ตอนที่แล้วบทที่ 8 - กลืนกินโลหะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 - ฐานบำเพ็ญเพียรพุ่งทะยาน

บทที่ 9 - ข้าคือลูกค้ากิตติมศักดิ์


บทที่ 9 - ข้าคือลูกค้ากิตติมศักดิ์

ใกล้พลบค่ำ

หยางซือเล่ย กับลูกสาวปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าสภาหอการค้าจินไห่

แหงนมองสภาหอการค้าอันยิ่งใหญ่ตั้งตระหง่านเบื้องหน้า หยางซือเล่ยตกใจเล็กน้อย

คาดไม่ถึงว่าแค่โรงประมูลจะมีขนาดใหญ่เช่นนี้

และเนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่ชั้นสูง จำเป็นต้องใช้บัตรสมาชิกในการเข้าชม คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่จึงมีแต่ตระกูลสูงศักดิ์และผู้มีชื่อเสียง

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการจราจรของผู้คนถึงไม่หนาแน่นเกินไป

จากความทรงจำ หยางซือเล่ยรู้ว่าเจ้าของร่างเดิมเคยอยากเข้าไปในสภาหอการค้าจินไห่เพื่อเยี่ยมชม แต่เนื่องจากไม่มีบัตรสมาชิก จึงถูกคนเฝ้าประตูขับไล่ สร้างความอัปยศ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว ฮี่ ฮี่ ...

“หยุด!”

ในตอนนั้นเอง คนเฝ้าประตูเห็นหยางซือเล่ยต้องการเดินเข้าไป เขาพุ่งเข้ามาขวางทันที

“เจ้าหนู ไม่ใช่ว่าครั้งก่อนข้าบอกเจ้าแล้วหรือ? สภาหอการค้าจินไห่เป็นสถานที่ชั้นสูง มิใช่ที่ๆนักพนันห่วยแตกเช่นเจ้าจะเข้าไปได้!”

คนเฝ้าประตูมองไปหยางซือเล่ยอย่างดูถูกเหยียดหยาม เชิดหน้าตะโกนฮึกเหิม “ไปให้พ้นจากที่นี่ อย่าทำให้พื้นของสภาหอการค้าจินไห่ต้องสกปรก!”

สำหรับคนเช่นนี้ หยางซือเล่ยคร้านจะสนใจ ไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระ เขาหยิบบัตรกิตติมศักดิ์ที่เฉินซีมอบให้ขึ้นมา

“หือ? นี่มัน ... บัตรกิตติมศักดิ์!”

เห็นบัตรกิตติมศักดิ์สีทองแวววาวในมือหยางซือเล่ย คนเฝ้าประตูดวงตาเบิกกว้าง

บนบัตรใบนี้ มีตรากิตติมศักดิ์ที่ออกโดยสภาหอการค้าจินไห่ หมายความว่ามันคือของจริง!

‘คนฉาวโฉ่ผู้นี้กลายเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของสภาหอการค้าจินไห่ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’

คนเฝ้าประตูตัวแข็งทื่อ ในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

มีกฎในสภาหอการค้าจินไห่ ใครก็ตามที่มีบัตรสมาชิก ทุกคนสามารถเข้าได้ตามต้องการ

ยิ่งเป็นบัตรกิตติมศักดิ์ที่สูงกว่าสมาชิกทั่วไป ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง

มันคือสิ่งที่บุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองไม่กี่คนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติได้รับ!

แต่พอคิดถึงเรื่องนี้ สายตาของคนเฝ้าประตูกลับมองหยางซือเล่ยอย่างประหลาด เขาเอ่ยถาม “เจ้าคงไม่ได้ขโมยบัตรกิตติมศักดิ์นั่นมาหรอกนะใช่ไหม?”

ได้ยินแบบนั้น หยางซือเล่ยขมวดคิ้ว กำลังจะพูดอะไรซักอย่าง แต่เห็นร่างที่คุ้นเคยเดินผ่านประตูอาคารออกมาพอดี

เป็นเฉินซี

“น้องชายหยาง?”

เวลานี้ เฉินซีก็สังเกตเห็นหยางซือเล่ยเช่นกัน ร่องรอยของความประหลาดใจสะท้อนในแววตา “เจ้ามาแล้ว? เหตุใดยังยืนอยู่หน้าประตู? เข้ามาเร็ว!”

หาาา?

น้องชายหยาง?

คนเฝ้าประตูผงะ

ผู้ประเมินค่าสมบัติอันดับต้น ๆ ของสภาหอการค้าจินไห่ กลับยอมเรียกหยางซือเล่ยว่าน้องชายอย่างกรุณา ได้อย่างไรกัน!?

แต่ระหว่างคิดหาคำตอบถึงเรื่องนี้ คนเฝ้าประตูรู้สึกว่าเริ่มมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผาก

หยางซือเล่ยกวาดสายตามองคนเฝ้าประตู เอ่ยอย่างเฉยเมย “ตอนนี้ข้ามีคุณสมบัติเข้าไปแล้วหรือยัง?”

ได้ยินแบบนี้ เฉินซีเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น สายตาจับจ้องไปยังคนเฝ้าประตูอย่างโกรธเกรี้ยว

“ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง นายน้อยหยาง เชิญท่านเข้ามาข้างในก่อน”

คนเฝ้าประตูตัวแข็งทื่อ รีบโค้งคำนับหยางซือเล่ยและพูดว่า “ผู้น้อยมีตาแต่ไม่เห็นไท่ซาน ขอนายน้อยหยางโปรดยกโทษให้ด้วย”

ใบหน้าของหยางซือเล่ยสงบ อุ้มลูกสาวเดินตรงเข้าประตูสภาหอการค้าจินไห่

“น้องชายหยาง นี่ลูกสาวเจ้า? นางมีดวงตากลมโต ช่างน่ารักน่าชัง”

เฉินซีมองไปที่หยางเฉินเฉินซึ่งถูกหยางซือเล่ยอุ้มไว้ เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ใช่แล้ว” หยางซือเล่ยพยักหน้าอย่างเฉยเมย แต่ไม่พูดอะไรต่ออีก

ในสถานที่แบบนี้ที่มีทั้งคนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน เขาต้องตื่นตัวตลอดเวลา มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง

‘หยางซือเล่ยผู้นี้ ดูเหมือนจะแตกต่างจากข่าวลือ’

ดวงตาของเฉินซีแคบลงเล็กน้อย มองแผ่นหลังที่ตั้งตรงของหยางซือเล่ย ร่องรอยของความประหลาดใจฉายในแววตาเขา

หลังจากที่ออกจากร้านอาวุธไปก่อนหน้านี้ เขาจงใจไปตรวจสอบข้อมูลของหยางซือเล่ย

และพบว่าอีกฝ่ายเป็นทายาทสายตรงของตระกูลหยาง เดิมมีอนาคตสดใส แต่เกิดจากความประพฤติชั่ว สุดท้ายแพ้ภัยตัว ทำให้ผู้อาวุโสในตระกูลไม่พอใจ จึงถูกส่งมายังเมืองชิงหยาง

ผิวเผินคล้ายแยกออกมาทำงานให้ตระกูล แต่ความจริงคือโดนขับไล่ โดนตัดหางปล่อยวัด

แต่ตอนนี้ เฉินซีรู้สึกว่าหยางซือเล่ยไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขาลือกัน อีกฝ่ายสงบ สำรวม และตื่นตัว จากการได้พูดคุยกันสั้นๆ นี่คือความประทับใจแรกของเฉินซีที่มีต่อหยางซือเล่ย