้อเฟยรู้สึกเศร้าใจ  ‘ผู้บัญชาการของเทพสงครามห้าวหาญแต่ไม่ใช่ผู้ปกครองสูงสุด ท่านปิงโชคไม่ดีจริงๆ’  บางทีอาจเป็นเรื่องการถือทิฐิ แต่อารมณ์ของปู้จื้อเฟยค่อยดีขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น

เขาติดตามด้านหลังถังเทียนไปเหมือนคนตาบอดมองดูอยู่เงียบๆ

ถังเทียนไม่สนใจเรื่องของปู้จื้อเฟย  เขามีความคิดเป็นของตนเอง  เห็นได้ชัดว่าอะไรที่เขาทำได้อะไรทำไม่ได้ ปิงสามารถนำกำลังปกป้องป้อมปราการได้ แต่ในสถานการณ์เดียวกันเขาคงจะนำไปสู่ความล้มเหลว

เพราะเขาไม่รู้วิธี ป้องกันตั้งรับไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของเขามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

หลังจากต่อสู้มามากมายหลายศึก  ถังเทียนค่อยๆเข้าใจตรรกะผิวเผินขึ้นมาบ้าง การต่อสู้ในสงครามและการทะเลาะวิวาทก็เหมือนกัน  นักสู้ก็ต้องใช้ความได้เปรียบของเขาทั้งหมดและหลีกเลี่ยงการใช้จุดอ่อนของเขา  ‘ใช้ความได้เปรียบของข้า?  โจมตีไงเล่า!  แม้ว่าจะมีกองเรือตรงเข้ามา  และพลังโจมตีของข้าไม่ทรงพลัง แต่เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าพลังตั้งรับของข้า!’

ดังนั้นถังเทียนไม่เคยคิดเรื่องรั้งอยู่เพื่อตั้งรับ

เขาแตกต่างจากปู้จื้อเฟยแม่ทัพผู้ใหญ่และเด็ดขาด สามารถสั่งการและวิเคราะห์ได้แตกต่างหลายอย่าง ถังเทียนอาศัยสัญชาตญาณที่น่าทึ่งของเขาในการสู้รบ  การวิเคราะห์ว่าดำหรือขาวไม่มีความหมายอะไรต่อถังเทียน  ไม่ใช่ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่มีประโยชน์  เพียงแต่เขาไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้

ก็เหมือนกับที่มั่นที่ปากอ่าวพลังงาน  นั่นคืออาวุธสำหรับป้องกัน  แต่ถังเทียนไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย จะใช้ยังไงส่วนไหน จะทำยังไงเพื่อให้ป้อมทำงานใช้งานต่อสู้ได้แข็งแกร่งที่สุด  ถังเทียนสับสนกับของเหล่านั้น

เทียบกับของสิ่งนั้นถังเทียนคุ้นเคยกับอันตรายภายในทะเลพลังงานมากกว่า  ต่อสู้ในที่ซึ่งคุ้นเคยไม่มีอะไรผิด

ไม่เพียงแต่ถังเทียนที่รู้สึกอย่างนั้น ศิษย์จากสามตระกูลใหญ่ผู้ผ่านการฝึกฝนระยะไกล  ยังคงฝึกฝนตนเองเพิ่มต่อไป  ก็รู้สึกคุ้นเคยกับทะเลพลังงานมาก

กระบี่ดื่มเลือดเซียนสั่นเล็กน้อยอยู่ในมือของจิ่งหาว  ตัวกระบี่สั่นถี่ดึงดูดพลังงานรอบๆ  พลังงานรอบๆกำลังถูกดูดทะลักเข้าหากระบี่ดื่มเลือดเซียนกลายเป็นรูปวงกลมอยู่ที่ปลายกระบี่ รังสีวงกลมกระพริบ จากนั้นจางลง แต่พลังดึงดูดของมันกลับรุนแรงกล้าแข็งทันที

คลื่นพลังงานเร็วขึ้นและเร็วขึ้นทุกทีและในที่สุดพลังงานวังวนก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน

กระแสวังวนที่ก่อตัวขึ้นใหม่สลัวและไร้แสงประกายเป็นการยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า  นี่ยังเป็นช่วงเริ่มต้นของวังวนพลังงานซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ก็จะค่อยๆกล้าแข็งขึ้นและสว่างขึ้น พลังดึงดูดที่กล้าแข็งจะเพิ่มเกิดรอยแสง และเหมือนวังวนพลังงานที่เห็นได้เป็นครั้งคราวและอาจกลายเป็นสิ่งที่มีพลังขยายไปได้ไกลเป็นพันลี้

แต่สำหรับจิ่งหาววังวนพลังงานแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ความพึงพอใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาเพียงแต่เขาขยับขา ร่างของเขากระพริบวูบ เขาปรากฏตัวตามตำแหน่งต่างๆ ตามรูปแบบที่กำหนด

เขาไม่สนใจกองเรือโจรสลัดที่เข้ามาใกล้  และยังคงสร้างวังวนออกมามากขึ้น

เขาเพียงแต่หยุดในสิบนาทีต่อมา  และเงยหน้ามองดูกองเรือของโจรสลัดที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ก่อตัวของวังวนพลังงานของเขา  ภายในพื้นที่กว้างขวางนี้  เขาสร้างวังวนพลังงานเกินกว่า 6000วงในอึดใจเดียว

******************************

ฝูตงคูระมัดระวังตัวมากคนเจ้าเล่ห์เป็นคนที่ระมัดระวังตัวเป็นที่สุด แม้ว่าเขาจะเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตกับการเสี่ยง  แต่ก็สามารถประสบกับความสำเร็จได้ทุกรอบ  ที่สำคัญคือต้องกล้าได้กล้าเสีย

“อีกไกลเท่าใดเราจึงจะไปถึงอ่าวพลังงาน?”

“อีกประมาณครึ่งชั่วโมง”

“เร่งให้ถึงในอีก 10 นาที”

“ขอรับ”

ทุกคนตึงเครียด เพิ่มความเร็วก็หมายความว่าพวกเขาจะเข้าใกล้การสู้รบเต็มที  พวกเขาทุกคนรู้ถึงชื่อเสียงของทวีปซางโจว  และฝูตงคูยังนำเรือโจมตีโอบล้อมตั้งใจจะรับมือกับป้อมปราการของทวีปซางโจว  เรือรบโอบล้อมจะมีผลต่อการรุกตีป้อม  แต่ใช้ได้เพียงวัตถุประสงค์เดียว  มีข้อบกพร่องอยู่มากมาย

ตัวอย่างเช่นมีความสามารถในการป้องกันที่แย่มาก  ต้องใช้เวลาเตรียมการใช้งาน

ทันใดนั้นตัวเรือสั่นสะท้านมันไม่ใช่ความเคลื่อนไหวที่ใหญ่อะไร แต่ฝูตงคูขมวดคิ้วทันที “เกิดอะไรขึ้น”

“อาจเป็นวังวนที่ซ่อนเร้น”  บริวารของเขาตอบทันที

ความเครียดในใจของฝูตงคูผ่อนคลายทันที  วังวนพลังงานเป็นเรื่องธรรมดา และวังวนพลังงานขนาดเล็กก็มีอยู่ทั่วไปนับไม่ถ้วน  สำหรับวังวนพลังงานที่จะคุกคามเรือได้ พวกเขาจำเป็นต้องอ้อมห่างออกไปเกินหกสิบเมตร  แต่ถ้าเป็นวังวนขนาดใหญ่และปล่อยแสงรัศมีออกมาก็จะสังเกตเห็นได้ง่าย วังวนพลังงานซ่อนเร้นเป็นวังวนพลังงานขนาดเล็กที่ไม่เปล่งรัศมี วังวนพลังงานแบบนั้นอ่อนและไม่สามารถทำอันตรายพลังป้องกันของเรือได้

ในทันใดนั้นเรือสั่นสะเทือนไม่หยุดหย่อนทันที

บึ้ม  บึ้ม บึ้ม!

แสงระเบิดสว่างวาบต่อเนื่อง  มีแสงกระพริบผ่านหน้าต่างของเรือรบเข้ามา

“เกิดอะไรขึ้น?”  ฝูตงคูลุกขึ้นยืนและตะโกน

‘วังวนพลังงานซ่อนเร้นไม่สามารถระเบิดได้  หรือว่าเราจะพบอะไรอย่างอื่น?’

ทหารที่ควบคุมการเดินเรือมีสีหน้าบิดเบี้ยวเหยเก  พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ฝูงตงคูสงสัย และเพียงเขามาปรากฏตัวที่หน้าต่างและมองเห็นทุกอย่างชัดเจน  เรือรบเคลื่อนไหวไวมากม่านพลังดูเหมือนจะสัมผัสบางอย่างทำให้มีเปลวเพลิงระเบิดอยู่รอบๆ  แรงระเบิดมีความหนาแน่นมาก  แต่โชคดีที่แรงระเบิดไม่รุนแรงพอแม้ว่าจะมีความเคลื่อนไหวที่ม่านพลังแสง แต่ไม่ส่งผลอะไรมาก

ทันใดนั้นฝูตงคูคิดถึงบางอย่างได้ สีหน้าซับซ้อนของเขาเปลี่ยนไปทันที  แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดออกมา

ปัง  ปัง ปัง!

พลังงานระเบิดดังมาจากด้านหลังพวกเขา  แสงสว่างจากเปลวไฟพุ่งขึ้นเต็มท้องฟ้าเปลี่ยนภาพข้างหน้าของเขาเป็นสีขาว

เปลวไฟโหมครอบคลุมเรือโจมตีเร็วของพวกเขาไว้สองสามลำ!

หน้าของฝูตงคูเขียวคล้ำทันที  พลังระเบิดไม่มีผลอะไรต่อเรือรบของเขา แต่เรือล้อมโจมตีที่สภาพอ่อนแอได้รับความเสียหายหนัก

แย่แล้ว!

กองเรือทั้งหมดเดินหน้าเต็มความเร็วและเหมือนกับธนูที่พุ่งออกไป กองเรือเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่กลุ่มวังวนพลังงานซ่อนเร้นที่จิ่งหาววางดักไว้

ฝูตงคูไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้  แต่เขาก็มีประสบการณ์และความรู้  และรู้ว่าสายเกินไปแล้วที่จะชะลอความเร็ว พวกเขาได้แต่รวบรวมกำลังที่ยังเหลืออยู่ของพวกเขาและหนีออกไปจากพื้นที่อันตราย

“เดินหน้าเต็มพิกัด!”

ฝูตงคูตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งกองเรือ  เรือรบและเรือโจมตีทั้งหมดฝืนเดินหน้าต่อ

ปังปัง ปัง!

ยังเกิดการระเบิดที่เรือรบล้อมตีต่อไป แสงสะท้อนของระเบิดฉายต้องใบหน้าเขียวคล้ำของฝูตงคู  เขาโกรธเต็มที่

เมื่อระเบิดหยุด ก็หมายความว่าพวกเขาวิ่งออกมาจากอันตรายของกลุ่มวังวนพลังงานซ่อนเร้นแล้ว

“รายงานการบาดเจ็บล้มตายด้วย”  ฝูตงคูกัดฟันกล่าว

“เราเหลือเรือรบล้อมโจมตีหกลำ  เรือที่เหลือที่ผิวเรือได้รับความเสียหายในระดับแตกต่างกันไป” บริวารคนหนึ่งรายงานด้วยเสียงสั่นสะท้าน

ปัง!

หมัดของฝูตงคูกระแทกลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ เขานำเรือรบล้อมโจมตีมายี่สิบลำซึ่งเป็นไพ่สำคัญที่สุดในการทำลายทวีปซางโจว  แต่ใครจะรู้กันก่อนที่พวกเขาจะทันได้ไปถึงทวีปซางโจว พวกเขากลับสูญเสียไปแทบทุกอย่าง

โธ่เว้ย!

“มีคนอยู่ที่นั่น!”  บริวารคนหนึ่งร้องออกมา

ฝูตงคูเงยหน้าขึ้นมองทันทีและต้องตกใจขนลุกไปทั้งตัว

ภายในเงาของทะเลพลังงาน มีจอมกระบี่ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งดูเหมือนจะตระหนักถึงการจ้องมองของเขา กำลังควงกระบี่ในมือชี้ตรงมาที่เขาแต่ไกล  ปลายกระบี่ฟันลงผ่านความว่างเปล่า

หน้าเขียวของฝูตงคูดำคล้ำทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด