ตอนที่แล้วตอนที่ 651 รวมพลังอสูรสู้ประชิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 653 ไว้สู้กันใหม่

ตอนที่ 652 กาทองสามขา


“ไม่มีอีกหรือ?”

แน่นอนว่าเย่ว์หยางยังมีอสูรรบอื่นอีกอย่างเช่นนางพญาดอกหนามมงกุฏทองและมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง

อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางไม่ต้องการเปิดเผยอะไรอีกต่อไป

นอกจากนี้สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงยังได้รับพลังตกทอดจากเทพมังกรทองนางยังอยู่ในช่วงเวลาพักฟื้น และไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมกับการปลุกนางมาร่วมต่อสู้ นางพญาดอกหนามมงกุฎทองอยู่ในช่วงของการพักจากการย่อยยอดฝีมือจากแดนสวรรค์ ดังนั้นเย่ว์หยางจึงไม่ปลุกนางขึ้นมาเว้นแต่จำเป็นต้องทำ

“เจ้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ตอนนี้ไหม? เจ้าดูไม่เหมือนคนที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ”  อีกาค่อนข้างมั่นใจว่าแม้เย่ว์หยางยังมีอสูรเทพเด็กที่ยังไม่เคลื่อนไหว แต่มันก็มีอสูรพิทักษ์ที่ทรงพลังที่ยังไม่ได้เรียกออกมา  ผู้ชนะยังไงก็ยังเป็นอีกาอยู่ดี

“ข้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆหรอก  เจ้าได้เปรียบข้าง่ายๆ  แค่เพราะข้าใช้กลยุทธไม่เหมาะสม”  เย่ว์หยางตอบอย่างเชื่อมั่น

หลังจากเขาไตร่ตรองแล้วเขาพบวิธีตอบโต้

เขาตัดสินใจปรึกษากับเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน

มนุษย์กระดูก อีกาและสตรีล่องหนพากันสงสัย เด็กพวกนี้จะมีวิธีอะไรพลิกสถานการณ์?  อสูรรบของเขาถูกไล่ต้อนเสียเปรียบและสมบัติของเขาไม่ได้ใช้ เขาจะใช้วิธีอะไรอื่นได้

เย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสียองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเจ้าเมืองโล่วฮัวและนางเซียนหงส์ฟ้าทุกคนรวมตัวกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยไม่พูดแม้แต่คำเดียว  มนุษย์โครงกระดูกและอีกาปากอ้าค้างแทบจะร่วงลงกับพื้นหรือว่าจะใช้ได้จริงๆ?   แลกความคิดเห็นโดยแค่มองตากัน ไม่ต้องพูดกันหรือส่งเสียงดังนั่นจะไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยหรือ?

ถ้าสองคนทำเช่นนี้ได้  นั่นก็คงไม่กระไรนัก

แต่พวกเขามีกันห้าคนและห้าคนนั้นมีความคิดเดียวกันนั่นหมายความว่ายังไง?

สตรีล่องหนเก็บความรู้สึกไว้ครึ่งค่อนวัน  แต่นางไม่รู้สึกอะไร  นางร้องออกมาทันที  “เจ้ากระดูก เจ้านกแห้ง พวกเจ้ารู้สึกหงุดหงิดบ้างหรือเปล่า? ข้าไม่ได้ยินอะไรเลย เด็กพวกนี้แปลกประหลาดนัก พวกเขาติดต่อกันได้โดยไม่ต้องใช้เสียงเลย!”

“เจ้ามีพรสวรรค์ในการฟังแม้แต่เจ้ายังไม่ได้ยินอะไร แล้วเราจะรู้ได้ยังไง”  บุรุษโครงกระดูกรู้สึกทึ่งและเหงื่อตก

“แปลกจริงๆ”สีหน้าของอีกาเคร่งเครียดมากขึ้น รู้สึกเหมือนการต่อสู้จริงจะเริ่มอย่างเป็นทางการ

“ฮะฮะ!”  เย่ว์ปิงลอบสุขใจ

สิ่งที่ทุกคนกลัวก็คือทักษะแฝงเร้นพิเศษของศัตรู

เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียเตือนทุกคนก่อนจะเข้ามาในเจดีย์ดำว่าพวกเขาไม่ควรใช้ความคิดเพื่อส่งเสียง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งข้อมูลสำคัญ

เย่ว์ปิงกลัวว่าบทสนทนาทางวิญญาณของนางกับพี่ชายจะถูกศัตรูจับได้นางไม่กล้าพูดกับพี่ชาย และไม่กล้าใช้การสื่อสารใจกระจกกับอี้หนาน  เสวี่ยอู๋เสียและพี่ชายนาง  เมื่อนางเห็นท่าทีกดดันบนสีหน้าของศัตรูนางรู้ได้ว่าศัตรูมีทักษะแฝงเร้นในการดักฟังการสื่อสารทางใจของพวกเขา แต่น่าเสียดายสิ่งที่ศัตรูไม่รู้ก็คือพี่ชายของนางมีความคิดพิเศษสื่อสารผ่านทางสายตา

นี่คือทักษะพิเศษที่ใครๆก็ทำได้โดยฝึกผสานความเข้าใจกันและกันในระดับที่สูงได้  นี่คือทักษะเฉพาะที่พี่ชายนางสร้างขึ้น

ไม่มีใครทำได้หรือแอบดักฟัง

เมื่อเห็นสีหน้าขำขันของเย่ว์ปิง มนุษย์กระดูกและอีกาชักจะรู้สึกกดดันมากขึ้น  จากการสนองตอบของพวกสาวๆ  พวกเขาสามารถบอกได้จากสายตาว่าเจ้านั่นได้ส่งข้อมูลสำคัญโดยไม่ต้องแสดงออกมา

เจ้าเด็กนี่ทำได้อย่างไร?

“มือของพวกเขาจับอยู่ด้วยกัน  นั่นเป็นการปลอบโยนกันเองไม่ใช่หรือ  เป็นวิธีสื่อสารด้วยพลังงานและความคิด  เราสามารถบอกได้ว่าใครกำลังจะพูดจากดวงตาพวกเขาและพวกเขาไม่ได้ใช้ดวงตาสื่อสาร” สตรีล่องหนเป็นปีศาจชราที่มีชีวิตมาเป็นหมื่นปี  ดังนั้นนางจึงจับเค้าได้เล็กน้อย  อย่างไรก็ตามเป็นแต่เพียงว่าพวกเขาเข้าใจหลักการสื่อสาร แต่พวกเขาไม่สามารถจับข้อมูลอะไรได้

“หรือว่านี่คือทักษะแฝงเร้นของเขา?”  ร่างกระดูกสันนิษฐาน

“ก็เป็นไปได้” อีกาพยักหน้าเห็นด้วย

เย่ว์หวี่ เย่ว์ปิงอี้หนาน มารเคราะห์ฟ้าและไห่อิงอู่ไม่ได้ร่วมพูดคุยด้วย ประการแรกความเข้าใจของพวกนางยังไม่ดีเท่าเสวี่ยอู๋เสียและมารเคราะห์ฟ้าไม่เคยฝึกเคล็ดเรื่องนี้มาก่อน  ประการที่สองพวกนางไม่ถนัดเรื่องวางแผนสู้รบ  บรรดาสตรีสองสามคนเสวี่ยอู๋เสียและนางเซียนหงส์ฟ้าเชี่ยวชาญกลยุทธสำคัญที่สุด ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวมักจะมีความคิดสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยม  มีทั้งสี่นางอยู่แล้ว เย่ว์หวี่และสาวๆที่เหลือไม่ต้องกังวลใจ

จากการสื่อสารทางสายตาของทั้งห้าคนใครๆ ก็สามารถบอกได้ว่าเย่ว์หยางเป็นคนพูดหลัก

อีกสี่นางกำลังฟัง

บางครั้งเสวี่ยอู๋เสียตั้งข้อสงสัย

บางครั้งก็เป็นเจ้าเมืองโล่วฮัวและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูด  ขณะที่นางเซียนหงส์ฟ้าส่ายศีรษะปฏิเสธในช่วงเวลาสั้นๆ นี่คือการอภิปรายที่ร้อนแรงแต่เงียบ

หรือว่าทั้งห้าจะมีความคิดดีๆขึ้นมาจริงๆ?

เย่ว์ปิงและเย่หวี่ไม่ได้มีส่วนร่วมสนทนา

แต่พวกนางเชื่อมั่น

เขาทำได้!

เขาคือคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้เป็นผู้เยาว์ที่ทรงพลังที่สุดและไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน

การพูดคุยได้บทสรุปโดยเร็ว  และสตรีทั้งสี่พยักหน้าให้กัน  และจากนั้นเย่ว์หยางเริ่มลงมือ

เสี่ยวเหวินหลีที่ได้รับแบ่งปันความคิดขณะที่เย่ว์หยางยืนขึ้นแล้ว

เธอเรียกคัมภีร์เพชรออกมาและมนุษย์กระดูกและอีกาเมื่อเห็นเช่นนั้นถึงกับอ้าปากค้าง พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าอสูรเทพจะมีคัมภีร์เพชร  เจ้าเด็กนี่มีอสูรพิทักษ์อย่างนี้ได้ยังไง?  ในความรู้สึกของพวกเขา ปีศาจอสรพิษน้อยนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่อสูรเทพธรรมดาแต่ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือเสี่ยวเหวินหลีเรียกเมดูซาศิลา นางเงือกวายุนาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็ง มนุษย์โครงกระดูกและอีกาแทบกระอักเลือด พวกเขาพูดไม่ออกอย่างสิ้นเชิง เจ้าเด็กนี่นับเป็นตัวประหลาดจริงๆ ไม่เพียงแต่เขามีอสูรพิทักษ์มากมายเท่านั้นแต่ปีศาจอสรพิษน้อยก็ยังมีอสูรพิทักษ์ถึงสี่ตน

“มาสู้กัน!”เย่ว์หยางเรียกอสูรทองน้อยและโยนมันให้เสี่ยวเหวินหลีในพื้นที่นี้ภายใต้กฎสวรรค์ห้ามใช้วิทยายุทธและห้ามสู้รบ เสี่ยวเหวินหลีไม่สามารถใช้ดาบคู่ของเธอได้  อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางเตรียมการให้เธอแล้ว

“อสูรศักดิ์สิทธิ์ทงเทียนในสภาพตัวอ่อนมังกร?” มนุษย์กระดูกอ้าปากค้างอีกครั้ง

“เจ้ามีอสูรอยู่กี่ตัวกันแน่เด็กน้อย?”  อีกาแทบเป็นลม  ทุกคนพูดว่าตนเองมีอสูรมากมายที่สุดพวกเขาจะรู้ได้ยังไงว่ามีคนที่มีมากกว่า!

“ไม่มี ไม่มีอีกแล้ว”  เย่ว์หยางตีสีหน้าเหมือนกับว่า “ข้าไม่มีอสูรรบอื่นอีกแล้วแต่ข้าจะไม่บอกเจ้าเรื่องนั้น” เมื่อเห็นเช่นนี้อีกาอยากจะเอาหัวโขกกับกำแพงนัก  เจ้าเด็กพวกนี้เป็นใครกันแน่  อายุยังน้อย แต่ก็ทรงพลังนัก? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าเด็กนี่เติบโตก้าวหน้าขึ้น  บางทีแม้แต่แดนสวรรค์ก็คงไม่สามารถหยุดเขาได้

เสี่ยวเหวินหลีรับดาบอสูรทงเทียนร่างแปลงของอสูรทองน้อยไว้และชูดาบขึ้นท้องฟ้า

นางเงือกวายุถอยหลังราวกับว่านางเตรียมจะออกจากสมรภูมิ

เมื่อนางถอยออกไปสิบกิโลเมตรนางเรียกสังข์วายุออกมา การเรียกพายุตามกฎต้องห้ามที่นี่ จะห้ามอาวุธที่รุกรานทั้งหมด อย่างไรก็ตามสมบัติบางอย่างที่ดูเหมือนไม่ใช่อาวุธรุกรานจะมีโอกาสอยู่บ้าง  ตัวอย่างเช่นแก้วผลึกที่เสี่ยวเหวินหลีใช้ผนึกก่อนหน้านั้นก็มีประโยชน์  ดังนั้นนางเงือกวายุจึงใช้สังข์วายุได้

นางไม่ได้ใช้พายุที่สังข์วายุเรียกสำหรับโจมตีศัตรู  แต่เหมือนกับเรียกพายุฝนตามปกติ

ฝนปริมาณมากตกลงราดรดทะเลพุ่มเพลิงข้างล่างเกิดเสียงซี่ๆ.. พร้อมทั้งไอน้ำระเหย

นัยน์ตาของอีกาเปลี่ยน

แม้ว่าพายุจะไม่ได้มีเป้าหมายกับใครแต่น้ำฝนปริมาณมากก็เพียงพอทำให้พุ่มเพลิงใช้งานไม่ได้  พุ่มเพลิงไม่ได้กลัวไฟ ไม่กลัวพลังงานระเบิดไม่กลัวถูกมีดตัด แต่มันกลัวน้ำ

นางเงือกวายุเป็นเหมือนพิษสำหรับพุ่มเพลิง  ฝนตกหนักขึ้นๆลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็วและพื้นที่ราบกว้างใหญ่ไม่สามารถรวมกระแสน้ำได้  น้ำหลากกระจายไปทุกทิศทาง  แต่ด้วยความช่วยเหลือของเมดูซาศิลานาคาสายฟ้าและอสรพิษน้ำแข็งฝนรวมตัวกันเป็นพื้นทะเลสาบขนาดใหญ่และถูกกวาดไปทางพุ่มเพลิง

อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบเกิดมีกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่

ปีศาจอสรพิษน้ำแข็งชี้ขึ้นไปบนฟ้าและอุณหภูมิลดลงอย่างกะทันหัน จ้าวปลาดุกที่อ้าปากเตรียมกลืนทะเลสาบลงท้องของมันปากของมันเต็มไปด้วยน้ำแข็ง  จากนั้นมันจึงหุบปากลง

และจากนั้นเมื่อมันอ้าปากมันต้องการจะกลืนน้ำ

นางเงือกวายุที่สามารถควบคุมน้ำทำให้น้ำมากขึ้นเพื่อที่ว่าจ้าวปลาดุกจะไม่สามารถกลืนได้ง่าย นางแค่ทำให้แน่ใจว่าฝนตกจนน้ำมากเกินกว่าจ้าวปลาดุกจะกลืนได้หมดจ้าวปลาดุกซึมเซา หลังจากฝนตกหนัก มันต้องการจะกลืนน้ำ  แต่ล้มเหลว แม้ว่ามันจะกลืนน้ำได้ทั้งหมดแต่ฝนยังคงตกอยู่ตลอดเวลา

ไม่สำคัญว่าท้องของมันจะใหญ่เพียงไหน แต่มันจะกินน้ำขณะที่สังข์วายุยังเป่าอยู่ตลอดเวลาได้ยังไง?

สถานการณ์ในตอนนี้ไกลเกินกว่ามนุษย์กระดูกและสตรีล่องหนจะคาดคิดได้ เป็นไปได้ยังไงที่เด็กไม่กี่คนที่ยังไม่ถึงระดับนักสู้ปราณฟ้าถึงสู้ได้ขนาดนี้?  ถ้าอสูรของฝ่ายตรงข้ามอยู่ในแดนสวรรค์พวกเขาคงชนะไปแล้ว  พุ่มเพลิงและอสูรรบอื่นไม่สนับสนุนกันเองถ้าไม่มีพลังระดับสูงที่แข็งแกร่ง

“ข้าควรจะสู้ต่อไหม?”  อีกาถามสหายของเขา  มันยังมีอสูรพิทักษ์ที่ทรงพลังมาก  เมื่อเรียกออกมา มันอาจพลิกสถานการณ์ได้ แต่ปัญหาก็คือมันไม่ได้สร้างเกียรติให้กับผู้ชนะเลย มันฝึกฝนมาเป็นหมื่นปีและถ้ามันรังแกเด็กสองสามคน ก็รู้สึกเป็นเรื่องที่เกินเลยไปหน่อย

“หยุดเลย”  สตรีล่องหนรู้สึกว่าอีกาไม่สู้จะดีกว่าเพราะชนะไปก็ไร้ความหมาย

“อืม..ก็ดีเหมือนกัน” มนุษย์กระดูกเอากระดูกนิ้วเกาหัวกะโหลกและพยักหน้าหลังจากคิดแล้ว

“แล้วจะสู้ต่อดีหรือไม่?”  อีกาสับสนจริงๆ  ทำไมพวกเขามีคำตอบตรงกันข้ามสองคำตอบ?  คนหนึ่งบอกว่าไม่  คนหนึ่งบอกว่าได้ แล้วเขาจะทำตามใคร?  เขาต้องการสู้ แต่ใครจะฟังกันเล่า?  เขามองดูปีศาจอสรพิษน้อยกับดาบอสูรทงเทียนในมือเธอ  และรู้สึกกระตือรือร้นอยากจะสู้ขึ้นมาบ้าง  มันไม่ได้สู้กับฝ่ายตรงข้ามมาเป็นหมื่นปีแล้ววันนี้มีโอกาส ถ้ามันไม่ลงมือเคลื่อนไหว มันคงต้องเสียใจกับกระดูกผุกร่อนของมัน

ในที่สุดมันก็ตัดสินใจ

สู้โว้ย!

ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นลูกหลานใครไม่สำคัญว่าเขาจะนำความยุ่งยากใดมาให้ ขอให้สนุกกับการต่อสู้ก่อน

มันกางปีกและเรียกคัมภีร์แพลตตินัมออกมา

ทุกคนรวมทั้งเย่ว์หยางรู้สึกแรงกดดันเพิ่มขึ้นในท้องฟ้อง  มันสว่างแพรวพราวมากกว่าดวงอาทิตย์และแรงกล้ากว่าดวงอาทิตย์  แสงเหมือนกับธนูและรุนแรงมากจนพวกเขายากจะลืมตาได้

มีแต่เพียงแสงกดลงมาระหว่างสวรรค์และโลก

ในท่ามกลางแสง  มีเพียงเย่ว์หยางผู้ครอบครองตาทิพย์สามารถเห็นว่ามีสิ่งหนึ่งสว่างเหมือนดวงอาทิตย์

กาทอง  อสูรปราณฟ้าระดับห้า ไม่น่าจะเป็นระดับหก  “กาทองสามขา?” เย่ว์หยางที่ใจเย็นยังอดร้องไม่ได้เมื่อเขาเห็นอสูรรบตัวนี้  อสูรพิทักษ์ของกานี้ แข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด